บทวิเคราะห์จากประชาชาติธุรกิจ เกี่ยวกับรัฐบาลสมชาย1 เนื้อหาเยอะดีครับ 
------------------------------------------------------------------------------------------------------
นับถอยหลัง ครม. "สมชาย1" "เนวิน" ฟื้นชีพ "กลุ่ม16" เอาคืน "เพื่อนยงยุทธ"http://www.matichon.co.th/prachachat/prachachat_detail.php?s_tag=02pol01290951&day=2008-09-29§ionid=0202สัญญาณอันตรายของรัฐบาล "สมชาย 1" เริ่มปรากฏชัดขึ้นทันทีที่ ครม.ทั้ง 35 คนถูกโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง
เค้าลางการประลองกำลังก็เกิดขึ้นที่ห้องประชุมสภาผู้แทนราษฎร
ทั้งการเตรียมอภิปรายนโยบายรัฐบาล และการขู่ล้มโหวตให้กับกฎหมายสำคัญ
เหตุการณ์ "ไม่เสถียร" ของรัฐบาลพรรคร่วม 6 พรรค กับอีก 1 "ก๊กเนวิน" นั้นมี "ที่เกิดเหตุ"
เพราะรายชื่อ ครม. "สมชาย 1" เกือบทั้ง 35 คน ต้องนำขึ้นลัดฟ้าไปอังกฤษ ก่อนนำกลับมาเข้าสู่กระบวนการ "ปกติ"
ไม่แตกต่างจาก "ครม.สมัคร" ตั้งแต่ปรับครั้งแรกถึงครั้งสุดท้าย ทั้ง 5 ครั้งล้วนต้องผ่านการ "เห็นชอบ"
จากผู้มีบารมีนอกพรรคที่อยู่นอกประเทศ
ต่างกันก็แต่เพียง "ผู้จัดการรัฐบาล" ที่ถูกเปลี่ยนจาก "แก๊งออฟโฟร์" เป็นกลุ่ม "เพื่อนยงยุทธ"
การจัดโผบัญชีรายชื่อคณะรัฐมนตรี จึงแปลกประหลาดมหัศจรรย์อย่างยิ่ง เชื่องช้าและยืดเยื้อ
เต็มไปด้วยการ "ต่อรอง" อย่างเข้มข้นแทบทุกรายชื่อ
แม้กระทั่ง นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ยังต้องถอดถอนใจ
แม้กระทั่งผู้มีบารมีระดับ นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ยังต้องคล้อยตามเสียงทุบโต๊ะจาก "เพื่อนยงยุทธ"
แม้กระทั่ง "หัวหน้าพรรค" สมัคร สุนทรเวช และ "เลขาธิการพรรค" น.พ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ยังไม่ได้มี
โอกาสแม้แต่จะแง้มโผดูรายชื่อว่าที่ รัฐมนตรี
การเจรจาต่อรองจึงเปลี่ยนสไตล์แบบ ถึงลูกถึงคน จาก "นักเลงอีสานใต้" กลายเป็น "นักสู้ภาคเหนือ"
ชื่อ นายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน จึงถูกคัดค้านข้ามขั้วโลก แล้วส่งสัญญาณให้
"คนเหนือ" ไปเดินสายตัดสัมพันธ์
ด้วยเหตุผลที่เด็ดเดี่ยว "เพราะสุวิทย์ถอนตัวทำให้รัฐบาลเคยแทบล้มทั้งยืนมาแล้ว" ดังนั้นจึงต้อง "ชำระแค้น"
เช่นเดียวกับชื่อของ "สันติ พร้อมพัฒน์" จึงยังเหนียวแน่นอยู่ที่ "กระทรวงคมนาคม" ตั้งแต่นาทีแรกถึงนาทีสุดท้าย
แต่กลุ่มก๊วนที่เคยมีอิทธิพลสูงในพรรคอย่างกลุ่ม "เพื่อนเนวิน" ต้องถึงคราว อัสดง
เมื่อเกิดการผนึกรวมควบแน่นกันระหว่าง "กลุ่มเพื่อนยงยุทธ" กับ เครือข่าย "วังบัวบาน" ของหลังบ้านนายกรัฐมนตรี
และการ "เอาคืน" จากกลุ่ม กทม.สาย "คุณหญิง"
เมื่อมนตร์ของ "เนวิน" เสื่อมคลายจาก "นายใหญ่-นายหญิง" ยิ่งทำให้บรรดาแกนนำและ "ศัตรูร่วม"
พุ่งตัวเข้าใกล้ชิดศูนย์กลางอำนาจได้มากขึ้น
เรื่องราวการแอบอ้างชื่อ "ทักษิณ" เป็นแบรนด์เพื่อเพิ่ม "มูลค่า" แล้วเก็บ "ค่านายหน้า" จากบรรดานายทุน
ผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการที่ถูก "ปิดลับ" มานาน ถูก "เปิดเผย" ในที่แจ้ง แสดงหลักฐานโชว์ "นายใหญ่"
การทำลายเครือข่าย "เพื่อนเนวิน" จึงสำเร็จลงด้วยการยึดเก้าอี้รัฐมนตรีคืน โดยใช้สูตรจำนวน ส.ส. 12 คนต่อ
รัฐมนตรี 1 ตำแหน่ง เป็น "หอกสนองคืน"
ประกาศิตของ "เจ๊แดง" แห่งค่าย วังบัวบานทำให้บรรดา ส.ส.ทั้งพรรค รวมทั้ง "เพื่อนเนวิน"
ทั้ง 73 คนถูกสลายขั้วเพียงชั่วข้ามคืน
เพราะบรรดา ส.ส.ที่แสวงหาอำนาจใหม่ต่างทยอยไปซุกซอกปีก "เพื่อน ยงยุทธ" และเจ้าแม่ "วังบัวบาน"
ชื่อ "สุพล ฟองงาม" จึงยังติดโผขึ้นแท่นเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายก รัฐมนตรี เพราะ "ลาออก" จากสังกัด "เพื่อนเนวิน"
เช่นเดียวกับ "ธีระชัย แสนแก้ว" ที่ยังติดกลุ่มเป็นรัฐมนตรีได้เพราะมี ส.ส.อยู่ในมือ เป็นของตัวเอง
ต่างจาก "ทรงศักดิ์ ทองศรี" ที่มีศักดิ์เป็น "ลูกพี่" ของ "เนวิน" และเป็น หัวหอกสนับสนุน "สมัคร" อย่างแข็งขัน
ต้องหลุดจากเก้าอี้อย่างกะทันหันแทบ ไม่คาดคิด
ก่อนนาทีสุดท้ายในกระบวนการ "ทูลเกล้าฯ" ชื่อของ "นายโสภณ ซารัมย์" ส.ส.แห่งบุรีรัมย์ จึงติดอยู่ในโผ
ในนามกลุ่ม "เพื่อนเนวิน" เข้าแทนที่ "ทรงศักดิ์" ในเก้าอี้ "รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม"
เพื่อสานต่อโครงการรถเมล์ปรับอากาศ 4,000 คันที่คั่งค้างให้ต่อเนื่อง
ส่วน "พงศกร อรรณพร" ที่ยังติดอยู่ในโควตา "เพื่อนเนวิน" ต้องถูกตัดชื่อทิ้ง ตั้งแต่รอบแรก
หากไม่นับชื่อ "นายธีระชัย" จำนวน 4 รัฐมนตรีในโควตา "เพื่อนเนวินแท้ๆ" หลุดรอดเข้าไปเป็นรัฐมนตรีได้เพียง "คนเดียว"
แม้ว่าก่อนจะจัดวางโผ ทั้ง 73 คน จะแน่นปึ้ก ไม่ว่าแกนนำจากกลุ่มไหน ก็เจาะไม่เข้า
จนกระทั่ง "เจ๊แดง" ต้องลงมือต่อรองกับ "เพื่อนเนวิน" ราวกับว่าเป็นพรรคร่วมรัฐบาล "พรรคที่ 7"
ความยิ่งใหญ่ที่เคยคับพรรคแทบ ไม่เหลือร่องรอย
หมดรอบอำนาจของ "เพื่อนเนวิน" และ "แก๊งออฟโฟร์" ในยุค "สมชาย 1" เหลือเพียงตำนานในพรรคพลังประชาชน
โควตารัฐมนตรีเกือบทั้ง 35 คน ส่วนใหญ่จึงมาจาก "โควตาภาค" เหนือ, อีสานใต้, อีสานเหนือ, ภาคกลาง และ กทม.
นอกจากนี้ยังมี "โควตากลาง" ที่บริหารจัดการโดย "เยาวภา-ยงยุทธ-พงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล" และเครือข่าย
ที่เหลือเป็น "โควตานายใหญ่- นายหญิง" ที่ส่งตรงจากอังกฤษ อาทิ ศรีเมือง เจริญศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
และ สงคราม เลิศกิจไพโรจน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์
การบริหารจัดการภายในพรรค พลังประชาชนถูกจัดระเบียบและวาง โครงสร้างอำนาจใหม่อีกครั้ง
เริ่มตั้งแต่มีการกำหนดบุคคลเข้ามา รับผิดชอบการรณรงค์หาเสียงในแต่ละ ภาคใหม่ทั้งหมด
กำหนดบุคคลเข้ามาเป็น "แกนนำ" ภาคอีสานคนใหม่ ทั้งอีสานเหนือและ อีสานใต้ ควบรวมกลุ่มอีสานพัฒนา
และกลุ่มความหวังใหม่เดิมเข้า สู่สารบบ
เช่นเดียวกับสัดส่วนภาคเหนือและ ภาคกลางได้มีการนำจำนวน ส.ส.มาวางระบบ จัดระเบียบการ "ขึ้นตรง" ใหม่
ประเดิมงานแรกด้วยการวัดกำลังระหว่างกลุ่ม "เพื่อนเนวิน" กับกลุ่ม ภาคกลางของ นายสรอรรถ กลิ่นประทุม
กลุ่มเหนือสายชากังราวในสังกัดของ นายวราเทพ รัตนากร ซึ่งเป็นกลุ่มที่ "อกหัก" จากเก้าอี้รัฐมนตรี
เพื่อปฏิบัติการ "เอาคืนกลุ่มเจ้าแม่ วังบัวบาน" และ "เพื่อนยงยุทธ"
โดยจะเริ่มชิมลางรุกรบแบบ "ไม้นวม" ในรัฐสภา ด้วยการร่วมวงอภิปรายในวันแถลง "นโยบายรัฐบาล"
แบบ "ติเพื่อก่อ" พอให้รู้ตัว เห็นหน้าว่า "ใครเป็นใคร" ในสังกัด การจัดขั้วใหม่
นอกจากนี้ยังมี "แผนพิมพ์เขียว" ที่จะวางบทบาทในการ "โหวต" กฎหมายสำคัญของรัฐบาลในอนาคตด้วย
เหตุการณ์ "สภาล่ม" คงมีปรากฏให้เห็นไม่เว้นแต่ละสัปดาห์
การเคลื่อนตัวเข้าหากันของกลุ่มดาวฤกษ์ ดาวแคระ และดาวเคราะห์ในสังกัด "เพื่อนเนวิน" เชื่อมโยงกับ
ดาวดวงอื่นใน "กลุ่ม 16 เก่า" ทั้งมวล ถือเป็น "สัญญาณร้าย" ที่ตั้งใจส่งถึง "เจ๊แดง" โดยตรง
สัญญาณอันตรายของรัฐบาล "สมชาย 1" เริ่มนับถอยหลังตั้งแต่วันแรก ที่รับตำแหน่งแล้ว
