**ตกลงแล้วลาออกด้วยเหตุผลส่วนตัว หรือมีผู้ใหญ่มาบอกให้ลาออก
ยืนยันได้ว่าเป็นการลาออกด้วยเหตุผลส่วนตัว ไม่มีใครมาบอกให้ออก ตอนคุยกับนายกฯตอนนั้นก็เป็นการคุยกันสองต่อสอง ซึ่งได้มีการวิเคราะห์การเมืองอะไรกันบ้าง เป็นเรื่องธรรมดา อีกทั้งผมพูดกับนายกฯมานานกว่า 2 เดือนแล้ว ว่า สถานการณ์การเมืองมันจะเป็นอย่างไรต่อไป ผมไม่แข็งแกร่ง ไม่อดทนที่จะอยู่ในสถานการณ์ซึ่ง 6 เดือนก็ยังไม่มีเลือกตั้ง และงานนโยบายก็ยังไม่มี เพราะถ้ามีงานนโยบาย ผมทิ้งไปผมก็จะเสียหาย ผมผ่านยุบสภามา 6-7 ครั้ง เห็นว่าข้าราชการประจำเขาอยู่กันได้ ซึ่งการที่รัฐบาลอยู่ 2-3 เดือนนั้น เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่นี่ 6-7 เดือนที่อยู่นี่ ไม่เห็นอนาคตว่าจะแค่นี้จริงหรือไม่ ผมยังนึกว่าเลือกตั้งเสร็จ 2 เมษายน 2549 ผมคงออกไปนานแล้ว แต่นี่มาถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าจะมีเลือกตั้งหรือไม่ และไม่รู้ว่ารัฐบาลจะมีหรือไม่ แล้วจะให้ผมนั่งอยู่อย่างนี้หรือ อีกทั้งในรัฐบาลหน้า ผมก็อยากจะถอนตัวอยู่แล้วเพื่อไปทำอย่างอื่น
สำหรับใบลาออกของผมนั้นลงวันที่ไว้เรียบร้อย การลาออกของรองนายกฯนั้นจะต้องมีใบลา และต้องลงวันที่ มีการนำขึ้นกราบบังคมทูล โดยผมยื่นไปล่วงหน้าหลายวันและระบุชัดเจนว่า "ลาออก" เป็นการเขียนด้วยลายมือ แต่สุดท้ายก็มาขอให้พิมพ์ ผมก็พิมพ์ใบลาออกไป และมีผลวันที่ 24 มิถุนยน ไม่ผิดตามที่นายกฯพูดนั้น และก่อนลาออกผมได้พูดคุยกับหลายคน ไม่ใช่ว่าเพิ่งจะตัดสินใจ เพราะตัดสินใจมานานกว่า 2 เดือนแล้ว เพียงแต่รอให้งานเสร็จ เนื่องจากผมเป็นประธานการจัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ และยังต้องเข้าเฝ้ารับส่งราชวงศ์ต่างประเทศในช่วงงานพระราชพิธีด้วย หากผมออกไปในตอนนั้น คงถูกด่าไล่หลังว่า ไม่ปฏิบัติหน้าที่ให้เรียบร้อย และเรื่องสุดท้าย ต้องเคลียร์งานช่วงก่อนตามที่ได้ให้ข่าวไปคือ เรื่องนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ ซึ่งผมเป็นประธาน สุดท้ายก็เรียบร้อย และได้เปลี่ยนให้ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นคนดูแลต่อไป
มติชน
แม้ว นั่งเทียนเต้าข่าว !
( เดี๋ยวจับส่งให้คนฟ้าผ่า พิสูจน์ซะเลย
)