ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
19-04-2024, 20:09
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  .."ในหลวง"..ทรงแนะ"ตุลาการ"ศาลปกครองชั้นต้น ให้ซื่อสัตย์สุจริต...(^_^) 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
.."ในหลวง"..ทรงแนะ"ตุลาการ"ศาลปกครองชั้นต้น ให้ซื่อสัตย์สุจริต...(^_^)  (อ่าน 1929 ครั้ง)
tabuji
สมาชิกสามัญขั้นที่ 1
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 48


« เมื่อ: 15-09-2008, 23:28 »

.."ในหลวง"..ทรงแนะ"ตุลาการ"ศาลปกครองชั้นต้น ให้ซื่อสัตย์สุจริต...(^_^)


http://www.oknation.net/blog/tabuji/2008/09/15/entry-2


ไม่ว่าสถานการณ์ใดๆ คนไทยก็ยังมีพระองค์ท่านเสมอนะครับ
บันทึกการเข้า
Ires
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 172



เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: 16-09-2008, 01:26 »

“ข้าพเจ้ายินดีที่ได้ฟังท่านผู้เป็นผู้พิพากษาศาลปกครอง ซึ่งได้ทำการปฏิญาณตนว่าจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อความร่มเย็นของประเทศชาติ การจะปฏิบัติงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริตนั้นสำคัญ เพราะว่าประชาชนต้องการความซื่อสัตย์สุจริต แล้วถ้ามีผู้ที่ปฏิบัติงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริตนั้น ก็ทำให้สบายใจ และสามารถที่จะปฏิบัติงานต่างๆ ของประชาชนได้โดยดี ท่านก็จะต้องปฏิบัติงานอย่างซื่อสัตย์สุจริตดังกล่าวนี้ เพื่อความอยู่เย็นเป็นสุขของประเทศชาติ
      
ท่านมีจำนวนไม่มากนัก แต่ว่าก็นับว่าเป็นจำนวนที่สำคัญ เพราะว่าท่านมีความรู้ ท่านสามารถที่จะแสดงความรู้นี้ และทำให้ประชาชนดูผู้ที่ปฏิบัติดีเป็นตัวอย่าง ในเวลาเดียวกัน ท่านก็เป็นตัวอย่างกับผู้ที่ทำหน้าที่ต่อไปด้วย

ฉะนั้น ที่ท่านได้ปฏิญาณตนเป็นสิ่งที่สำคัญ ต้องปฏิบัติตามที่ท่านปฏิญาณ ถ้าไม่ได้ปฏิบัติตามที่ท่านปฏิญาณ ก็ทำให้คนเขาเสียใจ คนผิดหวัง ถ้าคนผิดหวัง เป็นอันตรายมากสำหรับการปกครองประเทศ และความเป็นอยู่ของประเทศ

ก็ขอให้ท่านได้ปฏิบัติตามหน้าที่ที่ท่านได้ตั้งเอาไว้แก่ตัว เพื่อที่จะให้เป็นตัวอย่าง เพื่อที่จะให้ทุกคนมองว่า มีผู้ที่ปฏิบัติตัวด้วยความซื่อสัตย์สุจริตเป็นธรรมดา เป็นธรรมดานี้แหละสำคัญ เพราะว่าแสดงว่าท่านทำความซื่อสัตย์สุจริต เป็นสิ่งที่เป็นธรรมดาสำหรับผู้ที่มีหน้าที่ ทำให้ผู้ที่เป็นประชาชนทั่วๆ ไป ก็จะได้ทำงานอะไรด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ถือว่าเป็นหน้าที่เหมือนกัน ก็ขอให้ท่านเข้าใจที่พูดนี้ว่า สำคัญแค่ไหน ถ้าท่านเข้าใจและปฏิบัติ ท่านจะเป็นผู้ที่ได้ช่วยประเทศชาติอย่างดี ได้ทำหน้าที่สำหรับเป็นตัวอย่าง ทำหน้าที่สำหรับเป็นผู้ที่เรียกว่า คนดี และก็ได้ทำหน้าที่ด้วยความดี เพื่อที่จะมีคนที่ดี ท่านมีจำนวนไม่มาก แต่เมื่อผู้ที่ได้เห็น ได้ทำตาม มีจำนวนเป็นหลายร้อย หลายพัน เป็นหลายหมื่น หรือถ้าทุกคนทำตาม ทำหน้าที่ตามวิธีที่ท่านทำ บ้านเมืองคงอยู่รอดได้ ไม่มีปัญหา”
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-09-2008, 01:28 โดย Ires » บันทึกการเข้า
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #2 เมื่อ: 16-09-2008, 02:08 »

นายกรัฐมนตรี 2 คน ไม่สนใจคำปฏิญาณ ก็มีอันเป็นไป...

000000000000000000000000000000000000000

..."เคยมีผู้สื่อข่าวถามว่า ผมเห็นว่ามาตรา 190 เป็นอุปสรรคหรือไม่ ผมตอบว่าเมื่อตอนผมไปถวายสัตย์ฯ พระบาทสมเด็จเพราะเจ้าอยู่หัว ข้อสุดท้ายของการถวายสัตย์ฯ เขาจะให้เราพูดว่า จะรักษาไว้ซึ่งรัฐธรรมนูญทุกประการ เพราะฉะนั้นถ้าเผื่อผมปฏิบัติตามสัตย์ปฏิญาณที่ถวาย ผมก็จะต้องปฏิบัติตามนี้ ซึ่งก็ได้ดำเนินการตามหนังสือทั้งสองฉบับที่มีถึง ครม.ว่า เรื่องนี้จะต้องไปรัฐสภา ดังนั้น เมื่อเป็นมาตราที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญแล้วจะถือว่าเป็นอุปสรรคไม่ได้ "....


"เตช บุนนาค"
อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ

วันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2551 ปีที่ 31 ฉบับที่ 1146 มติชนรายวัน
บันทึกการเข้า

คนไทยคนหนึ่ง
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 744


« ตอบ #3 เมื่อ: 16-09-2008, 02:34 »

พออ่านตัวแดง ที่คุณ Ires เน้น แล้วรู้สึกว่า ในหลวงท่านตรัสผ่านไปให้คนอื่นฟังด้วยมั๊งครับ

คนกลุ่มที่ไม่ทำตามคำปฎิญาณที่ตนให้ไว้นะ

สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาต้องปฏิญาณตนในที่ประชุมแห่งสภาที่ตนเป็นสมาชิกด้วยถ้อยคำดังต่อไปนี้

“ข้าพเจ้า (ชื่อผู้ปฏิญาณ) ขอปฏิญาณว่า ข้าพเจ้าจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต
เพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชน ทั้งจะรักษาไว้และปฏิบัติตามซึ่งรัฐธรรมนูญ
แห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการ”


ก่อนเข้ารับหน้าที่ รัฐมนตรีต้องถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระมหากษัตริย์ด้วยถ้อยคำ ดังต่อไปนี้

“ข้าพระพุทธเจ้า (ชื่อผู้ปฏิญาณ) ขอถวายสัตย์ปฏิญาณว่า ข้าพระพุทธเจ้าจะจงรักภักดี
ต่อพระมหากษัตริย์ และจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อประโยชน์ของประเทศและ
ประชาชน ทั้งจะรักษาไว้และปฏิบัติตามซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการ”
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-09-2008, 03:17 โดย คนไทยคนหนึ่ง » บันทึกการเข้า
นู๋เจ๋ง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,877



« ตอบ #4 เมื่อ: 16-09-2008, 08:31 »

.............รักในหลวง................
......ท่านทรงห่วงลูกหลานไทย.....

            พระบรมราโชวาท
"ให้เป็นทุกท่านคนดี และ ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อความร่มเย็นของประเทศชาติ"
บันทึกการเข้า

~จะแน่วแน่...แก้ไข...ในสิ่งผิด~
The Last Emperor
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 6,714


« ตอบ #5 เมื่อ: 16-09-2008, 08:36 »

 
บันทึกการเข้า
mebeam
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 634


Fear can hold you prisoner. Hope can set you Free.


