ตรวจสอบแนวคิดการเมืองใหม่จากค่ายผู้จัดการ

[พระพาย]

จากผู้จัดการรายสัปดาห์... http://www.manager.co.th/mgrWeekly/ViewNews.aspx?NewsID=9510000110685

มีการพูดถึงวงจรอุบาทว์การเมืองเก่าโดยย่อ และบทสัมภาษณ์แนวคิดการเลือกตั้ง 4 สูตรด้วยกันคือ

1.ลดผู้แทนแบ่งเขต เพิ่มผู้แทนกลุ่มอาชีพ
2.นักการเมืองเลิกสังกัดพรรค
3.แยกบริหาร-นิติบัญญัติ: ผู้นำมาจากการเลือกตั้ง + ระบบไต่สวนด่วนทันใจ (เขาบอกว่าไม่ใช่ระบบประธานาธิบดีอ่ะนะ)
4.เลือกแบบจังหวัดสกัดซื้อเสียง

นอกจากนี้การเมืองใหม่ ประชาชนจะต้องมีส่วนร่วม + เข้มตรวจสอบ ยึดธรรมาภิบาล.... --> รัฐบาลประชาภิวัฒน์ สภาประชาภิวัฒน์ (ค่ายนี้เขาชอบพวก "ภิวัฒน์" มาตั้งแต่ตอนใช้ศัพท์ "โลกาภิวัฒน์")

รายละเอียดเหล่านี้ยังไม่มากนัก มีประมาณนี้ครับ

รัฐบาลประชาภิวัฒน์ จะต้องเป็นกลุ่มคนที่พร้อมปฏิรูปการเมืองร่วมกับประชาชนด้วยความจริงใจ เป็นแกนกลางระดมความร่วมมือจากองค์กรประชาชนทุกภาคส่วน ทุกสาขาอาชีพ เพื่อกำหนดอนาคตและทิศทางของประเทศชาติร่วมกัน ช่วยกันพัฒนาสร้างสรรค์ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ทั้งเนื้อหา รูปแบบ โครงสร้างทางการเมืองและวัฒนธรรมทางการเมือง ที่อยู่บนพื้นฐานการมีส่วนร่วมอย่างกว้างขวางเพื่อความเป็นธรรมในสังคม และรับผิดชอบโดยให้ประชาชนมีอำนาจในการตรวจสอบได้อย่างแท้จริง

รัฐบาลประชาภิวัฒน์ จะร่วมกำหนด “วาระแห่งชาติ” ที่แท้จริง และครอบคลุมปัญหาและความเรียกร้องของประชาชนทุกภาคส่วน และทุกสาขาอาชีพ

รัฐบาลประชาภิวัฒน์ จะร่วมกับประชาชนเพื่อทำให้เกิด “สภาประชาภิวัฒน์” ที่มีองค์ประกอบหลากหลาย กว้างขวาง เพื่อนำพาประเทศให้พ้นจากวิถีการเมืองแบบเดิม ที่เอื้อต่อการทุจริต คอร์รัปชัน ใช้เล่ห์เพทุบายเพื่อหลบเลี่ยงจากการตรวจสอบ และไม่ตอบสนองปัญหาและความต้องการของประชาชน

การเมืองใหม่จะสนับสนุนเศรษฐกิจไทยโต-ทุนเล็กเกิด ...การเมืองใหม่ไม่ใช่แค่ป้องกันไม่ให้คนไม่ดีมาปกครองบ้านเมืองเท่านั้น แต่รวมถึงการทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างยั่งยืน และมองเศรษฐกิจอีกรูปแบบหนึ่ง โดยไม่จำเป็นต้องสนับสนุนทุนใหญ่เสมอไป เราอาจถอยมาก้าวหนึ่ง เพื่อสนับสนุนชนชั้นกลางให้สามารถทำธุรกิจได้มากขึ้น ให้มีธุรกิจขนาดเล็กจำนวนมาก ดีกว่ามีธุรกิจขนาดใหญ่ไม่กี่ราย ดังนั้น ไม่ใช่เฉพาะให้ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างเดียว แต่ต้องให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการใช้ทรัพยากรด้วย

อ่านแล้วก็พอจะเดาทางการเมืองใหม่ที่เขากำลังจะแถลงในวันจันทร์นี้ครับ

[Can ไทเมือง]

ต้องรอโครงร่างเสียก่อนครับ เห็นเสนอกันคนละหนุบ คนละหนับ จับทางไม่ถูก

เห็นมีเสนอ "ราชประชาสมาศัย" อีกรูปแบบหนึ่ง เลยยังไม่มีตัวตั้งจริง ๆ จัง ๆ

เดี๋ยวต้องเดินทางแล้วครับ ถ้ามีโอกาส อาจเข้ามาอ่านอีกที รอ วันพรุ่งนี้ แกนนำกับกลุ่มต่างๆ ที่เชิญมาที่ทำเนียบเค้าจะคุยอะไรกัน

[jerasak]

ผมก็พยายามติดตามข้อมูลการเมืองใหม่ของพันธมิตรมาเรื่อยๆ
แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังคิดว่าพันธมิตรนำเสนอได้ไม่ตรงจุดนะครับ
ผมว่าปัญหาจริงๆ มันไม่ได้อยู่ตรงที่พันธมิตรนำเสนอ
จะรอดูการแถลงวันจันทร์อีกครั้ง แล้วคงวิจารณ์เต็มๆ สักที 

[sootyod]

การเมืองใหม่

1. ขอเสนอขั้นตอนก่อนจะเปลี่ยนเป็นการเมืองใหม่ครับ
    ผู้ที่เคยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ไม่ว่าเมื่อไร ก่อนหน้าการเลือกตั้งในการเมืองใหม่)
    ต้องเสียสละครับ  ห้ามสมัครเป็นผู้แทนราษฎร  ผมก็ทราบว่ามีบางคนที่ดีจริงๆ พอมีบ้าง
    แต่ถ้ายอมให้อยู่ในระบบต่อไป ก็มีปัญหาว่าใครดี/ไม่ดี  หรือเลือกปฏิบัติ  ใครตัดสิน?
    ต้องเปลี่ยน เปลี่ยนหมดทั้งชุด เริ่มสร้างใหม่ทั้งหมดครับ ไม่งั้นผมเชื่อว่าเปลี่ยนไม่ได้แน่นอน!!

2. การเมืองใหม่เปลี่ยนโครงสร้างอย่างไรก็ตาม
    2.1  ไม่ควรเกี่ยวข้องกับองคมนตรี ไม่ว่าด้านใดๆ
    2.2  ควรกำหนดเลยว่า ถ้า ครม./ผู้แทนราษฎร ทำความเสียหายต่อชาติ ด้านใดบ้างถือว่าพ้นจากตำแหน่ง
           และห้ามข้องเกี่ยวการเมือง / ยึดทรัพย์ / จำคุก / ประหาร
           ทั้งนี้ต้องเป็นผลทันที / หากต้องสอบสวนข้อเท็จจริงเพิ่มเติม ให้พ้นจากตำแหน่งไว้ก่อน หากพ้นมลทินค่อยกลับมา
    2.3  ถ้ามีการเปลียนโครงสร้าง ควรยึดถือแนวทาง 3 อำนาจเป็นแกนหลัก
          โดยอาจเพิ่มบทบาทอำนาจตุลาการ เพราะในประเทศไทยทุกวันนี้ ประชาชนส่วนมากยังเคยชินกับระบบการเมืองแบบเดิม
          ชินชากับการซื้อเสียง คอรัปชั่น และข้าราชการฉ้อฉล จึงมีความจำเป็นต้องให้ตุลาการเข้มแข็งในช่วงเริ่มต้นก่อน




           
 

[chaturant]

เห็นด้วยมากๆๆ แต่ผม ชอบ สูตรที่ 3 กับ 4 โดยเฉพาะ สูตรที่ 4 ดีมากที่ สส. ไม่สามารถไปเป็นรัฐมนตรีได้ ต้องแยก ระหว่างฝ่ายบริหารกับ นิติบัญญัติ บริหารเป็นหน้าที่ของ นายก สส. มีหน้าที่ ออกกฎหมาย เอาปัญหา ปชช. มาบอก กับผู้บริหาร   เห็นด้วยๆๆมากๆครับ 

[meriwa]

ทีเราพูดการเมืองใหม่ กันอยู่ทุกวันนี้ มันอาจจะไม่ใหม่ก็ได้ครับ
การเมือง ถ้าจะพูดกันตรงๆ มันก็เป็นเรื่องของผลประโยชน์ทั้งนั้น
สิ่งที่เราคิดว่าดี มันอาจจะไม่ดีสำหรับคนอื่นก็ได้ ถ้าเค้าเสียประโยชน์
การไปห้ามไม่ให้คนโน้นคนนี้ เข้ามายุ่งกับการเมือง มันจะได้หรอ ผมว่ามันอาจจะเกินไปหน่อยนะ
เพราะการที่เค้าหรือใครไม่สามารถมีสิทธิมีเสียงในทางการเมือง นั่นหมายถึงเค้าย่อมเสียผลประโยชน์ของตนเองไป
่
และยิ่ง พธม. พูดทำนองที่จะจำกัดการมีส่วนร่วมทางการเมืองของกลุ่มคน ที่ พธม. เห็นว่าเค้าไม่มีความรู้ทางการเมืองดีพอ
ก็ยิ่งจะทำให้การจะเปลี่ยนแปลงระบบการเมืองไทย มันยากยิ่งขึ้น
ยังไงผมก็ยังเห็นว่าประชาชนทุกคน ควรมีส่วนร่วมทางการเมืองทุกคน ส่วนใครจะอยากจะมีหรือไม่มีก็เรื่องของเค้า
แต่ พธม. ไม่ควรนำมาพูดในเวลานี้  ให้มันมากเกินไป

อยากให้ พธม. เน้นไปที่กระบวนการ มากกว่าที่ตัวบุคคลหรือกลุ่มคน
โดยเฉพาะกระบวนการคัดเลือก สส. เข้ามา และกระบวนการตรวจสอบการทำงานของฝ่ายบริหาร
จะทำอย่างไร รัฐบาลจึงจะทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ มีความเข้มแข็ง ทำงานโปร่งใส
โดยพยายามให้ทุกคนในสังคมมีส่วนร่วมด้วยกันทั้งหมด  เพียงแต่บทบาทหน้าที่ของแต่ละคนอาจแตกต่างกันไป