วันนี้ (3 ก.ค.) นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เรียกประชุมของคณะกรรมการบริหารสัญญาการจัดซื้อรถดับเพลิงของ กทม. โดยนายอภิรักษ์ เปิดเผยผลการประชุมว่า ที่ประชุมมีข้อสรุปว่าเห็นควรให้ระงับการตรวจรับรถดับเพลิงดังกล่าวมูลค่า 6,700 ล้านบาท พร้อมเสนอความเป็นไปได้ให้ยกเลิกสัญญาที่ทำไว้กับบริษัท สไตร์เออร์ ไปยังกระทรวงมหาดไทย
ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า เหตุที่ต้องนำเรื่องส่งให้กระทรวงมหาดไทย เพราะเรื่องเกี่ยวเนื่องตั้งแต่การทำสัญญาการค้าต่างตอบแทน และงบประมาณที่ กทม.ใช้ได้รับการสนับสนุนจากทางกระทรวงร้อยละ 60 ซึ่งหนังสือจะส่งให้ถึงภายในวันนี้ พร้อมทั้งส่งหนังสืออย่างเป็นทางการไปยังกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อขอข้อมูลทั้งหมดประกอบการตัดสินใจ ว่าควรยุติการรับรถหรือไม่ และส่งหนังสืออีกฉบับไปให้บริษัท สไตเออร์ เพื่อบอกถึงเหตุที่ต้องระงับการตรวจรับออกไปก่อน
นายอภิรักษ์ กล่าวด้วยว่า ไม่อยากให้มองการระงับกล่าวเป็นการซื้อเวลา เพราะเรื่องนี้ต้องได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตาม จะสรุปผลความคืบหน้าทั้งหมดเข้าที่ประชุมคณะผู้บริหารในวันพรุ่งนี้ (4 ก.ค.) อีกครั้ง
ด้านนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงเรื่องนี้โดยกล่าวชื่นชมนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯ กทม. ว่าเป็นการตัดสินใจที่กล้าหาญในการรักษาผลประโยชน์ของชาว กทม. เนื่องจากโครงการดังกล่าวมีความผิดปกติหลายอย่าง ตนและพรรคประชาธิปัตย์ได้ตรวจสอบเรื่องนี้มา 2 ปี ตั้งแต่วันที่ 24 มิ.ย. 2547 เพื่อรักษาผลประโยชน์ให้กับประเทศชาติ และหลังจากนี้ตนและพรรคพร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับผู้ว่าฯ กทม. ในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น
รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนขอเสนอทางออกในเรื่องดังกล่าว 5 ข้อ คือ 1. กทม. จะต้องเปิดเจรจากับคู่สัญญา คือ บริษัท สไตเออร์ อย่างฉันมิตร เพราะในสัญญาซื้อขายรถดับเพลิงข้อ 13 ระบุไว้ว่า ในกรณีที่มีการโต้เถียงข้อขัดแย้งที่เกิดจากข้อตกลงนี้ คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายจะต้องพยายามเจรจาตกลงกัน โดยจะกระทำขึ้นในกรุงเวียนนาหรือกรุงเทพฯ ก็ได้ ซึ่ง กทม. ต้องชี้แจงให้ผู้ขายได้ทราบว่าผู้ขายค้าขายไม่เป็นธรรมกับ กทม. และประชาชนไทย เนื่องจากผู้ขายนำรถดับเพลิงที่ทำในประเทศไทยมาส่งให้ แทนที่จะมาจากออสเตรีย
นายยุทธพงศ์ กล่าวต่อว่า 2. กทม. จะต้องรีบส่งเรื่องดังกล่าวให้กระทรวงมหาดไทย ในฐานะที่เป็นผู้เซ็นสัญญาระหว่างประเทศ (เอโอยู) กับเอกอัครราชทูตออสเตรียประจำประเทศไทย เพื่อให้กระทรวงมหาดไทยตรวจสอบเรื่องนี้ผ่านกระทรวงต่างประเทศของไทยไปยังรัฐบาล ออสเตรียว่า รัฐบาลออสเตรียทราบเรื่องดังกล่าวหรือไม่ อย่างไร เพราะสไตเออร์เป็นบริษัทที่ถือหุ้น 100% โดยบริษัท เจนเนอรัล ไดนามิก ของประเทศสหรัฐฯ แต่กลับดำเนินการในนามรัฐบาล ออสเตรีย 3. กทม. ต้องรีบรายงานเรื่องนี้ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลงมาตรวจสอบเรื่องนี้ด้วยตนเองโดยด่วนที่สุด เพราะการซื้อขายครั้งนี้เป็นเรื่องความช่วยเหลือระหว่างรัฐบาลต่อรัฐบาล 4. กทม. ต้องรีบรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย และทูตพาณิชย์สหรัฐฯ ประจำประเทศไทย และ 5. กทม. จะต้องแจ้งเรื่องทั้งหมดให้บริษัท เจนเนอรัล ไดนามิก ที่สำนักงานใหญ่ในสหรัฐฯ ทราบโดยตรง และขอให้ช่วยสอบสวนด้วย
สำหรับกรณีที่นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย จะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบเรื่องดังกล่าวนั้น นายยุทธพงศ์กล่าวว่า ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะจะได้ช่วยนายอภิรักษ์ตรวจสอบว่า มีใครที่เกี่ยวข้องกับการอนุมัติจัดซื้อรถดับเพลิง ใครเป็นคนเสนอเรื่องเข้า ครม. นอกจากนี้ ตนขอตำหนินายสมัคร สุนทรเวช อดีตผู้ว่าฯ กทม. ที่เป็นผู้เซ็นสัญญาซื้อรถดับเพลิงทิ้งทวนในวันสุดท้ายของรักษาการผู้ว่าฯ กทม. และทำให้เกิดปัญหาจนถึงวันนี้ จึงขอให้นายสมัครออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อเรื่องที่เกิดขึ้นด้วย
http://www.thairath.co.th/online.php?section=newsthairathonline&content=11439สมัครเอ้ย มาแก้ตัวเรื่องนี้หน่อย อย่าไปกระแดะคุยเรื่องคนบารมีของทักษินเลย เอิ้กๆ