เชียร์ คนดี ขอให้กำลังใจ

สังคมขาดคนแบบ 'เสรีพิศุทธ์'

27 มิถุนายน 2549

เปลว สีเงิน

นี่ผมคิดเล่นๆ นะครับว่า ถ้า "พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส" จเรตำรวจแห่งชาติ เป็น "ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ" ความเปลี่ยนแปลงด้านใดบ้าง จะเกิดขึ้นกับ "สถาบันตำรวจ"

และสถาบันสังคมประชาชาติ?

เออ..คิดแล้วก็อยากเห็นอย่างนั้นจริงๆ เพราะอยากรู้จาก "ของจริง" ว่า ถ้าจริงขึ้นมาแล้ว..ปฏิกิริยาตอบสนองจากสังคมจะเป็นอย่างไร?

เหมือนฟ้าผ่า "สำนักงานตำรวจแห่งชาติ"

ตำรวจส่วนหนึ่งจะ..ไชโย ดีใจ ต่อไปนี้ "ตำรวจ" จะได้เป็น "ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์" แทนคำเรียกหาลับหลังจากชาวบ้านว่า "โจรในเครื่องแบบ" ซะที

ตำรวจอีกส่วนหนึ่ง จะหน้าซีดเป็นไก่ตรุษจีน บางคนอาจตกใจ หงายหลังตกเก้าอี้..ต่อไปนี้จะเอาอะไรกิน?

เหมือนฝนตกท่ามกลาง "แผ่นดินแล้งแห้งโหย"

เพราะชาวบ้านทั่วไป ผมพูดแทนได้เลยว่า ร้อยละ ๙๐ ขึ้นไป จะต้องยกมือท่วมหัว และกล่าวว่า

ขอให้เป็นจริงอย่างนั้นเถอะ สุจริตชนที่ดำรงชีพด้วยสัมมาอาชีวะจะได้อยู่เป็นสุข ปลอดทั้งโจร และปลอดทั้งตำรวจในคราบโจรเสียที

พวกทุจริตชนที่กลับเนื้อกลับตัวได้ ก็จะได้รับช่องทางที่เป็นธรรมทางกฎหมาย ส่วนพวกทุจริตชนโดยสันดาน ก็จะได้ถูกกวาดล้าง-จัดการ "ชนิดไม่ไว้หน้าใคร"

ด้วยปฏิบัติการจาก "ตำรวจของประชาชน" เฉียบขาด!

ขอแทรกนิดนะครับว่า "สุจริตชน-ทุจริตชน" อย่างที่ผมว่านั้น ท่านอาจเข้าใจว่าผมหมายถึงระดับชาวบ้านทั่วๆ ไป ที่ประพฤติตนเป็นโจรผู้ร้าย หรือยึดอาชีพ หรือมีการกระทำนอกกฎหมาย อย่างเช่น ตั้งบ่อน กัดปลา ตีไก่ ไฮโล โปปั่น ค้าของเถื่อน และยาเสพติด

ไม่ใช่แค่นั้นนะครับ "สุจริตชน-ทุจริตชน" ยังหมายรวมถึง ข้าราชการ-นักการเมือง ที่ใช้ตำแหน่ง อำนาจ หน้าที่ ไปกระทำ ไม่กระทำ เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ในทางไม่ชอบอันเข้าข่าย เบียดบัง ฉ้อราษฎร์-บังหลวง

รวมทั้งประเภท "บ่อพร่องโดยสุจริต" พร่ำเพรื่อด้วย!

อย่ามองว่าผม "หวังสูง" เอากับตำรวจ เหมือนยกประเทศทั้งประเทศให้ตำรวจแบกนะครับ ซึ่งจริงๆ แล้ว ผมหรือใครๆ ก็ไม่ได้มุ่งหวังเอากับตำรวจขนาดนั้น

เอาเพียง "ตำรวจ-ตงฉิน" ก็เหลือจะยัด!

เพราะสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือที่เป็น "กรมตำรวจ" ในสมัยก่อนนั้น ทางการตั้งขึ้นมาก็ในเป้าหมายใช้เป็น "เครื่องมือ" รักษากฎหมายและสุจริตชนให้อยู่เป็นสุขเท่านั้น

คือเป็นฝ่ายปฏิบัติ พิทักษ์กฎระเบียบบ้านเมืองให้ขลังและศักดิ์สิทธิ์ ตามนโยบายฝ่ายบริหาร

"คนทำถูกกฎหมาย" ต้องได้รับการคุ้มครอง

"คนทำผิดกฎหมาย" ต้องถูกลากคอเข้าตะราง

กฎหมาย และ ตะราง ต้องเป็นสมบัติที่ คนจน คนรวย ข้าราชการ นักการเมือง ได้รับเท่าเทียมกัน

เท่านี้..สั้นๆ แค่นี้คือ "ภารกิจหลัก" ของตำรวจ ไม่ต้องไปประกวดคำขวัญอะไรมาติดให้เลอะโรงพัก

ที่ผมปรารภ "พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส" ขึ้นเป็นรูปธรรมครั้งนี้ ก็ไม่มีอะไรมาก นอกจากว่า เห็นท่านเมื่อได้รับมอบอำนาจจาก "พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์" รองนายกฯ และรัฐมนตรียุติธรรม ให้รับหน้าที่ปราบปรามแหล่งอบายมุขและผู้มีอิทธิพลแล้ว

ท่านก็ทำหน้าที่ "บนการไม่ร่วมมือ" แถมขัดขวางอยู่ในทีของตำรวจด้วยกันบางหน่วยอย่างเต็มสติกำลังและปัญญา

ทั้งที่ "จเรตำรวจแห่งชาติ" นั้น ไม่มีทั้งกำลังพล และเครื่องไม้เครื่องมืออะไรมากนัก

แต่ท่านก็ใช้กำลังอันน้อยนิดนั้น จับบ่อนพนันอภิมหาอำนาจเหนือตำรวจนครบาล เหนือสำนักงานตำรวจแห่งชาติอย่าง "บ่อนปอ-ประตูน้ำ"

จับบ่อนพนันลอยฟ้าย่านปิ่นเกล้า ชนิดที่พูดเปรียบเทียบได้ว่า

เหมือนใช้มือเปล่าจับ ยังจับผู้ต้องหาได้บ่อนละเป็นร้อยๆ คน!

ในขณะที่ "ตำรวจท้องที่" เคยปฏิบัติการโชว์ฉาก ใช้กำลังทั้งหน่วย ใต้ดิน บนดิน รวมถึงหน่วยบนอากาศ ออกกวาดจับเป็นพิธีกรรม ได้ "ผู้ต้องหาอาสา" ประกอบฉากพอให้เรียกว่า

ร่วมแสดงกันได้สมบทบาท!

นี่คือคำตอบพื้นฐานว่า การทำงานของตำรวจจริงๆ แล้วนั้น หัวใจสำคัญในการทำหน้าที่คืออะไร?

"ความสุจริต-ซื่อสัตย์" ต่อหน้าที่ ของคนที่ทำหน้าที่ "ผู้รักษากฎหมาย" ครับ ไม่ใช่กำลังพลมากมาย หรืออุปกรณ์ เช่น รถยนต์ เฮลิคอปเตอร์ กระทั่ง สุนัขตำรวจ คือหัวใจของการทำหน้าที่!

ผมเห็นปฏิกิริยาตำรวจด้วยกัน ต่อการทำหน้าที่ของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เห็นชัดเจนว่า ตั้งแต่ระดับหัวแถว ยันปลายแถว เหมือนถูกเอาขี้หมายัดปาก แล้วต้องฝืนตอบว่า

อร่อย..อยากกินมาตั้งนานแล้ว!

ตำรวจไทยนั้น ถ้าเรื่องไหนตั้งใจทำกันจริงละก็ วงการตำรวจทั่วโลกยกนิ้วให้เป็น ๑ ใน ๑๐ ตำรวจ "เก่ง" ของโลก

ขณะเดียวกัน เขาก็ยกให้เหมือนกันว่า ตำรวจไทยติดอันดับ ๑ ใน ๑๐ ตำรวจ "กิน" ของโลก!

ฉะนั้น ในเรื่องของตำรวจด้วยกัน มันปกปิดตำรวจด้วยกันไม่มิดหรอกว่า เหตุที่บ่อนพนันตั้งอยู่ได้เป็นสิบ-ยี่สิบปีนั้น นายพล นายหมื่น นายสิบ นายร้อย นายดาบ พลตำรวจ คนไหนบ้าง?

ใช้อำนาจ-หน้าที่ กระทำ และละเว้นการกระทำ เพื่อให้ได้มาซึ่งประโยชน์อันไม่ชอบ!

ผมขำปนอนาถใจ ตำรวจคนหนึ่งออกไปทำหน้าที่ด้วยซื่อสัตย์-สุจริตให้เกิดผล กลับปรากฏว่า ตำรวจอีกส่วนหนึ่งที่ไม่ทำหน้าที่ของตนกลับ "ไม่พอใจ" ถึงขนาดมีบางคนพยายามวิ่งใช้ "อำนาจลับ"

หวัง "กำจัด" ตำรวจที่ทำหน้าที่ซื่อสัตย์-สุจริต!

ผมค่อนข้างจะนับถือความหนักแน่นแห่งพลังจิตของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เพราะท่านถูกบรรยากาศทั้งวงการตำรวจด้วยกัน และทั้งบรรยากาศ "อำนาจเหนืออำนาจ" กดทับขนาดนั้น

ท่านยิ่ง "นิ่งลึก" ทั้งแววตา และน้ำเสียง นอกจากไม่ท้อแล้วยัง..ไม่ถอยด้วย!

ถ้าเป็นผมน่ะ ถอดใจไปนานแล้ว

แค่ทำไม่รู้-ไม่ชี้ ก็จะอยู่สบายกว่ากันแยะเลย ถึงเดือนเงินจะไหลเข้าบัญชีเอง ขอให้บอกแค่ว่า..จะเอาเท่าไหร่?

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ทำให้ผม "เกลียด" ตำรวจไม่ลง เพราะถ้าท่านยืนหยัด-ยืนยันในเส้นทางซื่อสัตย์-สุจริตให้เป็นแบบอย่างของคนในสถาบันตำรวจอยู่เช่นนี้สักพัก

ตำรวจที่ดีๆ อีกมากมาย จะเกิดความมั่นใจ และมีกำลังใจหันกลับมาร่วมมือทำงานอุทิศความซื่อสัตย์-สุจริตให้กับสังคมชาติ

แล้วเขาจะได้สัมผัสกับ "สุขแท้จริง" จากการมีเกียรติที่สังคมยอมรับ และนั่น ก็ไม่ต้องห่วงว่า "ปัจจัยบำรุงสุข" อันชอบธรรมจะไม่มี จะไม่ได้ เพราะมันจะหลั่งไหลมาเอง โดยชอบธรรม

เท่าที่ผมสังเกต คนดีๆ ในสังคมชาติวันนี้ ต่างเรียกร้องเอา พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์

ในขณะเดียวกัน คนเลวๆ ในสังคมชาติวันนี้ พอถึงเวลาตัวเองต้องการความยุติธรรมเข้าบ้าง ก็เรียกหาแต่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์

แปลก..แต่จริง!

แม่กระทั่งพวกนักการเมือง พอมีคดีความ ก็จะเรียกหา เจาะจงตัวเอาแต่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ให้มาทำหน้าที่สืบสวน-สอบสวนให้

เอาง่ายๆ ในภาวะวิกฤติบ้านเมืองขณะนี้ก็ไม่วาย ฝ่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ก็ต้องการให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์เป็นผู้ทำหน้าที่

ฝ่าย "สาวกรากหญ้าระบอบทักษิณ" ก็ไม่ต่างกัน ตำรวจทั้งสำนักงาน มีเป็นแสนๆ กับคดีความที่เกิดขึ้น ไม่เจาะจงเอาใครทั้งนั้น จะเอาแต่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์

อย่างนี้สะท้อนถึงอะไร?

๑.สะท้อนว่า สังคมหมดความเชื่อถือ "สำนักงานตำรวจแห่งชาติ"

๒.สะท้อนว่า สังคมทุกระดับ และทุกประเภท กำลังถูกครอบงำด้วยบุคคลไร้ศีล ไร้ธรรม กระทั่งเจ้าหน้าที่บ้านเมือง

๓.สังคมทั้งที่เป็น "ฝ่ายกระทำ" และทั้งที่เป็นฝ่าย "ถูกกระทำ" เมื่อถึงจุดหนึ่งก็ต้องโหยหา คนดี-คนที่ซื่อสัตย์-สุจริต มาเป็นศาสตราป้องตน แต่ก็ยากจะหา และนั่นคือ

๔.พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ คือรูปธรรมที่โหยหาในภาวะสังคมที่ "คนดี-คนที่ซื่อสัตย์-สุจริต" ในการทำหน้าที่ ยังมีไม่สมดุลกับช่องว่างของสังคมที่ถูกถ่างด้วยอสัตย์ชน

ที่คุยถึง "พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์" วันนี้ เพราะนึกถึง "พลเอกเปรม" ที่ท่านเคยบอก จงกระหน่ำอย่าได้รั้งรอในการยกย่อง-สรรเสริญเมื่อเจอคนดี เพื่อเขาจะได้มีกำลังใจในการยืนหยัดซัดกับคนไม่ดีต่อไป และก็อย่าได้เกรงใจ เจอคนเลวเมื่อไหร่ กระทืบได้-กระทืบเลย.