|
mebeam
|
|
« ตอบ #1 เมื่อ: 18-09-2008, 21:13 » |
|
ถ้าสหรัฐไม่ทุ่มเงินและกำลังไปที่ อีรัก มันจะช่วยปัญหาที่อเมริกาประสบอยู่ได้ไหม
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
แอ่นแอ๊น
|
|
« ตอบ #2 เมื่อ: 18-09-2008, 22:02 » |
|
สงสัยดอลล่าร์ กำลังจะกลายเป็นแบงค์กงเต๊ก ดีนะที่มีอยู่แค่ 3-4 ใบ เก็บไว้ดูเล่น
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"เมื่อเจตนาเบี่ยงเบนไปจากความจริง การนำเสนอข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง บางทีก็เป็นเพียงภาษาสุภาพสำหรับการพูดเท็จนั่นเอง" : วิถีแห่งปราชญ์ พิมพ์ครั้งที่ ๗ หน้า ๒๐๖
|
|
|
ดอกฟ้ากับหมาวัด
|
|
« ตอบ #3 เมื่อ: 18-09-2008, 22:28 » |
|
รักษาเนื้อรักษาตัวกันให้ดีนะพี่น้อง รอบนี้เผาจริง
ปัจจัยภายนอกที่มีกระทบมาแบบโดมิโน แบงค์ที่ล้มในเมกาไม่ใช่แบงค์กาโม่
บิ๊กแบงค์ลำดับต้นๆของโลกทั้งนั้น เส้นเลือดใหญ่ที่เลือดกำลังไหลไม่หยุด
เอาอะไรไปอุดก็อุดไม่อยู่ แถมการเมืองบ้านเราก็ไม่เสถียร ง่อนแง่น จะไปแหล่ ไม่ไปแหล่
ต้องนุ่งเจียมห่มเจียมกันแล้วตอนนี้
วันนี้ฝรั่งยังขายอีกพันกว่าล้าน สถาบันมาซื้อ ไม่รุมาตามคำสั่งใครอ๊ะป่าว
ฝรั่งกระดิกเท้า รอกระหน่ำอีกรอบนึง
มีเงินกำเงินไว้ก่อน ปลอดภัยที่สุด
บทวิแคะ
จากแมงเม่าสวมเกราะ น้ำท่วมทุ่งผักบุ้งตายหมดเจ้าค่ะ อิ อิ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
***ผู้ยิ่งใหญ่ในแผ่นดินเปรียบเสมือนเรือ ประชาชนเปรียบเสมือนน้ำ
น้ำพยุงเรือให้แล่นไปได้ และน้ำก็จมเรือได้เช่นกัน***
|
|
|
หาเพื่อนหยิงคุยแก้เหงาครับ
|
|
« ตอบ #4 เมื่อ: 18-09-2008, 22:35 » |
|
ถ้าสหรัฐไม่ทุ่มเงินและกำลังไปที่ อีรัก มันจะช่วยปัญหาที่อเมริกาประสบอยู่ได้ไหม ช่วย บ่อได้ ดอก ปัญหาเมกามันเป็น ปัญหา สะสมมานาน เหมือนมะเร็ง เป็นโดยไม่รู้ตัว แม้แต่ตอนนี้ ยังหาวิธีรักษาไม่ได้เลย ได้แต่ฉาย แสง อัดเงินๆ เข้าไปทุกวี่ทุกวัน แรงหมดเมื่อไหร่ เจ๊ง แอนด์เจ๊ง เจ๊ๆ อย่างเมกา ตายเมื่อไหร่ พวกหนูๆ หลายประเทศ มีสะเทือนหิวโซ ตามๆ กัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Sweet Chin Music
|
|
« ตอบ #5 เมื่อ: 18-09-2008, 23:11 » |
|
อืม พิมพ์แบ๊งค์กงเต๊กออกมา จะช่วยได้กี่มากน้อยเนี่ย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
big j
สมาชิกสามัญขั้นที่ 1
ออฟไลน์
กระทู้: 40
|
|
« ตอบ #6 เมื่อ: 18-09-2008, 23:17 » |
|
เป็นไง พิษสงของทุนนิยมเสรีที่บ้านเราร่ำร้องเรียกหากันเป็นวรรคเป็นเวร นี่ถ้าทักษิณอยู่เป็นนายกฯถึงตอนนี้ ผมว่าป่านนี้ประเทศไทยเราป่วนไปหมดแล้ว เพราะแม่งเอาประเทศเข้าไปในกระแสของระบบนี้หมด ความโลภของมนุษย์ตัวเดียวแท้ๆ ทำให้ผมนึกถึงหนังอนิเมชั่นของบีทเติล เรื่อง Yellow Submarine ที่มีตัวการ์ตูนชื่อ Nowhere Man ที่เขมือบทุกอย่างที่ขวางหน้า ท้ายสุดเขมือบแม้แต่ตัวเองจนไม่มีอะไรเหลือเช่นเดียวกับชื่อ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
AsianNeocon
|
|
« ตอบ #7 เมื่อ: 19-09-2008, 16:31 » |
|
Morgan Stanley ทาบ "จีน" เทคโอเวอร์ !!
จริงๆ Morgan Stanley ยังอยู่ในสภาพที่ดีมากอยู่ แต่วิกฤติความเชื่่อมั่น แม้จะดีแต่คนไม่เชื่อจะบริหารต่อก็ลำบาก ทำให้ผู้บริหารตัดสินใจขายกิจการให้แก่ผู้สนใจ ซึ่ง China Investment Corporation CIC หรือกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติจีน (คล้ายๆ GIC & Temasek) เวลานี้ก็ถือหุ้นอยู่แล้ว 9% หรือ $5,000,000,000 ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2550 อาจกลายเป็น "วาณิชธนกิจอเมริกันลูกครึ่งจีน" แห่งแรกหากขายให้กับจีน ขณะนี้จีนกำลังตัดสินใจอย่างหนักว่าจะซื้อเพิ่มดีหรือเปล่า เพราะตัวเองก็เจ็บตัวไปกับ Black Stone ที่เป็นบริษัท Private Equity (ทำกิจการเล่นหุ้นอย่างเดียว) ซื้อไป 4 พันล้าน ตอนนี้มูลค่าตลาดเหลือ 2 พันล้าน อย่างไรก็ตาม CIC มีขนาด 200,000,000,000 ดอลล่าร์ Morgan Stanley ใจจริงไม่ต้องการควบรวมกับธนาคารอเมริกันด้วยกันอย่าง Wachovia เพราะตัว Wachovia ก็มีปัญหาที่เกี่ยวกับซับไพรม์เหมือนกัน
นี่คือความเห็นหนึ่งของคนอเมริกันที่ไปเจอมาที่เว็บ Financial Times ของอังกฤษ แกทำใจยาก และยังเชื่อว่ารัฐบาลแกยังมีน้ำยาอยู่
As a proud American, I hate to see MS backed by the Chinese. Seems we should be able to fix ourselves. However, as I think about global economies and the intertwining of fortunes, I wish for peace and respect among the peoples of the world. May God bless America.
Comment by Ruth Cook - September 18, 2008 at 8:37 pm
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Şiłąncē Mőbiuş
|
|
« ตอบ #8 เมื่อ: 19-09-2008, 16:40 » |
|
โห.... ล้มต่อๆกันเป็นโตมิโน่เลยแฮะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
“People should not be afraid of their governments. Governments should be afraid of their people.” . “ประชาชนไม่ควรกลัวรัฐบาลของตนเอง รัฐบาลต่างหากที่ควรกลัวประชาชน” .. แวะไปเยี่ยมกันได้ที่ http://silance-mobius.blogspot.com/ นะครับ .
|
|
|
น้องเหมียวกู้ชาติ
น้องใหม่
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 13
ขนาดแมวยังรักชาติแล้วคุณไม่รักเหรอครับ
|
|
« ตอบ #9 เมื่อ: 19-09-2008, 17:21 » |
|
คือผมอยากทราบว่า AIA ในไทยจะมีผลกระทบไปด้วยมั้ยครับ จะได้ตัดสินใจไปบอกพ่อให้ถอนเงินออกมาก่อน กลัวล้มแล้วเงิน 25 ปีมันหายหมด
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
AsianNeocon
|
|
« ตอบ #10 เมื่อ: 19-09-2008, 17:39 » |
|
คือผมอยากทราบว่า AIA ในไทยจะมีผลกระทบไปด้วยมั้ยครับ จะได้ตัดสินใจไปบอกพ่อให้ถอนเงินออกมาก่อน กลัวล้มแล้วเงิน 25 ปีมันหายหมด
เอางี้ดีกว่าครับ AIA Thailand จะเจ๊งหรือไม่ ไม่มีใครบอกได้
แต่ที่แน่ๆ ต่อให้มันส่อแววจะเจ๊งวันนี้เลย ป่านนี้ทั้งธนาคารและบ.ประกันชีวิตไทยและเทศรุมซื้อกิจการอันรวมถึง (ทรัพย์สิน ได้แก่ อาคาร ตึกให้เช่า ลูกหนี้ ฯลฯ และหนี้สินอันรวมถึงกรมธรรม์ทั้งหมดของ AIA Thailand) เอาไปบริหารต่อกันอุตลุดแล้วครับ เพราะว่าทรัพย์สินของ AIA Thailand ส่วนใหญ่อยู่ในเมืองไทย ลงทุนในเมืองไทย เขาแค่มาจับเสือมือเปล่าในไทย เอาเงินคนไทยไปทำกำไรจากคนไทยอีกที ดังนั้นจึงไม่เกี่ยวกับความเสียหายที่เกิดขึ้นกับ AIG ในอเมริกา คุณเห็น Lehman Brothers ที่เจ๊งไปไหมครับ บรรดาทรัพย์สินสารพัดที่ Lehman มาลงทุนสูบรายได้จากไทยตลอดมา ไม่ว่าจะเป็น ตึกระฟ้า อพาร์ตเม้นท์ คอนโด มีบริษัททั้งไทยและเทศรุมทึ้งอยากจะได้ทรัพย์สินดีๆพวกนั้นไปครอบครองเพื่อบริหารเก็บผลตอบแทนต่อไป คนที่เช่าตึกระฟ้าทำออฟฟิศ หรือเช่าคอนโด อะไรพวกนั้นก็ยังอยู่สุขสบายดี ไม่ได้ถูกกระทบอย่างไร เพียงแค่เปลี่ยนเจ้าของเท่านั้นเอง
ดังนั้นไม่ต้องตื่นตระหนก ทางกรมการประกันภัยได้แถลงแล้วว่า ไม่มีอะไรน่าห่วง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
นักปฏิวัติ
|
|
« ตอบ #11 เมื่อ: 19-09-2008, 18:49 » |
|
คือผมอยากทราบว่า AIA ในไทยจะมีผลกระทบไปด้วยมั้ยครับ จะได้ตัดสินใจไปบอกพ่อให้ถอนเงินออกมาก่อน กลัวล้มแล้วเงิน 25 ปีมันหายหมด
'สาระ'ยัน24บริษัทประกันชีวิตไทยมั่นคง:"สาระ"ยัน 24 บริษัทประกันชีวิตไทยมีความแข็งแกร่ง ไม่มีบริษัทไหนลงทุนในเลห์แมนฯ ขณะที่เอไอเอ บอกลูกค้าตื่นยกเลิกกรมธรรม์จิ๊บจ๊อย วันละ 10-20 ราย จาก 5-6 ล้านกรมธรรม์ กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์ : นายสาระ ล่ำซำ นายกสมาคมประกันชีวิตไทย กล่าวว่า แม้จะเกิดวิกฤตการเงินในสหรัฐฯ แต่ยืนยันว่าธุรกิจประกันชีวิต 24 บริษัทในประเทศ มีความมั่นคง โดยข้อมูลของสมาคมประกันชีวิตเติบโตต่อเนื่อง เทียบสถิติในปี 2548-2550 มีอัตราเติบโตเงินกองทุนสูง 114,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38.77% สินทรัพย์รวม 815,923 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31.51% และเงินสำรองประกันภัย 643,252 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31.29% สำหรับการลงทุนภาพรวม ลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีความมั่นคงผลตอบแทนแน่นอน แบ่งเป็น 82.30% ในตราสารหนี้พันธบัตรรัฐบาล รองลงมาคือ หุ้นกู้เอกชนและตั๋วเงิน โดยสัดส่วนลงทุนต่างประเทศมีเพียง 28.6% เท่านั้น และจากการสอบถามบริษัทประกันชีวิตทั้ง 24 แห่งพบว่า ไม่มีบริษัทใดลงทุนกับ LEHMAN แต่อย่างใด นายกสมาคมประกันชีวิตไทย กล่าวอีกว่า เงินลงทุนของบริษัทประกันชีวิตทั้งหมดเป็นเงินจากเบี้ยผู้เอาประกันระยะยาว ซึ่งกฎเกณฑ์ที่เข้มงวดของสำนักงานคณะกรรมการกำกับ และส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย สะท้อนให้เห็นว่า ความมั่นคงธุรกิจประกันภัยยังชัดเจน อย่างไรก็ตาม ในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา ธุรกิจประกันชีวิตเติบโตอย่างต่อเนื่องถึง 11.5% โตกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 10.1% และคาดว่าในไตรมาสที่ 4 จะเติบโตได้ดี ส่งผลให้ตลอดทั้งปี เบี้ยรับรวมจะมากถึง 2 แสนกว่าล้านบาท ด้านนายสุทธิ รจิตรังสรรค์ กรรมการบริหารอาวุโส บริษัท อเมริกัน อินเตอร์เนชั่นแนล แอสชัวรันส์ จำกัด (เอไอเอ) เปิดเผยว่า ขณะนี้มีลูกค้าขอยกเลิกกรมธรรม์วันละ 10-20 ราย จากลูกค้าทั้งหมด 5-6 ล้านกรมธรรม์ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติ พร้อมกันนี้ ได้ตั้งศูนย์ข้อมูลไว้ชี้แจงลูกค้าด้วยhttp://www.bangkokbiznews.com/2008/09/19/news_296056.php
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"สุดยอดกลยุทธ์ คือชนะโดยไม่ต้องรบ" ซุนวู
"ผู้นำชั้นเลิศนั้น เพียงแต่เป็นที่รับรู้ว่ามีตัวตนอยู่ ชั้นรองลงมา เป็นที่รักและสรรเสริญ ชั้นรองกว่านั้น เป็นที่เกรงกลัวและเกลียดชัง" เหล่าจื๊อ เต้าเต๋อจิง
|
|
|
น้องเหมียวกู้ชาติ
น้องใหม่
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 13
ขนาดแมวยังรักชาติแล้วคุณไม่รักเหรอครับ
|
|
« ตอบ #12 เมื่อ: 19-09-2008, 18:51 » |
|
ขอบคุณครับคุณ asianneocon กับ คุณ นักปฏิวัติ จะได้สบายใจฝากเงินต่อไป
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
AsianNeocon
|
|
« ตอบ #13 เมื่อ: 19-09-2008, 19:26 » |
|
ปรส.ฉบับอเมริกัน เตรียมเสนอต่อสภาคองเกรสแล้ว
เหตุการณ์เปลี่ยนแปลงชั่วโมงต่อชั่วโมงเหมือนตอนวิกฤติต้มยำกุ้ง 2540 มากๆ ตอนนี้บุชกับส.ส.ส่วนหนึ่งพร้อมทีมเศรษฐกิจเตรียมออกกฎหมายเร่งด่วนเพื่อก่อตั้ง "ปรส." ฉบับอเมริกันขึ้นมาแล้ว แต่ชื่อขององค์กรที่ว่ารอประกาศอีกที โดยจะจัดสรรเงิน 500,000,000,000 ดอลล่าร์ เพื่อมารับซื้อสินทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้จากสถาบันการเงินที่มีปัญหา ก็คือเอาตัวเลขหนี้เสียออกจากงบการเงินของแบ๊งก์มีปัญหา แบบที่ไทยเคยทำ เอามาบริหารแล้วขายทอดตลาดต่อไป (แต่อย่างว่าแหละ ขึ้นชื่อว่าเอามาบริหาร ในความเป็นจริงมันจะบริหารได้ไง มันก็คือการช่วยแบ๊งก์ที่ไม่รับผิดชอบ ถือเป็นความเลวร้ายที่จำเป็นต้องทำ) โดยว่ากันว่าเป็นแผนแก้วิกฤติสถาบันการเงินแบบเบ็ดเสร็จ ภาษาชาวบ้านคือ รัฐบาลอเมริกาพร้อมรับขี้เยี่ยวทั้งหมดไว้
สินทรัพย์พวกนี้ถือว่าเน่ากว่า NPL ของไทยสมัยปี 40 ซะอีก อย่างน้อยของไทยยังจับต้องได้ เช่น หมู่บ้านร้าง ตึกร้าง เครื่องจักร เฟอร์นิเจอร์ ฯลฯ แต่ของอเมริกามันดันมีแต่ "กระดาษ" หรือตราสารหนี้หรือกรมธรรม์ที่สถาบันการเงินออกไปเพื่อรับประกันการเจ๊งของสถาบันอีกที หรือที่เรียกว่า credit default swap จะชื่ออะไรก็ช่างมันเถอะ มันเป็นข้ออ้างการขายกระดาษของผู้ขายเท่านั้น เพราะการประกันความเสี่ยงอย่างว่ามันกลายเป็นไปเพิ่มความเสี่ยงซะเอง เมื่อทุกคนต่างไปมองว่ามันเป็นหลักทรัพย์ที่ซื้อขายได้
ปัญหาก็คือ พรรคเดโมแครตคงจะโดดออกมาขวางแน่นอน แต่พรรคเดโมแครตก็ไม่สามารถหาทางเลือกอื่นที่ดีกว่านี้ จะให้ทำไง ถ้าปล่อยต่อวิกฤติที่ร้ายแรงกว่าคือ "วิกฤติความเชื่อมั่น" คนเลิกเชื่อแบ๊งก์ เลิกเชื่อบ.ประกัน แบ๊งก์ระแวงกันเอง มันจะพังทั้งระบบและระบาดจนพังทั้งโลก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
แอ่นแอ๊น
|
|
« ตอบ #14 เมื่อ: 19-09-2008, 20:02 » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"เมื่อเจตนาเบี่ยงเบนไปจากความจริง การนำเสนอข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง บางทีก็เป็นเพียงภาษาสุภาพสำหรับการพูดเท็จนั่นเอง" : วิถีแห่งปราชญ์ พิมพ์ครั้งที่ ๗ หน้า ๒๐๖
|
|
|
kasemsakk
|
|
« ตอบ #15 เมื่อ: 19-09-2008, 20:06 » |
|
หวังว่า ดอลลาร์สหรัฐ คงจะไม่เป็นแบบนี้นะครับ
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-09-2008, 20:12 โดย kasemsakk »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Şiłąncē Mőbiuş
|
|
« ตอบ #16 เมื่อ: 19-09-2008, 21:18 » |
|
หวังว่า ดอลลาร์สหรัฐ คงจะไม่เป็นแบบนี้นะครับ 55555
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
“People should not be afraid of their governments. Governments should be afraid of their people.” . “ประชาชนไม่ควรกลัวรัฐบาลของตนเอง รัฐบาลต่างหากที่ควรกลัวประชาชน” .. แวะไปเยี่ยมกันได้ที่ http://silance-mobius.blogspot.com/ นะครับ .
|
|
|
หาเพื่อนหยิงคุยแก้เหงาครับ
|
|
« ตอบ #17 เมื่อ: 19-09-2008, 22:11 » |
|
ช่วงนี้ที่น่าสังเกตุเห็นได้ว่า ต่างด้าวเข้ามาลุมทึ้ง เมกากับอังกฤษ น่าสงสารแท้ ประเทศไหน แข็งแรงมีเงินทุนก็เข้าไปฮุบเรียบ เมกาก็ปฏิเสธไม่ได้เพราะต้องการเงิน โซซัดโซเซ จากที่เคยปากแข็ง สะอิดสะเอียนเอเชีย เด๋วนี้ แก้ผ้ารอให้xxx
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
jerasak
|
|
« ตอบ #18 เมื่อ: 19-09-2008, 22:45 » |
|
คือผมอยากทราบว่า AIA ในไทยจะมีผลกระทบไปด้วยมั้ยครับ จะได้ตัดสินใจไปบอกพ่อให้ถอนเงินออกมาก่อน กลัวล้มแล้วเงิน 25 ปีมันหายหมด
ไม่น่าจะมีผลกระทบอะไรหรอกครับพิจารณาจากงบการเงินของ AIA ตัวเลขสินทรัพย์ หักลบด้วยหนี้สิน ต่อให้ลูกค้า AIA ที่มีรวมกันทั้งหมด ประมาณ 6 ล้านกรมธรรม์ไปถอนเงิน คืนหมดทุกราย AIA จะยังเหลือสินทรัพย์ 6-7 หมื่นล้านโดยส่วนตัวผมเองประเมินควางเสี่ยง เรื่องนี้เอาไว้เกือบศูนย์นะครับ------------------------------------------------ ถ้า้ต้องการดูข้อมูลเพิ่มเติม มีถึงแค่ รายงานประจำปี 2549 ครับ โหลดมาดูได้จากลิงค์นี้ เป็นข้อมูลของสมาคมประกันชีวิตไทย มีข้อมูลครบทุกบริษัทเลย แต่ข้อมูลปี 2550 ยังไม่ออก ข้อมูลที่ระบุ "สาขาบริษัทต่างประเทศ" ก็คือ AIA บริษัทเดียว http://www.tlaa.org/thai/statistic_reports/annual_reports/annual_statistic_report/index.phpอีกลิงค์ที่สามารถโหลดข้่อมูลผลประกอบการบริษัทประกันมาดูได้ ที่หน้านี้ครับ เป็นเว็บกรมการประกันภัยเดิม ข้อมูลถึงปี 2549 ครับ http://www.oic.or.th/stat_data/thai-version/Stat_of_Life_Yearly.htm
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
= A dreamer lives for eternity.= == นักฝันมีชีวิตเพื่อนิรันดร์กาล ==
|
|
|
|
aiwen^mei
|
|
« ตอบ #20 เมื่อ: 19-09-2008, 23:33 » |
|
เป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อจริง ๆ เรื่องของกรรมแท้ ๆ แต่กว่าจะส่งผล ก็ทำให้หลายคนชะล่าใจ
หลังเกิดวิกฤติต้มยำกุ้ง ได้อ่านสัมภาษณ์อดีตพนักงานบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์บางท่าน ที่เป็นที่อิจฉาในการเป็นมนุษย์ทองคำในเวลานั้นที่ต่อมาก็ตกที่นั่งลำบากว่า -- ผมยอมรับว่าพวกผมมีส่วนที่ทำให้เกิดวิกฤติ จริงอยู่ที่พวกผมมีรายได้ดีมาก แต่ก็ทำให้ฟุ้งเฟ้อ ใช้จ่ายเงินฟุ่มเฟือย ซื้อของนอก ใช้ของแบรนด์เนม ฯลฯ
คำว่า maximize profit ในตำราของการเรียนเอ็มบีเอที่ไม่รู้ว่าตอนนี้ปรับเปลี่ยนหรือยัง นั้น ก็ผิดตั้งแต่ต้นแล้ว เพราะมันทำให้มนุษย์เห็นแก่ตัว มือใครยาวสาวได้สาวเอา คนที่อ่อนแอ หรือไม่ถนัดในการต่อสู้แก่งแย่งช่วงชิง แทบไม่มีที่เหลือให้ยืนในสังคม
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
วิหค อัสนี
|
|
« ตอบ #21 เมื่อ: 20-09-2008, 01:00 » |
|
ตายๆๆๆ
ปรส. เวอร์ชั่นอเมริกา
รู้ไปถึงไหนอายไปถึงนั่น
พ่อบุช จะทำ ลูกแม๊ว อับอายขายหน้าสุดๆ ก็คราวนี้แหละ
ทั้งที่ขบวนการโฆษณาชวนเชื่อของลูกแม๊ว พยายามโจมตีฝ่ายตรงข้ามด้วยเรื่อง ปรส. เรื่องวิกฤตเศรษฐกิจ แบบไม่ลืมหูลืมตามาตลอดหลายปีนี้
แต่พ่อบุชที่เคารพดันมาทำซะเอง ชาวโลกเขาจะว่ายังไง??
แบบนี้ในอนาคตคงต้องรีบอัญเชิญลูกแม๊วไปโชว์ฝีมือ ช่วยไถ่กู้ชาติอเมริกา ให้รอดพ้นจากความเป็นทาสของ IMF ให้เห็นกันทั่วโลกด่วนเลยนะพ่อบุช!!!
ปล. เอาจริงๆ ก็น่าสยองอยู่เหมือนกันนะครับเนี่ย ยักษ์ล้ม แผ่นดินสะเทือน พวกตัวเล็กตัวน้อยอย่างเราๆ ก็ซวยไปตามๆ กันแน่นอน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
_______ดังนี้แล __เปลวไฟจักลุกโชน ___หามีวันดับลงได้ _ตราบที่ในมือพวกสูเจ้า ยังแต่น้ำมันเตาให้ราดรดไป
|
|
|
หาเพื่อนหยิงคุยแก้เหงาครับ
|
|
« ตอบ #22 เมื่อ: 20-09-2008, 01:48 » |
|
ถ้าเมกา ล้มแล้วลุกไม่ได้ ผลกระทบโดยตรงกับประเทศไทย ก็แค่เหมือนโดน สะเก็ต ระเบิด เฉี่ยวไปเท่านั้น แต่ทางอ้อมนี่สิ เรื่องใหญ่ ถ้าหากประเทศหลักๆ ที่เรา ส่งออกสินค้า หรือทำการค้า ร่วม มีปัญหาชลอ ตัวตาม เราเนี่ยแหละ แย่ไม่ต่างจากมันหรอก อย่าทำเป็นหัว เราะเยาะ ไอกัน มันมากเกินไป พี่ท่าน ช่วงนี้ต้องสนับสนุน ให้คนเข้าไปเทค โอเวอร์ อัดเงินเข้าไปให้มันเยอะๆ ให้มันยืนได้ก่อน แล้วเราค่อยหัวเราะเยาะมัน ว่าเป็น ลูกจ้าง เอเชีย อย่างที่มันดูถูกเรานั่นแหละ แต่ถ้ามันล้มคลืน ขึ้นมาเมื่อไหร่ เนี่ยแหละ เผาจริง เก็บเงินเก็บทอง กันไว้ให้ดี แกลบ จะถามหา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
AsianNeocon
|
|
« ตอบ #24 เมื่อ: 20-09-2008, 16:16 » |
|
การที่ รัฐบาลอเมริกา มาอุ้มอย่างนี้... เขามีเงินพอหรือครับ... (งบประมาณแผ่นดินต่อปีเขา เท่าไร ถ้าจะต้องมีการเอาภาษีมาช่วย...) แล้วถ้า มั่วซั่ว พิมพ์แบงค์ออกมาแหลก จะเวิร์คไหม... ดี หรือ แย่ อย่างไร...
พอครับ ยังไงก็พอ (จริงๆประเทศไทย จะพิมพ์เงินบาทขึ้นมาเท่าไรก็ได้ในสมัยปี 40) มันก็คือการพิมพ์เงินออกมาแหลกที่คุณคิดแหละครับ ในโลกนี้ใครจะพิมพ์เงินออกมาเท่าไรก็ได้ ตราบเท่าที่มีคนเชื่อถือในมูลค่าของเงินนั้นหรือเปล่า(ก็คือเครดิตของรัฐบาลอเมริกัน) กรณีนี้ธนบัตรไม่ได้ถูกพิมพ์ออกมาจริงๆ รัฐบาลอเมริกันเอาเครดิตตัวเองมาเทคโอเวอร์พวกขี้เยี่ยว ขยะ ปฏิกูล ออกไปจากสถาบันการเงินเน่าๆ
ถ้าเป็นรัฐบาลที่รับผิดชอบ เมื่อพิมพ์ออกมาแล้วหรือออกไปเทคโอเวอร์ขี้เยี่ยวมาแล้ว จะต้องมีการตั้งภาระผูกพันในงบประมาณเป็นหนี้สาธารณะ เพื่อเป็นการดูดเอาเงินพวกนี้กลับเข้าไป ด้วยการเก็บจากภาษีประชาชน หรือออกพันธบัตรออกขาย หรือมีการยอมให้ต่างชาติเข้ามาซื้อกิจการไป เพราะว่าถ้าไม่ทำงั้น มันก็จะเหมือนว่าอเมริกาพิมพ์เงินออกมาตามใจชอบ ก็จะไม่มีใครเชื่อถืออเมริกาต่อไป ดอลล่าร์จะกลายเป็นแบ๊งก์กงเต็ก
ประเทศจะสาปสูญจากแผนที่โลกเป็นไปไม่ได้ เพราะประเทศมันก็มีคนเป็นส่วนสำคัญ อเมริกายังมีเทคโนโลยีเรื่องสงครามก้าวหน้าสุดในโลก นวัตกรรมใหม่ๆ การแพทย์ เนื้อที่กว้างใหญ่ ดังนั้นคงต้องฟื้นขึ้นมาแหละ แต่ใช้เวลา ฟันธงว่า ยังไงอเมริการอดแน่นอน ไทย เม็กซิโก อะไรยังใช้เวลาตั้ง 5 ปี อเมริกาอาจจะใช้สัก 5-10 ปี แม้ฟื้นกลับมาแล้วก็ไม่ได้มั่งคั่งเหมือนเดิมแล้ว ความเป็นมหาอำนาจมันก็คือ "เครดิต" อีกรูปแบบหนึ่ง เพราะคนไปเชื่อว่าเขามีอำนาจอิทธิพล
(ในโลกทุนนิยมก็งี้แหละ มูลค่าทุกอย่างเป็นภาพลวงตา ราคาหุ้นในตลาด ราคาที่ดิน ก็สุดแล้วแต่คนจะยอมรับกันไปตามความพอใจว่ามันมีค่า 1 ล้านนะ อันนี้มีค่า 10 ล้าน พอมันไปตั้งอยู่อีกทำเลมันมีค่า 100 ล้าน "กระดาษ" CDO CDS leveraged buy-out อะไรบ้าบอคอแตก มันยังเชื่อกันเองเลยว่ามีค่ากลายเป็นหลักทรัพย์ได้อีก ที่หม่อมเจ้าจำชื่อไม่ได้ ที่ท่านกล่าววลีที่ว่า "เงินทองของมายา ข้าวปลาสิของจริง" เรื่องจริงๆ)ผมขอเชิญชวนคนทีสนใจเรื่องราวที่เกิดขึ้น ฟังรายการ "เจาะตลาดแดนมังกร" โดย ดร.สมภพ มานะรังสรรค์ ทุกวันอาทิตย์ หรือไปที่ลิ้งก์นี้ครับ http://radio.mcot.net/player/playProgramClip.php?id=43056
มีสาระความรู้เกี่ยวกับเศรษฐกิจจีนและอเมริกา อ.สมภพ แกไม่ค่อยออกทีวีให้สัมภาษณ์บ่อยๆเหมือนบางด๊อกเตอร์ แต่ความรู้เยอะ
แล้วก็มีหนังสือที่แกเขียนมาเยอะแยะ อ่านง่าย ไม่วิชาการมากไป ทำให้เราเข้าใจกลไกของโลกทุนนิยม ทำให้เวลาเราดูข่าวเกี่ยวกับพวกนี้ก็คิดตามได้ทันที ทุกเล่มหาได้ที่ศูนย์หนังสือจุฬาฯ แต่ละเล่มออกมานานแล้ว
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-09-2008, 16:58 โดย AsianNeocon »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
นักปฏิวัติ
|
|
« ตอบ #25 เมื่อ: 20-09-2008, 21:55 » |
|
อ่านความเห็นของคุณ AsianNeocon ตั้งแต่แรกๆ จุดประกายให้ผม กลับไปอ่านเรื่องเกี่ยวกับเศรษฐศาสตร์อย่างจริงจัง อีกครั้งครับ
หนังสือ อ.สมภพ อ่านเข้าใจง่ายจริงๆครับ ตอนนี้กำลังอ่าน "ทุนโลก บุกจีน"และ"ธุรกิจจีน ในต่างแดน"
ผมเคยอ่านข่าวเก่าสัก 10 ปีมาแล้ว จำได้คร่าวๆว่าเป็นเรื่องที่ บ.จีน ไปฟ้องรัฐบาลจีน ให้กดดัน รัฐบาล US ว่า บ.โกลด์แมน แซค เคยไปติดต่อแบบใช้เล่เหลี่ยมทุนนิยม กับ บ.จีน โดยที่ วัฒนธรรมของ บ.จีน ในขณะนั้นเป็นแบบตรงไปตรงมา จึงรับเล่เหลี่ยม กลโกงของGoldman sachs ไม่ได้ ไม่ทราบว่าคุณ AsianNeocon เคยได้ยินไหมครับ รู้สึกว่าสุดท้าย ทางgoldman sachs ต้องไปขอโทษ เพราะ รบ.US กดดัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"สุดยอดกลยุทธ์ คือชนะโดยไม่ต้องรบ" ซุนวู
"ผู้นำชั้นเลิศนั้น เพียงแต่เป็นที่รับรู้ว่ามีตัวตนอยู่ ชั้นรองลงมา เป็นที่รักและสรรเสริญ ชั้นรองกว่านั้น เป็นที่เกรงกลัวและเกลียดชัง" เหล่าจื๊อ เต้าเต๋อจิง
|
|
|
AsianNeocon
|
|
« ตอบ #26 เมื่อ: 21-09-2008, 12:59 » |
|
เรื่องโกลด์แมนแซคนั่นคุ้นๆ แต่จำไม่ได้แล้วครับ
ก็เหมือนตอนต้มยำกุ้งปี 2540 ทำให้ผมเริ่มหันมาสนใจเศรษฐศาสตร์ ขนาดตอนนั้นคนขับแท็กซี่ยังรู้เรื่องค่าเงินเลยครับ
ส่วนคุณ bangkaa ก็อย่างที่คาดไว้ ในความเห็นนี้
ถ้าเป็นรัฐบาลที่รับผิดชอบ เมื่อพิมพ์ออกมาแล้วหรือออกไปเทคโอเวอร์ขี้เยี่ยวมาแล้ว จะต้องมีการตั้งภาระผูกพันในงบประมาณเป็นหนี้สาธารณะ เพื่อเป็นการดูดเอาเงินพวกนี้กลับเข้าไป ด้วยการเก็บจากภาษีประชาชน หรือออกพันธบัตรออกขาย หรือมีการยอมให้ต่างชาติเข้ามาซื้อกิจการไป เพราะว่าถ้าไม่ทำงั้น มันก็จะเหมือนว่าอเมริกาพิมพ์เงินออกมาตามใจชอบ ก็จะไม่มีใครเชื่อถืออเมริกาต่อไป ดอลล่าร์จะกลายเป็นแบ๊งก์กงเต็ก
รัฐบาลอเมริกาต้องตั้งภาระผูกพันเป็น "หนี้สาธารณะ" จริงๆด้วย โดยจากที่คาดการณ์ไว้ว่าจะต้องใช้เงิน 5 แสนล้าน เวลานี้อาจต้องใช้ถึง 7 แสนล้าน หรือ 8 แสนล้าน หรือ 1 ล้านล้าน ด้วยซ้ำ เพราะไม่มีใครรู้ว่าขนาดความเสียหายมันจะลามไปถึงขนาดไหน เพราะว่าบรรดากระดาษที่พวกนี้สร้างขึ้นมาเป็นการรับประกันความเสี่ยง (derivatives) เหมือนกับซื้อประกันทับประักันอีกชั้น ซ้อนไปซ้อนมา และมีการประกันไขว้กันไปกันมาจนมั่วไปหมด จึงทำให้ต้องมีการเพิ่ม "เพดาน" การก่อหนี้ของอเมริกา จาก 10.6 ล้านล้าน เป็น 11.3 ล้านล้านดอลล่าร์ ตรงนี้ไงที่แสดงให้เห็นถึงข้อจำกัดของอเมริกาซึ่งอเมริกาก็รู้ตัวดีว่า ไม่สามารถพิมพ์แบงก์ตามใจชอบได้ โดยเงิน 1 ล้านล้าน ที่จะมาตั้งปรส. หรือจะเรียกอะไรก็แล้วแต่ อเมริกาจะมีการดูดกลับไปเมื่อเหตุการณ์คลี่คลาย ถ้าไม่ดูดกลับ(ก็คือตั้งเป็นหนี้สาธารณะ) ดอลล่าร์จะกลายเป็น "แบ๊งก์กาโม่" แน่นอน[/size] U.S. government seeks approval for $700B financial bailoutProposal would raise U.S. debt limit to $11.3 trillion Last Updated: Saturday, September 20, 2008 | 10:30 AM ET CBC News The bailout of the U.S. banking industry would cost an estimated $700 billion US, according to a draft of the proposal. President George W. Bush has asked Congress to approve the plan to stem losses from faltering mortgages, which analysts earlier predicted would cost anywhere from $500 billion to $1 trillion. A copy of the draft legislation given to Congress on Saturday shows it would give the government broad power to buy the bad debt of any U.S. financial institutions for the next two years. It also would raise the statutory limit on the national debt from $10.6 trillion to $11.3 trillion, making room for the massive rescue. The proposal does not specify what the government would get in return from financial companies for the federal help. http://www.cbc.ca/money/story/2008/09/20/bailout.htmlมีคนเยาะเย้ยว่า อเมริกากลายเป็น "รัฐสังคมนิยม" ไปแล้วครับ คือยึดสถาบันการเงินและบริษัทเป็นของรัฐ ทั้งๆที่ตัวเองเป็น "หัวขบวนทุนนิยม" แปรรูปรัฐวิสาหกิจ แล้วก็เอาไปเข้าตลาดหุ้น
วิกฤติแบบนี้ทำให้ผมหันมาสนับสนุนจุดยืนพันธมิตรฯเกี่ยวกับปตท.แล้วว่า ยึดปตท.คืนเป็นของรัฐโดยด่วน
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-09-2008, 13:04 โดย AsianNeocon »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
วิหค อัสนี
|
|
« ตอบ #28 เมื่อ: 24-09-2008, 23:02 » |
|
ผมไปเจอข้อความในเว็บบอร์ดฝรั่งที่นึง มีความเห็นสะท้อนอะไรได้น่าสนใจดี ขอเอามาลงให้อ่านกันดูนะครับ
"Just kick back and let the USA finish its meltdown. Nobody listens to its ideas any more. Instead everyone is blazing a different path. For example, nobody follows the US healthcare model, but instead everyone is doing single payer after the successful models elsewhere.
Nobody is following the US model of freeways and cars/trucks. - Everyone is expanding their rail transport, following the models of other countries, getting off fossil fuels, and addressing global warming responsibly.
Nobody is following the US model of opening their borders to imports. Instead, everyone is keeping up the tariffs to protect their own industries, the highly successful model pioneered outside the USA.
Nobody is following the US model of petro-synthetic food production. Everyone is instead following the old traditions producing healthier organic food.
Nobody is following the US model of militarist foreign policy. Instead everyone is keeping their military expenditures very modest and are banning land mines and all those things.
Nobody is following the USA in allowing ridiculous unregulated financial market speculation. Instead everyone else is keeping the same strong regulations that allowed their economies to grow surpluses while the US economy plunges into debt.
Nobody is following the US model of war on drugs. Instead others are legalizing the various mild drugs such as cannibis and coca.
Nobody is following the US model of privatizing government services. Instead, others are keeping all traditional government services in the public sphere at one half the cost or less.
Nobody follows the USA in chucking the rule of law, chucking the rule of international law, and chucking international treaties. Instead everyone is strengthing the rule of laws and treaties in an alternate community of nations that excludes the USA.
Nobody is paying any attention to US ivy league business schools. Everybody knows their prescriptions would lead to millions of citizens rioting in the streets in other countries."
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
_______ดังนี้แล __เปลวไฟจักลุกโชน ___หามีวันดับลงได้ _ตราบที่ในมือพวกสูเจ้า ยังแต่น้ำมันเตาให้ราดรดไป
|
|
|
โต มิ โต โชว์ ดะ
|
|
« ตอบ #29 เมื่อ: 24-09-2008, 23:24 » |
|
ในอดีต พวกฝรั่งหัวแดงมาเป็นที่ปรึกษา ปรส.ซื้อของถูกแล้วมาขายต่อในราคาแพง
โดยมีอมเรศเป็นผู้จัดแจง
เพราะเราไม่มีทางเลือก วันนี้มันโดนเข้ากับตัวเอง โคตระสมน้ำหน้ามัน
ผมไม่เป็นห่วงเรื่องนี้เท่าไหร่ เพราะเราไม่ได้ไปลงทุนอะไรมากมายในตราสารหนี้ที่พวกมันเห่อนำออกมาขายเท่าไรนัก
วัคซีน ต้มยำกุ้ง ยังทำให้คนไทยเรียนรู้และหลาบจำ
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-09-2008, 23:40 โดย โต มิ โต โชว์ ดะ »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
vorapoap
|
|
« ตอบ #30 เมื่อ: 25-09-2008, 05:15 » |
|
อยากทราบครับว่า ถ้ามีบริษัทอีกบริษัทหนึ่งที่มีขนาดยักษ์ใหญ่เจ๊ง Congress ก็จะอนุมัติเงินออกมาถมได้อีกไหมครับ?
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
หาเพื่อนหยิงคุยแก้เหงาครับ
|
|
« ตอบ #31 เมื่อ: 25-09-2008, 05:17 » |
|
ในอดีต พวกฝรั่งหัวแดงมาเป็นที่ปรึกษา ปรส.ซื้อของถูกแล้วมาขายต่อในราคาแพง
โดยมีอมเรศเป็นผู้จัดแจง
เพราะเราไม่มีทางเลือก วันนี้มันโดนเข้ากับตัวเอง โคตระสมน้ำหน้ามัน
ผมไม่เป็นห่วงเรื่องนี้เท่าไหร่ เพราะเราไม่ได้ไปลงทุนอะไรมากมายในตราสารหนี้ที่พวกมันเห่อนำออกมาขายเท่าไรนัก
วัคซีน ต้มยำกุ้ง ยังทำให้คนไทยเรียนรู้และหลาบจำ
คนไทยเสื้อแดงมิได้เรียนรู้และมิได้จดจำ และยังเรียกหามันอีก อย่าลืม
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
AsianNeocon
|
|
« ตอบ #32 เมื่อ: 25-09-2008, 09:30 » |
|
อยากทราบครับว่า ถ้ามีบริษัทอีกบริษัทหนึ่งที่มีขนาดยักษ์ใหญ่เจ๊ง Congress ก็จะอนุมัติเงินออกมาถมได้อีกไหมครับ?
แผนการณ์ ปรส.ฉบับ USA 7 แสนล้าน อันนี้ก็ครอบคลุมแล้วครับ คือให้บริษัทเหล่านั้นเอาขี้เยี่ยวมาขายแก่รัฐบาล แลกกับสภาพคล่อง(เงิน)ที่จะฉีดเข้าไปแทน โดยเงินที่รัฐบาลอเมริกามีเวลานี้ ก็คือ เงินประชาชนในอนาคต ตั้งเป็นหนี้สาธารณะไว้ในงบประมาณแต่ละปี ที่จะมีการกันเอาจากภาษี ส่วนเงินดอลล่าร์ที่เพิ่มขึ้นมา กดดันให้ค่าดอลล่าร์อ่อนลงในระยะยาว สะท้อนเครดิตที่ลดลงของประเทศอเมริกา ดังนั้นอเมริกาก็จะเจอกับข้อจำกัดในการพัฒนาประเทศและขยายอำนาจของตัวเอง ที่คุณวิหคฯ ก๊อปมา ใช่หมดเลยทุกข้อ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
vorapoap
|
|
« ตอบ #33 เมื่อ: 25-09-2008, 11:38 » |
|
แผนการณ์ ปรส.ฉบับ USA 7 แสนล้าน อันนี้ก็ครอบคลุมแล้วครับ คือให้บริษัทเหล่านั้นเอาขี้เยี่ยวมาขายแก่รัฐบาล แลกกับสภาพคล่อง(เงิน)ที่จะฉีดเข้าไปแทน โดยเงินที่รัฐบาลอเมริกามีเวลานี้ ก็คือ เงินประชาชนในอนาคต ตั้งเป็นหนี้สาธารณะไว้ในงบประมาณแต่ละปี ที่จะมีการกันเอาจากภาษี ส่วนเงินดอลล่าร์ที่เพิ่มขึ้นมา กดดันให้ค่าดอลล่าร์อ่อนลงในระยะยาว สะท้อนเครดิตที่ลดลงของประเทศอเมริกา ดังนั้นอเมริกาก็จะเจอกับข้อจำกัดในการพัฒนาประเทศและขยายอำนาจของตัวเอง ที่คุณวิหคฯ ก๊อปมา ใช่หมดเลยทุกข้อ
เมื่อเช้าฟังข่าว Congress ไม่อนุมัติงบดังกล่าวครับ แต่วอร์เรน บัฟเฟต์ ให้บริษัทของแกเองซื้อโกล์ดแมนแซก ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกเปลี่ยนจากแดงเปียวเขียวทันที
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Rule of Law
|
|
« ตอบ #34 เมื่อ: 25-09-2008, 12:16 » |
|
เมื่อเช้าฟังข่าว Congress ไม่อนุมัติงบดังกล่าวครับ แต่วอร์เรน บัฟเฟต์ ให้บริษัทของแกเองซื้อโกล์ดแมนแซก ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกเปลี่ยนจากแดงเปียวเขียวทันที
ใจหายว้าบบ congress ยังถกเถียงกันอยู่ไม่ใช่เหรอคะ ยังไม่ได้ลงมติ เมื่อเช้านี้ bush ก็ออกมาอ้อนประชาชนผ่านจอทีวีอยุ่ว่าให้อนุมัติเถิด ตามความเข้าใจของเดี๊ยน เชื่อว่าการเอาเงินรัฐมาอุ้มภาคการเงินตอนนี้ น่าจะคุ้ม คุ้มกว่าปล่อยให้ทั้งระบบขาดความเชื่อมั่นโดยรวม ปล่อยภาคการผลิตตายสนิท เพราะ real sector ของอเมริกามันก็มีดีอยุ่ เรียกว่าผลิตอะไรออกมาขายได้อีกเยอะ ก็ทำตรงนั้นแหละ ค่อยๆผ่อนใช้หนี้สาธารณะไปซึ่งตรงนี้ มีความแตกต่างกับเมืองไทย เมืองไทยช่วงฟองสบุ่แตก มีแต่การลงทุนกับความหวัง ไม่ได้มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันที่จะสร้างรายได้ ดังนั้นจึงต้องขึ้นดอกเบี้ยเพื่อชะลอการลงทุนให้ได้ และทำให้บาทไม่ตกลงไปอีก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
Your C.V is nothing. Your future plan...is everything.
|
|
|
jerasak
|
|
« ตอบ #35 เมื่อ: 25-09-2008, 14:06 » |
|
เรื่องที่ต้องรอปวดหัวกันต่อไป เมื่อค่าเงินดอลล่าร์ตกต่ำ ก็คือวิกฤตราคาน้ำมันรอบใหม่อีกแล้วครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
= A dreamer lives for eternity.= == นักฝันมีชีวิตเพื่อนิรันดร์กาล ==
|
|
|
AsianNeocon
|
|
« ตอบ #36 เมื่อ: 25-09-2008, 15:20 » |
|
ต้องอุ้มครับ ไม่อุ้มไม่ได้ แม้จะไม่ถูกต้องก็ตาม เพราะจะโกลาหลกันทั้งโลกแน่นอน ตั้งแต่ตลาดหุ้นเจ๊ง ธนาคารเจ๊ง ถ้าภาคการเงินตาย หมายถึงทั้งระบบตาย
ผมไม่ได้หนุนตลาดหุ้นนะ แน่นอนมันโป่งพอง แต่ถ้าจะให้พังทลาย ควรให้มันค่อยๆลงเป็น soft landing ให้ค่อยๆมีการปรับตัวไป
ไม่ต้องดูอะไรมาก เมืองไทยปี 40 ไอ้เหลี่ยมไปสั่งปิด 56 สถาบันการเงินหวังแค่จะทุบค่าเงินบาท ทำให้ภาคเศรษฐกิจที่แท้จริงเรา เช่น โรงงาน บริษัท เน่าตายไปตั้งกี่โรง ผู้ฝากเงินถูกล็อกเงินเป็นปีแลกกับบัตรเงินฝาก กระทบไปถึงผู้บริโภครายย่อย เพราะอยู่ดีๆ "ตัวกลาง" ที่รับฝากเงินปล่อยกู้เกิดอันตรธานหายไปในบัดดล สภาพคล่องก็สะดุดสิครับ เหมือนเลือดในร่างกายคนหยุดไหลเวียน ไม่มีการฟอกเลือด ตายนะครับ
ต้นทุนในการอุ้มต่ออนาคตมีแน่ครับ ก็คือให้อเมริการับไป เป็นหนี้สาธารณะ แล้วอเมริกาจะได้หยุดซ่าด้วย ทั่วโลกรับผลกระทบแน่นอนทั้งทางตรง และทางอ้อมในแง่ชาติที่ถือครองเงินดอลล่่าร์เยอะๆ เช่น จีน ฮ่องกง ไต้หวัน ญี่ปุ่น สิงคโปร์ ไทย
แต่ดีกว่าไม่อุ้ม เพราะถ้าไม่อุ้มก็คือไม่มีอนาคตเลย คนอเมริกันนั่นแหละจะตายเอง แล้วฉุดทั้งโลกไปด้วย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
sleepless
|
|
« ตอบ #37 เมื่อ: 25-09-2008, 20:05 » |
|
เอากระดาษไปแลกเงิน สุดท้ายก็กลายเป็นอากาศ ว่าแต่ว่า สิงคโปร์จะเป็นรายต่อไปที่ล้มตามสหรัฐหรือเปล่า? ไอ้ประเทศนี้มันก็ขายลม/ขายอากาศกันทั้งประเทศเหมือนกัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
AsianNeocon
|
|
« ตอบ #38 เมื่อ: 25-09-2008, 22:06 » |
|
Bush: เศรษฐกิจอเมริกากำลังตกอยู่ในอันตรายใหญ่หลวง !! (ปรส.คือสิ่งจำเป็น)อันตรายมากๆ ถึงขนาดต้องเรียกผู้ที่อาจจะเป็นผู้นำคนต่อไปเข้าพบเพื่อรับทราบปัญหาและขอไอเดียเลยนะเนี่ย ทั่วโลกต้องกดดันให้อเมริกา ชาวอเมริกัน และคองเกรส ยอมผ่านกฎหมายฉบับนี้ คนอเมริกันที่ใช้จ่ายเกินตัวจะต้องยอมรับผลกรรมที่ตัวก่อไว้ ไม่ใช่ชักดาบไปดื้อๆ งานนี้ต้องเชียร์บุช Bush summons Obama, McCain for crisis economy talks Thu Sep 25, 7:21 AM WASHINGTON (AFP) - Warning "our entire economy is in danger," US President George W. Bush called unprecedented emergency talks for Thursday with the two men vying to succeed him, John McCain and Barack Obama. Bush announced his summit with the presidential candidates and top congressional leaders in a prime-time televised speech Wednesday seeking public support for his 700-billion-dollar Wall Street rescue plan. "We're in the midst of a serious financial crisis," Bush said in his 13-minute speech from the White House, after angry legislators on Capitol Hill declared the shock proposal dead on arrival. "Without immediate action by Congress , America could slip into a financial panic," the president said. "Ultimately, our country could experience a long and painful recession."Six weeks before the November 4 elections, and four months before he hands the battered US economy to a new president, Bush said inaction could wipe out banks, empty retirement nest eggs, send home values into freefall, and create millions of new jobless. "We must not let this happen," he said. Citing a rare "spirit of cooperation," Bush said he was inviting McCain, Obama, and senior Democratic and Republican leaders from the House and Senate for a 4 pm (2000 GMT) meeting at the White House. Bush invited Obama in a personal telephone call 90 minutes before his speech on Wednesday, the White House said. The Democrat's chief spokesman, Bill Burton, confirmed in a statement that the Illinois senator would attend. Obama has worked all week with senior lawmakers, Treasury Secretary Henry Paulson, and Federal Reserve chairman Ben Bernanke, Burton said. "He will continue to work in a bipartisan spirit and do whatever is necessary to come up with a final solution," the spokesman added. "We will discuss the progress we have made to improve the administration's deeply flawed plan to address this unprecedented crisis ," Democratic Senate Majority Leader Harry Reid said. "As I have said throughout, tomorrow's meeting and future deliberations must be focused on solutions, not photo ops," Reid said, after other Democrats mocked McCain's decision to suspend his campaign over the crisis as a gimmick. The Republican candidate announced he would return to Washington "until this crisis is resolved." But House Financial Services Committee chairman Barney Frank, who has worked closely with Paulson and Bernanke in negotiating the bailout, expressed concern that McCain -- who suggested Thursday's White House crisis talks -- could be a distraction from attempts to secure a rescue package this week on Capitol Hill. "We were making progress, and I hope the presidential politics that he is injecting don't stop it," Frank told Fox News. The Washington Post quoted Frank saying Democrats had reached agreement on the main elements of a bailout bill that they would present to their Republican counterparts Thursday. Opinion polls show the US public is angry at Wall Street but deeply divided about a remedy, with many ready to blame Bush and his Republican Party -- which itself has fissured over the plan amid fierce objections from conservatives. They have expressed dismay over the massive government involvement in the economy, while Bush's Democratic foes have pushed for more government oversight and stronger consumer protection. Defending his position, Bush said: "I faced a choice, to step in with dramatic government action or to stand back and allow the irresponsible actions of some to undermine the financial security of all."
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-09-2008, 20:45 โดย AsianNeocon »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
AsianNeocon
|
|
« ตอบ #39 เมื่อ: 27-09-2008, 20:55 » |
|
Washington Mutual เป็นแบ๊งก์ที่เจ๊งไปอีกราย บรรษัทประกันเงินอเมริกาฝากรอดจากวิกฤติ เพราะ JP Morgan Chase เข้่ามารับซื้อซาก ไม่งั้นคงต้องไปกู้เงินจากรัฐบาลอเมริกาที่ถังแตกอยู่แล้ว มาจ่ายผู้ฝากเงิน
Washington Mutual, Inc. Files Chapter 11 Case
Last update: 11:40 p.m. EDT Sept. 26, 2008 SEATTLE, Sep 26, 2008 (BUSINESS WIRE) -- WASHINGTON MUTUAL, INC. announced today that it has, together with its wholly-owned subsidiary, WMI Investment Corp., commenced voluntary cases under chapter 11 of the United States Bankruptcy Code in the United States Bankruptcy Court for the District of Delaware. The chapter 11 filings were a result of the appointment, by the Office of Thrift Supervision, of the Federal Deposit Insurance Company as receiver of Washington Mutual Bank, Washington Mutual, Inc.'s banking subsidiary on September 25, 2008.
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
sleepless
|
|
« ตอบ #40 เมื่อ: 27-09-2008, 21:43 » |
|
ได้เวลาคนอเมริกันต้องก้มหน้าก้มตาชดใช้หนี้ที่ตนเองก่อเอาไว้หลังจากสะดวกสบายมาหลายปีแล้วครับ หนี้ใครหนี้มันครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
AsianNeocon
|
|
« ตอบ #41 เมื่อ: 28-09-2008, 13:50 » |
|
วิกฤตอเมริการะบาดสู่อังกฤษ 2 ธนาคารเจ๊งไปแล้ว วันพรุ่งนี้อาจเจ๊งอีก 1 !!
Northern Rock เจ๊งไปปีที่แล้ว Halifax Bank of Scotland เพิ่งเจ๊ง ตอนนี้มีอีกแบงก์ชื่อ Bradford & Bingley เพิ่งเคยได้ยินชื่อเหมือนกันเพราะไม่ค่อยได้ยินอะไรเกี่ยวกับอังกฤษมากนัก
มิน่า ช่วงต้นปีนายกฯอังกฤษถ่อไปหานายกฯจีน ขอให้จีนซึ่งเป็นประเทศที่อังกฤษเคยเข้าไปยึดครองและกดขี่อย่างแรง ให้จีนหอบเงินไปลงทุนเพื่อกอบกู้เศรษฐกิจอังกฤษ จีนยังนิ่งอยู่
U.K. Officials in Talks on Bradford & Bingley Rescue (Update2)
By Gonzalo Vina and Poppy Trowbridge
Sept. 27 (Bloomberg) -- The U.K. government is in talks with banking executives over a possible rescue of Bradford & Bingley Plc, the mortgage lender whose shares have tumbled 93 percent this year after late loan payments surged.
Treasury, Financial Services Authority and Bank of England officials are working ``closely'' with the company and executives of other banks, said a Treasury spokesman who asked not to be identified because of ministry policy. The options for Bradford & Bingley include a takeover by the government, acquisition by a rival bank or a break up and purchase by several buyers.
Bradford & Bingley, the U.K.'s largest lender to landlords, may join HBOS Plc and Northern Rock Plc among British banks that couldn't survive the worldwide credit crisis. In the U.S., regulators seized Washington Mutual Inc., America's biggest failed bank, this week and sold assets to J.P. Morgan Chase & Co.
``Nationalization may be more likely,'' said Guy de Blonay, a London-based fund manager at New Star Asset Management, who doesn't hold Bradford & Bingley stock. ``The government is having difficulty in finding any interest from potential buyers.''
The Treasury spokesman didn't identify the banks that are involved in the Bradford & Bingley negotiations.
Late Payments
Tony McGarahan, a Bradford & Bingley spokesman, confirmed that the lender was working with regulators ``to clarify the bank's future.''
``We can assure customers that their deposits are safe with Bradford & Bingley,'' he said, adding that a further statement will be made before financial markets re-open on Sept. 29.
Officials at Barclays Plc, Royal Bank of Scotland Group Plc and Lloyds TSB Group Plc., three of Britain's biggest banks, declined to comment on Bradford & Bingley.
The Bingley, northern England-based bank has 197 branches and almost 3,000 employees. It cut back on lending after funding from credit markets evaporated and late payments climbed.
Almost half of Bradford & Bingley's 42 billion pounds ($77 billion) of loans in the first half were to landlords, and about 17 percent to customers who certify their own income on application and typically have a higher level of default than standard borrowers.
Customers are more than three months late on almost 2.3 percent of the bank's mortgages. That compares with the U.K. average of 0.5 percent, according the Council of Mortgage Lenders.
Bradford & Bingley's market value has fallen to 256 million pounds, less than the 400 million pounds the bank raised in a share sale last month that was snubbed by almost three quarters of the bank's investors.
Next Northern Rock?
Fitch Ratings Service placed the bank's mortgage-backed bonds on negative watch Sept. 24, forcing the bank to call on Barclays Plc to act as a counterparty.
U.K. officials have tried for most of the year to prevent Bradford & Bingley from becoming the next Northern Rock, which ran out of funding and triggered the first bank run in more than a century in Britain. It had about 113 billion pounds of assets before it was forced to borrow about 24 billion pounds in emergency funds from the Bank of England.
The government waived antitrust rules on Sept. 18 to allow Lloyds TSB to acquire HBOS, the nation's largest mortgage lender, in a stock swap valued at about 12 billion pounds. HBOS CEO Andy Hornby said he agreed to the rescue after the company's shares fell 76 percent and he realized that the credit crisis won't be ending any time soon.
``You can't play brinksmanship with any entity that has depositors' money,'' said Mamoun Tazi, a London-based analyst at MF Global Securities Ltd. with a ``neutral'' rating on Bradford & Bingley. ``You have to find a solution before the problem becomes unmanageable.''
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
sleepless
|
|
« ตอบ #42 เมื่อ: 28-09-2008, 14:58 » |
|
ไหนใครบอกว่าแปรรูปเป็นเอกชนแล้วจะมีความโปร่งใสและมีประสิทธิภาพมากกว่า ไหงเที่ยวนี้ทั้งอังกฤษทั้งอเมริกากลับทำตรงกันข้ามกับทฤษฎีกันหมดหว่า อะไรทำกำไรดีก็ privatize ให้คนไม่กี่คนเอาไปแบ่งกัน พออะไรเป็นขยะก็ nationalize กลับมาให้ประชาชนทั้งประเทศร่วมชดใช้ "Loans nationalised" คิดได้ไง สุดยอดจริงๆ ตอนนี้คนอเมริกันกับคนอังกฤษไม่น้อยคงอยากเข้าไปยึดทำเนียบแบบ พธม บ้านเราแน่ๆ เลย 555 =================== Treasury to nationalise B&B bank Troubled bank Bradford & Bingley, which has seen its share price crash, is to be nationalised, the BBC has learned. Officials from the Treasury and the Financial Services Authority (FSA) have been in talks with executives from the bank in a bid to secure its future. BBC News business editor Robert Peston says the Treasury will then speedily sell B&B's 200 branches and its savings business to a bank or number of banks. But the British Bankers Association is unhappy at some aspects of the plan. 'Difficult choices' Association chief executive Angela Knight told BBC Five Live she was not happy the taxpayer was having to take on the liability of B&B as well as Northern Rock. She said: "I'm not comfortable with that, I don't know anybody who is comfortable with that. There's a series of difficult choices here. "The financial services industry underpins, not just the UK economy, but indeed all of us individually, and there can be times where authorities have to step in." But she added that it was a "very great shame that it's got to this place". Loans nationalised B&B's share price has plummeted and it has announced plans to cut 370 jobs due to a downturn in the mortgage market. The bank will be nationalised using special legislation the Treasury put through when it took Northern Rock into public ownership earlier this year. The measure is expected be announced on Sunday night or Monday morning. The Treasury and FSA will negotiate with banks interested in buying parts of B&B. Possible buyers included Santander of Spain, HSBC and Barclays. Santander, which already owns Abbey and Alliance & Leicester, has been looking at B&B for some time. B&B's £50bn of loans, including £41bn of home mortgages, will not be sold and will be nationalised on a long-term basis. The mortgages may be given to the nationalised Northern Rock to manage. The bank experienced significant withdrawals of cash from its branches and online bank on Saturday amid customer concerns about its situation. The Treasury's decision to sell B&B's savings business means that depositors and savers' money should be safe. Demutualisation woes However, B&B's shareholders and holders of its subordinated debt may lose out. Our business editor says the nationalisation and break-up of B&B represents a momentous event in the history of British banking. He said: "It will mean that every building society that floated on the stock market in the wave of demutualisations of the past two decades will either have collapsed or been sold to a conventional bank." B&B was close to seeing a demand from depositors for the return of billions of pounds, which it would have been unable to find. Credit rating agencies had been downgrading the rating of its covered bonds, a form of funding which involves packaging up mortgages for sale to investors. Liberal Democrat treasury spokesman Vince Cable said: "There doesn't seem to have been a white knight in the offing. The alternative otherwise was just to let the thing go bust and protect the depositors". Bradford & Bingley spokesman Tony McGarahan said discussions were taking place and an announcement would be made before the stock market opened on Monday. "We can assure customers that their deposits are safe with Bradford & Bingley," he said. ====================
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Şiłąncē Mőbiuş
|
|
« ตอบ #43 เมื่อ: 29-09-2008, 10:32 » |
|
กระทู้มีประโยชน์ ต้องดันไว้ก่อน เดี๋ยวตก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
“People should not be afraid of their governments. Governments should be afraid of their people.” . “ประชาชนไม่ควรกลัวรัฐบาลของตนเอง รัฐบาลต่างหากที่ควรกลัวประชาชน” .. แวะไปเยี่ยมกันได้ที่ http://silance-mobius.blogspot.com/ นะครับ .
|
|
|
แอ่นแอ๊น
|
|
« ตอบ #44 เมื่อ: 29-09-2008, 12:15 » |
|
เรื่องที่ต้องรอปวดหัวกันต่อไป เมื่อค่าเงินดอลล่าร์ตกต่ำ ก็คือวิกฤตราคาน้ำมันรอบใหม่อีกแล้วครับ เด๋วเค้าอาจจะอ้างว่า ดีมานด์ลดลง ราคาเก็งกำไรเกินไป ทุบฟิวเจอร์ลงมาอีกก็ได้ค่ะ ข่าวคืบหน้า สาระสำคัญของมาตรการฟื้นภาคการเงินฉบับสภาคองเกรส 11:49 น. ผู้นำในสภาคองเกรสสหรัฐ เห็นชอบในเบื้องต้นที่จะสนับสนุนข้อตกลงในการอนุญาตให้กระทรวงการคลังเข้า ซื้อหลักทรัพย์ที่มีปัญหาในวงเงิน 7 แสนล้านดอลลาร์ เพื่อบรรเทาภาวะวิกฤตการณ์ในตลาดสินเชื่อทั่วโลก คณะผู้เจรจาของสภาคองเกรสได้แก้ไขข้อเสนอเดิมของกระทรวงการคลังโดยเพิ่ม อำนาจการกำกับดูแลครั้งใหม่และเงื่อนไขที่จะปกป้องผู้เสียภาษี เมื่อเช้าวานนี้ผู้นำสภาคองเกรสประกาศว่า พวกเขาได้บรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับสาระสำคัญของแผนดังกล่าว และเจ้าหน้าที่กำลังอยู่ในระหว่างการจัดทำเนื้อหาในขั้นสุดท้าย ขณะที่สภาผู้แทนราษฎรทั้งสภาและวุฒิสภา จะต้องรับรองร่าง กฎหมายดังกล่าว ต่อไปนี้เป็นสาระสำคัญของมาตรการความช่วยเหลือตามที่มีการชี้แจงจากสมาชิกสภานิติบัญญัติและระบุในร่างกฎหมายขั้นต้น : - - สภาคองเกรสจะแบ่งเบิกจ่ายงบในการซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพวงเงิน 7 แสนล้านดอลลาร์เป็นงวดๆ โดยจะมีการอนุมัติเงินงวดแรก 2.50 แสนล้านดอลลาร์เมื่อมีการบังคับใช้กฎหมาย ขณะที่จะมีการเบิกงบงวดต่อไปอีก 1 แสนล้านดอลลาร์หากประธานาธิบดีมองว่าเป็นสิ่งจำเป็น ส่วนงวดสุดท้าย 3.50 แสนล้านดอลลาร์จะขึ้นอยู่กับการพิจารณาอนุมัติของสภาคองเกรส - รัฐบาลจะเข้าถือหุ้นในบริษัทที่ขอความช่วยเหลือจากรัฐบาลกลางเพื่อให้ผู้ เสียภาษีจะสามารถได้รับส่วนแบ่งกำไรถ้าบริษัทเหล่านี้ฟื้นตัวขึ้น โดยมีข้อยกเว้นสำหรับสถาบันการเงินที่มีสินทรัพย์น้อยกว่า 500 ล้านดอลลาร์ หรือถ้ารัฐบาลเข้าซื้อธุรกิจที่มีปัญหาในวงเงินต่ำกว่า 100 ล้านดอลลาร์ - ถ้าบริษัทหนึ่งๆได้รับความช่วยเหลือแต่ล้มละลาย นักลงทุนจะเป็นผู้รับผลขาดทุนเป็นลำดับแรก ส่วนรัฐบาลจะเป็น 1 ในนักลงทุนรายสุดท้ายที่รับภาระขาดทุน - คณะกรรมการสภาคองเกรสชุดใหม่จะมีอำนาจในการกำกับดูแลโครงการนี้ และรมว.คลังจะทำการรายงานเป็นประจำต่อสมาชิกสภานิติบัญญัติ - หากกระทรวงการคลังเข้าถือหุ้นในบริษัทแห่งหนึ่ง ผู้บริหารชั้นนำ 5 คนของทางบริษัทจะต้องถูกจำกัดการได้รับผลตอบแทน - ผู้บริหารที่ถูกจ้างหลังบริษัทการเงินแห่งหนึ่งได้ขายสินทรัพย์เป็นมูลค่า มากกว่า 300 ล้านดอลลาร์ต่อรัฐบาลนั้น จะไม่มีสิทธิได้รับสิทธิประโยชน์หรือค่าตอบแทนภายใต้ข้อตกลงที่เรียกว่า "golden parachute" - มาตรการนี้จะอนุญาตให้ธนาคารกลางสหรัฐเริ่มจ่ายดอกเบี้ยให้กับทุนสำรองของ ธนาคารตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. ซึ่งจะเป็นเครื่องมือในการลดภาวะตึงตัวของตลาดสินเชื่อ - ให้มีการดำเนินการศึกษาผลกระทบของมาตรฐานการบัญชีแบบ mark-to-market ซึ่งนักวิจารณ์ระบุว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้มูลค่าสินทรัพย์ลดลงในงบดุลบัญชี ของภาคธุรกิจ - รัฐบาลกลางสหรัฐอาจระงับกระบวนการยึดทรัพย์จำนองสำหรับเงินกู้ซื้อบ้านที่รัฐบาลซื้อมาภายใต้แผนดังกล่าว - ตามแผนที่จะเข้าซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดนั้น กระทรวงการคลังสหรัฐจะพิจารณาจัดทำโครงการประกันซึ่งจะค้ำประกันเงินกู้ที่ มีปัญหาและจะได้รับการชำระจากบรรดาบริษัทที่เข้าร่วมโครงการ - หากรัฐบาลประสบภาวะขาดทุนในช่วง 5 ปีของการเข้าร่วมโครงการ กระทรวงการคลังจะร่างแผนเพื่อเรียกเก็บภาษีจากบริษัทต่าง ๆ ที่เข้าร่วมโครงการเพื่อชดเชยการขาดทุนของผู้เสียภาษี http://breakingnews.nationchannel.com/read.php?newsid=341637&lang=T&cat=
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"เมื่อเจตนาเบี่ยงเบนไปจากความจริง การนำเสนอข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง บางทีก็เป็นเพียงภาษาสุภาพสำหรับการพูดเท็จนั่นเอง" : วิถีแห่งปราชญ์ พิมพ์ครั้งที่ ๗ หน้า ๒๐๖
|
|
|
AKE LAKSI
|
|
« ตอบ #45 เมื่อ: 29-09-2008, 14:10 » |
|
อ้าว...พูดอย่างนี้จะไล่ให้มันไปอยู่ดวงจันทร์หรืออย่างไร (อั้ยจั***เหลี่ยม)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
แอ่นแอ๊น
|
|
« ตอบ #46 เมื่อ: 29-09-2008, 15:06 » |
|
3 ชาติยุโรปโดดอุ้ม"ฟอร์ติส"ขณะยึดกิจการเป็นของรัฐ 13:45 น. ฟอร์ติส ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทการเงินของกลุ่มประเทศเบเนลักซ์ (เบลเยียม,เนเธอร์แลนด์ และลักเซมเบิร์ก) เข้าสู่กระบวนการโอนกิจการเป็นของรัฐบาลเมื่อวานนี้หลังการเจรจาฉุกเฉินกับ นายฌอง-คล็อด ทริเชต์ ประธานธนาคารกลาง ยุโรป (อีซีบี) เพื่อป้องกันผลกระทบทางการเงินแบบสหรัฐซึ่งกำลังรุมเร้าฟอร์ติสซึ่งเป็นหนึ่งในธนาคารชั้นนำ 20 แห่งของยุโรป ทั้งนี้ รัฐบาลเบลเยียม, เนเธอร์แลนด์ และลักเซมเบิร์กตกลงที่จะอัดฉีดเม็ดเงิน 1.12 หมื่นล้านยูโร (1.64 หมื่นล้านดอลลาร์) ให้กับฟอร์ติสซึ่งเป็นบริษัทด้านธนาคารและประกัน ซึ่งจะขายธุรกิจบางส่วนของธนาคารเอบีเอ็น แอมโรของ เนเธอร์แลนด์ซึ่งได้ซื้อมาเมื่อปีที่แล้ว นายอีฟส์ เลอร์แตร์ม นายกรัฐมนตรีเบลเยียมประกาศแผนกอบกู้ดังกล่าวในการแถลงข่าวหลังช่วงสุด สัปดาห์ในวิกฤตการณ์ด้านธนาคารครั้งใหญ่ครั้งแรกที่ส่งผลกระทบต่อเขตยูโรโซน ในระยะ 13 เดือนของความปั่นป่วนทางการเงิน ทั่วโลกที่เริ่มต้นขึ้นในสหรัฐ แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับการเจรจาระบุว่า รัฐบาลกลุ่มประเทศเบเนลักซ์เลือกให้การช่วยเหลือบางส่วนหลังความเชื่อมั่น ของนักลงทุนทรุดลงในสัปดาห์ที่ผ่านมา และผู้เสนอซื้อกิจการ 2 รายจากภาคเอกชนเสนอราคาที่ต่ำเกินไป "เราอาจไม่เข้าแทรกแซงก็ได้ แต่คำถามก็คือฟอร์ติสจะอยู่รอดได้ในวันนี้หรือไม่" นายวูเตอร์ บอส รมว.คลังของเนเธอร์แลนด์กล่าวกับผู้สื่อข่าว ทั้งนี้ รัฐบาลแต่ละแห่งจากกลุ่มเบเนลักซ์จะถือหุ้น 49 % ในธนาคารฟอร์ติสในประเทศของตน โดยเบลเยียมจะถือหุ้นมูลค่า 4.7 พันล้านยูโร, เนเธอร์แลนด์ถือหุ้นมูลค่า 4.0 พันล้านยูโร และลักเซมเบิร์กถือหุ้น 2.5 พันล้านยูโรโดยถือในรูปหุ้นกู้แปลงสภาพ แหล่งข่าวระบุว่าผู้ซื้อหุ้นฟอร์ติสที่มีความเป็นไปได้มากที่สุดซึ่งได้แก่ บีเอ็นพี พาริบาส์ของฝรั่งเศสนั้น ได้ถอนตัวหลังจากเสนอซื้อหุ้นเพียง 1.60 ยูโรต่อหุ้น เมื่อเทียบกับระดับปิดตลาดวันศุกร์ที่ 5.20 ยูโร และยังเรียกร้องให้รัฐบาลค้ำประกันการขาดทุนที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต แหล่งข่าวอีกรายที่ใกล้ชิดกับการเจรจาระบุว่า บีเอ็นพี พาริบาส์ได้เสนอซื้อหุ้นฟอร์ติส 2 ยูโรต่อหุ้น ขณะที่บริษัทไอเอ็นจี กรุ๊ปของเนเธอร์แลนด์เสนอซื้อที่เพียง 1.5 ยูโร "ไม่มีผู้เสนอซื้ออย่างจริงจังสำหรับมูลค่าที่แท้จริงของทั้งกลุ่ม" นายทริเชต์ ซึ่งเป็นประธานอีซีบีที่รับผิดชอบในการปกป้องเสถียรภาพทางการเงินในยูโรโซน ได้ร่วมกับนายลอร์แตร์ม, นายบอสและผู้ว่าการธนาคารกลางของทั้ง 2 ประเทศในการเจรจาเพื่อกอบกู้ฟอร์ติส การเข้าร่วมเจรจาของนายทริเชต์ซึ่งไม่เคยปรากฏมาก่อนในการช่วยเหลือธนาคาร พาณิชย์นั้น ได้ตอกย้ำถึงความรุนแรงของความวิตกเกี่ยวกับความมั่นคงของระบบการเงินของ ยุโรป นักลงทุนทั่วโลกหวังว่าสมาชิกสภานิติบัญญัติสหรัฐจะอนุมัติแผนช่วยเหลือภาค การเงินมูลค่า 7 แสนล้านดอลลาร์เพื่อซื้อหนี้เสียจากธนาคารสหรัฐที่ประสบปัญหาอันเป็นความ พยายามที่จะหยุดยั้งวิกฤติสินเชื่อที่กำลังคุกคามต่อเศรษฐกิจโลก การที่ฟอร์ติสมีพนักงาน 85,000 คนทั่วโลก และมีโครงสร้างระหว่างประเทศ ทำให้มีขนาดใหญ่เกินกว่าจะปล่อยให้ล้มละลาย โดยการโอนกิจการฟอร์ติสเป็นของรัฐจะทำให้ขนาดการเทคโอเวอร์ของธนาคาร นอร์เธิร์น ร็อคของอังกฤษ ในปีที่ผ่านมาดูเล็กลงไปเลยเมื่อเทียบกับการเทคโอเวอร์ฟอร์ติส นายมอริซ ลิพเพนส์ ประธานฟอร์ติสได้ลาออกจากตำแหน่งหลังถูกผู้ถือหุ้นกล่าวหาว่าปกปิดปัญหาของฟอร์ติสมานานเกินไป ปัญหาของฟอร์ติสมาจากการเข้าซื้อเอบีเอ็นพร้อมด้วยรอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์และแซนแทนเดอร์ของสเปนซึ่งเป็นหุ้นส่วน ในวงเงิน 7 หมื่นล้านยูโร เมื่อปีที่แล้ว โดยหุ้นของฟอร์ติสร่วงลง 33 % เมื่อสัปดาห์ที่แล้วจากความวิตกของ นักลงทุนเกี่ยวกับสภาพคล่องและการระดมทุนของฟอร์ติส ฟอร์ติสถูกกดดันจากการใช้เงินทุน 2.4 หมื่นล้านยูโรสำหรับการซื้อเอบีเอ็นในตลาดที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการเพิ่มทุนต่อไป หุ้นฟอร์ติสดิ่งลงกว่า 20 % สู่จุดต่ำสุดรอบ 15 ปีในวันศุกร์ แม้ว่ามีแถลงการณ์ว่า บริษัทมีสถานะการเงินแข็งแกร่ง และมีการยืนยันที่จะเพิ่มการขายสินทรัพย์เป็นมูลค่ามากถึง 1 หมื่นล้านยูโร เงินทุนจดทะเบียนในตลาดของทางกลุ่มบริษัทลดลงจาก 5 หมื่นล้านยูโรหลังการเข้าซื้อเอบีเอ็น สู่เพียง 1.2 หมื่นล้านยูโรเมื่อวันศุกร์ มีความเสี่ยงสูงในเบลเยียมที่ซึ่งฟอร์ติสเป็นผู้ว่าจ้างภาคเอกชนรายใหญ่ที่ สุดและครัวเรือนกว่า 1.5 ล้านครัวเรือนหรือราวครึ่งหนึ่งของประเทศ ฝากเงินกับกลุ่มบริษัทดังกล่าว http://breakingnews.nationchannel.com/read.php?newsid=341656&lang=T&cat=
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"เมื่อเจตนาเบี่ยงเบนไปจากความจริง การนำเสนอข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง บางทีก็เป็นเพียงภาษาสุภาพสำหรับการพูดเท็จนั่นเอง" : วิถีแห่งปราชญ์ พิมพ์ครั้งที่ ๗ หน้า ๒๐๖
|
|
|
AsianNeocon
|
|
« ตอบ #47 เมื่อ: 29-09-2008, 17:04 » |
|
เบื้องหลังความหายนะของ AIG (เหลือเชื่อ และเอี้ยกว่าวิกฤตต้มยำกุ้งซะอีก)New York Times มีลงอันนี้น่าสนใจดีครับ
http://www.iht.com/bin/printfriendly.php?id=16538680
AIG มีพนักงานทั่วโลกเป็น 100000 คน แต่คนเพียง 377 คนในสาขาของ AIG Financial Products London (AIGFP) สามารถทำให้บริษัทเก่าแก่ใหญ่โตล้มได้ แสดงถึงรูโหว่ขนาดใหญ่ และความอุบาทว์ของอเมริกาและอังกฤษที่เที่ยวไปสั่งสอนชาวบ้านเรื่อง "ธรรมาภิบาล" ไอ้ 377 คน นี่ก็เป็นพวกจบทั้ง MBA PhD อะไรระดับหัวกะทิของโลกทั้งนั้น ด้วยความที่เรียนเก่ง หัวดี สนญ.AIG ที่อเมริกาก็มอบอำนาจให้มหาศาล มีอิสระในการตัดสินใจ และมีคนที่ชื่อว่า Joseph Cassano เป็น CEO ของ AIGFP London
นาย Joseph Cassano คนนี้เคยทำงานให้ Drexel Burnham Lambert ซึ่งเป็นธนาคารวาณิชธนกิจคล้ายๆกับ Lehman Brothers ที่เพิ่งล้มไป แต่รายของ DBL นี่ล้มไปนาน 20 ปีแล้ว สาเหตุจากการออกตราสารหนี้ขยะออกมาขายเหมือนกัน แล้ว AIG ก็เสือกไปจ้างมันมานั่งเป็น CEO ที่อังกฤษ ไอ้นี่ละที่บทความสงสัยว่าเป็นต้นคิดสิ่งที่เรียกว่าเป็น "นวัตกรรมทางการเงิน" ที่เรียกว่า CDS Credit Default Swap ภาษาชาวบ้านก็คือ ออกกรมธรรม์แก่แบ๊งก์ต่างๆ ล่อให้มาซื้อ โดยอ้างว่า ช่วยประกันความเสี่ยงอัตราดอกเบี้ยที่เปลี่ยนแปลง และประกันความเสี่ยง หากมีแบ๊งก์ไหนล้ม จะจ่ายเงินให้ รวมทั้ง CDO ที่มีเหตุมาจาก subprime mortgage ด้วย
ก็คือ CDS เนี่ย เป็นตัวไปค้ำประกันตัว CDO นี่อีกที และไอ้ CDO นี่ก็คือของเน่าๆที่ถูกจับมายัดไส้ แล้วเรียกบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถืออย่าง Moody's, S&P (ที่รัฐบาลไทยต้องไปกราบเท้าให้มันคงอันดับสมัยปี 40) ให้ไอ้พวกบ้านี่มาจัดอันดับ AAA, AA+ ให้
ดังนั้นก็ล่อให้ ธนาคารทั่วโลก โดยเฉพาะพวกยุโรป (ส่วนใหญ่ฝรั่งมันเชื่อกันเอง เพราะมันคิดว่ามันเจ๋งสุด) ก็แห่มาซื้อกรมธรรม์โดยคิดว่า มันคือของดี จะไม่ดีได้ไงก็ AIG ก็ได้เรตติ้ง AAA ไอ้ตราสารที่ไปค้ำอยู่ก็ AAA ความเสี่ยงแทบจะเป็น 0
การเอากระดาษมาตีมูลค่าให้เป็นทอง ทำให้รายได้ของ AIGFP London เพิ่มจาก 700 ล้าน เป็น 3000 ล้านต่อปีภายใน 6 ปี นาย Cassano นี่ก็ได้รับการแซ่ซ้องจากทั้งภายใน AIG นิตยสารการเงิน นักวิชาการ และในวงการการเงินฝรั่ง ทำนองเดียวกับสมัยก่อนปี 40 ที่ไทยเกิดนิตยสารการเงินการธนาคาร แล้วตั้งรางวัลมายกย่องและมอบให้นักบริหารดีเด่นมากมาย
ขายไปขายมา ยอดของไอ้กรมธรรม์หรือ derivatives ที่เรียกว่า CDS ก็มียอดรวมในงบดุลไปถึง 500,000,000,000 ดอลล่าร์ ซึ่งก็จะมีลูกค้า(แบ๊งก์ต่างๆในยุโรปและอเมริกา) ต้องจ่ายค่าเบี้ยประกันให้ AIG รวมกัน 250,000,000 ดอลล่าร์ต่อปี เป็นรายได้มหาศาล
จริงๆแล้ว พวกนี้คือกรมธรรม์ แต่ว่าไม่เรียกว่ากรมธรรม์ เพราะอาศัยช่องว่างทางกฎหมายของอังกฤษ (คือ ไอัอังกฤษนี่ก็เหี้.ย. ตัวเองหวังเป็นศูนย์กลางทางการเงินของโลก ก็เลยเปิดเสรีทุกอย่าง ไร้การควบคุม เพราะคิดว่า "กลไกตลาด" จะแก้ไขตัวมันเองได้ อาศัยบารมีเก่าๆ ใครๆก็บ้า London ก็เชื่อมัน)
เมื่อสินเชื่ออสังหาฯในอเมริกาเริ่มออกอาการเน่า ก็ส่งต่อมาถึง CDO แล้วก็ลามมาหา CDS แต่นาย Cassano นี่ก็เผ่นลาออกจากบริษัทไปตั้งแต่ต้นปี 2007 แล้ว
สังเกตว่า อเมริกากับอังกฤษ อยากเป็น "มหาอำนาจทางการเงินการธนาคารของโลก" เลย deregulate แหลก เวลาอเมริกาไปไหนอังกฤษต้องไปด้วย ไปอิรัก อังกฤษก็ตามไปด้วย อเมริกามีฐานทัพที่ไหนอังกฤษก็มีสิทธิพิเศษไปใช้ได้ เวลาเน่าเลยเน่าพร้อมกัน แล้วลากเอายุโรปลงไปด้วย
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-09-2008, 17:08 โดย AsianNeocon »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
นทร์
|
|
« ตอบ #48 เมื่อ: 29-09-2008, 17:27 » |
|
อ่านแล้วมันส์ดี
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"ประชาชน อย่าทิ้งประเทศชาติ"
|
|
|
|
|