« ตอบ #6 เมื่อ: 16-09-2008, 11:06 »

"และข้อสามคือ ด้วยจะมีการดำเนินการเจรจาในลักษณะที่ยากจะเป็นไปได้ ซึ่งหากไม่ปฏิบัติตามก็จะตราหน้ารัฐมนตรี และกระทรวงการต่างประเทศว่า ขายชาติ อย่างนี้เป็นต้น นี่เป็นการที่ผมอ้างถึงความยากลำบากในการที่จะเจรจาต่อไปภายใต้ มาตรา 190 ของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน "

"เตช บุนนาค"
อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ

วันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2551 ปีที่ 31 ฉบับที่ 1146 มติชนรายวัน


ท่านเป็นคนดี  จริงๆครับ ในคำถวายสัตย์ บอกว่าให้รักษาธรรมนูนญ  ท่านก็รักษาแม้มันจะยากลำบากและเป็นอุปสรรคต่อการเจรจา
ทำไมไม่หารัฐธรรมนูญ ดีๆ ให้คนดีๆ ถวายสัตย์ว่าจะรักษา  จะได้สมเกียรติคนดีๆหน่อย  ไม่ใช่มารักษาอะไรอย่างนี้ เศร้าใจแทนครับ
 

บันทึกการเข้า
ฟ้าประทานII
สมาชิกสามัญขั้นที่ 1
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 31



เว็บไซต์
« ตอบ #7 เมื่อ: 16-09-2008, 15:32 »

ขอพระองค์จงทรงพระเจริญ

ผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องต้องน้อมนำกระแสพระราชดำรัสไปปฏิบัติ ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และทำเพื่อประเทศชาติ เป็นตัวอย่างที่ดี เช่นพระองค์ท่านตรัสไว้




บันทึกการเข้า

. . . ผู้ที่เป็นเยาวชนที่จะต้องทำหน้าที่สำหรับรักษาบ้านเมืองต่อไปเมื่อเป็นผู้ใหญ่ เมื่ออายุถึงขั้นที่จะเรียกว่าเป็นผู้ใหญ่ ได้เล่าเรียนมาแล้วเพื่อให้ปฏิบัติงานของชาติได้ต่อไป ก็ต้องเตรียมตัวเพื่อปฏิบัติงานนั้น ในเวลานี้ก็จะต้องหาความรู้ใส่ตัว ฝึกฝนจิตใจ ฝึกฝนความคิดที่ดี เพื่อให้เข้าใจ ให้มีความคิดพิจารณา ให้มีเหตุผลที่แน่นแฟ้น มีเหตุผลที่จะใช้การได้ เพื่อแยกสิ่งที่ดีที่ควรทำจากสิ่งที่ไม่ดีที่ไม่ควรทำ ฉะนั้น หน้าที่ของเยาวชนก็คือเรียนรู้ แล้วก็นอกจากเรียนรู้คือเมื่อเรียนแล้ว ก็เริ่มช่วยกันสร้างความมั่นคงแก่บ้านเมือง โดยใช้ความรู้ที่ได้มาให้เป็นประโยชน์พัฒนาบ้านเมืองให้มั่นคง . . .
 
 
     
  พระบรมราโชวาท
พระราชทานแก่คณะเยาวชนจาก ๒๐ จังหวัด
วันที่ ๖ เมษายน ๒๕๑๒
The Last Emperor
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 6,714


« ตอบ #8 เมื่อ: 16-09-2008, 15:39 »

"เวบไซต์www.forbes.com เปิดเผยล่าสุดเมื่อ20สิงหาคม2551นี้ว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯของปวงชาวไทย ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงมีพระราชทรัพย์มั่งคั่งเป็นอันดับที่ 1 ของโลก คือมากกว่า35พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งนับเป็นพระราชบุญญาธิการ และเป็นการแผ่พระบารมีไพศาลไปทั่วโลก นำความปลาบปลื้มมาสู่พสกนิกรไทยอย่างหาที่สุดมิได้

1.ทรงนำชื่อเสียงของไทยขจรขจายเป็นแชมป์มีพระราชทรัพย์มากกว่าสุลต่านบรูไน

At the top of our list is Thailand's King Bhumibol Adulyadej, whose $35 billion estimated net worth is up sevenfold as a result of increased transparency of his Crown Property Holdings. He takes the top spot from the only other Asian monarch on the list, the Sultan of Brunei, worth $20 billion, one of only two rulers worth less than they were last year. The sultan, who inherited the riches of an unbroken 600-year-old Muslim dynasty, has had to cut back on his country's oil production because of depleting reserves.

ที่มา:http://www.forbes.com/2008/08/20/worlds-richest-royals-biz-richroyals08-cz_ts_0820royalintro.html?partner=links

ฟอร์บเทิดพระบารมีขึ้นอันดับหนึ่งของโลกมี35พันล้านดอลลาร์ฯ

No. 1: King Bhumibol Adulyadej
Thailand

Age: 80

Net worth: $35 billion

The world's longest-reigning monarch is revered as a deity. His Crown Property Bureau, through which he holds wealth, granted unprecedented access this year, revealing vast landholdings, including 3,493 acres in Bangkok. He also owns stakes in the publicly listed Siam Cement and Siam Commercial Bank. He recently increased investment in Deves Insurance in order to take it private. While the crown remains technically separate from state, the king exerts enormous influence and is thought to have given his implicit blessing to the 2006 coup that overthrew former prime minister Thaksin Shinawatra.

ที่มา:http://www.forbes.com/2008/08/20/worlds-richest-royals-biz-richroyals08-cz_ts_0820royal_slide_2.html?thisspeed=25000

ข่าวดังกล่าวนับว่าสร้างความปลาบปลื้มปิติเป็นล้นพ้นแก่ปวงพสกนิกรชาวไทย เพราะนอกจากจะเป็นพระราชบุญญาธิการของกษัตริย์เหนือกษัตริย์แล้ว ยังนับว่าทรงสร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศไทยขจรขจายไปทั่วโลก ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ" 
บันทึกการเข้า
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #9 เมื่อ: 16-09-2008, 15:59 »

"และข้อสามคือ ด้วยจะมีการดำเนินการเจรจาในลักษณะที่ยากจะเป็นไปได้ ซึ่งหากไม่ปฏิบัติตามก็จะตราหน้ารัฐมนตรี และกระทรวงการต่างประเทศว่า ขายชาติ อย่างนี้เป็นต้น นี่เป็นการที่ผมอ้างถึงความยากลำบากในการที่จะเจรจาต่อไปภายใต้ มาตรา 190 ของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน "

"เตช บุนนาค"
อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ

วันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2551 ปีที่ 31 ฉบับที่ 1146 มติชนรายวัน


ท่านเป็นคนดี  จริงๆครับ ในคำถวายสัตย์ บอกว่าให้รักษาธรรมนูนญ  ท่านก็รักษาแม้มันจะยากลำบากและเป็นอุปสรรคต่อการเจรจา
ทำไมไม่หารัฐธรรมนูญ ดีๆ ให้คนดีๆ ถวายสัตย์ว่าจะรักษา  จะได้สมเกียรติคนดีๆหน่อย  ไม่ใช่มารักษาอะไรอย่างนี้ เศร้าใจแทนครับ
 

..."เคยมีผู้สื่อข่าวถามว่า ผมเห็นว่ามาตรา 190 เป็นอุปสรรคหรือไม่ ผมตอบว่าเมื่อตอนผมไปถวายสัตย์ฯ พระบาทสมเด็จเพราะเจ้าอยู่หัว ข้อสุดท้ายของการถวายสัตย์ฯ เขาจะให้เราพูดว่า จะรักษาไว้ซึ่งรัฐธรรมนูญทุกประการ เพราะฉะนั้นถ้าเผื่อผมปฏิบัติตามสัตย์ปฏิญาณที่ถวาย ผมก็จะต้องปฏิบัติตามนี้ ซึ่งก็ได้ดำเนินการตามหนังสือทั้งสองฉบับที่มีถึง ครม.ว่า เรื่องนี้จะต้องไปรัฐสภา ดังนั้น เมื่อเป็นมาตราที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญแล้วจะถือว่าเป็นอุปสรรคไม่ได้ "....

"เตช บุนนาค"
อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ

วันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2551 ปีที่ 31 ฉบับที่ 1146 มติชนรายวัน


---

เมื่อเป็นมาตราที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญแล้วจะถือว่าเป็นอุปสรรคไม่ได้ 
บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
\(^_^)/
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 617



« ตอบ #10 เมื่อ: 16-09-2008, 16:00 »

"เวบไซต์www.forbes.com เปิดเผยล่าสุดเมื่อ20สิงหาคม2551นี้ว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯของปวงชาวไทย ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงมีพระราชทรัพย์มั่งคั่งเป็นอันดับที่ 1 ของโลก คือมากกว่า35พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งนับเป็นพระราชบุญญาธิการ และเป็นการแผ่พระบารมีไพศาลไปทั่วโลก นำความปลาบปลื้มมาสู่พสกนิกรไทยอย่างหาที่สุดมิได้

1.ทรงนำชื่อเสียงของไทยขจรขจายเป็นแชมป์มีพระราชทรัพย์มากกว่าสุลต่านบรูไน

At the top of our list is Thailand's King Bhumibol Adulyadej, whose $35 billion estimated net worth is up sevenfold as a result of increased transparency of his Crown Property Holdings. He takes the top spot from the only other Asian monarch on the list, the Sultan of Brunei, worth $20 billion, one of only two rulers worth less than they were last year. The sultan, who inherited the riches of an unbroken 600-year-old Muslim dynasty, has had to cut back on his country's oil production because of depleting reserves.

ที่มา:http://www.forbes.com/2008/08/20/worlds-richest-royals-biz-richroyals08-cz_ts_0820royalintro.html?partner=links

ฟอร์บเทิดพระบารมีขึ้นอันดับหนึ่งของโลกมี35พันล้านดอลลาร์ฯ

No. 1: King Bhumibol Adulyadej
Thailand

Age: 80

Net worth: $35 billion

The world's longest-reigning monarch is revered as a deity. His Crown Property Bureau, through which he holds wealth, granted unprecedented access this year, revealing vast landholdings, including 3,493 acres in Bangkok. He also owns stakes in the publicly listed Siam Cement and Siam Commercial Bank. He recently increased investment in Deves Insurance in order to take it private. While the crown remains technically separate from state, the king exerts enormous influence and is thought to have given his implicit blessing to the 2006 coup that overthrew former prime minister Thaksin Shinawatra.

ที่มา:http://www.forbes.com/2008/08/20/worlds-richest-royals-biz-richroyals08-cz_ts_0820royal_slide_2.html?thisspeed=25000

ข่าวดังกล่าวนับว่าสร้างความปลาบปลื้มปิติเป็นล้นพ้นแก่ปวงพสกนิกรชาวไทย เพราะนอกจากจะเป็นพระราชบุญญาธิการของกษัตริย์เหนือกษัตริย์แล้ว ยังนับว่าทรงสร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศไทยขจรขจายไปทั่วโลก ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ" 

เตช..ทำหนังสือ "ชี้แจง" ไปแร๊วว..มึงไม่ได้อ่านผ่านตาบ้างเลยหรือ..
"ไอหัว "ค-ว-ย"

 
บันทึกการเข้า

 
BrettAnderson
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 180



« ตอบ #11 เมื่อ: 16-09-2008, 16:32 »

ลบไอดีคนที่ชื่อจ๊ะออกไปเถอะครับ อย่าเอาคนที่มีทัศนคติอย่างนี้มาอยู่ร่วมบอร์ดกับเราเลย
บันทึกการเข้า

mebeam
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 634


Fear can hold you prisoner. Hope can set you Free.


« ตอบ #12 เมื่อ: 16-09-2008, 16:41 »

..."เคยมีผู้สื่อข่าวถามว่า ผมเห็นว่ามาตรา 190 เป็นอุปสรรคหรือไม่ ผมตอบว่าเมื่อตอนผมไปถวายสัตย์ฯ พระบาทสมเด็จเพราะเจ้าอยู่หัว ข้อสุดท้ายของการถวายสัตย์ฯ เขาจะให้เราพูดว่า จะรักษาไว้ซึ่งรัฐธรรมนูญทุกประการ เพราะฉะนั้นถ้าเผื่อผมปฏิบัติตามสัตย์ปฏิญาณที่ถวาย ผมก็จะต้องปฏิบัติตามนี้ ซึ่งก็ได้ดำเนินการตามหนังสือทั้งสองฉบับที่มีถึง ครม.ว่า เรื่องนี้จะต้องไปรัฐสภา ดังนั้น เมื่อเป็นมาตราที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญแล้วจะถือว่าเป็นอุปสรรคไม่ได้ "....

"เตช บุนนาค"
อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ

วันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2551 ปีที่ 31 ฉบับที่ 1146 มติชนรายวัน


---

เมื่อเป็นมาตราที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญแล้วจะถือว่าเป็นอุปสรรคไม่ได้ 



- ประโยคที่ผมยกมา เป็น ประโยคแห่งความเป็นจริง เกิดขึ้นจริง  ว่ามันลำบาก มันติดขัด

-ส่วนประโยคที่คุณจีเอามา เป็นการถามว่าแล้วมันเป็นอุปสรรคใหม
  แกตอบว่า ว่ามันเขียนอยู่ในรัฐธรรมนูญ แกถวายสัตย์ ต่อหน้าพระพักต์ แล้ว ว่าจะปฏิบัติตาม
   จะให้เรียกว่าอุปสรรค มันก็ไม่สมควร  ผมมีหน้าที่ต้องก้มหน้าก้มตาทำไ ป
   แต่มันปฏิบัตฺิไม่ได้ เลยเป็นเหตุผล อีกหนึ่งข้อที่ทำใ ห้ลาออก




ไม่สนับสนุนให้คุณ TLE  ใช้ข้อมูลเพื่อเหตุผลอื่นแอบแฝงนะครับ  

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-09-2008, 16:44 โดย mebeam » บันทึกการเข้า
Cylonn
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 137


« ตอบ #13 เมื่อ: 16-09-2008, 19:54 »

"เวบไซต์www.forbes.com เปิดเผยล่าสุดเมื่อ20สิงหาคม2551นี้ว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯของปวงชาวไทย ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงมีพระราชทรัพย์มั่งคั่งเป็นอันดับที่ 1 ของโลก คือมากกว่า35พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งนับเป็นพระราชบุญญาธิการ และเป็นการแผ่พระบารมีไพศาลไปทั่วโลก นำความปลาบปลื้มมาสู่พสกนิกรไทยอย่างหาที่สุดมิได้

1.ทรงนำชื่อเสียงของไทยขจรขจายเป็นแชมป์มีพระราชทรัพย์มากกว่าสุลต่านบรูไน

At the top of our list is Thailand's King Bhumibol Adulyadej, whose $35 billion estimated net worth is up sevenfold as a result of increased transparency of his Crown Property Holdings. He takes the top spot from the only other Asian monarch on the list, the Sultan of Brunei, worth $20 billion, one of only two rulers worth less than they were last year. The sultan, who inherited the riches of an unbroken 600-year-old Muslim dynasty, has had to cut back on his country's oil production because of depleting reserves.

ที่มา:http://www.forbes.com/2008/08/20/worlds-richest-royals-biz-richroyals08-cz_ts_0820royalintro.html?partner=links

ฟอร์บเทิดพระบารมีขึ้นอันดับหนึ่งของโลกมี35พันล้านดอลลาร์ฯ

No. 1: King Bhumibol Adulyadej
Thailand

Age: 80

Net worth: $35 billion

The world's longest-reigning monarch is revered as a deity. His Crown Property Bureau, through which he holds wealth, granted unprecedented access this year, revealing vast landholdings, including 3,493 acres in Bangkok. He also owns stakes in the publicly listed Siam Cement and Siam Commercial Bank. He recently increased investment in Deves Insurance in order to take it private. While the crown remains technically separate from state, the king exerts enormous influence and is thought to have given his implicit blessing to the 2006 coup that overthrew former prime minister Thaksin Shinawatra.

ที่มา:http://www.forbes.com/2008/08/20/worlds-richest-royals-biz-richroyals08-cz_ts_0820royal_slide_2.html?thisspeed=25000

ข่าวดังกล่าวนับว่าสร้างความปลาบปลื้มปิติเป็นล้นพ้นแก่ปวงพสกนิกรชาวไทย เพราะนอกจากจะเป็นพระราชบุญญาธิการของกษัตริย์เหนือกษัตริย์แล้ว ยังนับว่าทรงสร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศไทยขจรขจายไปทั่วโลก ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ" 

ที่จริงแล้วยังน้อยไป เพราะแผ่นดินนี้เป็นของพระองค์  ไอ้พวกที่มาหากินในแผ่นดินของพระองค์แล้วยังมาถ่มถุย ควรจะสำนึกเอาไว้บ้าง ไม่งั้นก็ควรกลับไปอยู่ประเทศพ่อประเทศแม่คุณมรึงสะ  (ถ้าพวกคุณมรึงมีพ่อมีแม่กับเขาเหมือนกันอะนะ)
บันทึกการเข้า
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #14 เมื่อ: 16-09-2008, 20:20 »

คำปฎิญาณ มันหนักแน่นมากกว่า การรักษาสัญญา

คนรักษาสัญญา เรียกว่าคนมีเกียรติเชื่อถือได้

คนเราไม่ไม่รักษาสัญญา ก็ไม่มีเครดิต ยิ่งไม่ทำตามที่ได้ปฎิญาณ ยิ่งไร้เกียรติใด ๆ

สมควรถูกประนามหยามเหยียด
บันทึกการเข้า

jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #15 เมื่อ: 16-09-2008, 22:46 »

- ประโยคที่ผมยกมา เป็น ประโยคแห่งความเป็นจริง เกิดขึ้นจริง  ว่ามันลำบาก มันติดขัด

-ส่วนประโยคที่คุณจีเอามา เป็นการถามว่าแล้วมันเป็นอุปสรรคใหม
  แกตอบว่า ว่ามันเขียนอยู่ในรัฐธรรมนูญ แกถวายสัตย์ ต่อหน้าพระพักต์ แล้ว ว่าจะปฏิบัติตาม
   จะให้เรียกว่าอุปสรรค มันก็ไม่สมควร  ผมมีหน้าที่ต้องก้มหน้าก้มตาทำไ ป
   แต่มันปฏิบัตฺิไม่ได้ เลยเป็นเหตุผล อีกหนึ่งข้อที่ทำใ ห้ลาออก

คุณ mebeam อ่านคำตอบคุณเตชให้ดีๆ ครับ..

คุณเตช ไม่ได้บอกว่าปฏิบัติไม่ได้ แต่บอกว่า "เรื่องนี้จะต้องไปรัฐสภา"

ถ้าจะปฏิบัติไม่ได้ก็คือมีใครจะให้คุณเตชตัดสินใจเองโดยไม่ส่งรัฐสภา
กรณีอย่างนั้นถึงจะพอเป็นเหตุผลที่ทำให้ลาออกครับ 
บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
อยู่บำรุ๊ง .. บำรุง
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 210


ทีวีเพื่อพวกตน !


« ตอบ #16 เมื่อ: 16-09-2008, 23:20 »

หัดรู้ไว้บ้างว่าประเทศนี้มีพระมหากษัตริยปกครองมานานหลายร้อยปีแล้ว

ซึ่งแผ่นดินส่วนใหญ่ก็เป็นทรัยพสินของราชวงค์ตกทอดกันมา

ซึ่งตอนนี้ในบางพื้นที่ก็ให้ราชการและประชาชน เช่าในราคาเพียงไม่กี่ร้อยต่อปี

การที่ต่างชาติจะประเมินทรัพย์สินเหล่านั้นเป็นของพระองค์ท่านก็ไม่แปลก

กรุณาอย่าใช้สมองอันน้อยนิดมา เอาเรื่องนี้มาแถเปลี่ยนประเด็นเพราะเมิงจะไม่ตายดีแน่

เมิงเก็บเงินไปอยู่กับพ่อเมิงไปอย่าได้มาอยู่ในประเทศนี้เลย ไอ้ควาย
บันทึกการเข้า

SU5
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 87


« ตอบ #17 เมื่อ: 17-09-2008, 00:06 »

"เวบไซต์www.forbes.com เปิดเผยล่าสุดเมื่อ20สิงหาคม2551นี้ว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯของปวงชาวไทย ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงมีพระราชทรัพย์มั่งคั่งเป็นอันดับที่ 1 ของโลก คือมากกว่า35พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งนับเป็นพระราชบุญญาธิการ และเป็นการแผ่พระบารมีไพศาลไปทั่วโลก นำความปลาบปลื้มมาสู่พสกนิกรไทยอย่างหาที่สุดมิได้

1.ทรงนำชื่อเสียงของไทยขจรขจายเป็นแชมป์มีพระราชทรัพย์มากกว่าสุลต่านบรูไน

At the top of our list is Thailand's King Bhumibol Adulyadej, whose $35 billion estimated net worth is up sevenfold as a result of increased transparency of his Crown Property Holdings. He takes the top spot from the only other Asian monarch on the list, the Sultan of Brunei, worth $20 billion, one of only two rulers worth less than they were last year. The sultan, who inherited the riches of an unbroken 600-year-old Muslim dynasty, has had to cut back on his country's oil production because of depleting reserves.

ที่มา:http://www.forbes.com/2008/08/20/worlds-richest-royals-biz-richroyals08-cz_ts_0820royalintro.html?partner=links

ฟอร์บเทิดพระบารมีขึ้นอันดับหนึ่งของโลกมี35พันล้านดอลลาร์ฯ

No. 1: King Bhumibol Adulyadej
Thailand

Age: 80

Net worth: $35 billion

The world's longest-reigning monarch is revered as a deity. His Crown Property Bureau, through which he holds wealth, granted unprecedented access this year, revealing vast landholdings, including 3,493 acres in Bangkok. He also owns stakes in the publicly listed Siam Cement and Siam Commercial Bank. He recently increased investment in Deves Insurance in order to take it private. While the crown remains technically separate from state, the king exerts enormous influence and is thought to have given his implicit blessing to the 2006 coup that overthrew former prime minister Thaksin Shinawatra.

ที่มา:http://www.forbes.com/2008/08/20/worlds-richest-royals-biz-richroyals08-cz_ts_0820royal_slide_2.html?thisspeed=25000

ข่าวดังกล่าวนับว่าสร้างความปลาบปลื้มปิติเป็นล้นพ้นแก่ปวงพสกนิกรชาวไทย เพราะนอกจากจะเป็นพระราชบุญญาธิการของกษัตริย์เหนือกษัตริย์แล้ว ยังนับว่าทรงสร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศไทยขจรขจายไปทั่วโลก ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ" 


คุณ The Last Emperor ก๊อปมาจากฝรั่งต่างชาติมาขยาย เพื่อต้องการ ? มิทราบ  ขอทราบจุดมุ่งหมายของการนี้ด้วย
อยากดู EQหน่อย 

บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
    กระโดดไป: