ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
25-04-2024, 18:25
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  ส่อเลื่อนพิพากษาคดี "ที่ดินรัชดา" เป็น 17 ต.ค. นักกม.ชี้เหตุ "แม้ว-อ้อ" เผ่น 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
ส่อเลื่อนพิพากษาคดี "ที่ดินรัชดา" เป็น 17 ต.ค. นักกม.ชี้เหตุ "แม้ว-อ้อ" เผ่น  (อ่าน 2353 ครั้ง)
soco
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,842



« เมื่อ: 16-09-2008, 09:41 »

วันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2551 เวลา 21:19:08 น.  มติชนออนไลน์ อ่านล่าสุด 2001 คน


ส่อเลื่อนพิพากษาคดี "ที่ดินรัชดา" เป็น 17 ต.ค. นักกม.ชี้เหตุ "แม้ว-อ้อ" เผ่น ศาลฯตัดสินลับหลัง

นักกฎหมาย ชี้ศาลฎีกาฯ อาจเลื่อนอ่านคำพิพากษาคดีที่ดินรัชดาฯ เป็นวันที่ 17 ตุลาคม ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 182 วรรค 3 เหตุอ่านลับหลังจำเลยไม่ได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนัดฟังคำพิพากษาคดีการทุจริตจัดซื้ดที่ดิน ถนนรัชดาภิเษก มูลค่า 772 ล้านบาทจากกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินซึ่งพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา เป็นจำเลยในวันพุธที่ 17 กันยายนนี้
 
ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า ในวันพุธที่ 17 กันยายน ศาลฎีกาฯ ยังไม่น่าจะอ่านคำพิพากษาคดีทุจริตจัดซื้อที่ดินถนนรัชดาฯ  เพราะตามหลักแล้ว ศาลฎีกาฯ จะต้องไม่อ่านคำพิพากษาลับหลังจำเลย  ดังนั้น ในวันที่ 17 ตุลาคม ศาลอาจจะต้องสั่งให้นำตัวจำเลยมาศาลภายใน 30 วัน เมื่อครบ 30 วันแล้ว อัยการสูงสุดไม่สามารถนำตัวพ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน มาจากลอนดอนได้ ศาลฎีกาฯ จึงจะสามารถอ่านคำพิพากษา โดยไม่มีตัวจำเลยอยู่ในศาลได้ ทั้งนี้ ตามขั้นตอนแล้ว ศาลน่าจะอ่านคำพิพากษาคดีนี้ได้ในวันที่ 17 ตุลาคม 2551
   
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามประมวลกฎหมายพิจารณาความอาญา มาตรา 182 วรรค บัญญัติว่า "เมื่อศาลอ่านให้คู่ความฟังแล้ว ให้คู่ความลงลายมือชื่อไว้ ถ้าเป็นความผิดของโจทก์ที่ไม่มา จะอ่านโดยโจทก์ไม่อยู่ก็ได้ ในกรณีที่จำเลยไม่อยู่ โดยไม่มีเหตุสงสัยว่าจำเลยหลบหนีหรือจงใจไม่มาฟัง ก็ให้ศาลรอการอ่านไว้จนกว่าจำเลยจะมาศาล แต่ถ้ามีเหตุสงสัยว่าจำเลยหลบหนีหรือจงใจไม่มาฟัง ให้ศาลออกหมายจับจำเลย เมื่อได้ออกหมายจับแล้วไม่ได้ตัวจำเลยมาภายในหนึ่งเดือน นับแต่วันออกหมายจับ ก็ให้ศาลอ่านคำพิพากษาหรือคำสั่งลับหลังจำเลยได้ และให้ถือว่าโจทก์หรือจำเลยแล้วแต่กรณีได้ฟังคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้นแล้ว"

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1221487016&grpid=00&catid=01 
บันทึกการเข้า
soco
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,842



« ตอบ #1 เมื่อ: 16-09-2008, 09:47 »

พระราชบัญญัติ
ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญา
ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
พ.ศ. ๒๕๔๒

               มาตรา ๓๒ เมื่อการไต่สวนพยานหลักฐานเสร็จสิ้น โจทก์และจำเลยมีสิทธิแถลง

ปิดคดีของตนภายในเวลาที่ศาลกำหนด แล้วให้องค์คณะผู้พิพากษามีคำพิพากษาและให้อ่านคำ

พิพากษาในศาลโดยเปิดเผยภายในเจ็ดวันนับแต่วันเสร็จการพิจารณา ถ้ามีเหตุสมควรจะเลื่อนการ

อ่านไปก่อนก็ได้แต่ต้องไม่เกินสิบสี่วันและต้องบันทึกเหตุนั้นไว้ เว้นแต่ไม่อาจได้ตัวจำเลยมาศาล

ในวันอ่านคำพิพากษา

               ในกรณีที่ศาลนัดฟังคำพิพากษาหรือคำสั่งตามวรรคหนึ่ง แต่จำเลยไม่อยู่หรือไม่

มาฟังคำพิพากษาให้ศาลเลื่อนการอ่านไปและออกหมายจับ
จำเลยมาฟังคำพิพากษา เมื่อได้ออก

หมายจับแล้วไม่ได้ตัวจำเลยมาภายในหนึ่งเดือน
นับแต่วันออกหมายจับ ให้ศาลอ่านคำพิพากษา

หรือคำสั่งลับหลังจำเลยได้
และให้ถือว่าจำเลยได้ฟังคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้นแล้ว 
บันทึกการเข้า
THE THIRD WAY
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,821


Love looks not with eyes, but with the mind.


« ตอบ #2 เมื่อ: 16-09-2008, 09:58 »

รอได้ครับ
บันทึกการเข้า

ความรักนั้นหวาน ไม่ว่าจะรับหรือให้
************************
การขับไล่ทรราช เป็นภารกิจของเจ้าของประเทศ
soco
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,842



« ตอบ #3 เมื่อ: 16-09-2008, 10:11 »

รอได้ครับ


หลบหนีไป และออกหมายจับเกินหนึ่งเดือนแล้ว ก็น่าจะใช้ได้ ตามความเห็นผม

ไม่ควรจะรอนาน 
บันทึกการเข้า
May The Force Be With You
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 331


ขอพลังสถิตย์กับท่าน


« ตอบ #4 เมื่อ: 16-09-2008, 10:15 »

ขอเร็วหน่อยได้ไหม   ไม่อยากรอแล้ว
บันทึกการเข้า

"เจไดที่ฉลาดมากๆ คนหนึ่งเคยบอกข้าไว้ว่าเราไม่จำเป็นต้องชนะ แต่เราต้องสู้"
vkiupN
สมาชิกสามัญขั้นที่ 1
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 23


« ตอบ #5 เมื่อ: 16-09-2008, 10:24 »

ไม่อยากรอเหมือนกัน

กลัวเวลาเปลี่ยนคนเปลี่ยน

บันทึกการเข้า
ooo
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 670


« ตอบ #6 เมื่อ: 16-09-2008, 10:30 »

99% ศาลคงเลื่อนไป ออกหมายจับใหม่

อีก 1% ที่เหลือ ศาลอาจบอกว่า เคยออกหมายจับไว้เกิน

หนึ่งเดือนแล้ว ก็ยังไม่ได้ตัวมา จึงไม่จำต้องออกหมายจับอีกครั้ง

แต่อย่างใด...


ใครไม่อยากรอนานก็ลุ้น 1% ที่เหลือก็แล้วกัน
บันทึกการเข้า
คนไทยคนหนึ่ง
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 744


« ตอบ #7 เมื่อ: 16-09-2008, 10:37 »

แต่วันนี้ ศาลฎีกา ออกหมายจับ ทักกี้เพิ่มอีกใบในคดี เอ็กซิมแบงค์ ครับ
บันทึกการเข้า
anomai
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 134



« ตอบ #8 เมื่อ: 16-09-2008, 10:42 »

ผมว่าศาลน่าจะดูเจตนาของจำเลยนะ เพราะจำเลยมีเจตนาให้คิดว่าไม่กลับมาอีกแล้ว(หมายถึงหนีนั่นแหละ)

เลื่อนไปก็เท่านั้น แต่ไม่ว่ายังไงก็แล้วแต่ดุลยพินิจของศาลครับ 
บันทึกการเข้า

เจ็บแล้วจำคือคน เจ็บแล้วทนคือควาย
noppon
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 165



« ตอบ #9 เมื่อ: 16-09-2008, 10:44 »

ศาลท่านคงพิจารณาได้เองแหละครับ ว่าถึงขนาดนี้แล้ว จำเลยตัวแสบคนนี้
ยังจะกลับมาฟังคำพิพากษาอีกหรือไม่

ว่าแต่ เลื่อนไม่เลื่อน คำพิพากษาก็คงเหมือนเดิมครับ
บันทึกการเข้า

สมาชิกลำดับที่ #71 ครับ
ริวเซย์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4,637


Worrior in The Blue Armor


เว็บไซต์
« ตอบ #10 เมื่อ: 16-09-2008, 10:54 »

คาดว่าศาลอาจจะเลื่อนการอ่านคำพิพากษาออกไปครับ

ยังไงก็ไม่หน้าจะจับไอ้เหลี่ยมได้ในเร็ววันนี้

แต่ยังไงก็เลื่อนออกไปแค่เดือนเดียว รอได้ครับ

บันทึกการเข้า

ถ้ามีแฟนแบบนี้เอาไหมครับ^^


Village Vanguard
สมาชิกสามัญขั้นที่ 1
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 26



« ตอบ #11 เมื่อ: 16-09-2008, 11:16 »

ใจจริงไม่อยากรอ รู้สึกช่วงนี้พธม.เหงาๆ
แต่ก็รอศาลท่านได้ครับ 
บันทึกการเข้า
The Last Emperor
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 6,714


« ตอบ #12 เมื่อ: 16-09-2008, 11:48 »

"งามหน้าต่างชาติจัดอันดับให้ศาลไทยรั้งท้ายบ๊วย เหตุตุลาการภิวัตน์ให้อำนาจมากเกิน  


โดย สำนักข่าวAFP
ที่มา คุณไตร บอร์ดฟ้าเดียวกัน
15 กันยายน 2551

" เพิร์ก"เผยผลจัดอันดับระบบศาลในเอเชีย ระบุฮ่องกงแชมป์อันดับหนึ่ง ขณะที่อินโดนีเซียคว้าแชมป์อันดับรองโหล่ และโหล่ที่สุด ส่วนไทยรั้งท้ายติดอันดับ 9เหตุต่างชาติกังขามีอำนาจมากเกินไปจะเป็นผลดีต่อประเทศจริงหรือ

สำนัก ข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 14 ก.ย.ว่า สถาบันเพิร์ก ได้เปิดเผยผลสำรวจระบบศาลในภูมิภาคเอเชีย โดยประเทศที่ติดอันดับดีที่สุดอันดับแรก คือ ฮ่องกง อันดับสองได้แก่ สิงคโปร์ อันดับสาม ญี่ปุ่น อันดับสี่ เกาหลีใต้ อันดับห้า ไต้หวัน และอันดับหก ฟิลิปปินส์ อันดับเจ็ด มาเลเซีย อันดับแปด อินเดีย อันดับเก้า ไทย และอันดับสิบ จีน อันดับสิบเอ็ด เวียดนาม อันดับสิบสอง อินโดนีเซีย

รายงาน ระบุว่า ในการจัดอันดับนี้ ซึ่งกระทำต่อกลุ่มนักธุรกิจระดับผู้บริหารต่างชาติ ประกอบด้วยปัจจัยต่างๆ ได้แก่

ความโปร่งใส่,การบังคับใช้กฎหมาย,เสรีภาพของศาลจากการไม่ถูกแทรกแซงทางการ เมือง,ประสบการณ์และมาตรฐานด้านการศึกษาของทนายความ และผู้พิพากษา

โดยสำหรับอินโดนีเซีย การตัดสินของศาลถือว่าชวนให้กล่าวขาน และกระทบต่อความเชื่อของบริษัทต่างชาติอย่างรุนแรง
ส่วนจีน และเวียดนาม ก็มีความเอนเอียงทางการเมืองสูง ส่วนอินเดียและฟิลิปปินส์ นักลงทุนต่างชาติไม่ได้ประโยชน์จากระบบศาลของสองประเทศนี้ เพราะพฤติกรรมคอรับชั่นเป็นหลัก

ส่วนไทยนั้น คนต่างประเทศที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยมานานได้"มีข้อกังขาอย่างมาก"ต่อการขยายขอบเขตอำนาจของศาลไทยว่า จะเป็นผลดีต่อประเทศไทยจริงหรือ?"
บันทึกการเข้า
THE THIRD WAY
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,821


Love looks not with eyes, but with the mind.


« ตอบ #13 เมื่อ: 16-09-2008, 11:50 »

รอ เพื่อให้ครบถ้วนตามขบวนการของกฎหมายครับ
ทั้งที่ในใจจะระเบิดแล้ว.....
 
บันทึกการเข้า

ความรักนั้นหวาน ไม่ว่าจะรับหรือให้
************************
การขับไล่ทรราช เป็นภารกิจของเจ้าของประเทศ
แอ่นแอ๊น
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,591


"Angela Gheorghiu" My goddess


เว็บไซต์
« ตอบ #14 เมื่อ: 16-09-2008, 12:19 »

หนีไปนานแล้ว ออกหมายจับไปนานแล้ว ไม่น่าจะต้องเลื่อนแล้วออกหมายซ้ำนะคะ สงสัยจะอ่านเลยมากกว่า 
บันทึกการเข้า

       

"เมื่อเจตนาเบี่ยงเบนไปจากความจริง การนำเสนอข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง บางทีก็เป็นเพียงภาษาสุภาพสำหรับการพูดเท็จนั่นเอง" : วิถีแห่งปราชญ์ พิมพ์ครั้งที่ ๗ หน้า ๒๐๖
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #15 เมื่อ: 16-09-2008, 12:27 »

"งามหน้าต่างชาติจัดอันดับให้ศาลไทยรั้งท้ายบ๊วย เหตุตุลาการภิวัตน์ให้อำนาจมากเกิน  


โดย สำนักข่าวAFP
ที่มา คุณไตร บอร์ดฟ้าเดียวกัน
15 กันยายน 2551

" เพิร์ก"เผยผลจัดอันดับระบบศาลในเอเชีย ระบุฮ่องกงแชมป์อันดับหนึ่ง ขณะที่อินโดนีเซียคว้าแชมป์อันดับรองโหล่ และโหล่ที่สุด ส่วนไทยรั้งท้ายติดอันดับ 9เหตุต่างชาติกังขามีอำนาจมากเกินไปจะเป็นผลดีต่อประเทศจริงหรือ

สำนัก ข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 14 ก.ย.ว่า สถาบันเพิร์ก ได้เปิดเผยผลสำรวจระบบศาลในภูมิภาคเอเชีย โดยประเทศที่ติดอันดับดีที่สุดอันดับแรก คือ ฮ่องกง อันดับสองได้แก่ สิงคโปร์ อันดับสาม ญี่ปุ่น อันดับสี่ เกาหลีใต้ อันดับห้า ไต้หวัน และอันดับหก ฟิลิปปินส์ อันดับเจ็ด มาเลเซีย อันดับแปด อินเดีย อันดับเก้า ไทย และอันดับสิบ จีน อันดับสิบเอ็ด เวียดนาม อันดับสิบสอง อินโดนีเซีย

รายงาน ระบุว่า ในการจัดอันดับนี้ ซึ่งกระทำต่อกลุ่มนักธุรกิจระดับผู้บริหารต่างชาติ ประกอบด้วยปัจจัยต่างๆ ได้แก่

ความโปร่งใส่,การบังคับใช้กฎหมาย,เสรีภาพของศาลจากการไม่ถูกแทรกแซงทางการ เมือง,ประสบการณ์และมาตรฐานด้านการศึกษาของทนายความ และผู้พิพากษา

โดยสำหรับอินโดนีเซีย การตัดสินของศาลถือว่าชวนให้กล่าวขาน และกระทบต่อความเชื่อของบริษัทต่างชาติอย่างรุนแรง
ส่วนจีน และเวียดนาม ก็มีความเอนเอียงทางการเมืองสูง ส่วนอินเดียและฟิลิปปินส์ นักลงทุนต่างชาติไม่ได้ประโยชน์จากระบบศาลของสองประเทศนี้ เพราะพฤติกรรมคอรับชั่นเป็นหลัก

ส่วนไทยนั้น คนต่างประเทศที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยมานานได้"มีข้อกังขาอย่างมาก"ต่อการขยายขอบเขตอำนาจของศาลไทยว่า จะเป็นผลดีต่อประเทศไทยจริงหรือ?"



ศาลยุติธรรมไทย ไม่ควรสนใจความคิดเห็นพรรค์นี้.......
1. จำเลยหนีหมายจับของศาลยุติธรรมไทย ยังให้ความเชื่อฟ้องร้องคดีที่ตนเองเป็นเจ้าทุกข์ ได้เปรียบอยู่เลย....
2. ศาลฏีฏา ศาลปกครองสูงสุด ศาลรัฐธรรมนูญชุดใหม่ ได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเที่ยงธรรมและยุติธรรม ให้ประจักษ์แก่สาธารณชน....!!!

บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
เล่าปี๋
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,417


ทำดีได้ดีมีไฉน ทำชั่วได้ดีมีถมไป


« ตอบ #16 เมื่อ: 16-09-2008, 12:30 »


คิดว่า ศาล น่าจะตัดสืนได้ครับ ยังเหลืออีกหลายคดีจัง.....  
บันทึกการเข้า

ขงเบ้งดูดาว เฮอะเอ่อเอ้ย เมื่อดาวตก เสียวในหัวอกเมือเห็นดาว
ไม่พราวไสว  หรือว่าตัวเราจะหมดบุญ จึงเป็นไป
ดาวที่สดใสเมื่อก่อนนั้น  พลันมืดมัว....
นายดอกเข็ม
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 423



« ตอบ #17 เมื่อ: 16-09-2008, 12:51 »

ศาลฎีกาออกหมายจับ"ทักษิณ"คดี"เอ็กซิมแบงก์"
พ่วงคดี"ที่ดินรัชดาฯ"สั่งจำหน่ายคดีจนกว่านำจำเลยมาขึ้นศาล

...

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 17 กันยายน เวลา 10.00 น.
ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้นัดฟังคำพิพากษาในคดีทุจริตที่ดินรัชดาฯ
ที่อัยการสูงสุดเป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-2
และขอให้ยึดทรัพย์จำนวน 772 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินที่ใช้ในการประมูลซื้อที่ดิน ตกเป็นของแผ่นดิน
ซึ่งเป็นที่แน่ชัดว่าจำเลยทั้งสองจะไม่มาฟังคำพิพากษา ซึ่งทางองค์ผู้พิพากษาจะพิจารณา
ออกหมายจับจำเลยมาศาลภายใน 30 วัน หากยังไม่ได้ตัวจำเลยมา
ศาลจะอ่านคำพิพากษาลับหลังจำเลย ตามขั้นตอนของกฎหมาย

วันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2551 เวลา 10:31:53 น.  มติชนออนไลน์
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1221536283&grpid=00&catid=01


แปลว่า ถ้าพรุ่งนี้จำเลยทั้งสองไม่มาฟังคำพิพากษา ศาลคงเลื่อนอ่านคำพิพากษา
และออกหมายจับ หาก 30 วัน ยังไม่มอบตัว ก็อ่านคำพิพากษาลับหลังจำเลย

หลังจากนั้น จากแค่จำเลย จะกลายเป็น นักโทษหนีคุก
บันทึกการเข้า

...ความชอบธรรมต้องอยู่บนพื้นฐานของความเป็นธรรม...
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #18 เมื่อ: 16-09-2008, 13:31 »

"งามหน้าต่างชาติจัดอันดับให้ศาลไทยรั้งท้ายบ๊วย เหตุตุลาการภิวัตน์ให้อำนาจมากเกิน  


โดย สำนักข่าวAFP
ที่มา คุณไตร บอร์ดฟ้าเดียวกัน
15 กันยายน 2551

" เพิร์ก"เผยผลจัดอันดับระบบศาลในเอเชีย ระบุฮ่องกงแชมป์อันดับหนึ่ง ขณะที่อินโดนีเซียคว้าแชมป์อันดับรองโหล่ และโหล่ที่สุด ส่วนไทยรั้งท้ายติดอันดับ 9เหตุต่างชาติกังขามีอำนาจมากเกินไปจะเป็นผลดีต่อประเทศจริงหรือ

สำนัก ข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 14 ก.ย.ว่า สถาบันเพิร์ก ได้เปิดเผยผลสำรวจระบบศาลในภูมิภาคเอเชีย โดยประเทศที่ติดอันดับดีที่สุดอันดับแรก คือ ฮ่องกง อันดับสองได้แก่ สิงคโปร์ อันดับสาม ญี่ปุ่น อันดับสี่ เกาหลีใต้ อันดับห้า ไต้หวัน และอันดับหก ฟิลิปปินส์ อันดับเจ็ด มาเลเซีย อันดับแปด อินเดีย อันดับเก้า ไทย และอันดับสิบ จีน อันดับสิบเอ็ด เวียดนาม อันดับสิบสอง อินโดนีเซีย

รายงาน ระบุว่า ในการจัดอันดับนี้ ซึ่งกระทำต่อกลุ่มนักธุรกิจระดับผู้บริหารต่างชาติ ประกอบด้วยปัจจัยต่างๆ ได้แก่

ความโปร่งใส่,การบังคับใช้กฎหมาย,เสรีภาพของศาลจากการไม่ถูกแทรกแซงทางการ เมือง,ประสบการณ์และมาตรฐานด้านการศึกษาของทนายความ และผู้พิพากษา

โดยสำหรับอินโดนีเซีย การตัดสินของศาลถือว่าชวนให้กล่าวขาน และกระทบต่อความเชื่อของบริษัทต่างชาติอย่างรุนแรง
ส่วนจีน และเวียดนาม ก็มีความเอนเอียงทางการเมืองสูง ส่วนอินเดียและฟิลิปปินส์ นักลงทุนต่างชาติไม่ได้ประโยชน์จากระบบศาลของสองประเทศนี้ เพราะพฤติกรรมคอรับชั่นเป็นหลัก

ส่วนไทยนั้น คนต่างประเทศที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยมานานได้"มีข้อกังขาอย่างมาก"ต่อการขยายขอบเขตอำนาจของศาลไทยว่า จะเป็นผลดีต่อประเทศไทยจริงหรือ?"




วันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2551 เวลา 20:10:50 น.


โต้ "เพิร์ค" ตัดสินมั่ว! ตีแสกหน้ากระบวนการยุติธรรมไทย ยันผู้พิพากษามาตรฐานโลก

ศาลยุติธรรมโต้ผลสำรวจ "เพิร์ค" จัดอันดับความน่าเชื่อถือด้านยุติธรรมต่ำ ยันผู้พิพากษาไทยมีมาตรฐานเทียบเท่าทั่วโลก อิสระในการวินิจฉัย ปลอดการแทรกแซง สงสัยหลักเกณฑ์การให้คะแนน ตร.ชี้ 3 ปัจจัยทำให้เกิดปัญหา พนักงานสอบสวนดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด-ระบบกล่าวหา-วัฒนธรรมหลากหลาย

นายศราวุธ เบญจกุล รองเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 15 กันยายน ตอบโต้กรณีที่ "เพิร์ค" บริษัทที่ปรึกษาความเสี่ยงทางการเมืองและเศรษฐกิจ ทำการสำรวจความน่าเชื่อถือกระบวนการยุติธรรมของ 12 ประเทศ และเขตเศรษฐกิจพิเศษในเอเชีย ปรากฏว่า ไทยอยู่ในอันดับ 9 ว่า ไม่ทราบว่าการพิจารณาให้คะแนนในประเด็นดังกล่าว มีหลักเกณฑ์การให้คะแนนอย่างไร มีหัวข้ออะไรบ้าง ซึ่งคาดว่าการให้คะแนนน่าจะมาจากหลายมิติ ส่วนที่มีการนำมาตรฐานของผู้พิพากษามาเป็นหัวข้อด้วยนั้น ยืนยันว่าผู้พิพากษาไทย มีมาตรฐานเทียบเท่ากับผู้พิพากษาประเทศต่างๆ ทั่วโลก โดยมีความเคร่งครัดในการรับบุคคลที่จะมาเป็นผู้พิพากษา เริ่มตั้งแต่การสอบจากผู้สมัครหลายพันคน ผ่านการคัดเลือกได้เพียงปีละประมาณ 100 คนเศษ

 

นายศราวุธกล่าวว่า นอกจากนี้ยังมีการฝึกอบรมระเบียบวินัย คุณธรรม ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นต้องอบรม 3 หลักสูตร ศาลอุทธรณ์ต้องอบรม 2 หลักสูตร รวมทั้งศาลฎีกาก็มีการอบรมหลักสูตรต่างๆ อยู่เสมอ ส่วนเรื่องการบังคับใช้กฎหมายนั้น เป็นหน้าที่ของฝ่ายบริหาร ศาลเป็นแต่เพียงผู้ชี้ขาดข้อพิพาท และเรื่องการร่างกฎหมายเป็นหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติ ซึ่งกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญชัดเจน

 

  "ในการจัดอันดับไม่รู้ว่าในส่วนอื่นได้คะแนนเท่าไร แต่ยืนยันว่าในส่วนของศาลไทย ผู้พิพากษามีอิสระในการวินิจฉัยพิจารณาพิพากษาคดี ปราศจากการแทรกแซง และการทำการสำรวจต้องดูว่าเน้นเรื่องใด สำรวจนักธุรกิจเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา ประเทศไทยก็มีศาลทรัพย์สินทางปัญญา พิจารณาตีความเป็นมาตรฐาน" นายศราวุธกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามถึงผลสำรวจดังกล่าวระบุว่า นักธุรกิจชาวต่างชาติกำลังจับตาตุลาการภิวัตน์ว่าจะเป็นผลดีกับประเทศจริงหรือไม่ นายศราวุธกล่าวว่า ตุลาการภิวัตน์เป็นการตีความแบบก้าวหน้า แต่ก็ต้องอยู่ในกรอบตามรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่ว่าศาลเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเมือง


 

ด้าน พล.ต.ต.เรืองศักดิ์ จริตเอก รองผู้บัญชาการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจ ในฐานะรองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า สาเหตุที่ทำให้กระบวนการยุติธรรมไทยมีความน่าเชื่อถือน้อย น่าจะมาจาก 3 ปัจจัย ประเด็นแรกมองว่า น่าจะมาจากกระบวนการยุติธรรมไทยเป็นระบบกล่าวหา ที่ผู้ถูกกล่าวหาต้องหาพยานเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ก่อน ในกรณีที่เป็นผู้ถูกกล่าวหาจึงทำให้เกิดความรู้สึกไม่พอใจต่อระบบลักษณะนี้ได้ง่าย จนรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ประเด็นต่อมาคือ ความหลากหลายของพื้นที่ในประเทศไทย ความหลากหลายทางวัฒนธรรม รวมถึงปัจจัยความไม่พร้อมสมบูรณ์นักของทรัพยากรที่ต้องใช้ดำเนินการในกระบวนการยุติธรรม อาจทำให้การดำเนินขั้นตอนต่างๆ ไม่ราบรื่น ไม่รวดเร็วนัก


รองโฆษก ตร.กล่าวว่า ในส่วนของพนักงานสอบสวนตำรวจ ซึ่งเป็นหนึ่งในกระบวนการยุติธรรมก็ยังต้องดิ้นรนเพื่อสภาพความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของตัวเอง เพราะรายได้ที่มีทุกวันนี้สามารถอยู่ได้อย่างพอเพียงเท่านั้น ตรงนี้อาจจะเป็นต้นเหตุให้พนักงานสอบสวนต้องไปดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด จนอาจไม่สนใจการดูแลพี่น้องประชาชนในส่วนนี้อย่างเต็มที่ จนอาจเกิดความรู้สึกไม่เชื่อถือไม่มั่นใจต่อกระบวนการยุติธรรมไทย

 

"ขณะที่อีกประเด็นคือ เรื่องการเมืองนั้น ผมมองว่ากระบวนการยุติธรรมในส่วนของตำรวจไม่ได้ถูกแทรกแซงโดยการเมือง เป็นเพียงการปรามาส และมุมมองความคิดหนึ่งเท่านั้น แต่ก็ยอมรับว่าการทำงานของตำรวจนั้น แม้เป้าหมายหลักเพื่อประชาชน แต่ก็อยู่ภายใต้ดุลอำนาจ 3 ประการ คือบริหาร นิติบัญญัติ และตุลาการ จึงทำให้ตำรวจต้องปฏิบัติหน้าที่โดยรักษาดุลทั้ง 3"  พล.ต.ต.เรืองศักดิ์กล่าว

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1221488639&grpid=00&catid=17
บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
The Last Emperor
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 6,714


« ตอบ #19 เมื่อ: 16-09-2008, 13:44 »

ประเด็นก็คือ เพิร์ค เป็นองค์กรที่ได้รับความน่าเชื่อถือทั่วโลกมาอย่างยาวนาน
ประการต่อมา ไม่มีเหตุใดๆอันควรเชื่อได้ว่าเพิร์คมีเหตุจูงใจในการมีอคติต่อประเทศไทย
ประการสุดท้าย การไม่ยอมรับและแก้ตัวแบบเลื่อนลอยเปรียบเสมือนการแก้ผ้าโชว์อวัยวะต่ำๆให้คนทั่วโลกเค้าเหยีดหยามในความอุบาทว์ขององค์กรตัวเองเปล่าๆ


หัดสำรวจองค์กรและกระบวนการของตัวเองซะบ้างว่าความน่าเชื่อถือมันเหลือมากน้อยขนาดไหน....การแก้ตัวใดๆจึงไม่ก่อประโยชน์ให้กับใครทั้งสิ้นมิใช่หรือ!?!
บันทึกการเข้า
Solidus
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,381



« ตอบ #20 เมื่อ: 16-09-2008, 17:14 »

"งามหน้าต่างชาติจัดอันดับให้ศาลไทยรั้งท้ายบ๊วย เหตุตุลาการภิวัตน์ให้อำนาจมากเกิน  


โดย สำนักข่าวAFP
ที่มา คุณไตร บอร์ดฟ้าเดียวกัน
15 กันยายน 2551

" เพิร์ก"เผยผลจัดอันดับระบบศาลในเอเชีย ระบุฮ่องกงแชมป์อันดับหนึ่ง ขณะที่อินโดนีเซียคว้าแชมป์อันดับรองโหล่ และโหล่ที่สุด ส่วนไทยรั้งท้ายติดอันดับ 9เหตุต่างชาติกังขามีอำนาจมากเกินไปจะเป็นผลดีต่อประเทศจริงหรือ

สำนัก ข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 14 ก.ย.ว่า สถาบันเพิร์ก ได้เปิดเผยผลสำรวจระบบศาลในภูมิภาคเอเชีย โดยประเทศที่ติดอันดับดีที่สุดอันดับแรก คือ ฮ่องกง อันดับสองได้แก่ สิงคโปร์ อันดับสาม ญี่ปุ่น อันดับสี่ เกาหลีใต้ อันดับห้า ไต้หวัน และอันดับหก ฟิลิปปินส์ อันดับเจ็ด มาเลเซีย อันดับแปด อินเดีย อันดับเก้า ไทย และอันดับสิบ จีน อันดับสิบเอ็ด เวียดนาม อันดับสิบสอง อินโดนีเซีย

รายงาน ระบุว่า ในการจัดอันดับนี้ ซึ่งกระทำต่อกลุ่มนักธุรกิจระดับผู้บริหารต่างชาติ ประกอบด้วยปัจจัยต่างๆ ได้แก่

ความโปร่งใส่,การบังคับใช้กฎหมาย,เสรีภาพของศาลจากการไม่ถูกแทรกแซงทางการ เมือง,ประสบการณ์และมาตรฐานด้านการศึกษาของทนายความ และผู้พิพากษา

โดยสำหรับอินโดนีเซีย การตัดสินของศาลถือว่าชวนให้กล่าวขาน และกระทบต่อความเชื่อของบริษัทต่างชาติอย่างรุนแรง
ส่วนจีน และเวียดนาม ก็มีความเอนเอียงทางการเมืองสูง ส่วนอินเดียและฟิลิปปินส์ นักลงทุนต่างชาติไม่ได้ประโยชน์จากระบบศาลของสองประเทศนี้ เพราะพฤติกรรมคอรับชั่นเป็นหลัก

ส่วนไทยนั้น คนต่างประเทศที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยมานานได้"มีข้อกังขาอย่างมาก"ต่อการขยายขอบเขตอำนาจของศาลไทยว่า จะเป็นผลดีต่อประเทศไทยจริงหรือ?"
ประเทศในเอเชียที่มีศาลมีแค่ 12 ประเทศรึ
บันทึกการเข้า
Sweet Chin Music
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,613



« ตอบ #21 เมื่อ: 16-09-2008, 17:47 »

ประเด็นก็คือ เพิร์ค เป็นองค์กรที่ได้รับความน่าเชื่อถือทั่วโลกมาอย่างยาวนาน
ประการต่อมา ไม่มีเหตุใดๆอันควรเชื่อได้ว่าเพิร์คมีเหตุจูงใจในการมีอคติต่อประเทศไทย
ประการสุดท้าย การไม่ยอมรับและแก้ตัวแบบเลื่อนลอยเปรียบเสมือนการแก้ผ้าโชว์อวัยวะต่ำๆให้คนทั่วโลกเค้าเหยีดหยามในความอุบาทว์ขององค์กรตัวเองเปล่าๆ


หัดสำรวจองค์กรและกระบวนการของตัวเองซะบ้างว่าความน่าเชื่อถือมันเหลือมากน้อยขนาดไหน....การแก้ตัวใดๆจึงไม่ก่อประโยชน์ให้กับใครทั้งสิ้นมิใช่หรือ!?!

มันน่าเขื่อถือตรงไหนว่ะ เอาแค่หน้า homepage ที่คุณ jerasak เอามาให้ดู มันยิ่งกว่าเวป ดาดๆ ทั่วไปอีก 
บันทึกการเข้า


You'll Never Walk Alone
เข้าไปกันได้ค๊าป- - - >http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sweetchinmusic&group=1
คนไทยคนหนึ่ง
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 744


« ตอบ #22 เมื่อ: 16-09-2008, 17:53 »


อัยการเชื่อเหตุ"แม้ว-เมีย"หนี!ศาลไม่เลื่อนพิพากษาทุจริตซื้อที่ดิน

“อัยการคดีที่ดินรัชดาฯ” ยังเชื่อศาลฎีกานักการเมืองไม่เลื่อนอ่านคำพิพากษา พรุ่งนี้ (17 ก.ย.)
 ระบุข้อเท็จจริงตามรายงานกระบวนพิจารณาชัด “ทักษิณ-หญิงอ้อ” หลบหนีไม่มาศาล แถมออกหมายจับไปแล้วยังไม่ได้ตัวมา
ส่วนทนายหน้าเหลี่ยมปัดให้สัมภาษณ์

วันนี้ (16 ก.ย.) นายนันทศักดิ์ พูลสุข อธิบดีอัยการฝ่ายคดีศาลสูง เขต 8 หนึ่งในคณะทำงานรับผิดชอบคดีทุจริตซื้อขายที่ดินรัชดาภิเษก กล่าวถึงกรณีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนัดฟังคำพิพากษาคดีในวันพรุ่งนี้ (17 ก.ย.) ว่า เมื่อปรากฏตามรายงานกระบวนพิจารณาคดีของศาลเมื่อวันที่ 22 ส.ค. ซึ่งเป็นนัดสืบพยานจำเลยนัดสุดท้ายว่า พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน จำเลยทั้งสองหลบหนีไม่มาศาล และศาลมีคำสั่งให้โจทก์-จำเลย ยื่นคำแถลงปิดคดีในวันที่ 10 ก.ย. ซึ่งอัยการยื่นคำแถลงปิดคดีไปโดยถูกต้องแล้วและศาลรับไว้ โดยไม่มีคำสั่งใดๆ ออกมาอีก อีกทั้งยังปรากฏว่าศาลได้ออกหมายจับทั้งสองเมื่อวันที่ 11 ส.ค.ในกรณีที่ไม่เดินทางมารายงานตัวต่อศาลหลังจากกลับจากต่างประเทศแล้ว และจนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถติดตามตัวจำเลยทั้งสองได้ จึงน่าเชื่อว่าหากพรุ่งนี้จำเลยไม่มามาฟังคำพิพากษาก็มีความเป็นไปได้ที่ศาลจะอ่านคำพิพากษาลับหลังจำเลย.....

.......

รายละเอียดตามLink
http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9510000109980
บันทึกการเข้า
Solidus
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,381



« ตอบ #23 เมื่อ: 16-09-2008, 18:24 »

มันน่าเขื่อถือตรงไหนว่ะ เอาแค่หน้า homepage ที่คุณ jerasak เอามาให้ดู มันยิ่งกว่าเวป ดาดๆ ทั่วไปอีก 
ประเทศในทวีปเอเชียเหลือแค่ 12 ประเทศ แล้วประเทศอื่นไปอยู่ทวีปไหนเนี่ย
บันทึกการเข้า
Ammika
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 167


หนูไม่ใช่ลิงนะจ๊ะ


« ตอบ #24 เมื่อ: 16-09-2008, 19:22 »

แต่วันนี้ ศาลฎีกา ออกหมายจับ ทักกี้เพิ่มอีกใบในคดี เอ็กซิมแบงค์ ครับ

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

อย่างนี้ต้องฉลองงงงงงงงงงงง

 
บันทึกการเข้า

เบื่อไอ้ปึ้ด...จริงๆ
น้องเหมียวกู้ชาติ
น้องใหม่
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 13


ขนาดแมวยังรักชาติแล้วคุณไม่รักเหรอครับ


« ตอบ #25 เมื่อ: 16-09-2008, 22:01 »

99% ศาลคงเลื่อนไป ออกหมายจับใหม่

อีก 1% ที่เหลือ ศาลอาจบอกว่า เคยออกหมายจับไว้เกิน

หนึ่งเดือนแล้ว ก็ยังไม่ได้ตัวมา จึงไม่จำต้องออกหมายจับอีกครั้ง

แต่อย่างใด...


ใครไม่อยากรอนานก็ลุ้น 1% ที่เหลือก็แล้วกัน
ผมรอลุ้น 1% ครับ
บันทึกการเข้า

นู๋เจ๋ง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,877



« ตอบ #26 เมื่อ: 16-09-2008, 22:17 »

เวลาต้อนหมา เค้าไม่ต้อนให้มันจนมุม จนไม่มีทางเดิน..
นอกเสียจากเป็นหมาบ้า ต้องตีมันให้ตายสถานเดียว

แต่เวลานี้ ยังไม่ถึงเวลาตาย...ก็คงไม่ต้อนจน จนมุม

แต่ถ้าคิดอีกด้าน ปล่อยเวลาไปเนิ่นนานนัก ประชาชนก็เดือดร้อน เสียเลือดเสียเนื้อ

อย่างไรก็ตามเคารพ เชื่อมั่นในศาลค่ะ....
รอได้ แม้ว่าไม่อยากรอ...
บันทึกการเข้า

~จะแน่วแน่...แก้ไข...ในสิ่งผิด~
boyk
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,477



« ตอบ #27 เมื่อ: 16-09-2008, 22:22 »

"งามหน้าต่างชาติจัดอันดับให้ศาลไทยรั้งท้ายบ๊วย เหตุตุลาการภิวัตน์ให้อำนาจมากเกิน  


โดย สำนักข่าวAFP
ที่มา คุณไตร บอร์ดฟ้าเดียวกัน
15 กันยายน 2551

" เพิร์ก"เผยผลจัดอันดับระบบศาลในเอเชีย ระบุฮ่องกงแชมป์อันดับหนึ่ง ขณะที่อินโดนีเซียคว้าแชมป์อันดับรองโหล่ และโหล่ที่สุด ส่วนไทยรั้งท้ายติดอันดับ 9เหตุต่างชาติกังขามีอำนาจมากเกินไปจะเป็นผลดีต่อประเทศจริงหรือ

สำนัก ข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 14 ก.ย.ว่า สถาบันเพิร์ก ได้เปิดเผยผลสำรวจระบบศาลในภูมิภาคเอเชีย โดยประเทศที่ติดอันดับดีที่สุดอันดับแรก คือ ฮ่องกง อันดับสองได้แก่ สิงคโปร์ อันดับสาม ญี่ปุ่น อันดับสี่ เกาหลีใต้ อันดับห้า ไต้หวัน และอันดับหก ฟิลิปปินส์ อันดับเจ็ด มาเลเซีย อันดับแปด อินเดีย อันดับเก้า ไทย และอันดับสิบ จีน อันดับสิบเอ็ด เวียดนาม อันดับสิบสอง อินโดนีเซีย

รายงาน ระบุว่า ในการจัดอันดับนี้ ซึ่งกระทำต่อกลุ่มนักธุรกิจระดับผู้บริหารต่างชาติ ประกอบด้วยปัจจัยต่างๆ ได้แก่

ความโปร่งใส่,การบังคับใช้กฎหมาย,เสรีภาพของศาลจากการไม่ถูกแทรกแซงทางการ เมือง,ประสบการณ์และมาตรฐานด้านการศึกษาของทนายความ และผู้พิพากษา

โดยสำหรับอินโดนีเซีย การตัดสินของศาลถือว่าชวนให้กล่าวขาน และกระทบต่อความเชื่อของบริษัทต่างชาติอย่างรุนแรง
ส่วนจีน และเวียดนาม ก็มีความเอนเอียงทางการเมืองสูง ส่วนอินเดียและฟิลิปปินส์ นักลงทุนต่างชาติไม่ได้ประโยชน์จากระบบศาลของสองประเทศนี้ เพราะพฤติกรรมคอรับชั่นเป็นหลัก

ส่วนไทยนั้น คนต่างประเทศที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยมานานได้"มีข้อกังขาอย่างมาก"ต่อการขยายขอบเขตอำนาจของศาลไทยว่า จะเป็นผลดีต่อประเทศไทยจริงหรือ?"

เขากล่าวถึงระบบหรือกระบวนการยุติธรรมโดยรวม

คนอ้างก็อ้างแต่เพาะในส่วนของศาลดดยเลี่ยงที่จะกล่าวถึงขั้นต้นคือตำรวจ อัยการ

แล้วรู้มั้ยเกิดอะไรขึ้น

เมื่อวานฝ่ายตำรวจยอมรับโดยดีว่าในขั้นตอนที่เป็นความรับผิดชอบของตำรวจมีความขาดตกบกพร่องโดยอ้างปัญหาทางเศรษฐกิจบ้าง การเอื้อต่อตำแหน่งบ้าง อะไรก็ว่าไป

เวลาดูจึงต้องดูทั้งกระบวนจากต้นถึงปลายด้วยนะจ๊ะ
บันทึกการเข้า

ไล่งับคนโกง ตอกฝาโลงไม่ให้เกิด
หน้า: [1]
    กระโดดไป: