ชัย คุรุ เทวา โอม
|
|
« เมื่อ: 14-09-2008, 22:40 » |
|
ประเด็นของบทความนี้เกิดขึ้นตอนผมอยู่ประมาณ ม.2 ที่ผมเริ่ม ปฏิเสธศาสนา เพราะผมเริ่มตั้งคำถามกับตัวเองขึ้นมาว่า คำสอนของศาสนา ไม่ใช่สิ่งสมบูรณ์ แต่ประเด็นของบทความนี้ เริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาจริงๆ ก็ประมาณตอน ม.5 ที่ผมคิดตก โดยเฉพาะกับกรณีศาสนาพุทธที่อาจเรียกได้ว่า ใกล้ชิดกับผมที่สุดในบรรดาศาสนาทั้งหมด
หากท่านได้ศึกษาเรื่องศาสนาพุทธมาบ้าง หรือได้ใกล้ชิดกับพุทธศาสนา ก็คงจะได้ทราบถึง หลักการใหญ่ๆ ของศาสนาพุทธหลายประการอยู่ เช่น หลักอริยสัจ 4, กฎแห่งกรรม (ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว), ฯลฯ และโดยมากแล้ว หากดูเป็นประเด็นเดี่ยวๆ ไปก็จะพบว่าเป็นแนวคิดที่น่าปฏิบัติตามทีเดียว แต่หากเราลองนำหลักการใหญ่ๆ ของพุทธมาหา ความสัมพันธ์ระหว่างกันดู เราจะพบว่า มีบางประเด็นในหลักการที่ขัด หรือแย้งกันเอง จนบางครั้ง ผมถึงกับคิดว่า เรามองได้ทีเดียวว่า ตถาคตตอแหล เพื่อขายผ้าเอาหน้ารอด
อย่างกรณีที่จะเป็นประเด็นหลักในบทความนี้เองก็เช่นกัน ประเด็นนี้ เป็นประเด็นที่ผมถามตัวเองเรื่อยมาเกี่ยวกับศาสนาพุทธ และก็ได้ค้นพบว่า ผมมองหาคำตอบอื่นไม่ออก นอกจากจะมองว่า ตถาคตขายผ้าเอาหน้ารอด ทำให้ผมได้ลองนำคำถามนี้ไปถามพระอาจารย์ที่มาสอนอยู่ที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา 2 รูป และได้ลองถามอาจารย์วิชาธรรมวิทยา ที่จุฬาฯ ดูด้วยเช่นกัน ปรากฏว่า ล้วนไม่สามารถให้คำตอบอันเป็นรูปธรรมได้เลย
คือ ท่านคงจะได้ทราบดีว่าศาสนาพุทธนั้น มีหลักการใหญ่ของศาสนาที่สำคัญมากประการหนึ่งคือ หลักแห่งความเท่าเทียม กล่าวคือ ศาสนาพุทธ พยายามจะปฏิเสธ การแบ่งชั้นวรรณะ ของอินเดียในสมัยนั้น โดยตถาคตได้มอบเสรีภาพออกมาว่า ไม่ว่าคนจะมาจากวรรณะใด เมื่อมาบวชเป็นภิกษุในพระพุทธศาสนา ก็ย่อมมีศักดิ์ศรีเสมอกันหมด
และหลักอีกประการหนึ่งที่สำคัญมาก จนอาจเรียกได้ว่าเป็นหัวใจสำคัญอย่างหนึ่งของศาสนาพุทธ นั่นก็คือกฎแห่งกรรมนั่นเอง หลักการสำคัญของกฎแห่งกรรมก็คือ ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ดังที่ทุกท่านรับรู้กันอยู่ แต่กระนั้น กฎแห่งกรรมนี้ก้ได้เกิดช่องว่างขึ้นมาว่า ทำไมในบางกรณี คนทำชั่ว ถึงไม่ได้รับผลชั่วตอบแทนอย่างที่ควร ในขณะที่ในความเป็นจริง คนดีบางคน ทำไมถึงประสบแต่เรื่องร้ายๆ ในส่วนนี้ เราก็จะพบว่า ได้เกิดแนวคิดอีกส่วนหนึ่งเข้ามารองรับช่องโหว่วที่ว่านี้ นั่นก็คือ เป็นกรรมที่ติดตัวมาแต่ชาติปางก่อน หรือกรรมแต่กำเนิด ซึ่งได้กลายมาเป็นหลักการที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งของพุทธนั่นเอง ซึ่งก็คือ หลักแห่งการเวียนว่ายตายเกิด
จากหลักการดังกล่าวข้างต้นเหล่านี้นี่เอง เมื่อเรานำมาคิดประกอบกันก็จะพบว่า ตถาคตตอแหลแล้ว เพราะตถาคตเป็นคนพูดเองว่า ศาสนาของตน เป็นศาสนาที่ไม่มีการแบ่งวรรณะ หากแต่ตัวตถาคตเองนั่นแหละที่สร้างรูปแบบใหม่ของวรรณะขึ้นมา ไม่ใช่สายเลือด, ไม่ใช่ยศถาบรรดาศักดิ์ แต่เป็นการแบ่งวรรณะด้วย บาปกรรม นั่นเอง
ตถาคต แบ่งวรรณะคน ด้วย สิ่งที่เรียกว่าบาปกรรมที่ก่อไว้แต่ชาติปางก่อน (ซึ่งตถาคตบอกว่า คนที่ยังไม่บรรลุนิพพาน ก็ยังไม่มีทางหลุดพ้นจากมันไปได้) จึงเป็นการน่าหัวร่อมากที่ตถาคตออกมากล่าวปฏิเสธการแบ่งวรรณะ เพราะโดยเดิมทีวรรณะนั้นมักจะถูกแบ่งโดยสิ่งที่ ไม่อาจควบคุมได้ ดังเช่น สายเลือด ซึ่งตถาคตได้พูดเองว่า เป็นเรื่องที่น่ารังเกียจ (คือ การแบ่งวรรณะด้วยยศถาบรรดาศักดิ์ หรือทรัพย์สินนั้น ยังไม่เลวร้ายเท่า เพราะในบางกรณีก็ได้มาด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเองจริงๆ แต่การแบ่งด้วยสายเลือดนั้น out of control อย่างแท้จริง)
เช่นนั้น บาปกรรมแต่กำเนิด ต่างอย่างไรกับการแบ่งวรรณะด้วยสายเลือด เพราะมันเป็นเรื่องที่ out of control อย่างแท้จริงเช่นเดียวกัน
ในจุดนี้เอง ได้นำมาสู่คำถามที่ผมถามพระอาจารย์ และอาจารย์วิชาธรรมวิทยา ว่า พวกคุณคิดเหมือนผมหรือไม่ว่า ตถาคตจนความคิดด้วยคำพูดของตนเอง? คือ ในส่วนนี้ไม่มีหลักฐานอะไรมายืนยันนะครับ แค่ผมคาดเดาเองเองว่า ตถาคตหาคำตอบไม่ได้กับคำถามที่เกิดขึ้นจริง ว่าทำไมคนชั่ว ในบางครั้งได้ดี และคนดีในบางครั้งรับผลชั่ว คือในจุดนี้เอง ผมมองว่าตถาคตจนมุมกับคำถาม เลยต้องตั้งเรื่องกฎแห่งการเวียนว่ายตายเกิดขึ้นมา จนสุดท้ายกลายเป็น มั่วซะเอง
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าที่ผมเดาจะถูกหรือไม่ แต่ข้อเท็จจริงก็คือ ตถาคตตอแหล ในหลักการของตนเอง คือ ในบทความนี้ ผมพยายามพูดถึงเฉพาะหลักบทความอันเป็นแก่นของศาสนา แต่หากเราพูดถึงในแง่หลักปฏิบัติ ที่บางคนอาจกล่าวเป็นเพียงเปลือกแล้ว ยิ่งแย่กว่านั้นอีก เช่น การพยายามกีดกันสตรีจากการเป็นภิกษุณี, ภิกษุณีต้องกราบพระสงฆ์, ภิกษุณีต้องถือศีลมากกว่าภิกษุมากมาย (แต่ได้รับเกีนติน้อยกว่า), ฯลฯ
ดังนั้น ผมจึงเห็นค้านอย่างมากหากมีการบอกว่า พุทธศาสนา คือ ศาสนาแห่งความเท่าเทียมกัน และตถาคตก็ยังเป็นคนชอบมั่วอีกด้วย ในความเห็นผม
กฤดิกร วงศ์สว่างพานิช
****************************************************************************************
เมื่อซักครู่ ผมดูรายการของช่อง TPBS มันมากออกรายการเรื่องเกี่ยวกับขบวนการนักศึกษา แต่มันออกมาในรูปอ้างประชาธิปไตยเลื่อนลอย
และที่สำคัญมันยังออกความเห็นด้วยการต้องการความรุนแรง
นายคนนี้เป็นคนไร้ศีลธรรม ไร้ศาสนา
และไม่เข้าใจแม้แค่เพียงปรัชญาพุทธง่ายๆ
ไม่สมควรที่จะเป็นชนชาวไทย
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-09-2008, 22:48 โดย Post-modern ++++ »
|
บันทึกการเข้า
|
"...สิ่งที่มนุษย์เราหวงแหนที่สุดก็คือชีวิต และก็เป็นสิ่งที่ให้แก่เขาเพื่อดำรงอยู่ได้แต่เพียงครั้งเดียว เขาจักต้องดำรงชีวิตอยู่เพื่อที่ว่าจะไม่ต้องทรมานใจด้วยความโทมนัสว่าวันเดือนปีที่ผ่านไปนั้นปราศจากจุดหมาย จักต้องไม่มีความรู้สึกอับอายว่าตนมีอดีตอันต่ำต้อยด้อยคุณค่า ชีวิตเช่นนี้ เมื่อตายลงก็สามารถพูดได้ว่าชีวิตของฉัน และพลังกายพลังใจทั้งหมดของฉันได้อุทิศให้แก่อุดมการณ์ที่ดีงามที่สุดแล้วในโลกนี้ นั่นคือการต่อสู้เพื่อกอบกู้อิสรภาพของมนุษย์..." คำรำพัน ณ สุสานสหายผู้เสียสละในการต่อสู้ปฏิวัติ จากนวนิยายโซเวียตยอดนิยมเรื่อง เบ้าหลอมวีรชน (How the Steel Was Tempered) นิโคไล ออสตร๊อฟสกี้ เขียน ค.ศ.1933 ******************************* เชิญเยี่ยมชมบล็อคครับ http://www.oknation.net/blog/amalit1990
|
|
|
อยู่บำรุ๊ง .. บำรุง
|
|
« ตอบ #1 เมื่อ: 14-09-2008, 22:47 » |
|
ไร้ศาสนาแต่ แยกแยะอะไรถูกอะไรผิดก็พอครับ อย่าเอาศาสนาหรือเรื่องอะไรพวกนี้มากำหนดในการเป็นคนไทยครับมันไม่เกี่ยว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
May The Force Be With You
|
|
« ตอบ #2 เมื่อ: 14-09-2008, 22:49 » |
|
จับตาดูไอ้เด็กเวรนี้ให้ดี มันมีแววด้านมืดคล้ายคล้ายอีเพ็ญ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"เจไดที่ฉลาดมากๆ คนหนึ่งเคยบอกข้าไว้ว่าเราไม่จำเป็นต้องชนะ แต่เราต้องสู้"
|
|
|
Ammika
|
|
« ตอบ #3 เมื่อ: 14-09-2008, 22:52 » |
|
ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ แต่แวะมาเจิม
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
เบื่อไอ้ปึ้ด...จริงๆ
|
|
|
อยู่บำรุ๊ง .. บำรุง
|
|
« ตอบ #4 เมื่อ: 14-09-2008, 22:53 » |
|
เพราะผมเองก็ไม่ค่อยจะทำตัวมีศาสนาอะไรเหมือนกับคนอื่นๆสักเท่าไร .. ผมผิดด้วยเหรอ
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-09-2008, 22:57 โดย อยู่บำรุ๊ง .. บำรุง »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ลูกนนทรี
|
|
« ตอบ #5 เมื่อ: 14-09-2008, 22:58 » |
|
อยากบอกว่าไอ้พวกนี้หน่ะมันเป็นกลุ่มทำนิตยาสารquestion mark มันมีเพื่อนผมคนนึง มันก็เป็นแกนนำกลุ่มล่ะ เชื่อมโยงกับไอ้โชติศักดิ อ่อนสูง ที่มันไม่ยืนตรงเคารพเพลงสรรเสริญพระบารมีไอ้กลุ่มนี้น่ากลัวหัวรุนแรงแบบเงียบๆ เบื้องหลังน่าจะเปนไอ้อาจารย์ใจล่ะมั้งครับ มันเป็นกลุ่มเพี้ยนแค่รอรับเงินจากนายทุนใหญ่ของมันนั่นแหละครับ แค่ชื่อกลุ่มก็ไม่น่าศรัทธาแล้ว ประชาธิปไตยไม่ใช่กิ๊ก 555 อยากหัวเราะเป็นภาษาสเปน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
เกลียดพวกเลียไอ้เหลี่ยม ไม่นิยมบัตรเติมเงิน
|
|
|
ชัย คุรุ เทวา โอม
|
|
« ตอบ #6 เมื่อ: 14-09-2008, 22:59 » |
|
เพราะผมเองก็ไม่ค่อยจะทำตัวมีศาสนาอะไรเหมือนกับคนอื่นๆสักเท่าไร .. ผมผิดด้วยเหรอ อ่านดูสิ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"...สิ่งที่มนุษย์เราหวงแหนที่สุดก็คือชีวิต และก็เป็นสิ่งที่ให้แก่เขาเพื่อดำรงอยู่ได้แต่เพียงครั้งเดียว เขาจักต้องดำรงชีวิตอยู่เพื่อที่ว่าจะไม่ต้องทรมานใจด้วยความโทมนัสว่าวันเดือนปีที่ผ่านไปนั้นปราศจากจุดหมาย จักต้องไม่มีความรู้สึกอับอายว่าตนมีอดีตอันต่ำต้อยด้อยคุณค่า ชีวิตเช่นนี้ เมื่อตายลงก็สามารถพูดได้ว่าชีวิตของฉัน และพลังกายพลังใจทั้งหมดของฉันได้อุทิศให้แก่อุดมการณ์ที่ดีงามที่สุดแล้วในโลกนี้ นั่นคือการต่อสู้เพื่อกอบกู้อิสรภาพของมนุษย์..." คำรำพัน ณ สุสานสหายผู้เสียสละในการต่อสู้ปฏิวัติ จากนวนิยายโซเวียตยอดนิยมเรื่อง เบ้าหลอมวีรชน (How the Steel Was Tempered) นิโคไล ออสตร๊อฟสกี้ เขียน ค.ศ.1933 ******************************* เชิญเยี่ยมชมบล็อคครับ http://www.oknation.net/blog/amalit1990
|
|
|
Solidus
|
|
« ตอบ #7 เมื่อ: 14-09-2008, 23:00 » |
|
ตถาคต แบ่งวรรณะคน ด้วย สิ่งที่เรียกว่าบาปกรรมที่ก่อไว้แต่ชาติปางก่อน (ซึ่งตถาคตบอกว่า คนที่ยังไม่บรรลุนิพพาน ก็ยังไม่มีทางหลุดพ้นจากมันไปได้) จึงเป็นการน่าหัวร่อมากที่ตถาคตออกมากล่าวปฏิเสธการแบ่งวรรณะ เพราะโดยเดิมทีวรรณะนั้นมักจะถูกแบ่งโดยสิ่งที่ “ไม่อาจควบคุมได้” ดังเช่น สายเลือด ซึ่งตถาคตได้พูดเองว่า เป็นเรื่องที่น่ารังเกียจ (คือ การแบ่งวรรณะด้วยยศถาบรรดาศักดิ์ หรือทรัพย์สินนั้น ยังไม่เลวร้ายเท่า เพราะในบางกรณีก็ได้มาด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเองจริงๆ แต่การแบ่งด้วยสายเลือดนั้น out of control อย่างแท้จริง)
สงสัยที่ผมรู้มาจะผิดนะเนี่ย ต่อให้นิพพานแล้วก็ไ่มได้หลุดพ้นจากกรรมหรอก เพียงแค่หยุดกรรมไว้ที่ชาตินี้เฉย ๆ ขนาดพระพุทธเจ้ายังหนีกรรมเก่าไม่พ้นเลย (หรือใครจะแย้งตรงนี้) แล้วมันแบ่งชั้นวรรณะตรงไหนเนี่ย อีกอย่างหนึ่งคือเรื่องวิบากกรรมมันเป็นอจินไตยนี่หว่า
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-09-2008, 23:02 โดย ฟัักแม้ว »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Tuba ✿゚✎..✿.。.:。ღ
|
|
« ตอบ #8 เมื่อ: 14-09-2008, 23:05 » |
|
มันก็แค่คนธรรมดา ที่ไม่สามารถจะหาจุดเด่นให้ตัวเองได้ด้วยวิธีปกติ ก็ต้องใช้วิธีด่าเอาไว้ก่อนแหละครับ
แล้วถ้าจะด่าทั้งที มันต้องให้โลกตะลึง จะไปด่า นายสมชาย นางสมหญิง อะไรได้ไง
แค่หัวใจพุทธศาสนา (ทำความดี ละเว้นความชั่ว ทำจิตใจให้บริสุทธิ๗ มันก็ยังไม่รู้ ไปอ้างว่า อริยสัจสี่ คือทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว
ก็ไม่ต้องไปพิจารณาเรื่องอื่น ๆ ที่มันไม่มีความเชื่อในสิ่งที่มันไม่มีความรู้แล้วครับ
คนแบบนี้ ยิ่งไปสนใจ ไม่ว่าจะชม หรือด่า มัน มันก็ยิ่งได้ราคาครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ทหาร เป็นอะไรก็ไม่ได้ดี นอกจากเป็นทหาร
ตำรวจ เป็นอะไรก็ดีไม่ได้ แม้กระทั่งเป็นตำรวจ
|
|
|
ชัย คุรุ เทวา โอม
|
|
« ตอบ #9 เมื่อ: 14-09-2008, 23:09 » |
|
คือดูรายการเมือ่กี้ มันบอก พันธมิตรชุมนุมแบบนี้ที่เมกาถูกยิงตายหมด
***สงสัยมันไม่เคยไปเมกา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"...สิ่งที่มนุษย์เราหวงแหนที่สุดก็คือชีวิต และก็เป็นสิ่งที่ให้แก่เขาเพื่อดำรงอยู่ได้แต่เพียงครั้งเดียว เขาจักต้องดำรงชีวิตอยู่เพื่อที่ว่าจะไม่ต้องทรมานใจด้วยความโทมนัสว่าวันเดือนปีที่ผ่านไปนั้นปราศจากจุดหมาย จักต้องไม่มีความรู้สึกอับอายว่าตนมีอดีตอันต่ำต้อยด้อยคุณค่า ชีวิตเช่นนี้ เมื่อตายลงก็สามารถพูดได้ว่าชีวิตของฉัน และพลังกายพลังใจทั้งหมดของฉันได้อุทิศให้แก่อุดมการณ์ที่ดีงามที่สุดแล้วในโลกนี้ นั่นคือการต่อสู้เพื่อกอบกู้อิสรภาพของมนุษย์..." คำรำพัน ณ สุสานสหายผู้เสียสละในการต่อสู้ปฏิวัติ จากนวนิยายโซเวียตยอดนิยมเรื่อง เบ้าหลอมวีรชน (How the Steel Was Tempered) นิโคไล ออสตร๊อฟสกี้ เขียน ค.ศ.1933 ******************************* เชิญเยี่ยมชมบล็อคครับ http://www.oknation.net/blog/amalit1990
|
|
|
May The Force Be With You
|
|
« ตอบ #10 เมื่อ: 14-09-2008, 23:10 » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"เจไดที่ฉลาดมากๆ คนหนึ่งเคยบอกข้าไว้ว่าเราไม่จำเป็นต้องชนะ แต่เราต้องสู้"
|
|
|
Ammika
|
|
« ตอบ #11 เมื่อ: 14-09-2008, 23:15 » |
|
คือดูรายการเมือ่กี้ มันบอก พันธมิตรชุมนุมแบบนี้ที่เมกาถูกยิงตายหมด
***สงสัยมันไม่เคยไปเมกา
แน่ใจหรอว่าที่เมกาเขาจะยิง ขนาดประท้วงคบเพลิงจีนยังมีตำรวจมาดูแลความเรียบร้อยซะดิบดี ไอ้นี่มั่ว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
เบื่อไอ้ปึ้ด...จริงๆ
|
|
|
GuoJia
|
|
« ตอบ #12 เมื่อ: 14-09-2008, 23:18 » |
|
มันง่ายที่จะตีตนเสมอปราชญ์ด้วยการด่านักปราชญ์ ยิ่งเหยียบย่ำนักปราชญ์เท่าใด มันยิ่งคิดว่าเหนือกว่าเท่านั้น คงไม่ต้องอธิบายเรื่องกรรม-วิบากให้คนพรรค์นี้ฟัง แต่พยากรณ์ได้ว่านายคนนี้มี "ทุคติ" ในเบื้องหน้าแน่นอน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
พ่อ : ในทุก ๆ การแข่งขันนี่นะ ผู้ชนะจะมีอยู่ 20% ส่วนผู้แพ้จะมีอยู่ 80% ลูกอยากจะอยู่ใน 20% หรือ อยากอยู่ใน 80% ลูก : แปดสิบ พ่อ : ทำไมล่ะลูก ลูก : ก็มันเยอะกว่า พ่อ : .........
จากหนังเรื่อง Dreamteam
|
|
|
Augustine
|
|
« ตอบ #13 เมื่อ: 14-09-2008, 23:22 » |
|
รัฐธรรมนูญ ให้เสรีภาพในการนับถือศาสนาครับ
อยากให้เล่นประเด็นอื่น มากกว่าเรื่องศาสนา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ประชาธิปไตย... ...ที่ไหนเค้าทำกันแบบนี้
|
|
|
Jrock1
สมาชิกสามัญขั้นที่ 1
ออฟไลน์
กระทู้: 28
|
|
« ตอบ #14 เมื่อ: 15-09-2008, 00:09 » |
|
เด็กมัน รัฐศาสตร์ จุฬา
เคยตั้งกระทู้นี้ใน nocoup นานมาแล้ว เคยเถียงด้วยนิดๆหน่อยๆ
ยิ่งพิมพ์มา ก็ยิ่งบ่งบอกว่า เจ้าตัวไม่เข้าใจ ไม่ได้ศึกษาอะไรเกี่ยวกับพุทธเลย
น้องเค้า ก็เหมือน สหายดอกหญ้า น่ะแหละ คือ เป็นเด็กเกรียน ร้อนวิชา
เรียกร้องความสนใจ โดยมีอาจารย์แนวๆ สองสามคน ให้ท้าย อยู่เบื้องหลัง
รอเด็กมันโตอีกหน่อย ถ้ามันคิดได้ มันก็คิดได้เองแหล่ะ
ถ้ามันคิดไม่ได้ หรือสังคมดูถูกมันมากๆ
ก็จะได้คนแบบ ไอ้หัวโต ออกมาอีกคน ก็แค่นั้น
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Arch_FreeMan
|
|
« ตอบ #15 เมื่อ: 15-09-2008, 03:43 » |
|
เด็กคนนี้ มีอเวจี เป็นที่ไป แน่นอน
เป็นคนที่สังคมไม่ควรเชิดชู
แม้กระทั้งการศึกษาหลักพุทธศาสนา ก็ไม่ได้ศึกษาให้เข้าใจอย่างถ่องแท้
แล้ว ยังเอามาเขียนชักนำให้ ผู้คนหลงผิด ดูหมิ่นดูแคลนพระพุทธเจ้าอีก
ผมก็ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร ดีกับคนสันดานแบบนี้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ธรรมเท่านั้นคือทางรอดของสังคมไทย
|
|
|
Augustine
|
|
« ตอบ #16 เมื่อ: 15-09-2008, 03:53 » |
|
ไปเช็คประวัติมาคร่าวๆครับ บอกได้เลย มันมาแนวจักรภพ / อีดา แน่นอน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ประชาธิปไตย... ...ที่ไหนเค้าทำกันแบบนี้
|
|
|
Cylonn
|
|
« ตอบ #17 เมื่อ: 15-09-2008, 06:15 » |
|
ตรัสรู้ตอนม.5 แต่เข้าใจศาสนาพุทธแค่เนี้ย!!!
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
jerasak
|
|
« ตอบ #18 เมื่อ: 15-09-2008, 06:19 » |
|
ความคิดเกี่ยวกับศาสนาพุทธเริ่มมาก็มั่วแล้วครับ
พระพุทธเจ้าบอกตรงไหนว่าทุกคนเท่ากันเหมือนกัน แค่หลักคิดเรื่องดอกบัวมีสี่เหล่าก็เห็นชัดเจนแล้วว่า พระพุทธองค์จำแนกคนออกเป็นหลายระดับ
พระพุทธเจ้าปฏิเสธเรื่องวรรณะ แต่ไม่เคยบอกว่า คนเท่าเทียมกัน ตรงกันข้ามคือสอนว่าคนต่างกัน เพราะมีผลกรรมที่สั่งสมมาแตกต่างกัน
ไม่อย่างนั้นทุกคนก็หลุดพ้นสำเร็จอรหันต์กันหมดแล้ว!!!
...
แนวคิดเรื่องการเวียนว่ายตายเกิดไม่ได้มีขึ้นทีหลัง คำสอนอื่นๆ แต่เป็นต้นเหตุให้พระพุทธองค์พากเพียร จนตรัสรู้อริยสัจ 4 เพื่อหลุดพ้นการเวียนว่ายตายเกิด
เรื่องทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว ตามแนวคิดทางพุทธ ก็ไม่ใช่จะเห็นประจักษ์ทั้งหมดในชาติภพเดียว
หลักธรรมะที่เอามาคิดเป็นตุเป็นตะ เห็นได้ชัดว่า เป็นพวกนอกรีต ไม่มีอาจารย์คอยสั่งคอยสอน
...
ที่น้องเขามั่วมาทั้งหมดแล้วบอกว่าไม่มีใครตอบได้ สงสัยว่าเคยไปถามใครจริงหรือเปล่า
หรืออาจถามแล้วแต่ไม่มีใครอยากเสียเวลาตอบ เพราะเห็นเป็นบัวแล้งน้ำ รอชาติหน้าถึงจะเข้าใจ
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-09-2008, 06:26 โดย jerasak »
|
บันทึกการเข้า
|
= A dreamer lives for eternity.= == นักฝันมีชีวิตเพื่อนิรันดร์กาล ==
|
|
|
vorapoap
|
|
« ตอบ #19 เมื่อ: 15-09-2008, 07:20 » |
|
โห มันช่างกล้าคิด และกล้าพูด
ถ้ามันสงสัยในประเด็นแบบนี้ ไปสนทนาธรรมกับองค์เจ้าที่บวชเรียนมาหลายภรรษาตามวัดต่างๆ ก็ตอบปัญหาทั้งหมดได้
ตถาคต ตอแหล ช่างพูดครับ...
แบ่งวรรณะด้วยกรรม ช่างประติประต่อครับ หากคนเราทำแต่กรรมดี ไม่ว่าชีวิตมันจะเลวร้าย ด้วยผลกรรมแต่ปางก่อน ในใจมันไม่มาคิดแบ่งชั้นวรรณะหรอก
คิดดีทำดี ความสุขอยู่ในใจ ความสุขทางใจไม่มีชั้นวรรณะ ชั้นวรรณธเป็นภาพลวงที่มนุษย์สร้างขึ้นเพื่อแบ่งแยกคน หากใจเราไม่แบ่งแยก ไม่มีชั้นวรรณะในใจ ไม่อิจฉา ไม่โลภ ไม่หลง ความทุกข์ไม่เกิด
วรรณะเป็นเพีัยงแค่ภาพลวงส่วนหนึ่งในบรรดาภาพลวงอื่นๆเท่านั้นเอง
ไอ้นี้ ไม่รู้ไปอยู่สำนักไหนมา....
ทางไปอเวจีแน่นอน... สงสารคนเป็นพ่อ เป็นแม่...
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
vorapoap
|
|
« ตอบ #20 เมื่อ: 15-09-2008, 07:36 » |
|
พี่น้องๆท่านใด รู้จัก ฝากไปบอกครอบครัวด้วยครับ ข้างล่างค้นมาได้จากการค้นรูปคำว่า วงศ์สว่างพานิช มันอายเขามากครับ
นนทวิธ วงศ์สว่างพานิช 3.94 เบ็ญจะมะฯ อุบลฯ "โพธิ์ทองเลือกสรรอาจารย์ที่มีคุณภาพ จึงมั่นใจในคุณภาพได้ครับ" น้องหงส์-ฐิตารีย์ วงศ์สว่างพานิช เฟรชชี่สาวหมวยแก้มยุ้ยน่าหยิก คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาฯ ฐิตารีย์ วงศ์สว่างพานิช (หงส์) คณะนิเทศศาสตร์ Location : อุบลราชธานี, Thailand Architect : คุณ ไพโรจน์ วงศ์สว่างพานิช ตอนนี้คำค้นใน Google ว่า กฤดิกร วงศ์สว่างพานิช นายกฤดิกร วงศ์สว่างพานิช กลุ่มประชาธิปไตยไม่ใช่แค่กิ๊ก กฤดิกร วงศ์สว่างพานิช
มาที่กระทู้นี้กระทู้แรก สุดอายยย ขอบอก...
ใครไปเว็บไหนกรุณาช่วยกัน link มาที่นี่ครับ เผื่อสักวัน น้องเขาจะตาสว่างงงงงง..
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-09-2008, 07:43 โดย vorapoap »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Bo.
|
|
« ตอบ #21 เมื่อ: 15-09-2008, 07:42 » |
|
เคยดูอี่เด็กคนนี้พูกมาครั้งหนึ่ง ตอนนั้นยังคิดเลยว่าทำไมไม่มีคนเอามาถก แนวคิดอันตราย เกิดจากบุคคลที่คิดว่าตัวเองรู้ แต่จริง ๆ แล้วไม่รู้ แถมยังไม่ถูกต้องอีก ตอนนั้นฟังมันพูด อ้างทฤษฎีซะมากมาย จอห์น ล็อค งั้น งี้ แต่น้อง สาธิตมัฆวาน พูดดีกว่ามาก เพราะฟังแล้วเข้าใจ เป็นปุถุชน ไม่ได้ลอยแม่งมาจากสวรรค์วิมาน ขอทำนายว่า สุดท้ายเป็นหัวโตแน่นอน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
You can't walk no line.
|
|
|
kittie
|
|
« ตอบ #22 เมื่อ: 15-09-2008, 07:54 » |
|
เด็กคนนี้ มีอเวจี เป็นที่ไป แน่นอน
เป็นคนที่สังคมไม่ควรเชิดชู
แม้กระทั้งการศึกษาหลักพุทธศาสนา ก็ไม่ได้ศึกษาให้เข้าใจอย่างถ่องแท้
แล้ว ยังเอามาเขียนชักนำให้ ผู้คนหลงผิด ดูหมิ่นดูแคลนพระพุทธเจ้าอีก
ผมก็ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร ดีกับคนสันดานแบบนี้
... ถูก !!!...แต่อเวจีนรกยังน้อยไปค่ะ ปรามาสพระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ลงไปเวิ้งว้าง ดำมืดอยู่ใน โลกันตรนรก สถานเดียว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
Vi Veri Veniversum Vivus Vici
"By the power of truth I, while living, have conquered the world"-------------------------------------- My Hi5!! http://kittiepong.hi5.com
|
|
|
jumpee_001
น้องใหม่
ออฟไลน์
กระทู้: 9
|
|
« ตอบ #23 เมื่อ: 15-09-2008, 08:35 » |
|
“ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว” ดังที่ทุกท่านรับรู้กันอยู่ แต่กระนั้น กฎแห่งกรรมนี้ก้ได้เกิดช่องว่างขึ้นมาว่า “ทำไมในบางกรณี คนทำชั่ว ถึงไม่ได้รับผลชั่วตอบแทนอย่างที่ควร ในขณะที่ในความเป็นจริง คนดีบางคน ทำไมถึงประสบแต่เรื่องร้ายๆ”คนไม่รอบคอบชอบหลงไปทางผิด หาข้อมูลมาไม่ลึกก็เป็นแบบนี้แหละ คิดว่า่ความคิดตัวเองเลิศเลอถูกต้องแล้วเลยเดินทางผิด (อนาคตคงจะเป็นพวกหัวรุนแรงแน่นอนเพราะเก็บกดไม่มีใครคิดเหมือนตัวเอง) คำง่ายๆ กรรม = การกระทำ กฎแห่งกรรม คือกฏธรรมชาติที่คุณทำอะไรก็จะได้ผลลัพธ์เช่นนั้น เข้าใจธรรมชาติด้วยความเป็นจริง ไม่ใช่อุดมคติ ตัวอย่างง่ายๆ ปลูกมะม่วงจะได้ลูกมะม่วง ปลูกมะม่วงเขียวเสวยได้เขียวเสวย ถ้าปลูกมะม่วงฟ้ารั่นแต่ได้ผลเป็นเขียวเสวยก็แสดงว่ามีการตัดต่อกิ่ง ฉันใดก็ฉันมะม่วง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
exzcute
|
|
« ตอบ #24 เมื่อ: 15-09-2008, 09:23 » |
|
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าที่ผมเดาจะถูกหรือไม่ แต่ข้อเท็จจริงก็คือ ตถาคตตอแหล “ในหลักการของตนเอง” ==> แค่นี้ก็โชว์โง่แล้วครับ มันบอกว่าไม่ว่าสิ่งที่มันคิดจะถูกหรือผิด แต่ธงของมันคือ "ตถาคตตอแหล" อยู่แล้ว
ถึงแม้ผมจะโง่ไม่เข้าใจเรื่องพุทธศาสนามากมาย เรื่องลึกซึ้งไม่ต้องถาม ตอบไม่ได้ แต่ทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว ถ้าคนมันไม่ได้จิตวิปลาศ กบในกะลา มันคงไม่ตอบแบบนี้ครับ เป็นความคิดของพวกกบในกะลาจริงๆ ครับ มันเลยคิดแค่ว่ากรรมเป็นเรื่องในกะลา ปาอะไรไปก็โดนแรงนั้นกลับมา แต่ในโลกจริงมันเป็นกะลาหรือเปล่า? แค่นี้มันไม่ฉุดคิด ไม่อยากเชื่อนี่เหรอเด็กเตรียม เด็กจุฬา โง่ได้ใจเสียชื่อจริงๆ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
simona
|
|
« ตอบ #25 เมื่อ: 15-09-2008, 09:25 » |
|
http://www.sameskybooks.org/board/index.php?showtopic=212หมายเหตุ: ในที่สุดเข้าใจว่าเจ้าของกระทู้(นั้น หมายถึงที่ฟ้าเดียวกัน)ได้ถอนคำพูด 'ตอแหล' ออกไปแล้วนะครับ เนื่องจากเป็นกระทู้ศาสนา ผมเข้าใจว่ากระทู้นั้นผมไม่ได้เข้าร่วมตอบกับเขาด้วย และไม่ได้อ่านอย่างละเอียด แต่สรุปว่ามีการตอบโต้กันระหว่าง สหายสิกขา และท่านเจ้าของกระทู้ ในมุมมองของผม เข้าใจว่าปัญหาเริ่มจากการพิจารณาว่า 'กมฺมโยนิ' หรือ กรรมเป็นแดนเกิด เป็นการทำให้คนรู้สึก'จำยอมต่อชะตากรรม' ซึ่งเป็นขัดแย้งกับความคิดที่ว่ามนุษย์ทุกคนทัดเทียมกัน นั้นทำให้เจ้าของกระทู้เข้าใจว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านมีคำสอนทำให้คนเรายอมรับใน'วรรณะรูปแบบใหม่' ทำนอง 'เพราะกรรมเก่า ชาตินี้ฉันเลยจน' ผมเข้าใจว่าความคิดอย่างนี้ น่าจะเคยมีมาก่อนแล้วในหมู่นักศึกษาไทยช่วง 2516-2519 ซึ่งผมเข้าใจว่าน่าจะมีอิทธิพลมาจากการปฏิวัติวัฒนธรรมจีนด้วย อันนี้แค่เดานะครับ แต่ผมคิดว่าหลักการคิดอย่างนั้นเหมือนคุ้นๆ ก่อนที่ผมจะพาเตลิดมากไปกว่านี้ ลองอ่านในกระทู้นั้นดูนะครับ
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-09-2008, 09:26 โดย simona »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ploysai
สมาชิกสามัญขั้นที่ 1
ออฟไลน์
กระทู้: 28
|
|
« ตอบ #26 เมื่อ: 15-09-2008, 09:39 » |
|
เชื่อมั่นในคำสอนของทุกศาสนา และยอมรับว่าทุกศาสนาสอนคนให้เป็นคนดี ตัวเองเป็นพุทธศานิกชนศึกษาธรรมะมาก็นาน แต่ยังรู้หลักธรรมเพียงงูๆปลาๆ แต่พร้อมที่จะศึกษาต่อไปเพราะอยากเป็นคนดี
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
bgn
|
|
« ตอบ #27 เมื่อ: 15-09-2008, 09:40 » |
|
นี่แหละจุดจบของคนที่โง่แล้วขยัน น่าสงสารอยู่ดีไม่ว่าดีดันทะลึ่งโดดลงในกองเพลิงด้วยหลงว่ามันคือของเย็น
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
thana-2006
|
|
« ตอบ #29 เมื่อ: 15-09-2008, 09:57 » |
|
เห็นด้วยกับคุณ Jerasak ครับ ไอ้เด็กเวรนี่ มันเหมือนคนตาบอดมาอธิบายเรื่องสีให้คนตาดีฟัง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
nutiu
|
|
« ตอบ #30 เมื่อ: 15-09-2008, 10:16 » |
|
นับว่า นายกฤดิกร วงศ์สว่างพานิช ปากกล้า
ผมก็เคยสงสัยคล้ายๆอย่างที่นายกฤดิกรกล่าว แต่ไม่เคยคิดล่วงเกินและจาบจ้วงท่าน ต่อมา เมื่อศึกษาพุทธศาสนามากขึ้นๆ ทำให้พบได้ว่า
1. สิ่งที่เรามีสติ สมาธิ ปัญญา พอลองพิสูจน์ตามที่ท่านสอนได้ เป็นจริงทุกประการ เป็นประโยชน์ เป็นกุศล อย่างสูงสุดต่อชีวิต
2. สิ่งที่เรายังไม่มีสติ สมาธิ ปัญญา พอที่จะพิสูจน์ให้ประจักษ์กับตนเองได้ ขอน้อมรับฟังไว้ก่อน ยังไม่ปักใจเชื่อเต็มร้อย แต่ก็ไม่ปฏิเสธ ที่สำคัญ เชื่อมั่นมากว่า ที่ท่านสอน ไม่ใช่เพื่อคุยโม้โอ้อวด แต่เพื่อประโยชน์แก่ผู้ฟังและปฏิบัติตาม
สงสัยและไม่เชื่อได้ ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ถ้าเอามาบิดเบือนเพื่อจงใจสร้างผลประโยชน์ทางการเมือง ผมว่าบาปมากๆ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
boyk
|
|
« ตอบ #31 เมื่อ: 15-09-2008, 10:30 » |
|
ผมเป็นพุทธ แต่ก็ไม่ได้รู้ลึกซึ้งอะไรมากมาย
แต่เป็นพุทธก็ต้องเชื่อเรื่องกรรมใช่มั้ยคับ
ผมเข้าใจว่ากรรมที่เกิดจากการปรามาสพระศาสดาถือว่าเป็นกรรมหนักมากอย่างที่หลายๆท่านบอกไว้ข้างต้น
หนักขนาดไหนคับรบกวนผู้รู้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ไล่งับคนโกง ตอกฝาโลงไม่ให้เกิด
|
|
|
(ลุง)ถึก สไลเดอร์
|
|
« ตอบ #32 เมื่อ: 15-09-2008, 10:40 » |
|
ใครด่าพระพุทธเจ้าอย่าไปโกรธ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย คนเหล่าอื่นอาจกล่าวติเตียนเรา ติเตียนพระธรรม หรือติเตียนพระสงฆ์. ท่านทั้งหลายไม่พึงผูกอาฆาต ขุ่นเคือง ไม่พอใจในบุคคลเหล่านั้น. เพราะถ้าท่านทั้งหลายโกรธเคือง หรือไม่พอใจในบุคคลที่กล่าวติเตียนเรา ติเตียนพระธรรม หรือติเตียนพระสงฆ์นั้น, อันตรายเพราะความโกรธเคืองนั้น ก็จะพึงเป็นของท่านทั้งหลายเอง. ถ้าท่านทั้งหลายโกรธเคือง หรือไม่พอใจในบุคคลที่กล่าวติเตียนเรา ติเตียนพระธรรม หรือติเตียนพระสงฆ์ จะรู้ได้ละหรือว่า คำกล่าวของคนเหล่าอื่นนั้น เป็นคำกล่าวที่ดี (สุภาษิต) หรือไม่ดี (ทุพภาษิต) ? "ไม่ทราบ พระเจ้าข้า." "ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ท่านทั้งหลายพึงชี้แจง (คลี่คลาย) เรื่องที่ไม่เป็นจริง ให้เห็นว่าไม่เป็นจริง ในข้อที่คนเหล่าอื่นกล่าวติเตียนเรา ติเตียนพระธรรม หรือติเตียนพระสงฆ์ ให้เขาเห็นว่าข้อนั้นไม่จริง ข้อนั้นไม่แท้ ข้อนั้นไม่มีในพวกเรา ข้อนั้นไม่ปรากฏในพวกเรา ดังนี้." ที่มา พระไตรปิฏก พรหมชาลสูตร ๙/๓
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
(ลุง)ถึก สไลเดอร์
|
|
|
gabiNo
|
|
« ตอบ #33 เมื่อ: 15-09-2008, 10:54 » |
|
ใช่ๆ คนที่รู้อะไรแค่เปลือก ตัดสิน แล้วมั่นใจในสิ่งที่ตัวเองคิดว่าถูกต้องแล้วแข็งกร้าวเช่นเด็กคนนี้ ...น่ากลัวและอันตรายมากถ้าโตขึ้นมาแล้วได้เป็นใหญ่ในสังคม เห็นด้วยกับคุณ Jerasak ครับ ไอ้เด็กเวรนี่ มันเหมือนคนตาบอดมาอธิบายเรื่องสีให้คนตาดีฟัง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Village Vanguard
|
|
« ตอบ #34 เมื่อ: 15-09-2008, 11:06 » |
|
อาทิตย์ที่ผ่านมาผมก็ดูเวทีสาธารณะทาง TPBS ดูแล้วหงุดหงิดน้องคนนี้มาก เป็นพวกเข้าใจปชต. แบบแถตามตำราไปเรื่อย แล้วซัดน้องที่มาจากสาธิตมัฆวานแบบเหมือนหักหน้าหาเรื่อง ประมาณเอาให้หน้าแหก พูดจาไม่มีเนื้อหา ใช้แต่ความสามารถทางภาษามาโต้แย้ง ดูแล้วเหมือนหมัก+ปลื้มมาก ดูแล้วเลยเข้าใจได้ว่าที่เค้าไม่เข้าใจศาสนาพุทธ เพราะอะไร?? พุทธศาสนานี่ใกล้เคียงปรัชญาแบบ postmodern มาก ยากที่คนที่ยึดอะไรแบบหัวชนฝาจะเข้าใจง่ายๆ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ริวเซย์
|
|
« ตอบ #35 เมื่อ: 15-09-2008, 11:21 » |
|
ธรรมะนั้นมีอยู่ก่อนจักรวาลอุบัติขึ้น คือสภาวะเดิมของธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่
ดังนั้นธรรมะไม่มีขัดกันแน่นอน นอกจากใจของน้องคนนี้มันขัดกันเอง
เพราะไปติดยึดอยู่ที่คำว่าประชาธิปไตยมาจากการเลือกตั้ง หรือ ติดยึดตัวบุคคลใดบุคคลหนึ่งเป็นที่ตั้ง
ก็จะเกิดความเห็นที่ผิดเพี้ยนแบบนี้ขึ้นมา
น่าสงสารน้องคนนี้ที่ตาแห่งธรรมมืดบอด แยกแยะดีชั่วไม่เป็น
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ถ้ามีแฟนแบบนี้เอาไหมครับ^^
|
|
|
phutorn connection
|
|
« ตอบ #36 เมื่อ: 15-09-2008, 11:42 » |
|
น้องเค้ายังเป็นเด็กน่ะค่ะ ดูจากการตอบคำถาม เค้าจะยกโมเดลที่เป็นระบบปิดขึ้นมาพูดแต่ไม่ได้พูดถึงความเป็นจริงที่เป็นระบบเปิดซึ่งมีความไม่แน่นอนหลายอย่าง เดี๋ยวโตขึ้นก็เข้าใจเอง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
หลังจาก วาทะ"บกพร่องโดยสุจริต"ของอาชญากรหนีคดี ประชาชนได้ให้โอกาส แต่ไม่เคยได้ให้อภัยคนคนนี้
หลายคนบอกว่าสิ่งที่ทักษิณทำก็เหมือนนักธุรกิจคนอื่นๆนั่นแหละ ไม่ว่าหนีภาษี ซุกหุ้น ซื้อนักการเมืองเป็นพวก แต่สิ่งที่คนเหล่านั้นลืมมองคือ ทักษิณมีอำนาจ นอกเหนือจากเงินทองในขณะที่นักธุรกิจคนอื่นไม่มี อำนาจที่สามารถชี้เป็นชี้ตายข้าราชการ อำนาจในการใช้กฏหมาย อำนาจในการตรากฏหมาย แต่สิ่งที่ทักษิณมีเหมือนนักธุรกิจคนอื่น คือ ความโลภ เมื่อความโลภรวมกับอำนาจ และสิ่งที่ทำร้ายทักษิณในปัจจุบันคือ ความโลภนี่เอง
|
|
|
Cherub Rock
|
|
« ตอบ #37 เมื่อ: 15-09-2008, 11:44 » |
|
น้องเอ้ย.. เดี๋ยวพี่แบ่งชนชั้นวรรณะให้เอง อย่างน้องนี่เรียกว่าพวกชั้น ปทปรมะ ลำบากหน่อยนะ ดูท่าทางชาตินี้คงเลื่อนชั้นลำบากแล้ว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"นายกรัฐมนตรีกำลังใช้รัฐสภาประกอบพิธีกรรมสถาปนาอำนาจของตนเองโดยเห็นรัฐสภาเป็นเพียงแค่ตรายาง และปล่อยให้มีการทำร้ายประชาชนถือว่าหมดความชอบธรรมแล้ว" รสนา โตสิตระกูล
|
|
|
yordpao
น้องใหม่
ออฟไลน์
กระทู้: 9
|
|
« ตอบ #38 เมื่อ: 15-09-2008, 11:50 » |
|
นึกว่าใคร ที่แท้ก็ไอ้เด็กสาธิต นปก. นี่เอง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
jerasak
|
|
« ตอบ #39 เมื่อ: 15-09-2008, 12:03 » |
|
ไปเจอว่าน้องเขามีบล็อกอยู่ที่ exteen ด้วยครับ ท่านใดสนใจก็แวะไปอ่านบทความของเขาได้ http://fallingangels-review.exteen.com
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
= A dreamer lives for eternity.= == นักฝันมีชีวิตเพื่อนิรันดร์กาล ==
|
|
|
|
นีโอคอมมิวนิสต์
สมาชิกสามัญขั้นที่ 1
ออฟไลน์
กระทู้: 44
|
|
« ตอบ #41 เมื่อ: 15-09-2008, 12:13 » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Village Vanguard
|
|
« ตอบ #42 เมื่อ: 15-09-2008, 12:14 » |
|
ที่แท้คือนาย fallingangels นี่เอง ผมเคยอ่านเว็บฟ้าเดียวกันอยู่ช่วงหนึ่ง ไอ้นี่ฝืนมากๆ หนึ่งในสาวก สมศักดิ์ เจียม
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
hide
|
|
« ตอบ #43 เมื่อ: 15-09-2008, 12:17 » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
hide
|
|
« ตอบ #44 เมื่อ: 15-09-2008, 12:24 » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
A-NOY
|
|
« ตอบ #45 เมื่อ: 15-09-2008, 12:37 » |
|
อย่าไปให้ความสำคัญกับเด็กพวกนี้เลย ในอดีตเราก็เห็นนักศึกษาที่มีอุดมการณ์สูงเช่น นายสรพงษ์ สืบวงศ์ลี นายภูมิธรรม เวชยชัย นายสุธรรม แสงประทุม นายอดิศร เพียงเกษ นายจาตุรนต์ ฉายแสง เป็นต้น แล้วเป็นไงเดี๋ยวนี้มัรับใช้นายทุนเฉยเลย ตอนเด็กๆมันไม่ต้องคิดเรื่องทำมาหากินเลี้ยงครอบครัวมันก็คิดฟุ้งซ่านพอโตขึ้นมันก็เอาสันดานเดิมแท้ๆของมันออกมา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
A-NOY
|
|
|
Solidus
|
|
« ตอบ #46 เมื่อ: 15-09-2008, 12:54 » |
|
ความคิดเกี่ยวกับศาสนาพุทธเริ่มมาก็มั่วแล้วครับ
พระพุทธเจ้าบอกตรงไหนว่าทุกคนเท่ากันเหมือนกัน แค่หลักคิดเรื่องดอกบัวมีสี่เหล่าก็เห็นชัดเจนแล้วว่า พระพุทธองค์จำแนกคนออกเป็นหลายระดับ
เรื่องบัวนี่พระพุทธเจ้าแบ่งบุคคลแค่ 3 เหล่านี่ครับ แต่อรรถกถาจารย์เปรียบบุคคล ๔ จำพวกนี้กับบัว ๔ เหล่า แต่ไป ๆ มา ๆ กลายเป็นพระพุทธเจ้าแบ่งบุคคลเป็นบัว 4 เหล่าซะงั้น พรหมยาจนกถา "มีอุปมาเหมือนดอกอุบลในกออุบล ดอกปทุมในกอปทุม หรือดอกบุณฑริกในกอบุณฑริก ที่เกิดแล้วในน้ำ เจริญแล้วในน้ำ งอกงามแล้วในน้ำ บางเหล่ายังจมในน้ำ อันน้ำเลี้ยงไว้บางเหล่าตั้งอยู่เสมอน้ำ บางเหล่าตั้งอยู่พ้นน้ำ อันน้ำไม่ติดแล้ว" ปุคคลวรรคที่ ๔ "ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๔ จำพวกนี้ มีปรากฏอยู่ในโลก ๔ จำพวกเป็นไฉน คือ อุคฆฏิตัญญู ผู้อาจรู้ธรรมแต่พอท่านยกหัวข้อขึ้นแสดง ๑ วิปจิตัญญู ผู้อาจรู้ธรรมต่อเมื่อท่านอธิบายความแห่งหัวข้อนั้น ๑ เนยยะ ผู้พอแนะนำได้ ๑ ปทปรมะ ผู้มีบทเป็นอย่างยิ่ง ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๔ จำพวกนี้แล มีปรากฏอยู่ในโลก ฯ"
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Solidus
|
|
« ตอบ #47 เมื่อ: 15-09-2008, 13:00 » |
|
แล้วก็ดับไปอย่างรวดเร็ว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
jerasak
|
|
« ตอบ #48 เมื่อ: 15-09-2008, 13:28 » |
|
เรื่องบัวนี่พระพุทธเจ้าแบ่งบุคคลแค่ 3 เหล่านี่ครับ แต่อรรถกถาจารย์เปรียบบุคคล ๔ จำพวกนี้กับบัว ๔ เหล่า แต่ไป ๆ มา ๆ กลายเป็นพระพุทธเจ้าแบ่งบุคคลเป็นบัว 4 เหล่าซะงั้น
พรหมยาจนกถา "มีอุปมาเหมือนดอกอุบลในกออุบล ดอกปทุมในกอปทุม หรือดอกบุณฑริกในกอบุณฑริก ที่เกิดแล้วในน้ำ เจริญแล้วในน้ำ งอกงามแล้วในน้ำ บางเหล่ายังจมในน้ำ อันน้ำเลี้ยงไว้ บางเหล่าตั้งอยู่เสมอน้ำ บางเหล่าตั้งอยู่พ้นน้ำ อันน้ำไม่ติดแล้ว"
ปุคคลวรรคที่ ๔ "ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๔ จำพวกนี้ มีปรากฏอยู่ในโลก ๔ จำพวกเป็นไฉน คือ อุคฆฏิตัญญู ผู้อาจรู้ธรรมแต่พอท่านยกหัวข้อขึ้นแสดง ๑ วิปจิตัญญู ผู้อาจรู้ธรรมต่อเมื่อท่านอธิบายความแห่งหัวข้อนั้น ๑ เนยยะ ผู้พอแนะนำได้ ๑ ปทปรมะ ผู้มีบทเป็นอย่างยิ่ง ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๔ จำพวกนี้แล มีปรากฏอยู่ในโลก ฯ"
ที่แท้เป็นอรรถกถาจารย์ที่เปรียบบุคคล 4 จำพวกกับบัว 4จริงด้วยครับทำไปทำมากลายเป็นพูดติดปากจากบุคคล 3 เหล่า กลายเป็นพระพุทธเจ้า ทรงแบ่งบุคคลเป็นบัว 4 เหล่าไปเสียแล้ว ... ผมนึกถึงคำที่พูดกันทั่วไปว่า "สวรรค์ชั้นเจ็ด" ที่เดิมคงตั้งใจ จะเปรียบเทียบว่ามีความสุขกว่าขึ้นสวรรค์ที่มีทั้งหมด 6 ชั้น ทำไปทำมากลายเป็นมีคนเชื่อว่าสวรรค์มีทั้งหมด 7 ชั้น
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
= A dreamer lives for eternity.= == นักฝันมีชีวิตเพื่อนิรันดร์กาล ==
|
|
|
วาโย
|
|
« ตอบ #49 เมื่อ: 15-09-2008, 14:19 » |
|
ผมตามไปอ่านมาแล้วครับ เกรียนยังไม่สิ้นกลิ่นนำนมจริงๆเว๊ปนั้นมันเป็นที่รวมของเด็กแนว(แนวคอมมิวนิสย์)หรือยังไงครับนี่ พวกเกรียนแต่ละคนนี่สุดยอดจริง(พาตัวตกนรกได้ตำสุดๆ) แต่มีอยู่หลายคนน่าสนใจเหมือนกัน เช่น สหายสิกขา เกรียนเทพ เป็นต้น ขออนุญาติแป๊ะเนื้อหากับคำตอบของบางคนที่โดนได้ไหมครับเวปมาสเตอร์
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
มาเถอะพี่น้องพ้องเพื่อนชีวิต ...ตื่นเถอะมวลมิตรผู้ยังหลับไหลจากเรา...คาราวาน (ขอยกท่อนหนึ่งของเพลงคาราวานมาแสดงระกันครับ ถึงเวลาแล้วที่คนหลับต้องตื่นสู้ คนอยู่ต้องก้าวต่อไป)
|
|
|
|