ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
27-11-2024, 11:13
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  สรุปที่มาของ สส. ในการเมืองใหม่ ของ พธม. คร่าวๆ 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
สรุปที่มาของ สส. ในการเมืองใหม่ ของ พธม. คร่าวๆ  (อ่าน 3565 ครั้ง)
chaturant
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 499



« เมื่อ: 28-09-2008, 08:47 »

สรุปที่มาของ สส. ในการเมืองใหม่ คร่าวๆ

การเมืองใหม่คร่าวๆ ที่เสนอ โดย พธม. น่ะครับ    แยกนิติบัญญัติ - กับบริหาร
 

   1.ให้แยก นิติบัญญัติ - บริหารออกจากกัน แล้วให้ ฝ่ายบริหาร ปลอดจากการเมือง คือ ให้ ประชาชนได้เลือกผู้บริหารโดยตรง คือเลือกนายกโดยตรงเลย เหมือนกับการเลือก ผู้ว่า กทม. เลือก ผู้ว่าจังหวัด 
     
      เลือกนายกโดยตรง เพื่อให้นายกได้เป็นอิสระจาก สส. ไม่สามารถมาต่อรองเก้าอี้ รมต. ได้ และสามารถเลือกคนที่เหมาะกับกระทรวงต่างๆได้อย่างอิสระ ตัดปัญหา ระบบ โควต้า ผัว เป็นไม่ได้เอาเมียเป็นแทน

   2. เมื่อเลือก ผู้บริหารเสร็จให้ผ่านไปซัก 2-3 เดือน แล้วเรามาเลือก ตัวแทนปากเสียงของเราอีกที คือ 1. มาจากตัวแทนในพื้นที่ที่เราอยู่ 2. ตัวแทนมาจากสาขาอาชีพของเรา (ในรายละเอียดต้องคุยกันอีกเยอะ และถือมติสังคม) ทำหน้าที่ ตรวจสอบฝ่ายบริหาร และ ทำหน้าที่นิติบัญญัติ คือ พิจารณากฎหมายต่างๆ

   3. ห้าม สส. ดำรงตำแหน่ง รมต. วิธีนี้ จะทำให้ จัดการเรื่อง ระบบโควต้า ต่อรองเก้าอี้ ได้ และทำให้ นายก เลือก ครม. ได้อย่างอิสระ ปราศจากการเมือง แล้วอีกอย่างที่สำคัญ จะทำให้สิ่งที่จะมาจูงใจการซื้อเสียงน้อยลง เพราะลงทุนมากแต่ไม่สามารถเป็นรัฐมนตรีได้ เพราะฝ่ายบริหารจะเป็นผู้จัดตั้งกันเอง ขณะที่ฝ่ายนิติบัญญัติมีหน้าที่ออกกฎหมายเพียงอย่างเดียว
 
   4. ให้นักการเมืองที่เป็น ส.ส.ในพื้นที่ สังกัดพรรคการเมืองหรือไม่ก็ได้

   5. ตัวแทนประชาชนจากสาขาอาชีพต้องไม่สังกัดพรรคการเมืองอย่างเด็ดขาด (ในรายละเอียดสัดส่วนต้องคุยกันอีกเยอะน่ะครับ แต่ เลือกตั้ง 100 %)

   6. ประชาชนต้องมีส่วนร่วมในการตรวจสอบการทุจริตคอร์รัปชัน โดยสามารถถอดถอนนักการเมือง และฟ้องศาลได้โดยตรง ขณะที่คดีต้องไม่มีอายุความ

   7. .ต้องปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม อาทิ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) สำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) องค์กรอิสระ องค์กรสิทธิมนุษยชนไม่ให้มีการแทรกแซงจากฝ่ายการเมือง ให้เป็นอิสระห้ามการเมืองแทรกแซง และให้กระบวนการยุติธรรมต้องมีการกำหนดกรอบเวลาของคดีความนักการเมืองให้ชัดเจนและรวดเร็วขึ้น นอกจากนี้ อัยการต้องไม่เข้าไปเป็นกรรมการในหน่วยงานรัฐวิสาหกิจด้วย


    ถ้าทุกคนเห็นด้วย ตอนนี้โจทย์คือ เรื่อง สส. มาจาก สาขาอาชีพ จะกำหนดอย่างไร ของผมผมเสนอว่า แบ่ง อาชีพเป็นกลุ่มใหญ่ๆ แล้วก็แบ่งเป็นแต่ละภาคอาทิเช่น
 อาชีพเกษตรกร ภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคกลาง ภาคใต้
 อาชีพข้าราชการ  ภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคกลาง ภาคใต้
 อาชีพธุรกิจส่วนตัว ภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคกลาง ภาคใต้
 อาชีพรับจ้าง ภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคกลาง ภาคใต้


       ผมรวบรวมได้เท่านี้น่ะครับ ใครมีข้อเสนอหรือ รวบรวมได้มากกว่านี้ ก็มาเพิ่มมาน่ะครับ  แต่ผมว่า ที่สำคัญคือ ต้องแยกนิติบัญญัิติ ออกจากบริหาร ให้ ฝ่ายบริหารปลอดจากการเมือง  อันนี้ผมเห็นด้วยมาก

 
"สุริยะใส"เผยกรอบการเมืองใหม่ เลือกตั้งทั้งหมด โดยตรง-ตัวแทนสาขาอาชีพ
http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9510000111987

ระดมความคิดนักธุรกิจ นักวิชาการ ผ่าทางตันการเมืองไทย ให้หลุดวัฏจักรการเมืองน้ำเน่า
http://www.manager.co.th/mgrweekly/viewnews.aspx?newsID=9510000110685

“จำลอง” แย้มตุ๊กตาการเมืองใหม่ ปชช.เลือกกลุ่มอาชีพโดยตรง
http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9510000112156

http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9510000114371
“หมอประเวศ” ชี้ บ้านเมืองวุ่น เพราะ “เงิน” เป็นใหญ่ ฟันธง ครม.ใหม่เป็นง่อยเหตุรับใบสั่งจากลอนดอน 

http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9510000114424
สิ้นหวัง ครม.สมชาย 1 “พิษณุ นิลกลัด” ร้องระดมสมองปฏิรูปการเมือง


http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9510000114310
“การเมืองเก่าเน่าหนอนชอนไช การเมืองใหม่อารยะประชาธิปไตย” / ประเวศ วะสี

http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9510000114729
ผลการหาลือล่าสุด
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-10-2008, 01:31 โดย chaturant » บันทึกการเข้า
NoomZ
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 64


« ตอบ #1 เมื่อ: 28-09-2008, 11:49 »

ประเด็น เลือกนายกโดนตรง เห็นด้วย แต่กลัวบางคนจะโจมตีว่าเป็นแบบประธานาธิบดีอีก
แยกอำนาจนิติบัญญัติ บริหาร เห็นด้วย แต่ควรแยกตุลาการด้วย ไม่งั้นจะไม่ถ่วงดุลอำนาจกัน ตุลาการควรมีหน้าที่ตัดสินคดีเพียงอย่างเดียว ถึงจะทำให้น่าเชื่อถือ ไม่ควรมีอำนาจเสนอกฎหมาย ไม่ควรไปเป็น สมาชิกสภานู่น สภานี่  ยกเว้นจะเป็นอดีตตุลาการคือ ออกจากการเป็นตุลาการแล้ว ไม่ใช่เข้าๆออกๆ

การเลือกนายกโดยตรง จะทำให้ระบบโควตาสลายไป เพราะ นายกไม่จำเป็นต้องคอยเอาใจกลุ่ม สส เพื่อหาเสียงสนับสนุนให้ตนเป็นนายก

ส่วนเรื่องตัวแทนอาชีพ ปัญหาคือ ถ้ามีกลุ่มคนคอยคัดว่า ใครจะสามารถเป็นผู้สมัคร สส ได้ จะเกิดการวิ่งเต้นทันที และมีการแบ่งแยก ถ้าใครเป็นพวกเดียวกับกรรมการ หรือ ความคิดตรงกัน ก็จะได้รับการเลือก ส่วนใครไม่ใช่พวกเดียวกับกรรมการก็ไม่ได้รับการคัดเลือก
ดังนั้น ไม่ควรให้มีการคัดเลือกแบบนี้

ควรให้ อาชีพต่างๆสมัครได้โดยอิสระ ไม่ต้องมีคนคอยคัดสรร เพื่อป้องกันการผูกขาด
เช่น อาชีพชาวนา ชาวนาคนใดอยากสมัครก็สมัครได้เลย แค่ตรวจสอบว่าเป็นชาวนาจริงหรือไม่ก็พอ
บันทึกการเข้า
1ktip
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,457



« ตอบ #2 เมื่อ: 28-09-2008, 12:10 »

เลือกตั้งโดยตรง ประเทศเราก็ทำมาตั้งนานแล้วนะครับ ผู้ว่า กทม. นี่ไง แยกอำนาจระหว่าง ผู้ว่าฯ และทีมงาน กับ สก.

แต่พอเป็นการเมืองระดับชาติ กลับเป็นอีกรูปแบบ เพื่อความสะดวกในการแย่งเก้าอี้
บันทึกการเข้า
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #3 เมื่อ: 28-09-2008, 12:23 »

ตั้งคำถามให้คิดกันเล่นๆ นะครับ...

ถ้าเลือกตั้งนายกฯโดยตรง แล้วคุณทักษิณส่งคนมาลงเลือกตั้ง
เกิดชนะเลือกตั้งได้เป็นนายกฯ ขึ้นมา แล้วก็ตั้งพวกพ้องตัวเอง
เป็นคณะรัฐมนตรีได้แบบยกชุดทั้งคณะ

..เอาชุดเดียวกับ ครม. ปัจจุบันก็ได้ จะไ้ด้เห็นภาพชัดๆ..

ถามว่าเราจะรับได้ไหมครับ ต้องประท้วงกันอีกไหม?
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-09-2008, 12:26 โดย jerasak » บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #4 เมื่อ: 28-09-2008, 12:45 »

เลือกตั้งโดยตรง ระบบพรรคต้องแข็งแรงมาก ๆ และเป็นสถาบันการเมือง

ประชาชนต้องเชื่อมั่นระบบพรรค และ สร้างความน่าเชื่อถือ มิใช่หัวหน้าพรรคเก่งสุด มีอำนาจมากสุดแบบเมืองไทย

ฐานของพรรคการเมืองต้องมีที่มาจากประชาชน ไม่ใช่นายทุนพรรค

การเลือกตั้งโดยตรงแบบอเมริกา ไม่ได้เลือกโดยตรงจริง ๆ แต่เลือก ผู้เลือกประธานาธิบดี

การเสนอชื่อผู้สมัครประธานาธิบดี ก็ผ่านการคัดสรรจากสมาชิกพรรคมาก่อน ไม่ใช่จู่ๆ ใครเป็นหัวหน้าพรรคก็เสนอตัวเป็นนายกหรือประธานาธิบดี

ขั้นตอนคัดสรรผู้สมัคร เป็นไปอย่างเข้มข้น ตรวจสอบกันทุกกระเบียดนิ้ว โดยคนในพรรคเดียวกันช่วยกันแฉ ช่วยกันตรวจสอบ

สำหรับเมืองไทยยังต้องพัฒนาอีกเยอะ

ที่สำคัญต้องศึกษาระบบถ่วงดุลอำนาจให้กระจ่าง อย่าเพิ่งไปมองแยกส่วน ต้องดูว่าเราจะใช้โครงอังกฤษ หรือ อเมริกา หรือ เยอรมัน หรือ ฝรั่งเศส

หรือจะเล่นแบบไทย ๆ ที่ล้มลุกคลุกคลานกันมา 76 ปี คิดเอง เออเอง นักการเมืองไม่มีความรับผิดชอบ

การถอดถอน ทำได้ แต่สำหรับนักการเมืองทั่วๆ ไป ในประเทศที่เจริญแล้ว ทำความผิดเล็กๆ น้อย ๆ เค้าลาออกครับ

นักการเมืองไทยยังพัฒนาไปไม่ถึง อย่าไปเอาแต่โครงของประเทศอื่นมาใช้เลยครับ ไม่ได้ผลหรอก มันขึ้นกับตัวนักการเมืองด้วย


การนำเสนอ ครม เงา ก่อนเลือกตั้ง เป็นสิ่งที่น่านำมาใช้ ( อาจมีชุดสำรองด้วย )

เช่น ครม.สมชาย หากนำรายชื่อ ครม.ชุดปัจจุบัน นำเสนอก่อนเลือกตั้ง ประชาชนจะรับได้มั๊ย


เป็นไปได้มั๊ย กำหนดคุณสมบัติรัฐมนตรี ที่จะรับตำแหน่งกระทรวงใด ให้มีคุณสมบัติเฉพาะกำกับไว้

เช่น ไม่เอาหมอไปดูคลัง ไม่เอานักกฎหมายไปดู สาธารณะสุข ไม่เอาเจ้าพ่อไปดูแลพานิชย์ ฯลฯ


แต่ละพรรคต้องเสนอตัว รัฐมนตรีของตนเองก่อนเลือกตั้ง เมื่อร่วมรัฐบาลต้องเอา ครม.ที่ตนเสนอ มาลงในกระทรวงที่นำเสนอครั้งเลือกตั้ง

ถ้านำเสนอ รัฐมนตรีก่อนเลือกตั้ง สส. ก็ไม่ต้องไปแย่งตำแหน่ง

หากทำผิดจริยธรรม ต้องมีตั้งแต่โทษเบาให้สภาลงมติประนาม..ไปหาโทษหนักจนติดคุก

ระบบการดูแลการเลือกตั้ง ( กกต. ) ต้องปฏิรูปใหม่หมด
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-09-2008, 12:58 โดย Can ไทเมือง » บันทึกการเข้า

chaturant
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 499



« ตอบ #5 เมื่อ: 28-09-2008, 12:57 »

ตั้งคำถามให้คิดกันเล่นๆ นะครับ...

ถ้าเลือกตั้งนายกฯโดยตรง แล้วคุณทักษิณส่งคนมาลงเลือกตั้ง
เกิดชนะเลือกตั้งได้เป็นนายกฯ ขึ้นมา แล้วก็ตั้งพวกพ้องตัวเอง
เป็นคณะรัฐมนตรีได้แบบยกชุดทั้งคณะ

..เอาชุดเดียวกับ ครม. ปัจจุบันก็ได้ จะไ้ด้เห็นภาพชัดๆ..

ถามว่าเราจะรับได้ไหมครับ ต้องประท้วงกันอีกไหม?

 ก็ที่ พธม. เสนออีกข้อคือ ต้องมีการถ่วงดุลที่มีประสิทธิภาพ ประชาชนสามารถฟ้องศาลได้เอง และถอดถอนได้ด้วย  ผมว่าการเมืองภาคประชาชนเราเริ่มแข็งแรงน่ะครับ  แล้วอีกอย่าง ถ้า ทักษิณส่งคนของตัวเองมา ผมว่ายังไงเค้าคงไม่ได้ทั้งประเทศหรอกครับ  ขนาด เมื่อตอนเลือกตั้งล่าสุด ขายชื่อทักษิณเต็ม คะแนนแบบสัดส่วน สูสี กับ พปช. เลย ห่างกันไม่มาก ผมจำตัวเลขไม่ได้น่ะ ถ้ารอบนี้ โดนไปหลายอย่าง ผมว่าคะแนนคงไม่ถึงหรอก ถ้าสมมุติ ส่ง พล.เอก เชาวลิต แข่ง กับอภิสิทธิ์ ผมว่า อภิสิทธิ์ น่าจะกินน่ะครับ  แล้วอีกอย่าง ผมว่า ข้อดี มันมากกว่าข้อเสียน่ะครับ ให้ฝ่ายบริหารปลอดการเมืองไปเลย
บันทึกการเข้า
chaturant
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 499



« ตอบ #6 เมื่อ: 28-09-2008, 13:01 »

เลือกตั้งโดยตรง ระบบพรรคต้องแข็งแรงมาก ๆ และเป็นสถาบันการเมือง

ประชาชนต้องเชื่อมั่นระบบพรรค และ สร้างความน่าเชื่อถือ มิใช่หัวหน้าพรรคเก่งสุด มีอำนาจมากสุดแบบเมืองไทย

ฐานของพรรคการเมืองต้องมีที่มาจากประชาชน ไม่ใช่นายทุนพรรค

การเลือกตั้งโดยตรงแบบอเมริกา ไม่ได้เลือกโดยตรงจริง ๆ แต่เลือก ผู้เลือกประธานาธิบดี

การเสนอชื่อผู้สมัครประธานาธิบดี ก็ผ่านการคัดสรรจากสมาชิกพรรคมาก่อน ไม่ใช่จู่ๆ ใครเป็นหัวหน้าพรรคก็เสนอตัวเป็นนายกหรือประธานาธิบดี

ขั้นตอนคัดสรรผู้สมัคร เป็นไปอย่างเข้มข้น ตรวจสอบกันทุกกระเบียดนิ้ว โดยคนในพรรคเดียวกันช่วยกันแฉ ช่วยกันตรวจสอบ

สำหรับเมืองไทยยังต้องพัฒนาอีกเยอะ

ที่สำคัญต้องศึกษาระบบถ่วงดุลอำนาจให้กระจ่าง อย่าเพิ่งไปมองแยกส่วน ต้องดูว่าเราจะใช้โครงอังกฤษ หรือ อเมริกา หรือ เยอรมัน หรือ ฝรั่งเศส

หรือจะเล่นแบบไทย ๆ ที่ล้มลุกคลุกคลานกันมา 76 ปี คิดเอง เออเอง นักการเมืองไม่มีความรับผิดชอบ

การถอดถอน ทำได้ แต่สำหรับนักการเมืองทั่วๆ ไป ในประเทศที่เจริญแล้ว ทำความผิดเล็กๆ น้อย ๆ เค้าลาออกครับ

นักการเมืองไทยยังพัฒนาไปไม่ถึง อย่าไปเอาแต่โครงของประเทศอื่นมาใช้เลยครับ ไม่ได้ผลหรอก มันขึ้นกับตัวนักการเมืองด้วย


การนำเสนอ ครม เงา ก่อนเลือกตั้ง เป็นสิ่งที่น่านำมาใช้ ( อาจมีชุดสำรองด้วย )

เช่น ครม.สมชาย หากนำรายชื่อ ครม.ชุดปัจจุบัน นำเสนอก่อนเลือกตั้ง ประชาชนจะรับได้มั๊ย


เป็นไปได้มั๊ย กำหนดคุณสมบัติรัฐมนตรี ที่จะรับตำแหน่งกระทรวงใด ให้มีคุณสมบัติเฉพาะกำกับไว้

เช่น ไม่เอาหมอไปดูคลัง ไม่เอานักกฎหมายไปดู สาธารณะสุข ไม่เอาเจ้าพ่อไปดูแลพานิชย์ ฯลฯ


แต่ละพรรคต้องเสนอตัว รัฐมนตรีของตนเองก่อนเลือกตั้ง เมื่อร่วมรัฐบาลต้องเอา ครม.ที่ตนเสนอ มาลงในกระทรวงที่นำเสนอครั้งเลือกตั้ง

ถ้านำเสนอ รัฐมนตรีก่อนเลือกตั้ง สส. ก็ไม่ต้องไปแย่งตำแหน่ง

หากทำผิดจริยธรรม ต้องมีตั้งแต่โทษเบาให้สภาลงมติประนาม..ไปหาโทษหนักจนติดคุก

ระบบการดูแลการเลือกตั้ง ( กกต. ) ต้องปฏิรูปใหม่หมด

ใช่ครับลุงแคน ผมเคย ส่งคำถามไป ที่คุณอภิสิทธิ์ ผมถามว่า  จะตั้ง รัฐบาล เอาชื่อ ครม. ออกมาให้เห็นเลยได้ไหม ได้ประกอบการตัดสินใจ เค้าตอบว่า ทำได้ครับ  ผมว่า นี้จะได้พิสูจณ์ไปเลยครับ ว่า ทีมบริหารใคร หล่อกว่าใคร ได้วัดฝีมือไปเลยไงครับ   แล้วประชาชนก็ได้เห็นหน้าตา ครม. ไปเลย
บันทึกการเข้า
chaturant
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 499



« ตอบ #7 เมื่อ: 28-09-2008, 13:07 »

ดูตัวอย่าง ทีมบริหาร (ผู้ว่า) ใน กทม. สิครับ มองไปมองมา ยังหล่อ กว่า ผู้บริหารประเทศเลย  ได้ นักเลงมาคุมหมอ ได้พยาบาลอยู่คลัง  เน่าจริงๆ
บันทึกการเข้า
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #8 เมื่อ: 28-09-2008, 13:11 »

ต้องปล่อยเวลาให้ประชาชนคิดวิธีเลือกตั้ง ( การเข้าสู่อำนาจ ) โครงร่างระบอบการเมืองด้วยตัวนานขึ้น...

อย่ารวบรัดเอาความคิดของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง

ให้ประชาชนรู้จักใช้จินตนาการ แล้วค่อยๆ ชี้แจงแสดงผลดีผลเสียของแต่ละแบบ

แล้วมาสรุปทีละขั้นตอน...ให้ประชาชนตัดสิน

เท่ากับให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการคิดระบบการเมืองของตัวเขาเอง


การถ่วงดุลคืออะไร การตรวจสอบคืออะไร แยกอำนาจคืออะไร

การมีส่วนร่วมของประชาชนคืออะไร
บันทึกการเข้า

FireSatongNorth
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 107



« ตอบ #9 เมื่อ: 28-09-2008, 13:15 »

ผมเห็นด้วยกับ จขกท อีกคน ครับ ในเรื่องการเลือกตั้งนายก โดยตรง เพื่อแยกอำนาจบริหาร ออกจากนิติบัญญัติ
การถอดถอน รัฐมนตรี หรือนายก เมื่อมาจากประชาชนเลือก ก็ให้สิทธิประชาชนฟ้องถอดถอน เมื่อมีเหตุของการกระทำผิด

ส่วนการเลือกนายก ทีมบริหารประเทศไทย ก็น่าจะลงทุนหน่อย คือให้จัดการเลือกตั้ง สอง ครั้ง โดย ครั้งแรก ทุกพรรค ทุกทีม ส่งเข้าประกวด
เพื่อให้ประชาชนพิจารณาเลือกรอบแรก เมื่อได้พรรคที่ หนึ่ง กับ สอง แล้ว ก็จัดให้เลือกอีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้ได้พรรคที่มีคะแนนเสียงโดยเสียงส่วนมากจริงๆ
บันทึกการเข้า
Cherub Rock
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,183


น้องๆ ช่วยไปบอกผู้หญิงคนนั้นที ว่าเลิกมองผมได้แล้ว


« ตอบ #10 เมื่อ: 28-09-2008, 13:21 »

 
คิดที่มาของ สสร.3 กันด้วยก็ดีนะครับ

สภายุงไม่เอาแล้วนะ Laughing

บันทึกการเข้า

"นายกรัฐมนตรีกำลังใช้รัฐสภาประกอบพิธีกรรมสถาปนาอำนาจของตนเองโดยเห็นรัฐสภาเป็นเพียงแค่ตรายาง และปล่อยให้มีการทำร้ายประชาชนถือว่าหมดความชอบธรรมแล้ว" รสนา โตสิตระกูล
chaturant
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 499



« ตอบ #11 เมื่อ: 28-09-2008, 13:23 »

การแยกนิติบัญญัติ ออกจากบริหาร ผมว่า อาจจะทำให้เกิดสถาบันทางการเมืองขึ้นมาเพิ่มก็ได้ เพราะความหมายของพรรคการเมืองอีกอย่างก็คือ  สร้างบุคคลากร แล้ว คัดบุคคลากร เพื่อมาแข่งขัน โดย ส่งคนนี้เป็นตัวแทนชิงเก้าอี้นายก แล้ว มี ครม. หน้าตาอย่างไรบ้าง ก็ประกาศให้รู้ไปเลย  แล้ว พรรค ก็คัดบุคคลากร ในพื้นที่อีก ถึงจะซื้อเสียงกันอีก ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะ สส. ไม่มีอำนาจไปเลือกนายกแล้ว ดังนั้น สส. ก็จะหมดราคาไปเลย คราวนี้แหละ จะเป็นตัวแทนปากเสียงประชาชนจริงๆ  

ถ้าสมมุติ เจอข้อเสีย อีกคือ สมมุติ ได้ สส. ของ พปช. มาเยอะกว่า จะแก้ รฐน. ให้นาย มัน อันนี้ก็ต้องโดนประชาชน รวมชื่อฟ้องศาลเองได้เลย แต่ผมว่าคงจะยากเพราะ สส. ที่มาจากสาขาอาชีพ ห้ามเป็นสมาชิก พรรคการเมือง มันคงเป็นเผด็จการรัฐสภาได้ยากแน่ คราวนี้แหละสภาจะได้ไม่เป็นแค่ ละครหน้าฉาก ลับหลังวิ่งกันฝุ่นตลบ    ลองคิดดูน่ะครับ มีอะไรที่เป็นข้อเสียจากนี้อีก
บันทึกการเข้า
i-spirit
สมาชิกสามัญขั้นที่ 1
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 49



« ตอบ #12 เมื่อ: 28-09-2008, 13:25 »

สรุปที่มาของ สส. ในการเมืองใหม่ คร่าวๆ

การเมืองใหม่คร่าวๆ ที่เสนอ โดย พธม. น่ะครับ    แยกนิติบัญญัติ - กับบริหาร
 

   1.ให้แยก นิติบัญญัติ - บริหารออกจากกัน แล้วให้ ฝ่ายบริหาร ปลอดจากการเมือง คือ ให้ ประชาชนได้เลือกผู้บริหารโดยตรง คือเลือกนายกโดยตรงเลย เหมือนกับการเลือก ผู้ว่า กทม. เลือก ผู้ว่าจังหวัด 
     
      เลือกนายกโดยตรง เพื่อให้นายกได้เป็นอิสระจาก สส. ไม่สามารถมาต่อรองเก้าอี้ รมต. ได้ และสามารถเลือกคนที่เหมาะกับกระทรวงต่างๆได้อย่างอิสระ ตัดปัญหา ระบบ โควต้า ผัว เป็นไม่ได้เอาเมียเป็นแทน

   2. เมื่อเลือก ผู้บริหารเสร็จให้ผ่านไปซัก 2-3 เดือน แล้วเรามาเลือก ตัวแทนปากเสียงของเราอีกที คือ 1. มาจากตัวแทนในพื้นที่ที่เราอยู่ 2. ตัวแทนมาจากสาขาอาชีพของเรา (ในรายละเอียดต้องคุยกันอีกเยอะ และถือมติสังคม) ทำหน้าที่ ตรวจสอบฝ่ายบริหาร และ ทำหน้าที่นิติบัญญัติ คือ พิจารณากฎหมายต่างๆ

   3. ห้าม สส. ดำรงตำแหน่ง รมต. วิธีนี้ จะทำให้ จัดการเรื่อง ระบบโควต้า ต่อรองเก้าอี้ ได้ และทำให้ นายก เลือก ครม. ได้อย่างอิสระ ปราศจากการเมือง แล้วอีกอย่างที่สำคัญ จะทำให้สิ่งที่จะมาจูงใจการซื้อเสียงน้อยลง เพราะลงทุนมากแต่ไม่สามารถเป็นรัฐมนตรีได้ เพราะฝ่ายบริหารจะเป็นผู้จัดตั้งกันเอง ขณะที่ฝ่ายนิติบัญญัติมีหน้าที่ออกกฎหมายเพียงอย่างเดียว
 
   4. ให้นักการเมืองที่เป็น ส.ส.ในพื้นที่ สังกัดพรรคการเมืองหรือไม่ก็ได้

   5. ตัวแทนประชาชนจากสาขาอาชีพต้องไม่สังกัดพรรคการเมืองอย่างเด็ดขาด (ในรายละเอียดสัดส่วนต้องคุยกันอีกเยอะน่ะครับ แต่ เลือกตั้ง 100 %)

   6. ประชาชนต้องมีส่วนร่วมในการตรวจสอบการทุจริตคอร์รัปชัน โดยสามารถถอดถอนนักการเมือง และฟ้องศาลได้โดยตรง ขณะที่คดีต้องไม่มีอายุความ

   7. .ต้องปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม อาทิ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) สำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) องค์กรอิสระ องค์กรสิทธิมนุษยชนไม่ให้มีการแทรกแซงจากฝ่ายการเมือง ให้เป็นอิสระห้ามการเมืองแทรกแซง และให้กระบวนการยุติธรรมต้องมีการกำหนดกรอบเวลาของคดีความนักการเมืองให้ชัดเจนและรวดเร็วขึ้น นอกจากนี้ อัยการต้องไม่เข้าไปเป็นกรรมการในหน่วยงานรัฐวิสาหกิจด้วย


    ถ้าทุกคนเห็นด้วย ตอนนี้โจทย์คือ เรื่อง สส. มาจาก สาขาอาชีพ จะกำหนดอย่างไร ของผมผมเสนอว่า แบ่ง อาชีพเป็นกลุ่มใหญ่ๆ แล้วก็แบ่งเป็นแต่ละภาคอาทิเช่น
 อาชีพเกษตรกร ภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคกลาง ภาคใต้
 อาชีพข้าราชการ  ภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคกลาง ภาคใต้
 อาชีพธุรกิจส่วนตัว ภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคกลาง ภาคใต้
 อาชีพรับจ้าง ภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคกลาง ภาคใต้


       ผมรวบรวมได้เท่านี้น่ะครับ ใครมีข้อเสนอหรือ รวบรวมได้มากกว่านี้ ก็มาเพิ่มมาน่ะครับ  แต่ผมว่า ที่สำคัญคือ ต้องแยกนิติบัญญัิติ ออกจากบริหาร ให้ ฝ่ายบริหารปลอดจากการเมือง  อันนี้ผมเห็นด้วยมาก

 


จากที่ดูในเว็ปผู้จัดการ http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9510000114729 ไม่มีเรื่องเลือกตั้งนายกโดยตรงนะครับ ถ้ามีผมก็ไม่เห็นด้วยเพราะขนาดส.ส.ยังอ้างเสียงเลือกตั้งแล้วยิ่งเป็นนายกละก็อย่าคิดว่าจะไปทำอะไรเขาได้ง่ายๆอย่าลืมว่านักการเมืองของไทยมีจิตสาธารณะต่ำมีจริยธรรมต่ำกว่าคนธรรมดาแทนที่มันจะกลับกัน
ผมคิดว่าประเด็นหลักของการเมืองใหม่คือ
- ทำอย่างไรให้การเมืองภาคประชาชนมีความเข้มแข็งและมีผลกับการเมืองในสภาด้วย การตรวจสอบและการร้องเรียนการทำหน้าที่ของรัฐบาลและสส.
- องค์กรอิสระตรวจสอบทุจริตอย่างมีประสิทธิภาพไม่ทำแบบลูบหน้าปะจมูกแบบกกต.กับอัยการในปัจจุบัน
ทั้งสองประเด็นเป็นแระเด็นหลักที่เกี่ยวกับการตรวจสอบจากภาคประชาชนกับองค์กรอิสระซึ่งหากทั้งสองเข้มแข็งไม่ว่าสส.จะมาไม้ไหนถ้าทุจริตก็ไปไม่รอด
บันทึกการเข้า
chaturant
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 499



« ตอบ #13 เมื่อ: 28-09-2008, 13:27 »

จากที่ดูในเว็ปผู้จัดการ http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9510000114729 ไม่มีเรื่องเลือกตั้งนายกโดยตรงนะครับ ถ้ามีผมก็ไม่เห็นด้วยเพราะขนาดส.ส.ยังอ้างเสียงเลือกตั้งแล้วยิ่งเป็นนายกละก็อย่าคิดว่าจะไปทำอะไรเขาได้ง่ายๆอย่าลืมว่านักการเมืองของไทยมีจิตสาธารณะต่ำมีจริยธรรมต่ำกว่าคนธรรมดาแทนที่มันจะกลับกัน
ผมคิดว่าประเด็นหลักของการเมืองใหม่คือ
- ทำอย่างไรให้การเมืองภาคประชาชนมีความเข้มแข็งและมีผลกับการเมืองในสภาด้วย การตรวจสอบและการร้องเรียนการทำหน้าที่ของรัฐบาลและสส.
- องค์กรอิสระตรวจสอบทุจริตอย่างมีประสิทธิภาพไม่ทำแบบลูบหน้าปะจมูกแบบกกต.กับอัยการในปัจจุบัน
ทั้งสองประเด็นเป็นแระเด็นหลักที่เกี่ยวกับการตรวจสอบจากภาคประชาชนกับองค์กรอิสระซึ่งหากทั้งสองเข้มแข็งไม่ว่าสส.จะมาไม้ไหนถ้าทุจริตก็ไปไม่รอด


http://www.manager.co.th/mgrweekly/viewnews.aspx?newsID=9510000110685   จากอันนี้ครับ

ถ้า มันทำอะไรที่ผิด ก็ต้องโดนถอดถอนครับ ประชาชนรวมชื่อกัน ส่งศาลฟ้องเองได้เลย  แล้วยังมี องกรณ์อิสระ ที่คอยตรวจสอบอีก มันคงทำอะไรเลวๆ ยากครับ แถมมีการเมืองภาคประชาชนตรวจสอบอีกทีนึงอีก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-09-2008, 13:31 โดย chaturant » บันทึกการเข้า
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #14 เมื่อ: 28-09-2008, 13:42 »

รัฐธรรมนูญ เขียนเป็นเจตนารมณ์ ไม่ต้องมากหรอกครับ ที่เหลือไปอยู่ในพรบ.จะได้ลงโทษชัด ๆ

สมมุติว่า รัฐมนตรีต้องไม่ไปเป็นลูกจ้างหรือรับจ้าง หรือมีผลประโยชน์อื่นใด ตรงนั้นหากดูตามเจตนารมณ์ก็ขาดแล้ว แทบไม่ต้องขึ้นศาล

หรือ ปปช. บอกว่า ยื่นบัญชีทรัพย์สินไม่ถูกต้อง ก็ต้องออกแล้ว ไม่ต้องไปดูอะไรอีก

พูดง่ายๆ คนเป็นรัฐมนตรีต้องไม่หน้าด้าน หรือดื้อด้าน

เมื่อหลุดไปแล้วในกรณีทำผิดรัฐธรรมนูญ ต้องห้ามกลับมารับตำแหน่งอีกตลอดชีวิต หรือ 5 ปี

ศาลรัฐธรรมนูญ ต้องใช้องคณะให้มากเข้าไว้ ป้องกันการล้อบบี้


และต้องกำหนดเวลาการพิจารณาคดีให้สั้นเข้าไว้
บันทึกการเข้า

ooo
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 670


« ตอบ #15 เมื่อ: 28-09-2008, 14:18 »

เลือกนายกฯโดยตรง...ไม่เห็นด้วย

จะทำให้การบริหารงานไม่ราบรื่นได้ นโยบายของนายกฯอาจถูกปัดแข้ง

ปัดขาจากสภา...

ประชาชนฟ้องรมต.ได้...ไม่เห็นด้วย

ถ้าเกิดประชาชนไม่ต้องมาก เอาแค่ร้อยคนพอ แกล้งมาฟ้องรมต.จะส่งผลให้รมต.

ไม่มีเวลาทำงาน มัวแต่ไปศาลเพื่อสู้คดี

ให้เสนอรายชื่อครม.มาก่อนเลือกตั้ง...เห็นด้วยว่าจะลดปัญหา

การแย่งเก้าอี้ได้ แต่ถ้าเกิดผลการเลือกตั้ง(จำนวนสส.)ที่ได้ไม่เป็นไปตามเป้า จะทำ

อย่างไร เพราะถ้ามีพรรคร่วม ตัวรมต.ที่วางไว้ก็คงเปลี่ยนแปลง และถ้าเกิดตัวบุคคลที่

วางตัวไว้เกิดเปลี่ยนใจไม่ยินยอมเป็นรมต. จะด้วยเหตุใดก็แล้วแต่ จะทำอย่างไร...
บันทึกการเข้า
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #16 เมื่อ: 28-09-2008, 14:22 »

เลือกนายกฯโดยตรง...ไม่เห็นด้วย

จะทำให้การบริหารงานไม่ราบรื่นได้ นโยบายของนายกฯอาจถูกปัดแข้ง

ปัดขาจากสภา...

ประชาชนฟ้องรมต.ได้...ไม่เห็นด้วย

ถ้าเกิดประชาชนไม่ต้องมาก เอาแค่ร้อยคนพอ แกล้งมาฟ้องรมต.จะส่งผลให้รมต.

ไม่มีเวลาทำงาน มัวแต่ไปศาลเพื่อสู้คดี

ให้เสนอรายชื่อครม.มาก่อนเลือกตั้ง...เห็นด้วยว่าจะลดปัญหา

การแย่งเก้าอี้ได้ แต่ถ้าเกิดผลการเลือกตั้ง(จำนวนสส.)ที่ได้ไม่เป็นไปตามเป้า จะทำ

อย่างไร เพราะถ้ามีพรรคร่วม ตัวรมต.ที่วางไว้ก็คงเปลี่ยนแปลง และถ้าเกิดตัวบุคคลที่

วางตัวไว้เกิดเปลี่ยนใจไม่ยินยอมเป็นรมต. จะด้วยเหตุใดก็แล้วแต่ จะทำอย่างไร...


ไม่จำเป็นต้องเสนอคนเดียวไง ต้องมีตำสำรอง หรือ เสนอเป็นทีม
บันทึกการเข้า

Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #17 เมื่อ: 28-09-2008, 14:28 »

วันอาทิตย์ ที่ 14 กันยายน 2551
การเมืองใหม่สไตล์ไทเมือง 1 คน 2 เสียง ( 3 เสียง ก็ได้ )
Posted by Canไทเมือง , ผู้อ่าน : 307 , 11:16:20 น.   


ในระหว่างพวกผีดิบ 111 ศพ กำลังเฟ้นหานายกซากซพ อย่างกระ***นกระหือรือ ปล่อยมันไป เพราะยังไงก็ไม่เกิน 3 เดือนก็จะเดี้ยง

เพราะปัญหากรณียุบพรรค กำลังจะตามมา ศาลรัฐธรรมนูญ คงสวดส่งซากศพทางการเมืองพวกนั้นให้ไปสู่สุคติได้ไม่ยาก

ระหว่างนี้ขอเสนอโครงสร้างที่มาของ สส. ซึ่งจะไปใช้สิทธิ์แทนประชาชนในรัฐสภา อีก 1 แนวทางเป็นตุ๊กตาให้ระดมสมอง

ต้องออกตัวว่าไม่ได้อาศัยทฤษฎการเมืองใดๆ ใช้สามัญสำนึกแบบการเมืองไทยนี่แหละเป็นตัวตั้ง

ที่มาของแนวคิดจับเอา 2 สถานะของประชาชน เป็นตัวตั้ง คือระบบตัวแทนท้องถิ่นกับตัวแทนระดับชาติ ผสมผสานระหว่างสิทธิ์เลือกตั้งแบบเก่ากับ การเลือกตัวแทนกลุ่มอาชีพของประชาชน

จึงกำหนดใหประชาชน ใช้ระบบ 1 คน 2 เสียง

1 ระบบตัวแทนเขต ( ผู้มีอิทธิพลท้องถิ่น ใช้บัตรสีแดง เป็นเครื่องสังเกต สังกัดพรรค )

2 ระบบตัวแทนอาชีพ ใช้เขตประเทศเป็นเขตเลือกตั้ง ( มาจากสัดส่วนกลุ่มอาชีพใช้บัตรสีเหลือง เป็นเครื่องสังเกต ไม่สังกัดพรรค )

พูดง่ายๆ คือ ยกเลิก ระบบ สส.ปาร์ตี้ลิสต์ เพราะระบบพรรคการเมืองล้มเหลว อย่าดันทุรัง

พรรคเลือกคน ประชาชนเลือกพรรค ใช้ไม่ได้กับสังคมไทย เนื่องเพราะระบบพรรคการเมืองไทยทำลายตัวเองด้วยการนำเสนอนายทุนพรรค เข้ามาเสวยสุข ไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ ที่ให้พรรคการเมืองคัดเลือกคนดีมีคุณภาพมาทำงานให้พรรค

ดังนั้นควรยกเลิกการเลือก สส. ปาร์ตีลิสต์ มาเป็น สส.กลุ่มอาชีพ ซึ่งไม่สังกัดพรรคแทน

สัดส่วน สส.เขต กับ สส.กลุ่มอาชีพ ใช้ 50/50 ไปเลย

ไม่ใช่แต่งตั้ง 70/30

ประชาชนทุกคน ต้องไปลงทะเบียนอาชีพ เพื่อเลือก สส. กลุ่มอาชีพของตน ได้เพียง 1 อาชีพ คืออาชีพหลัก

ในสัดส่วนของ สส. กลุ่มอาชีพ ไปจัดสรร จำนวนตำแหน่งกันตามความเหมาะสม

หรือจะเพิ่ม สส. กลุ่มผู้อาวุโส อีกจำนวนหนึ่ง ไม่ต้องสังกัดพรรคก็ได้..

