ผู้เขียนจะอุปมา-อุปมัย อย่างนี้
1) คนโลกกลุ่มที่ 1 ทั้งโลก มีกิจกรรม non real sectors ทั้งหมด เช่น ซื้อขายหุ้น ซื้อขายหวยเบอร์ ชกมวย เตะฟุตบอลล์ เล่นกีฬา แสดงหนัง ร้องเพลง แสดงละคร เล่นม้า และบ่อนการพนัน ..ถามว่าจะเอาข้าวที่ไหนมารับประทาน
2) คนโลกกลุ่มที่ 2 ทั้งโลก มีกิจกรรม real sector ทำนาทำไร่ ปลูกข้าว ข้าวโพด ปลูกถั่ว ปลูกงา ผลิตเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการเกษตร ผลิตรถยนต์ ผลิตคอมพิวคอมพิวเตอร์ ฮาร์ตแวร์ ซอฟท์แวร์ ..สามารถมีอาหารการกินอุดมสมบูรณ์
แสดงให้เห็นว่า
คนกลุ่มแรกจะอยู่ไม่ได้ ถ้าไม่มีคนกลุ่มที่ 2 ..จะไม่มีข้าวกิน
คนกลุ่มที่ 2 สามารถอยู่ได้อย่างดี โดยไม่จำเป็นต้องมีคนกลุ่มที่ 2 เลยก็ได้ ..ยังไงก็มีข้าวกิน
นั่นคือคนกลุ่มแรก มีกิจกรรม มีธุรกรรม เอารัดเอาเปรียบคนกลุ่มแรก ...
ความเบี่ยงเบน คือ ..คนกลุ่มแรกกลับมีความมั่งคั่งกว่าคนกลุ่มที่ 2...
เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร ..อาชีพอบายมุข เหนืออาชีพสุจริตชน
ทุกวันนี้มีการพูดถึง Champion product ผู้เขียนไม่ได้สนใจว่ามันคืออะไร แต่พระพุทธเจ้าพูดไว้เมื่อ 2551 ปีมาแล้ว คือข้าว หรือทำนาทำไร่
วอร์เรน บัพเฟตต์ มั่งคั่ง ที่สุดในโลก
แต่คนท้องถิ่นอเมริกันจนลง
เห็นได้จาก ปัญหา sub prime และวิกฤติทางเศรษฐกิจในสหรัฐอเมริกาขณะนี้
ด้วยเครื่องมือตลาดตราสารอนุพัธ์ (financial derivative) ในตลาดทุน ไม่ว่าหุ้นจะขึ้นหรือตก วอร์เรน บัพเฟตต์ สามารถทำกำไรได้ทั้ง 2 ทาง หุ้นขึ้นก็สามารถสร้างความมั่งคั่งได้ หุ้นตกก็สามารถสร้างความมั่งคั่งได้
แต่คนอเมริกันจมลง
ศึกษารายละเอียดทั้งหมดที่นี่http://www.oknation.net/blog/indexthai/2008/09/19/entry-1