แบ่งที่นั่งให้ผู้อาวุโส ผู้มีคุณธรรมเป็นที่ประจักษ์ เชิญท่านมาให้ประชาชนลงคะแนนรับรอง....จะได้ซัก 10-20 คน ก็แล้วแต่ ผมตั้งเป็นตุ๊กตาไว้ เผื่อใครจะนำไปผสมผสานให้กลมกล่อมยิ่งขึ้น.

ถ้าเพิ่มสภาผู้อาวุโส ให้มีที่นั่งในสภาผู้แทน ก็ใช้ระบบ 1 คน 3 เสียง

สภาผู้เฒ่า ใช้" บัตรสีขาว"นะจ๊ะ...

00000000000000

75 ปี การเมืองไทยพยายามทำให้เป็นฝรั่ง อยากให้มีพรคการเมือง อยากให้มีกฎเกณฑ์ในพรรค แต่สุดท้ายก็เข้าไม่ได้กับ นิสัยของคนไทย

ดังนั้นอย่ามุ่งไปที่รูปแบบฝรั่ง จนไม่ลืมหูไม่ลืมตา

วิธีที่ผมเสนออาจจะเป็น "ส่วนผสมใหม่" ที่จะทำให้ "สภาผู้แทนราษฎร" มีความสมดุลมากขึ้น

เป้าหมายหรือเจตนารมณ์ควรมุ่งที่หลักคุณธรรม และประโยชน์ของคนส่วนใหญ่ เป็นที่ตั้ง

สำหรับ สว. หากคิดว่ายังควรมี " วุฒิสภา " ก็ใช้ระบบ 50/50 แบบที่เป็นอยู่นั่นแหละครับ เลือกตั้งครึ่งหนึ่ง แต่งตั้งครึ่งหนึ่ง

ต้องออกตัวว่าคิดแบบชาวบ้านนะครับ อย่าไปสังเคราะห์เข้าทฤษฎีการเมืองใดๆ

พวกชอบทำพรรคการเมืองก็ทำกันไป พวกที่ไม่ชอบสังกัดพรรคก็ทำกันไป อย่าไปบังคับกัน

แบ่งๆ ที่กันยืน เพื่อลดความขัดแย้ง...บางที นักวิชาการท่านก็อยากใช้ความรู้ที่ร่ำเรียนมา โชว์พาวกันยกใหญ่ ลองให้ชาวบ้านช่วยกันคิดบ้าง ดีมั๊ยครับ

เผื่อมันจะสะท้อนตัวตนของประเทศ ตัวตนของประชาชนอย่างแท้จริงขึ้นมาบ้าง

นักวิชาการค่อยๆ ตบๆ ให้มันเข้าหลักเข้าเกณฑ์กันทีหลัง....พอไม่ให้อายฝรั่ง อิ อิ

ก็ฝรั่งมันแค่ 1 คน 1 เสียง

แต่แบบไทยๆ ต้องเหนือกว่า 1 คน 2 เสียง 3 เสียง ก็ได้ แฟร์พอๆ กันนั่นแหละ

เพราะได้ลงคะแนนทุกคน....แล้วไม่ต้องมาท้ากันว่า แน่จริงลงมาเลือกตั้งแข่งดิ...

ถ้าเปิดเวทีคู่ขนาน ให้มีเวทีระบบเขตประเทศแข่งแบบนี้ มาลองดูกันซักตั้งมั๊ยล่ะ

แคน ไทเมือง
 


http://www.oknation.net/blog/canthai/2008/09/14/entry-2

กระทู้ในเสรีไทยก็แลกเปลี่ยนกันเยอะเหมือนกัน แต่ยังไม่ได้ค้นมาให้เล่นต่อ
บันทึกการเข้า

jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #18 เมื่อ: 28-09-2008, 15:31 »

ก็ที่ พธม. เสนออีกข้อคือ ต้องมีการถ่วงดุลที่มีประสิทธิภาพ ประชาชนสามารถฟ้องศาลได้เอง และถอดถอนได้ด้วย  ผมว่าการเมืองภาคประชาชนเราเริ่มแข็งแรงน่ะครับ  แล้วอีกอย่าง ถ้า ทักษิณส่งคนของตัวเองมา ผมว่ายังไงเค้าคงไม่ได้ทั้งประเทศหรอกครับ  ขนาด เมื่อตอนเลือกตั้งล่าสุด ขายชื่อทักษิณเต็ม คะแนนแบบสัดส่วน สูสี กับ พปช. เลย ห่างกันไม่มาก ผมจำตัวเลขไม่ได้น่ะ ถ้ารอบนี้ โดนไปหลายอย่าง ผมว่าคะแนนคงไม่ถึงหรอก ถ้าสมมุติ ส่ง พล.เอก เชาวลิต แข่ง กับอภิสิทธิ์ ผมว่า อภิสิทธิ์ น่าจะกินน่ะครับ  แล้วอีกอย่าง ผมว่า ข้อดี มันมากกว่าข้อเสียน่ะครับ ให้ฝ่ายบริหารปลอดการเมืองไปเลย

คุณ chaturant ตอบยังไม่ตรงกับคำถามนะครับ

ผมลองตั้งคำถามเพราะคุณ chaturant เปิดประเด็นไว้ดี
ก็เลยอยากช่วยให้คิดวิเคราะห์เพิ่มเติมน่ะครับ

ผมยกตัวอย่างเอาคะแนน ส.ส.สัดส่วนคราวก่อนก็แล้วกัน
ปชป. ไ้ด้คะแนนรวมน้อยกว่า พปช. แค่แสนกว่าคะแนน

ถ้าผลเลือกตั้งออกมาเหมือนเดิมก็คือ พปช. ได้เป็นนายกฯ
แล้วสามารถแต่งตั้งใครก็ได้มาเป็นรัฐมนตรีโดยอิสระ

สมมุติว่าหน้าตาเหมือน ครม.ชุดปัจจุบัน (เต้าหู้ยี้ยั๊วเยี๊ย)

แล้วประชาชนจะเอาอะไรไปฟ้องร้องถอดถอน ครม. ครับ
ในเมื่อยังไม่ได้ทำงาน  ก็ต้องไปปล่อยให้ทำงานก่อนอีก
แล้วเขาก็มีสิทธิแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการเป็นพวกตัวเอง
มีสิทธิแต่งตั้งพวกตัวเองไปกินตำแหน่งบอร์ดต่างๆ


...

การไล่ตามฟ้องร้องนักการเมืองไม่ใช่เรื่องง่ายๆ นะครับ
โอกาสพลาดพลั้งมีสูงมาก และแม้จะชนะก็ต้องเสียเวลา
อาจไม่ได้ทำมาหากินกันหลายปีกว่าคดีจะสิ้นสุด

ยิ่งเป็นการทุจริตเชิงนโยบาย ที่มีข้าราชการร่วมมือด้วย
ผมว่าประชาชนธรรมดาแทบไม่มีโอกาสรวบรวมหลักฐาน
จนสามารถฟ้องร้องดำเนินคดี

ขนาดระดับ คตส. ยังแทบเอาตัวไม่รอดกว่าจะฟ้องคดีได้
โดนฝ่ายคุณทักษิณฟ้องเสียเองไม่รู้กี่พันล้าน


...

ส่วนความเห็นที่ว่าจะทำให้ฝ่ายบริหารปลอดการเมืองนั้น
ผมคิดว่าก็ยังเป็นเรื่องการเมืองเหมือนเดิม เพราะนายกฯ
ก็มาจากการเลือกตั้ง ต้องมีหัวคะแนน ต้องเอื้อประโยชน์
ให้กลุ่มการเมืองท้องถิ่น ยังคงมีการซื้อตำแหน่งรัฐมนตรี
ได้เหมือนกับระบบเดิมๆ

และถ้าฝ่ายคุณทักษิณสามารถชนะคู่แข่งเพียงคะแนนเดียว
เราอาจได้ ครม.เต้าหู้ยี้ยั๊วเยี๊ย กลับมาทั้งคณะเลยนะครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-09-2008, 15:40 โดย jerasak » บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #19 เมื่อ: 28-09-2008, 15:47 »

ระบบพรรคการเมืองไทยมันล้มเหลวไงครับ

ถ้าใครยังดันทุรังใช้ระบบพรรคการเมือง ก็ต้องผิดหวัง

การนำเสนอรูปแบบที่มาของ สส. ที่มาจากสายอาชีพ ไม่จำเป็นต้องสังกัดพรรค คือการลดอำนาจ สส.เขต ที่มาจากพรรคการเมือง

หากมี สส. อาชีพเข้าไปเจือมากๆ ในสัดส่วนที่เหมาะสม ก็จะควบคุม หรือ เสนอตัว รมต. เข้าไปร่วมด้วยก้ได้

คงไม่หวังให้ พรรคการเมืองเดียว เป็น รัฐบาล

ผมเชื่อแนวทางนี้นะ....เพราะ รัฐธรรมนูญ 2540 มุ่งเน้นให้พรรคการเมืองเข้มแข็ง

แต่ในพรรคการเมืองยังไม่มีสามารถทำเป็น สถาบันได้ จึงมีนักลงทุน นักธุรกิจการเมือง มาบิดเบือนเจตนารมณ์ของ รัฐธรรมนูญ

ตีความเรื่องประชาธิปไตยแบบศรีธนญชัย

เมื่อคืน สุริยะใส สรุป 3 เรื่องไว้คร่าว ๆ คือ

นิยาม ประชาชน ประชาธิปตย รัฐธรรมนูญ 3 เรื่องนี้ ต้องตีความกันใหม่หมด

ที่สำคัญ ไม่เชื่อในเรื่องให้ นักเลือกตั้ง หรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง จัดทำร่างรัฐธรรมนูญ

ดังนั้น ก่อนทำการเมืองใหม่ ต้องไล่รัฐบาลชั่วออกไปก่อน

ช่วงนี้ยังสรุปได้แค่นี้เอง นอกนั้นยังเป็นแค่ "ตุ๊กตา" ต้องนำไปประชาพิจารณ์ในต่างจังหวัดอีกนานครับ


การต่อสู้ระหว่างนักเลือกตั้ง กับ การเมืองภาคประชาชนยังต้องยื้อกันอีกหลายยก

ผมยังมองไม่เห็นจุดจบ...ว่ามันจะพัฒนาไปทางไหน
บันทึกการเข้า

jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #20 เมื่อ: 28-09-2008, 18:59 »

ตอนนี้ผมนำระบบการเมืองใหม่แบบที่ผมคิดเองมาตั้งเป็นกระทู้
ท่านใดสนใจจะเสวนาขอเชิญได้ที่กระทู้นี้ครับ 


==ระบบการเมืองใหม่ โดย jerasak จาก http://forum.serithai.net==
http://forum.serithai.net/index.php?topic=36897.0
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-09-2008, 19:52 โดย jerasak » บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #21 เมื่อ: 28-09-2008, 19:12 »

ที่จริงน่าระดมสมอง มาคุยกันเรื่อง "พรรคการเมือง" ในระบอบประชาธิปไตยของไทย ( รัฐธรรมนูญ 2540/2550 )

น่าจะดีเหมือนกัน

ประเทศไทยจะสามารถสร้างระบบพรรคการเมืองที่เข้มแข็งได้หรือไม่ จุดอ่อน จุดแข็งอยู่ตรงไหน

แล้วเราจะรู้ว่า ระบบพรรคการเมือง ที่เห็นและเป็นอยู่ ควรมีความสำคัญ ในฐานะองค์กรการเมืองขนาดไหน

ทำไมต้องมี สส. ที่ไม่ต้องสังกัดพรรค


ถ้า สส. ไม่สังกัดพรรค มีโอกาสได้ใช้ความรู้ ความสามารถมากน้อยแค่ไหน ในสภา
บันทึกการเข้า

chaturant
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 499



« ตอบ #22 เมื่อ: 28-09-2008, 22:25 »

คุณ chaturant ตอบยังไม่ตรงกับคำถามนะครับ

ผมลองตั้งคำถามเพราะคุณ chaturant เปิดประเด็นไว้ดี
ก็เลยอยากช่วยให้คิดวิเคราะห์เพิ่มเติมน่ะครับ

ผมยกตัวอย่างเอาคะแนน ส.ส.สัดส่วนคราวก่อนก็แล้วกัน
ปชป. ไ้ด้คะแนนรวมน้อยกว่า พปช. แค่แสนกว่าคะแนน

ถ้าผลเลือกตั้งออกมาเหมือนเดิมก็คือ พปช. ได้เป็นนายกฯ
แล้วสามารถแต่งตั้งใครก็ได้มาเป็นรัฐมนตรีโดยอิสระ

สมมุติว่าหน้าตาเหมือน ครม.ชุดปัจจุบัน (เต้าหู้ยี้ยั๊วเยี๊ย)

แล้วประชาชนจะเอาอะไรไปฟ้องร้องถอดถอน ครม. ครับ
ในเมื่อยังไม่ได้ทำงาน  ก็ต้องไปปล่อยให้ทำงานก่อนอีก
แล้วเขาก็มีสิทธิแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการเป็นพวกตัวเอง
มีสิทธิแต่งตั้งพวกตัวเองไปกินตำแหน่งบอร์ดต่างๆ


...

การไล่ตามฟ้องร้องนักการเมืองไม่ใช่เรื่องง่ายๆ นะครับ
โอกาสพลาดพลั้งมีสูงมาก และแม้จะชนะก็ต้องเสียเวลา
อาจไม่ได้ทำมาหากินกันหลายปีกว่าคดีจะสิ้นสุด

ยิ่งเป็นการทุจริตเชิงนโยบาย ที่มีข้าราชการร่วมมือด้วย
ผมว่าประชาชนธรรมดาแทบไม่มีโอกาสรวบรวมหลักฐาน
จนสามารถฟ้องร้องดำเนินคดี

ขนาดระดับ คตส. ยังแทบเอาตัวไม่รอดกว่าจะฟ้องคดีได้
โดนฝ่ายคุณทักษิณฟ้องเสียเองไม่รู้กี่พันล้าน


...

ส่วนความเห็นที่ว่าจะทำให้ฝ่ายบริหารปลอดการเมืองนั้น
ผมคิดว่าก็ยังเป็นเรื่องการเมืองเหมือนเดิม เพราะนายกฯ
ก็มาจากการเลือกตั้ง ต้องมีหัวคะแนน ต้องเอื้อประโยชน์
ให้กลุ่มการเมืองท้องถิ่น ยังคงมีการซื้อตำแหน่งรัฐมนตรี
ได้เหมือนกับระบบเดิมๆ

และถ้าฝ่ายคุณทักษิณสามารถชนะคู่แข่งเพียงคะแนนเดียว
เราอาจได้ ครม.เต้าหู้ยี้ยั๊วเยี๊ย กลับมาทั้งคณะเลยนะครับ


ก็นี้ไงครับ ก่อนเลือกตั้ง ต้องประกาศทีมผู้บริหารประเทศก่อนเพื่อความตัดสินใจ  ลองให้รัฐบาลนี้เอา ครม. พวกนี้มาลงแข่งเลือกตั้ง ขี้เหร่อย่างนี้ใครจะไปเลือกละครับ   ถ้าแยกฝ่ายบริหารออกไปจากนิติบัญญัติเลย มันก็สามารถปลอดจากการเมืองไม่มากก็น้อยน่ะครับ ดูตัวอย่าง ผู้ว่า กทม. สิครับ พรรคต้องพยายามคัดสรรคนที่เก่ง มีความสามารถ เอาไปแข่งขัน หรือจะมาในนามอิสระก็ได้ ยิ่งดีเลย ไม่ต้องมาแบ่งขั้วอีก  แล้วถ้า สส. ในสภาเกิดได้ตามที่การเมืองใหม่ เสนอไว้น่ะครับ ผมว่ายิ่งทำให้สภามีความเอกภาพยิ่งขึ้น ฟังจากเหตุและผล มีความอิสระ  ยิ่งขึ้น
บันทึกการเข้า
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #23 เมื่อ: 28-09-2008, 23:13 »

ก็นี้ไงครับ ก่อนเลือกตั้ง ต้องประกาศทีมผู้บริหารประเทศก่อนเพื่อความตัดสินใจ  ลองให้รัฐบาลนี้เอา ครม. พวกนี้มาลงแข่งเลือกตั้ง ขี้เหร่อย่างนี้ใครจะไปเลือกละครับ   ถ้าแยกฝ่ายบริหารออกไปจากนิติบัญญัติเลย มันก็สามารถปลอดจากการเมืองไม่มากก็น้อยน่ะครับ ดูตัวอย่าง ผู้ว่า กทม. สิครับ พรรคต้องพยายามคัดสรรคนที่เก่ง มีความสามารถ เอาไปแข่งขัน หรือจะมาในนามอิสระก็ได้ ยิ่งดีเลย ไม่ต้องมาแบ่งขั้วอีก  แล้วถ้า สส. ในสภาเกิดได้ตามที่การเมืองใหม่ เสนอไว้น่ะครับ ผมว่ายิ่งทำให้สภามีความเอกภาพยิ่งขึ้น ฟังจากเหตุและผล มีความอิสระ  ยิ่งขึ้น

คุณ chaturant เชื่อว่าถ้าเอา ครม.ชุดนี้ลงเลือกตั้ง
ขี้เหร่อย่างนี้ใครจะไปเลือก.. แต่ความจริงส่วนใหญ่
ที่ได้เป็นรัฐมนตรีต่างก็เป็น ส.ส. ชนะเลือกตั้งเข้ามา
หรือถึงไ่ม่ชนะเลือกตั้งก็มีฐานเสียง ส.ส.สนับสนุน

..ในความคิดผมจึงมีความเป็นไปได้สูงมากที่พวกนี้
จะสามารถชนะเลือกตั้งเข้ามาได้อยู่ดีครับ..


ความน่ากลัวของการเลือกนายกรัฐมนตรีโดยตรง
ในความเห็นของผมก็คือจะมีการอ้างความชอบธรรม
แบบเดียวกับที่อดีตนายกฯทักษิณ เคยอ้างคะแนน
ส.ส.บัญชีรายชื่อ 19 ล้านเสียงมาแล้ว

ที่ รัฐธรรมนูญ 2550 ต้องบัญญัติให้ ส.ส.สัดส่วน
แยกออกเป็น 8 กลุ่ม จากเดิมที่ระบบบัญชีรายชื่อ
ใช้ประเทศเป็นเขตเลือกตั้งเพียงเขตเดียว ก็เพราะ
เกรงจะเกิดสภาพแบบที่เคยเกิดขึ้นมาก่อน


...

การยกตัวอย่างเลือกตั้งผู้ว่า กทม. ดูเป็นตัวอย่างที่ดี
แต่ผมคิดว่าคง work สำหรับพื้นที่ กทม. เท่านั้นครับ
ถ้าปล่อยให้เลือกตั้งผู้ว่าฯจังหวัดอื่นๆ ก็ยังหวาดเสียว

ตัวอย่างนักการเมืองตามต่างจังหวัด ที่คนกรุงร้องยี้
แต่ก็ยังเข้าสภามาได้ทุกครั้งน่าจะเป็นหลักฐานได้ดี
ว่าถ้ามีการเลือกนายกฯ โดยตรงจะได้ใครเข้ามา


...

ผมเองมอง สภาผู้แทนฯ ว่าน่าจะเป็นช่องทางหลัก
ที่ประชาชนจะใช้เป็นเครื่องมือบริหารประเทศครับ

เพราะหลักฐานคะแนนเลือก ส.ส.สัดส่วน ที่ผ่านมา
น้ำหนักของคะแนนเทให้กลุ่มการเมือง 2 กลุ่มแล้ว
เพียงแต่ด้วยมายาคติว่า พรรคใดได้คะแนนมากที่สุด
แม้มากกว่าคะแนนเดียวก็จะมีสิทธิตั้งรัฐบาล

ในขณะที่อีกพรรคหนึ่งเพียงได้น้อยกว่ากัน 1 คะแนน
ก็จะมีสิทธิเป็นศูนย์ ต้องไปเป็นฝ่ายค้านตลอดกาล
ไม่มีสิทธิสัมผัสอำนาจบริหารแม้แต่นิดเดียว!!!


และยิ่งประหลาดเข้าไปอีกที่พรรคเล็กบางพรรคมี ส.ส.
แค่ 4-5 คนและได้คะแนนสัดส่วน(เลือกพรรค)นิดเดียว
กลับเข้าไปครองอำนาจในฝ่ายบริหาร???


ในเมื่อเราสามารถใช้หลักถ่วงน้ำหนักเพื่อคิดโควต้า
จำนวน ส.ส.สัดส่วน ในฝ่ายนิติบัญญัติได้ และยัง
อธิบายด้วยว่าเป็นการ "เลือกพรรค"   เราก็น่าจะ
สามารถใช้คะแนนเลือกพรรคในการกำหนดโควต้า
ในฝ่ายบริหารได้ด้วย 

เพราะชัดเจนตั้งแต่แรกว่าที่ประชาชน "เลือกพรรค"
ก็คือต้องการเลือกให้ไปเป็นฝ่ายบริหาร


...

ผมเห็น คุณ chaturant ไปดูที่กระทู้ออกแบบระบบ
การเมืองใหม่ของผมแล้ว รบกวนวิจารณ์หน่อยสิครับ
ลองไปถกกันดูว่าที่ผมออกแบบมีปัญหาตรงไหนบ้าง

บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
อิรวันชาห์ IrWanSyah
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 870



« ตอบ #24 เมื่อ: 29-09-2008, 00:16 »

 
บันทึกการเข้า

yuwadee
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 137


« ตอบ #25 เมื่อ: 29-09-2008, 07:04 »

มีสิทธิ์อะไรมาบังคับให้คนต้องยอมรับระบบการเมืองประหลาดแบบนี้
เคยถามประชาชนทั้งประเทศหรือยัง...
บันทึกการเข้า
chaturant
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 499



« ตอบ #26 เมื่อ: 29-09-2008, 07:30 »

มีสิทธิ์อะไรมาบังคับให้คนต้องยอมรับระบบการเมืองประหลาดแบบนี้
เคยถามประชาชนทั้งประเทศหรือยัง...

ไอวัว ใครไปบังคับให้ทำตาม เรื่องนี้เป็นแค่การนำเสนอ และ ไม่เห็นด้วยตรงไหนว่ามาสิ ไม่ใช่ สักแต่พูด  วัวจริงๆ มาแนว ไอ นปก. เลย
บันทึกการเข้า
chaturant
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 499



« ตอบ #27 เมื่อ: 29-09-2008, 07:36 »

เจอ พิธีกร หลายคนและ มันยังไม่รู้ข้อมูลเลย แต่พูดมามั่วๆ อย่างเมื่อเช้า ไอรายการ สถานีสนามเป้า  มันยังบอกว่า พธม. เสนอการเมืองที่ล่าหลัง คือมาจากการแต่งตั้ง โอย มันไปอยู่ไหนมาวะเนี้ย ไอเวงเอ๊ย แล้วมันบอกว่า มันสนับสนุน กลุ่ม นศ. ไรก็ไม่รู้จำไม่ได้ เสนอว่า ให้นายกมาจากประชาชนโดยตรง  เวนกำทั้งๆที่ ข้อเสนอนี้เป็นของ พธม. โอย เครียดๆๆ ผม search เน็ตหา เบอร์โทรเลยจะโทรไปด่าซะหน่อย หาไม่เจอ   
บันทึกการเข้า
chaturant
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 499



« ตอบ #28 เมื่อ: 29-09-2008, 11:38 »

ไอพวก สนนท. บอก พธม. เสนอการเลือกตั้งผสมการสรรหา เสนอการเมืองสูตรโบราณ   ทำไมมันไม่ศึกษาข้อมูลก่อนวะ ทั้งๆที่ มันเลือก ตั้ง 100 %  แล้วแต่ละเรื่องที่ ไอพวกนี้เสนอมันก็คล้ายกับ พธม. หลายเรื่อง แล้วยังขี้ตู่ เอาเลือกตั้งนายกโดยตรงไปอีก  ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ พธม. ได้เสนอ ให้แยกนิติบัญญัติ-ออกจากบริหารไปแล้ว มันจะโบราณยังไงวะ แล้วยังบอกว่า หมอประเวศสนับสนุน พธม. เลยไม่เป็นกลาง เอ้า ท่านสนับสนุนความดี ความถูกต้อง แล้วมันไม่กลางยังไงวะ ไอเด็กพวกนี้      

นักศึกษาชูการเมืองใหม่ เลือกตั้งนายกฯโดยตรง

เมื่อ ช่วงเย็นวานนี้ (28 ก.ย.) ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา สี่แยกคอกวัว ถนนราชดำเนิน กรุงเทพฯ ตัวแทนสหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท.), สหภาพแรงงานไทรอัมพ์อินเตอร์เนชั่นแนล และกลุ่มประกายไฟ ร่วมกันออกแถลงการณ์ "การเมืองใหม่ต้องเลือกตั้งนายกรัฐมนตรี โดยตรง ระบบลูกขุน ลดงบประมาณทหาร และสร้างรัฐสวัสดิการ"

โดยระบุว่า ด้วยสถานการณ์การเมือง โดยกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้เสนอการเมืองใหม่ โดยอ้างว่าเป็นผู้จุดประกายการปฏิรูปการเมืองผ่าทางตัน การเมืองแบบเก่า ที่เต็มไปด้วยนักการเมืองซื้อเสียง และการคอรัปชัน แต่กลุ่มพันธมิตรฯ ไม่มีความชอบธรรมที่จะเป็นเจ้าภาพ เพื่อการสร้างประชาธิปไตย เพราะการเคลื่อนไหวและเป้าหมายของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ผ่านมาล้วนลดบทบาทและไม่เชื่อมั่นในอำนาจและความคิดของประชาชนคนธรรมดา ไม่ว่าจะเป็นการเสนอขอนายกรัฐมนตรีพระราชทาน การเลือกตั้งผสมการสรรหา ดังนั้น การเมืองใหม่ของพันธมิตรฯ จึงเป็นเพียงการเมืองใหม่สูตรโบราณ

แถลงการณ์ ระบุต่อว่า ความพยายามเสนอโครงการทางการมืองของกลุ่มพันธมิตรฯ เป็นไปเพื่อเป้าหมายทำลายศัตรูทางการเมืองเท่านั้น ไม่ได้มีข้อเสนอเพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างแท้จริง ไม่มีอุดมการณ์ที่จะสร้างการเมืองใหม่ที่แท้จริง สหภาพแรงงาน นักศึกษา ประชาชนและองค์กรแนวร่วมในฐานะเป็นองค์กรภาคประชาชนเล็งเห็นว่า การปฏิรูปสังคมที่เป็นอิสระจากพันธมิตรฯ จึงควรมีข้อเสนอโครงการทางการเมืองของเราเอง เพื่อให้เกิดการปฏิรูปสังคมการเมืองอย่างแท้จริง ดังนี้

1.การ ปฏิรูปการเมือง โดยสนับสนุนให้มีการเลือกนายกรัฐมนตรีโดยตรงจากประชาชน ยกเลิกสมาชิกวุฒิสภา เนื่องจากความซ้ำซ้อนและไม่จำเป็น โดยสมาชิกสภาต้องมาจากการเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชน, ต้องลดเงื่อนไขที่เป็นอุปสรรคของการวมตัวเพื่อตั้งพรรคการเมืองของประชาชน เช่น ไม่ต้องจดทะเบียนพรรค,ไม่ต้องมีสาขาพรรค และจำนวนสมาชิกตามกำหนด

2. การกระจายอำนาจ โดยยกเลิกการปกครองส่วนภูมิภาคที่เน้นการรวมศูนย์จากส่วนกลาง แต่ส่งเสริมและสนับสนุนให้ประชาชนปกครองตนเองผ่านการปกครองส่วนท้องถิ่น

3. ปฏิรูประบบศาล ลดอำนาจของศาลที่มีอยู่เดิม เนื่องจากผู้พิพากษาไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง จึงเสนอให้ใช้ระบบลูกขุนที่มาจากประชาชนธรรมดาแทนผู้พิพากษาในระบบราชการแบบ เดิม, ยกเลิกโทษประหารชีวิต และยกเลิกกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ

4.ปฏิรูปกองทัพ ลดงบประมาณกองทัพ ย้ายค่ายทหารออกจากเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล เพื่อใช้พื้นที่สร้างสวนสาธารณะและศูนย์ฝึกอาชีพ

5. ปฏิรูประบบภาษี ยกเลิกระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม เก็บภาษีจากที่ดิน มรดกในอัตราก้าวหน้า เพื่อนำมาสร้างรัฐสวัสดิการ และ

6. รัฐสวัสดิการ ปฏิรูปที่ดินการรวมศูนย์โดยแบ่งที่ทำกินให้คนที่ไม่มีที่ดินเพียงพอ, สร้างรัฐสวัสดิการให้ประชาชนทุกคนเข้าถึงบริการของรัฐอย่างทั่วถึง, ยกเลิกกฏหมายทำแท้งเสรี, ขยายมาตรการ 6 เดือนของรัฐบาล และยกเลิกแรงงานนอกระบบ

ทั้งนี้ กลุ่มผู้เสนอแนวทางการเมืองใหม่จะรณรงค์โดยการแจกใบปลิวและสร้างเวทีพุดคุย กับประชาชนและขบวนการภาคประชาชน โดยเริ่มดำเนินการในวันที่ 4 ต.ค.นี้  เวลา 11.00 น.

เมื่อถามว่า ทางกลุ่มจะร่วมกับองค์กรอิสระปฏิรูปการเมืองซึ่งเสนอโดยอธิการบดี 24 สถาบันหรือไม่ นายเก่งกิจ กิตติเรียงลาภ แกนนำกลุ่มประกายไฟ กล่าวว่า ทางกลุ่มเห็นว่าการปฏิรูปการเมืองควรมีเวทีของประชาชน ทางกลุ่มจะรอดูว่าแนวคิดตั้งองค์กรอิสระปฏิรูปการเมือง จะมีรูปแบบอย่างไร แต่เท่าที่ปรากฏข่าวได้มีการเสนอให้ นพ.ประเวศ วะสี ราษฏรอาวุโส เป็นประธานองค์กรอิสระฯ ทางกลุ่มเห็นว่านพ.ประเวศ มีบทบาทที่สนับสนุนพันธมิตรฯ จึงไม่น่าจะมีความเป็นกลาง

นายเก่ง กิจ กล่าวด้วยว่า การปฏิรูปการเมืองควรเป็นการปฏิรูปโดยประชาชนหรือคนกลุ่มใหม่ เช่น คนจน นักศึกษา ทางกลุ่มเชื่อว่า การออกมาเสนอแนวทางการเมืองใหม่ข้างต้นน่าจะได้รับความสนใจจากคนกลุ่มใหญ่ใน สังคมที่เบื่อพันธมิตรฯ และไม่เอาแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปก.)

http://www.thairath.co.th/online.php?section=newsthairathonline&content=105815
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-09-2008, 11:53 โดย chaturant » บันทึกการเข้า
OMEGA
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 233



« ตอบ #29 เมื่อ: 29-09-2008, 11:49 »

อ้างจาก: chaturant link=topic=36849.msg369502#msg369502 date=1222663การเลือกตั้ง105
3. ปฏิรูประบบศาล ลดอำนาจของศาลที่มีอยู่เดิม เนื่องจากผู้พิพากษาไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง จึงเสนอให้ใช้ระบบลูกขุนที่มาจากประชาชนธรรมดาแทนผู้พิพากษาในระบบราชการแบบ เดิม, ยกเลิกโทษประหารชีวิต และยกเลิกกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ



..เพื่ออะไรวะ?
 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-09-2008, 11:51 โดย OMEGA » บันทึกการเข้า

Matahari
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 228



« ตอบ #30 เมื่อ: 29-09-2008, 11:55 »

  แค่ สนนท มันบอกว่าไม่เอานปก และพธม แต่ดันมาแถลงการร่วมกับพวกไทรอัมภ์ ที่ร่ามมือนปก และพวกคิดล้มล้างสถาบันที่มันใส่เสื้อไม่เอาสถาบัน เห็นหรือ ยีงว่าสนนท พวกไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม  ปากไม่เอาแต่ด้นเอาพวกนปก มาแถลง มันเกิดมาเป็นควา-ย จริงๆๆ พวกสนนท
บันทึกการเข้า
chaturant
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 499



« ตอบ #31 เมื่อ: 29-09-2008, 11:58 »

  แค่ สนนท มันบอกว่าไม่เอานปก และพธม แต่ดันมาแถลงการร่วมกับพวกไทรอัมภ์ ที่ร่ามมือนปก และพวกคิดล้มล้างสถาบันที่มันใส่เสื้อไม่เอาสถาบัน เห็นหรือ ยีงว่าสนนท พวกไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม  ปากไม่เอาแต่ด้นเอาพวกนปก มาแถลง มันเกิดมาเป็นควา-ย จริงๆๆ พวกสนนท


ใช่ครับ แล้วมันยังพูดอีกว่า กฏหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เป็นกฏหมายล้าหลัง ทำให้คนไทยคลั่งชาติ ดูมันพูดดดดดดดดดดดดดดดด ไอพวกนี้แหละ ที่จะลดพระราชอำนาจลง  ต่อไปมันคงจะด่า สถาบันเรา สนุกปากเลย 
บันทึกการเข้า
May The Force Be With You
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 331


ขอพลังสถิตย์กับท่าน


« ตอบ #32 เมื่อ: 29-09-2008, 12:00 »

 สนนท. สมัยนี้น่าผิดหวังจริงจริง     นี้พวกมันไม่เอาเจ้าเหมือนพวก นปก.ด้วยใช่ไหม          ไว้อาลัยแด่นักศึกษาไทย  


บันทึกการเข้า

"เจไดที่ฉลาดมากๆ คนหนึ่งเคยบอกข้าไว้ว่าเราไม่จำเป็นต้องชนะ แต่เราต้องสู้"
login not found
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,523



« ตอบ #33 เมื่อ: 29-09-2008, 12:15 »

ไอ้เด็กพวกนี้มันมีหัวคิดที่ไหน ที่ได้เป็นก็เพราะการเมือง เป็นโดยตำแหน่ง
ตั้งใจเข้ามาเป็นเพื่อเงินและใบประกาศท้ายเรซูเม่ ไม่ใช่อุดมการณ์
มันเลยไม่ค่อยจะพกสมองมาด้วย ลอกข้มูลมาจากคนอื่นมันก็แอบอ้างเป็นผลงานของมันได้หน้าตาเฉย
ใครยัดอะไรมาไม่ว่าจะเงินหรือโครงการมันก็เอาทั้งนั้น
คิดเองทำเองหาทางหาทุนเองเป็นซะที่ไหน

ฝึกไว้ อีกหน่อยมันจะไปเป็นนักการเมือง 5555
บันทึกการเข้า
1ktip
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,457



« ตอบ #34 เมื่อ: 29-09-2008, 14:55 »

แก็งค์เด็กเหลือขอ สนนท. กับ สหภาพกางเกงใน มันพวกเดียวกันหมดล่ะครับ ฝังตัวอยู่ในบอร์ดประชาไทกันนานแล้ว
บันทึกการเข้า
katindork
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 369


« ตอบ #35 เมื่อ: 29-09-2008, 17:48 »

การปฏิรูปการเมือง  เราต้องเอาปัญหามาเป็นโจทย์ตั้ง  แล้วคิดหากลไกแก้ แล้วระบุลงในกฏหมาย


พวกที่กลัวการเปลี่ยนแปลง  มันมักจะอ้างเอารูปแบบมาแปะ แล้วบอกว่าอย่างอื่นประหลาด(ตรงที่พวกมันคอรับชั่นไม่ได้)

ไอ้พวกที่ชอบอ้างตัวเลขนี่  อยากจะออกกฏหมายพิเศษจริงๆ 
ใครอ้างพวก อ้างตัวเลข ให้ปลดออกจากตำแหน่งทุกตำแหน่ง  แล้วขึ้นเป็นจำเลยในข้อหาหมิ่นประมาทสังคม งดแสดงความเห็นเง่าๆอีกต่อไป

ส่วนพวก สนนท. มันไม่ได้ตั้งใจที่จะปฏิรูปพรรคการเมืองหรอก 
หว่านให้กว้างๆ ประเด็นแตกเป็นเบี้ยหัวแตก  ก็เพียงแค่หวังผลในทางการเมือง
แค่ป่วนเท่านั้นเอง
อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่   เขามาเดินบนท้องถนนตั้ง 3 ปีแล้ว  ไม่รู้สึกรู้สากัน 
มาร้อนตัวตอนเขาจะเปลี่ยนแปลงนี่   
เรียกมาสัมนาให้เห็นดำเห็นแดงดีกว่า  ขอเชิญ สนนท. มาที่ทำเนียบเลยครับ
บันทึกการเข้า
Solidus
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,381



« ตอบ #36 เมื่อ: 29-09-2008, 18:39 »

รัฐธรรมนูญ เขียนเป็นเจตนารมณ์ ไม่ต้องมากหรอกครับ ที่เหลือไปอยู่ในพรบ.จะได้ลงโทษชัด ๆ

สมมุติว่า รัฐมนตรีต้องไม่ไปเป็นลูกจ้างหรือรับจ้าง หรือมีผลประโยชน์อื่นใด ตรงนั้นหากดูตามเจตนารมณ์ก็ขาดแล้ว แทบไม่ต้องขึ้นศาล

หรือ ปปช. บอกว่า ยื่นบัญชีทรัพย์สินไม่ถูกต้อง ก็ต้องออกแล้ว ไม่ต้องไปดูอะไรอีก

พูดง่ายๆ คนเป็นรัฐมนตรีต้องไม่หน้าด้าน หรือดื้อด้าน

เมื่อหลุดไปแล้วในกรณีทำผิดรัฐธรรมนูญ ต้องห้ามกลับมารับตำแหน่งอีกตลอดชีวิต หรือ 5 ปี

ศาลรัฐธรรมนูญ ต้องใช้องคณะให้มากเข้าไว้ ป้องกันการล้อบบี้


และต้องกำหนดเวลาการพิจารณาคดีให้สั้นเข้าไว้
ขนาดเรื่องตีความกฎหมายรัฐธรรมนูญเขาตีความตามเหตุผลและเจตนารมณ์ แต่นักกฎหมายบางตัวรวมทั้งลิ้วล้อแม้วดันจะเอาการตีความกฎหมายแพ่งที่ตีความตามตัวอักษรประกอบเจตนารมณ์มาใช้กับรัฐธรรมนูญ ถ้าจะเขียนเป็นเจตนารมณ์ ไม่ต้องมากมาตราคงต้องแก้สัันดานนักการเมืองก่อน
บันทึกการเข้า
Arch_FreeMan
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 210



« ตอบ #37 เมื่อ: 30-09-2008, 01:40 »

ผมคิดว่า สนนท ในปัจจุบัน เป็นองค์กรที่ ขี้เรื้อนมาก

ไม่ควรค่าที่จะหยิบยก ขึ้นมาเป็นองค์กรที่มีความสำคัญทางด้านความคิดของคนในสังคมไทยด้วยซ้ำไป
บันทึกการเข้า

ธรรมเท่านั้นคือทางรอดของสังคมไทย
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #38 เมื่อ: 30-09-2008, 02:16 »

ต้องดูว่า สนนท. มีใครเป็นที่ปรึกษา

ตลอดเวลาที่เคลื่อนไหว ไปเข้าทางใครหรือเปล่า
บันทึกการเข้า

GODFATHER
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 112


« ตอบ #39 เมื่อ: 01-10-2008, 20:38 »

สนนท. เขาเคลื่อนไหวโดยบริสุทธิ์ใจไม่มีเบื้องหน้าเบื้องหลัง และเขานำเสนอแนวทางการเมืองใหม่ได้ดีมีเหตุผลรองรับมากกว่าพธม. จริงๆ เราต้องยอมรับ....เขาไม่ได้เคลื่อนใหวเหมือนลูกนักการเมืองบางคนเช่นกลุ่ม ยังส์ แพ๊ด...จริงมั๊ย นายหัว...


* 040331_maskfun.gif (5.21 KB, 64x64 - ดู 295 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
    กระโดดไป: