ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
29-03-2024, 04:23
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  กฏหมายแห่งรัฐธรรมนูญ ตอกหน้าแหก!! "สามเกรียนหัวกวย" ใส่ร้ายป้ายสีให้ร้าย "จรัญ" 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1] 2
กฏหมายแห่งรัฐธรรมนูญ ตอกหน้าแหก!! "สามเกรียนหัวกวย" ใส่ร้ายป้ายสีให้ร้าย "จรัญ"  (อ่าน 5239 ครั้ง)
oho
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 712


« เมื่อ: 13-09-2008, 18:55 »

อดีต สสร.ตอกหน้า “สามเกลอ” แจงการสอนหนังสือของ “จรัญ” ไม่ผิด รธน.
 
13 กันยายน 2551 17:49 น.
 
 

นายเสรี สุวรรณภานนท์

 
 
 
  อดีต สสร. 50 “เสรี สุวรรณภานนท์” แจงข้อกฎหมาย ตอกหน้า “สามเกลอ” ชี้ การสอนหนังสือ ถือเป็นการบริการทางวิชาการ ไม่ใช่การดำเนินธุรกิจเพื่อหวังผลกำไร ดังนั้นการเอากรณีสอนหนังสือของ “จรัญ ภักดีธนากุล” ไปเปรียบเทียบกับ การเป็นพิธีกรรายการของ “หมัก” จึงทำไม่ได้
       

       หลังจากรายการความจริงวันนี้ ทางสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที ที่ดำเนินรายการโดยนายวีระ มุสิกพงษ์ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ร่วมด้วยนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคพลังประชาชน และ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกสำนักนายกรัฐมนตรี โดยผู้ดำเนินรายการทั้ง 3ได้ตั้งข้อสงสัยว่านายจรัญ ภักดีธนากุล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ อาจมีคุณสมบัติขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 207 และ 209 เนื่องจากไปดำรงตำแหน่งเป็นอาจารย์พิเศษ รับจ้างสอนหนังสือในมหาวิทยาลัยทั้งของรัฐและเอกชน
       

       รวมถึงยังเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิทั้งในมหาวิทยาลัยรัฐและเอกชนหลายแห่ง ซึ่งน่าจะมีลักษณะต้องห้ามคล้ายกับกรณีของนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ถูกวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่ง กรณีไปรับจ้างเป็นผู้ดำเนินรายการชิมไปบ่นไปนั้น
       

       วันนี้ (13 ก.ย.) นายเสรี สุวรรณภานนท์ อดีตรองประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) 50 กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า แม้ทั้ง 2 กรณีจะมีลักษณะคล้ายคลึงกัน แต่ในข้อเท็จจริงแล้วแตกต่างกัน

เพราะเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญระบุให้เห็นได้ว่า การสอนหนังสือ ถือเป็นเสรีภาพทางวิชาการ ซึ่งรัฐธรรมนูญมาตรา 50 ให้การรับรองไว้ว่า บุคคลย่อมมีเสรีภาพทางวิชาการ การศึกษาอบรม การเรียนการสอน การวิจัย และการเผยแพร่งานวิจัยตามหลักวิชาการ ดังนั้นการสอนหนังสือดังกล่าวจึงเป็นลักษณะ ของอาจารย์พิเศษ ไม่ใช่ลูกจ้าง
       


       ผู้สื่อข่าวถามว่ารัฐธรรมนูญจะครอบคลุมไปถึงการเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยเอกชน ที่มีจุดมุ่งหมายทางธุรกิจด้วยหรือไม่ นายเสรี กล่าวว่า ถึงแม้จะเป็นมหาวิทยาลัยเอกชนแต่ก็เป็นสิทธิเสรีภาพทางวิชาการเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ เพราะการทำหน้าที่สอนหนังสือไม่ได้มีเป้าหมายจะทำเป็นธุรกิจมุ่งหาผลกำไร
 
 
 


 


*  (90.7 KB, 573x325 - ดู 612 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า
Solidus
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,381



« ตอบ #1 เมื่อ: 13-09-2008, 19:03 »

พวกนี้มันอ่านรัฐธรรมนูญที่ไหนกันล่ะครับ
บันทึกการเข้า
Sweet Chin Music
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,613



« ตอบ #2 เมื่อ: 13-09-2008, 19:25 »

เดี๋ยวลิ่วล้อจะแถต่อว่า "เป็นพิธีกรสอนทำอาหารผิดตรงไหน อุตสาห์ทำหลักฐานเท็จย้อนหลังว่า เป็นพิธีกรให้ฟรีๆ ไม่เ้อาตังค์"
บันทึกการเข้า


You'll Never Walk Alone
เข้าไปกันได้ค๊าป- - - >http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sweetchinmusic&group=1
NA-KORN
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 221


« ตอบ #3 เมื่อ: 13-09-2008, 20:58 »


จะเอาอะไรกับไอ้สามเกลอหัวเกรียนสมองกลวงลวงโลก
เวลาของพวกมันเหลืออีกไม่มากแล้ว  เดี๋ยวมันก็ต้องตาม
นายใหญ่นายหญิงของมันไปแล้ว   สงสารก็แต่รากหญ้า
รากฝอย  ที่ถูกพวกมันยัดความรู้ผิดๆ ถูกๆ เข้าสมองก็ได้
แต่รอว่าเมื่อไร NBT สทท.  จะตื่นจากฝันร้ายสักทีเท่านั้น
บันทึกการเข้า
Tuba ✿゚✎..✿.。.:。ღ
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 660


ทักษิณที่ดี คือทักษิณที่.......ตายแล้ว


« ตอบ #4 เมื่อ: 13-09-2008, 21:02 »

ไอ้โลน กับอีจ๊ะ อยู่ไหน รีบมาแถหน่อยครับ
บันทึกการเข้า

ทหาร เป็นอะไรก็ไม่ได้ดี นอกจากเป็นทหาร

ตำรวจ เป็นอะไรก็ดีไม่ได้ แม้กระทั่งเป็นตำรวจ
อยู่บำรุ๊ง .. บำรุง
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 210


ทีวีเพื่อพวกตน !


« ตอบ #5 เมื่อ: 13-09-2008, 22:00 »

ไอ้โลน กับอีจ๊ะ อยู่ไหน รีบมาแถหน่อยครับ
บันทึกการเข้า

anomai
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 134



« ตอบ #6 เมื่อ: 13-09-2008, 22:11 »

ไอ้โลน กับอีจ๊ะ อยู่ไหน รีบมาแถหน่อยครับ

ผมว่าเรื่องนี้มันไม่น่าจะเข้าใจยากอะไรเลย นอกจากแกล้งโง่ เอ๊ะหรือว่าโง่จริง 
บันทึกการเข้า

เจ็บแล้วจำคือคน เจ็บแล้วทนคือควาย
bangkaa
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 407



« ตอบ #7 เมื่อ: 14-09-2008, 00:46 »

รัฐธรรมนูญ 2550

มาตรา 50 บุคคลย่อมมีเสรีภาพในทางวิชาการ

การศึกษาอบรม การเรียนการสอน การวิจัย และการเผยแพร่งานวิจัยตามหลักวิชาการ ย่อมได้รับการคุ้มครอง
ทั้งนี้ เท่าที่ไม่ขัดต่อหน้าที่ของพลเมือง หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน



กรุณาเน้นที่คำว่า "ย่อมได้รับการคุ้มครอง"

นั่นเท่ากับว่า... การสอนของอาจารย์พิเศษ ย่อมได้รับการคุ้มครอง

รวมไปถึง สถาบันการศึกษาทั้งรัฐ และ เอกชน ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนให้มี การสอนของอาจารย์พิเศษ... ย่อมได้รับการคุ้มครอง ตามบทบัญญัตินี้ไปด้วย...




*********************


หวังว่า พวกสาวกแม้ว คงไม่แถ ว่า.... การเป็นพิธีกรรายการทีวีของหอกหัก... เป็นการสอนวิชา คหกรรม นะ....




 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-09-2008, 00:49 โดย bangkaa » บันทึกการเข้า

มาทำหน้าที่... ใช้หนี้แผ่นดิน...และมาทำบุญ...
bangkaa
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 407



« ตอบ #8 เมื่อ: 14-09-2008, 00:59 »

รัฐธรรมนูญ 2550

มาตรา 43 บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการประกอบกิจการหรือประกอบอาชีพและการแข่งขัน
โดยเสรีอย่างเป็นธรรม

การจำกัดเสรีภาพตามวรรคหนึ่งจะกระทำมิได้ เว้นแต่โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่ง
กฎหมาย เฉพาะเพื่อประโยชน์ในการรักษาความมั่นคงของรัฐหรือเศรษฐกิจของประเทศ การคุ้มครอง
ประชาชนในด้านสาธารณูปโภค การรักษาความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน
การจัดระเบียบการประกอบอาชีพ การคุ้มครองผู้บริโภค การผังเมือง การรักษาทรัพยากรธรรมชาติ
หรือสิ่งแวดล้อม สวัสดิภาพของประชาชน หรือเพื่อป้องกันการผูกขาดหรือขจัดความไม่เป็นธรรมใน
การแข่งขัน



หาก สาวกแม้ว จะแถ... เอา มาตรา 43 มาเทียบเคียง
กรุณา เอา วรรค 2 มาด้วย... ตรงที่ว่า...

"... การจำกัดเสรีภาพตามวรรคหนึ่งจะกระทำมิได้ เว้นแต่โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย... ... เพื่อป้องกันการผูกขาดหรือขจัดความไม่เป็นธรรมในการแข่งขัน"

นะจ๊ะ....




 


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-09-2008, 01:02 โดย bangkaa » บันทึกการเข้า

มาทำหน้าที่... ใช้หนี้แผ่นดิน...และมาทำบุญ...
...นึกว่าใคร ?
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 159


" ? "


เว็บไซต์
« ตอบ #9 เมื่อ: 14-09-2008, 01:13 »

รายการ ควายจริงวันนี้ ใช่เปล่า  ???





ปล.เขียนอย่างงี้ใน..ราช...โดนแบบ.................วะ  ???

เซ็งเลย ไม่ได้ไปป่วนพวก....  ...  ....   .....  .. อะนะ
บันทึกการเข้า

โจ๊ยเก๋า
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 160



« ตอบ #10 เมื่อ: 14-09-2008, 05:24 »

ตอนนายเสรี สุวรรณภานนท์ พูด..ชาวบ้านไม่ได้ยิน
ชาวบ้านจะได้ยินแต่ตอนที่สามเกลอพูด
ชาวบ้านจะเชื่อใคร?

เป็นการต่อสู้กันระหว่าง กฏหมายทางนิติบัญญัติ กับ กฏหมายทางความเเชื่อ(ที่ได้ยินมา)
บันทึกการเข้า

อย่าดึงฟ้าต่ำ          อย่าทำหินแตก           อย่าแยกแผ่นดิน________________________________________________________________________________________________________________________________________________เอามันกลับมา วันนี้พรุ่งนี้เลยยิ่งดี ไอ้พวกห่วยแตก ปล่อยไปได้ยังไง
ดอกไม้ดิน
สมาชิกสามัญขั้นที่ 1
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 39



« ตอบ #11 เมื่อ: 14-09-2008, 15:37 »

เจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ คำนี้สามเกลอหัวกลม

กับพลพรรคพิทักษ์เหลี่ยมไม่รู้จัก

พอๆ กับคำว่าคุณธรรม จริยธรรมนั่นแหละ

บันทึกการเข้า

Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #12 เมื่อ: 14-09-2008, 15:41 »

พวกชั่ว มันรู้แค่ว่า ครู คือ เรือจ้าง หรือ คนพายเรือจ้าง

อย่าไปสนใจพวกเนรคุณครูบาอาจารย์เลยครับ


 
บันทึกการเข้า

mebeam
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 634


Fear can hold you prisoner. Hope can set you Free.


« ตอบ #13 เมื่อ: 14-09-2008, 18:09 »

ถ้าผมได้เงิน จากการเดินสายเป็นอาจารย์พิเศษ สอนวิชาวัตถุพยาน ให้มหาวิทยาลัยต่างๆ เป็นการประจำ
ก็โ อเ คผมไม่ได้เป็นลูกจ้างใคร  แต่ืถือว่า ผมทำอาชีพเสริมหรือเปล่า


แต่เรื่องนี้  ก็ต้องจบที่การตีความอีก ไม่หวังอะไรแล้ว    ไปหาที่มันไม่ต้องตีความดีกว่า 


บันทึกการเข้า
samepong(ยุ่งแฮะ)
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,402



« ตอบ #14 เมื่อ: 15-09-2008, 11:49 »

ที่เถียงต่อไม่ได้ให้ไปจบที่ตีความที่พวกคุณๆเถียงได้เ เพราะเรายังหาข้อมูลไม่แน่นราบอกให้ตีความ เสือกตะแบงว่าผิด แม่มหน้าไม่อายวะ
บันทึกการเข้า

เวลาจะพิสูจน์ความเชื่อ สักวัน ไม่ว่าความเชื่อนั้นจะถูกหรือผิด ผมขอรับไว้ด้วยตัวเอง คิเสียว่าทำแล้วเสียใจดีกว่าเสียใจที่ไม่ได้ทำ
ริวเซย์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4,637


Worrior in The Blue Armor


เว็บไซต์
« ตอบ #15 เมื่อ: 15-09-2008, 12:03 »

ชัดเจนครับ ต่อจากนี้ไปต้องดูไอ้สามหนาว่าจะยังตะแบงต่อเพื่อให้ประชาชนเข้าใจผิดๆหรือไม่

ถ้ายังทำอยู่ก็น่าจะฟ้องหมิ่นประมาทได้ครับ
บันทึกการเข้า

ถ้ามีแฟนแบบนี้เอาไหมครับ^^


คนไกลเมือง
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 167


เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์


« ตอบ #16 เมื่อ: 15-09-2008, 16:34 »

ตอนนี้มันก็เล่นงานอาจารย์เสรี อยู่แล้วนี่ครับ อย่ารอมันแถเลยครับ เพราะมันแถอยู่แล้ว..แถไถสไลด์เดอร์
 
บันทึกการเข้า

เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เป็นราชพลี
the OCEANER
สมาชิกสามัญขั้นที่ 1
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 43


« ตอบ #17 เมื่อ: 15-09-2008, 22:48 »

วันนี้ (13 ก.ย.) นายเสรี สุวรรณภานนท์ อดีตรองประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) 50 กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า แม้ทั้ง 2 กรณีจะมีลักษณะคล้ายคลึงกัน แต่ในข้อเท็จจริงแล้วแตกต่างกัน

เพราะเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญระบุให้เห็นได้ว่า การสอนหนังสือ ถือเป็นเสรีภาพทางวิชาการ ซึ่งรัฐธรรมนูญมาตรา 50 ให้การรับรองไว้ว่า บุคคลย่อมมีเสรีภาพทางวิชาการ การศึกษาอบรม การเรียนการสอน การวิจัย และการเผยแพร่งานวิจัยตามหลักวิชาการ ดังนั้นการสอนหนังสือดังกล่าวจึงเป็นลักษณะ ของอาจารย์พิเศษ ไม่ใช่ลูกจ้าง

มาตรา ๒๐๗ ประธานศาลรัฐธรรมนูญและตุลาการศาลรัฐธรรมนูญต้อง

(๑) ไม่เป็นข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำ
(๒) ไม่เป็นพนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือราชการส่วนท้องถิ่น หรือไม่เป็นกรรมการหรือที่ปรึกษาของรัฐวิสาหกิจหรือของหน่วยงานของรัฐ
(๓) ไม่ดำรงตำแหน่งใดในห้างหุ้นส่วน บริษัท หรือองค์การที่ดำเนินธุรกิจโดยมุ่งหาผลกำไรหรือรายได้มาแบ่งปันกัน หรือเป็นลูกจ้างของบุคคลใด
(๔) ไม่ประกอบวิชาชีพอิสระอื่นใด



เห็นได้ชัดว่า การกระทำของ คุณจรัญ ภักดีธนากุล ขัดต่อมาตรา ๒๐๗ อย่างชัดเจน เจตนารมณ์ของมาตรา ๒๐๗ นั้น มีใจความว่า ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญนั้น ไม่ควรทำงานอื่นใดทั้งสิ้น นอกจากการดำรงตำแหน่งเป็นตุลาการ หากจะกล่าวอ้างในส่วนของ มาตรา ๕๐ นั้น คุณจรัญ ภักดีธนากุล ควรลาออกจากตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อกลับไปเป็นประชาชน โดยไม่ได้ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ

มาตรา ๕๐ บุคคลย่อมมีเสรีภาพในทางวิชาการการศึกษาอบรม การเรียนการสอน การวิจัย และการเผยแพร่งานวิจัยตามหลักวิชาการย่อมได้รับความคุ้มครอง ทั้งนี้ เท่าที่ไม่ขัดต่อหน้าที่ของพลเมืองหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน

ทั้งนี้ เท่าที่ไม่ขัดต่อหน้าที่ของพลเมืองหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน
ทั้งนี้ เท่าที่ไม่ขัดต่อหน้าที่ของพลเมืองหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน
ทั้งนี้ เท่าที่ไม่ขัดต่อหน้าที่ของพลเมืองหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน

จะเห็นได้ว่า มาตรา ๕๐ ที่คุณจรัญ กล่าวอ้างนั้น เป็นเพียงแต่วรรคแรกเท่านั้น แต่ในวรรคท้ายได้บัญญัติไว้ว่า "-----ทั้งนี้ เท่าที่ไม่ขัดต่อหน้าที่ของพลเมืองหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน-----"

ให้เห็นกันชัดๆอีกครั้ง
ทั้งนี้ เท่าที่ไม่ขัดต่อหน้าที่ของพลเมืองหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน

หน้าที่ของพลเมือง ของ คุณจรัญ ภักดีธนากุล ในขณะนี้นั้น ได้ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญแห่งรัฐ ดังนั้น คุณจรัญ ภักดีธนากุล มีหน้าที่ต่อรัฐด้วยตำแหน่งดังกล่าว ซึ่งควรจะต้องยึดหลักตามบทบัญญัติมาตรา ๒๐๗ เป็นหลัก การอ้างมาตรา ๕๐ นั้น สังคมควรถามหาจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญท่านนี้ ว่าจริงๆแล้ว คุณจรัญ ภักดีธนากุล เหมาะสมแล้วหรือไม่ สำหรับการกระทำในหน้าที่ของตนเอง หรือ คุณจรัญ ภักดีธนากุล มีความบกพร่องเกี่ยวกับศีลธรรมอันดีของประชาชน

ทั้งนี้ คุณจรัญ ภักดีธนากุล มีปัญหาและมีความบกพร่องทางศีลธรรมอันดี และจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตามมาตรา ๒๗๙  ใช่หรือไม่

และทั้งนี้[อีกครั้งหนึ่ง] คุณจรัญ ภักดีธนากุล ไม่เพียงแต่เป็นแค่ประชาชนและพลเมืองคนหนึ่งของรัฐ แต่ยังดำรงตำแหน่งเป็นถึงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เห็นได้ชัดว่า ผู้ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญนั้น ควรจะต้องคำนึงถึงหลักเกณฑ์ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ เป็นกรณีพิเศษ หรือว่า จริงๆแล้ว การกล่าวอ้าง มาตรา ๕๐ มานั้น เป็นกรณีพิเศษแห่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจริงๆ

ดังนั้น ศาลรัฐธรรมนูญ ควรจะต้องเปิดพจนานุกรมเพื่อช่วยในการแปลความหมายที่ชัดเจนของคำของภาษาไทยอีกครั้ง

“จริยธรรม” ตามพจนานุกรมเช่นเดียวกันแปลว่า “ธรรมที่ควรยึดถือเป็นข้อปฏิบัติและควรประพฤติ” ทั้งนี้ผมก็ต้องขอขยายความเพิ่มเติมว่า “จริยธรรมเป็นหลักการและกฎเกณฑ์ต่างๆ กอปรกับเป็นสำนึกที่ต้องพิจารณาว่าควรนำไปประพฤติปฏิบัติอย่างไรให้เหมาะสมกับความถูกต้อง ไม่บิดเบือน หรือละเมิดข้อตกลงที่พึงประสงค์และพึงจะเป็น โดนตั้งอยู่บนหลักการของการสำนึกในหน้าที่ที่ต้องประพฤติปฏิบัติด้วยความถูกต้อง เที่ยงธรรม และสำคัญที่สุดด้วยการสำนึกในความผิด ละอายแก่ใจ เมื่อล่วงละเมิดความถูกต้องในการครองตน ทั้งต่อการดำเนินชีวิตประจำวันและต่อวิชาอาชีพของตนเองและองค์กรหมู่คณะ”

“จรรยาบรรณ” ก็จะมีนัยความหมายที่คล้ายคลึงกับหลักการข้างต้น เพียงแต่ว่าจะเน้นที่ระเบียบ และ/หรือ ข้อตกลง ที่อาจเป็นลายลักษณ์อักษร หรือทางวาจาใจ ที่ควรยึดถือประพฤติปฏิบัติในทางที่ถูกที่ควรตามระเบียบหลักเกณฑ์ที่พึงจะเป็น

“คุณธรรม-จริยธรรม” นั้น สำหรับมนุษย์ทั่วไปที่ “ภูมิปัญญา-สติปัญญา” ที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า “MENTALITY” ตกอยู่ในระดับล่าง มักจะไม่เข้าใจและ “ไม่มีทางลึกซึ้ง” กับนัยความหมายสำคัญกับสองคำนี้ ซึ่งเป็นกรณีที่เข้าใจได้ง่ายถึง “กระบวนการอบรมบ่มสั่งสอน” และ “สภาพแวดล้อม” ไม่เอื้ออำนวยและขาดตกบกพร่อง โดยที่สามารถนำมากล่อมเกลาให้รู้และเข้าใจในหลักการพื้นฐานได้

แต่ในขณะเดียวกัน เป็นกรณีที่น่า “ตกใจ” และ “เสียใจ” อย่างมากที่ผู้คนจำนวนมากที่มีสถานะทางครอบครัว สังคม เศรษฐกิจ การศึกษาดี และหน้าที่การงานดี แต่ยัง “พร่อง” ความรู้ความเข้าใจ และ “ตระหนัก-สำนึก” กับ “คุณธรรม-จริยธรรม” ที่ควรคำนึงประพฤติปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ ระเบียบ และข้อตกลงทั้งลายลักษณ์อักษรและทางวาจาใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ความละอายใจ” หรือภาษาอังกฤษเรียกว่า “หิริโอตตัปปะ : ละอายใจและเกรงกลัวต่อบาป!”

ปัญหา “คุณธรรม-จริยธรรมเสื่อม” ในปัจจุบัน เป็นที่อภิปรายถกเถียงกันอย่างกว้างขวาง จนกระทั่งต้องเริ่มมีการรณรงค์กันอย่างจริงจังในปัจจุบัน แต่ผมหวาดๆ ว่า การรณรงค์จริงๆ จังๆ อาจเป็นเพียง “ไฟไหม้ฟาง” และที่สำคัญ สาธารณชนทั่วไปอาจไม่ใส่ใจและให้ความสนใจกับหลักการและปรัชญาของคุณธรรม จริยธรรม

ระบบการศึกษาไทย ทั้งในระบบและนอกระบบ (สภาพแวดล้อมสังคม) ควรจะต้องเริ่มปลูกฝังและบรรจุในหลักสูตรกันใหม่อีกครั้ง แต่ผมว่า “พ่อแม่-ครอบครัว” เป็นสถาบันหลักที่ต้องเริ่มตั้งแต่ต้น มิฉะนั้นเราจะไม่ถูกตำหนิว่า “พ่อแม่ไม่สั่งไม่สอน!”

จริงๆ แล้ว ประชาชนโดยทั่วไป ไม่ว่าจะอยู่ในระดับใด สถานะทางสังคม-เศรษฐกิจจะเป็นเช่นไร ประกอบสัมมาชีพอะไร “ข้าราชการ-นักการเมือง-นักธุรกิจ” จำต้อง “สำนึก-ตระหนัก” อย่างมากกับ “คุณธรรม-จริยธรรม” มิเช่นนั้น “สมานฉันท์” และ “ประโยชน์ร่วม” จะไม่เกิดขึ้น พร้อม “ความสงบสุข” ในองค์กรและสังคมก็จะมีแต่ “ถูกลิดรอน!”

สุดท้ายที่สุด “ความหวาดระแวง” ก็จะเกิดขึ้น เมื่อคิดแต่ “เอารัดเอาเปรียบ ชิงไหวชิงพริบกัน!” ทั้งๆ ที่อาจจะอยู่ใน “สังคมเดียวกัน!” ไม่ว่าจะเป็น “สังคมธุรกิจ” หรือ “สังคมองค์รวม!”


the OCEANER
บันทึกการเข้า
eAT
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,066



« ตอบ #18 เมื่อ: 15-09-2008, 22:56 »

รอยื่นถอดถอนอยู่ แต่ว่า ปปช ที่ว่จะถอดถอนเพราะไม่ยอม
ไปตรวจสอบ ASTV ล่ะ เรื่องไปถึงไหนแล้ว

แต่อย่างว่า พวกนี้ไม่เข้าใจเรื่อง "การขัดกันของผลประโยชน์"
ถึงได้มีแต่เถียงแบบเรื่อพายในอ่าง วนไปวนมา
บันทึกการเข้า
bangkaa
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 407



« ตอบ #19 เมื่อ: 16-09-2008, 05:41 »

เออ... ท่าน theOceaner...

การไม่ขัดต่อหน้าที่ของพลเมืองหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน


เขาหมายถึง ไม่ผิดศีล ไม่ผิดคุณธรรม... น่ะครับ

เช่น การไปทำร้ายร่างกาย... การไปโกงทรัพย์... การไปหลอกลวงเขา... การไปล่อลวง.. การไปข้องแวะกับอบายมุข... ฯลฯ




การไปสอนหนังสือ... คงไม่เข้าข่ายขัดศีลธรรมมั้งครับ...

ประเด็นนี้ จึงแค่ไป โฟกัส ว่า ผิดกฎหมายเท่านั้นก็พอ...
ซึ่งไม่น่าจะผิดนะ...

มันคลุมเครืออยู่ตรงที่ว่า มหาวิทยาลัย... ควรจะถูกจัดให้เป็น องค์กรแสวงหากำไร หรือไม่....
ถ้าใช่... ก็ต้องใช้เกณฑ์เดียวกันกับลุงหมัก... ท่านจรัญ ต้องโดนด้วย...

แต่ถ้าไม่ใช่... ได้รับการ คุ้มครอง ตาม มาตรา 50... ก็รอดตัว..



 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-09-2008, 05:45 โดย bangkaa » บันทึกการเข้า

มาทำหน้าที่... ใช้หนี้แผ่นดิน...และมาทำบุญ...
The Last Emperor
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 6,714


« ตอบ #20 เมื่อ: 16-09-2008, 08:56 »

วันนี้ (13 ก.ย.) นายเสรี สุวรรณภานนท์ อดีตรองประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) 50 กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า แม้ทั้ง 2 กรณีจะมีลักษณะคล้ายคลึงกัน แต่ในข้อเท็จจริงแล้วแตกต่างกัน

เพราะเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญระบุให้เห็นได้ว่า การสอนหนังสือ ถือเป็นเสรีภาพทางวิชาการ ซึ่งรัฐธรรมนูญมาตรา 50 ให้การรับรองไว้ว่า บุคคลย่อมมีเสรีภาพทางวิชาการ การศึกษาอบรม การเรียนการสอน การวิจัย และการเผยแพร่งานวิจัยตามหลักวิชาการ ดังนั้นการสอนหนังสือดังกล่าวจึงเป็นลักษณะ ของอาจารย์พิเศษ ไม่ใช่ลูกจ้าง

มาตรา ๒๐๗ ประธานศาลรัฐธรรมนูญและตุลาการศาลรัฐธรรมนูญต้อง

(๑) ไม่เป็นข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำ
(๒) ไม่เป็นพนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือราชการส่วนท้องถิ่น หรือไม่เป็นกรรมการหรือที่ปรึกษาของรัฐวิสาหกิจหรือของหน่วยงานของรัฐ
(๓) ไม่ดำรงตำแหน่งใดในห้างหุ้นส่วน บริษัท หรือองค์การที่ดำเนินธุรกิจโดยมุ่งหาผลกำไรหรือรายได้มาแบ่งปันกัน หรือเป็นลูกจ้างของบุคคลใด
(๔) ไม่ประกอบวิชาชีพอิสระอื่นใด



เห็นได้ชัดว่า การกระทำของ คุณจรัญ ภักดีธนากุล ขัดต่อมาตรา ๒๐๗ อย่างชัดเจน เจตนารมณ์ของมาตรา ๒๐๗ นั้น มีใจความว่า ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญนั้น ไม่ควรทำงานอื่นใดทั้งสิ้น นอกจากการดำรงตำแหน่งเป็นตุลาการ หากจะกล่าวอ้างในส่วนของ มาตรา ๕๐ นั้น คุณจรัญ ภักดีธนากุล ควรลาออกจากตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อกลับไปเป็นประชาชน โดยไม่ได้ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ

มาตรา ๕๐ บุคคลย่อมมีเสรีภาพในทางวิชาการการศึกษาอบรม การเรียนการสอน การวิจัย และการเผยแพร่งานวิจัยตามหลักวิชาการย่อมได้รับความคุ้มครอง ทั้งนี้ เท่าที่ไม่ขัดต่อหน้าที่ของพลเมืองหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน

ทั้งนี้ เท่าที่ไม่ขัดต่อหน้าที่ของพลเมืองหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน
ทั้งนี้ เท่าที่ไม่ขัดต่อหน้าที่ของพลเมืองหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน
ทั้งนี้ เท่าที่ไม่ขัดต่อหน้าที่ของพลเมืองหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน

จะเห็นได้ว่า มาตรา ๕๐ ที่คุณจรัญ กล่าวอ้างนั้น เป็นเพียงแต่วรรคแรกเท่านั้น แต่ในวรรคท้ายได้บัญญัติไว้ว่า "-----ทั้งนี้ เท่าที่ไม่ขัดต่อหน้าที่ของพลเมืองหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน-----"

ให้เห็นกันชัดๆอีกครั้ง
ทั้งนี้ เท่าที่ไม่ขัดต่อหน้าที่ของพลเมืองหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน

หน้าที่ของพลเมือง ของ คุณจรัญ ภักดีธนากุล ในขณะนี้นั้น ได้ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญแห่งรัฐ ดังนั้น คุณจรัญ ภักดีธนากุล มีหน้าที่ต่อรัฐด้วยตำแหน่งดังกล่าว ซึ่งควรจะต้องยึดหลักตามบทบัญญัติมาตรา ๒๐๗ เป็นหลัก การอ้างมาตรา ๕๐ นั้น สังคมควรถามหาจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญท่านนี้ ว่าจริงๆแล้ว คุณจรัญ ภักดีธนากุล เหมาะสมแล้วหรือไม่ สำหรับการกระทำในหน้าที่ของตนเอง หรือ คุณจรัญ ภักดีธนากุล มีความบกพร่องเกี่ยวกับศีลธรรมอันดีของประชาชน

ทั้งนี้ คุณจรัญ ภักดีธนากุล มีปัญหาและมีความบกพร่องทางศีลธรรมอันดี และจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตามมาตรา ๒๗๙  ใช่หรือไม่

และทั้งนี้[อีกครั้งหนึ่ง] คุณจรัญ ภักดีธนากุล ไม่เพียงแต่เป็นแค่ประชาชนและพลเมืองคนหนึ่งของรัฐ แต่ยังดำรงตำแหน่งเป็นถึงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เห็นได้ชัดว่า ผู้ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญนั้น ควรจะต้องคำนึงถึงหลักเกณฑ์ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ เป็นกรณีพิเศษ หรือว่า จริงๆแล้ว การกล่าวอ้าง มาตรา ๕๐ มานั้น เป็นกรณีพิเศษแห่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจริงๆ

ดังนั้น ศาลรัฐธรรมนูญ ควรจะต้องเปิดพจนานุกรมเพื่อช่วยในการแปลความหมายที่ชัดเจนของคำของภาษาไทยอีกครั้ง

“จริยธรรม” ตามพจนานุกรมเช่นเดียวกันแปลว่า “ธรรมที่ควรยึดถือเป็นข้อปฏิบัติและควรประพฤติ” ทั้งนี้ผมก็ต้องขอขยายความเพิ่มเติมว่า “จริยธรรมเป็นหลักการและกฎเกณฑ์ต่างๆ กอปรกับเป็นสำนึกที่ต้องพิจารณาว่าควรนำไปประพฤติปฏิบัติอย่างไรให้เหมาะสมกับความถูกต้อง ไม่บิดเบือน หรือละเมิดข้อตกลงที่พึงประสงค์และพึงจะเป็น โดนตั้งอยู่บนหลักการของการสำนึกในหน้าที่ที่ต้องประพฤติปฏิบัติด้วยความถูกต้อง เที่ยงธรรม และสำคัญที่สุดด้วยการสำนึกในความผิด ละอายแก่ใจ เมื่อล่วงละเมิดความถูกต้องในการครองตน ทั้งต่อการดำเนินชีวิตประจำวันและต่อวิชาอาชีพของตนเองและองค์กรหมู่คณะ”

“จรรยาบรรณ” ก็จะมีนัยความหมายที่คล้ายคลึงกับหลักการข้างต้น เพียงแต่ว่าจะเน้นที่ระเบียบ และ/หรือ ข้อตกลง ที่อาจเป็นลายลักษณ์อักษร หรือทางวาจาใจ ที่ควรยึดถือประพฤติปฏิบัติในทางที่ถูกที่ควรตามระเบียบหลักเกณฑ์ที่พึงจะเป็น

“คุณธรรม-จริยธรรม” นั้น สำหรับมนุษย์ทั่วไปที่ “ภูมิปัญญา-สติปัญญา” ที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า “MENTALITY” ตกอยู่ในระดับล่าง มักจะไม่เข้าใจและ “ไม่มีทางลึกซึ้ง” กับนัยความหมายสำคัญกับสองคำนี้ ซึ่งเป็นกรณีที่เข้าใจได้ง่ายถึง “กระบวนการอบรมบ่มสั่งสอน” และ “สภาพแวดล้อม” ไม่เอื้ออำนวยและขาดตกบกพร่อง โดยที่สามารถนำมากล่อมเกลาให้รู้และเข้าใจในหลักการพื้นฐานได้

แต่ในขณะเดียวกัน เป็นกรณีที่น่า “ตกใจ” และ “เสียใจ” อย่างมากที่ผู้คนจำนวนมากที่มีสถานะทางครอบครัว สังคม เศรษฐกิจ การศึกษาดี และหน้าที่การงานดี แต่ยัง “พร่อง” ความรู้ความเข้าใจ และ “ตระหนัก-สำนึก” กับ “คุณธรรม-จริยธรรม” ที่ควรคำนึงประพฤติปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ ระเบียบ และข้อตกลงทั้งลายลักษณ์อักษรและทางวาจาใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ความละอายใจ” หรือภาษาอังกฤษเรียกว่า “หิริโอตตัปปะ : ละอายใจและเกรงกลัวต่อบาป!”

ปัญหา “คุณธรรม-จริยธรรมเสื่อม” ในปัจจุบัน เป็นที่อภิปรายถกเถียงกันอย่างกว้างขวาง จนกระทั่งต้องเริ่มมีการรณรงค์กันอย่างจริงจังในปัจจุบัน แต่ผมหวาดๆ ว่า การรณรงค์จริงๆ จังๆ อาจเป็นเพียง “ไฟไหม้ฟาง” และที่สำคัญ สาธารณชนทั่วไปอาจไม่ใส่ใจและให้ความสนใจกับหลักการและปรัชญาของคุณธรรม จริยธรรม

ระบบการศึกษาไทย ทั้งในระบบและนอกระบบ (สภาพแวดล้อมสังคม) ควรจะต้องเริ่มปลูกฝังและบรรจุในหลักสูตรกันใหม่อีกครั้ง แต่ผมว่า “พ่อแม่-ครอบครัว” เป็นสถาบันหลักที่ต้องเริ่มตั้งแต่ต้น มิฉะนั้นเราจะไม่ถูกตำหนิว่า “พ่อแม่ไม่สั่งไม่สอน!”

จริงๆ แล้ว ประชาชนโดยทั่วไป ไม่ว่าจะอยู่ในระดับใด สถานะทางสังคม-เศรษฐกิจจะเป็นเช่นไร ประกอบสัมมาชีพอะไร “ข้าราชการ-นักการเมือง-นักธุรกิจ” จำต้อง “สำนึก-ตระหนัก” อย่างมากกับ “คุณธรรม-จริยธรรม” มิเช่นนั้น “สมานฉันท์” และ “ประโยชน์ร่วม” จะไม่เกิดขึ้น พร้อม “ความสงบสุข” ในองค์กรและสังคมก็จะมีแต่ “ถูกลิดรอน!”

สุดท้ายที่สุด “ความหวาดระแวง” ก็จะเกิดขึ้น เมื่อคิดแต่ “เอารัดเอาเปรียบ ชิงไหวชิงพริบกัน!” ทั้งๆ ที่อาจจะอยู่ใน “สังคมเดียวกัน!” ไม่ว่าจะเป็น “สังคมธุรกิจ” หรือ “สังคมองค์รวม!”


the OCEANER


ชัดเจนและตรงตามข้อกฎหมายเป๊ะเพราะมาตรา 207 ระบุเกี่ยวกับข้อห้ามของผู้ที่กำลังดำรงตำแหน่งประธานศาลรัฐธรรมนูญและตุลาการศาลรัฐธรรมนูญไว้อย่างชัดเจน โดยไม่สามารถนำมาตรา 50 มากล่าวอ้างเพื่อให้ตัวเองรอดพ้นจากการกระทำผิดมาตรา 207 ได้อย่างที่ฝ่ายพันธมารกำลังจะบิดเบือน ยกเว้นแต่ว่า........ถ้า'รัลประกาศออกมาชัดๆว่าไม่ได้มีสถานะ 'ลูกจ้าง'  แต่มีความเป็น 'ขี้ข้า'.....ข้ออ้างนี้อาจฟังดูมีเหตุมีผลบ้างก้อด้ายอ่ะน๊ะ
บันทึกการเข้า
-3-
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,186


« ตอบ #21 เมื่อ: 16-09-2008, 09:20 »

คำถามครับ

ถ้าไม่นับจรัญ เสียงก็เป็น 8-1 ใช่ หรือ ไม่ 
บันทึกการเข้า



ประชาธิปไตยตัดสินความต้องการได้ แต่ตัดสินความถูกต้องไม่ได้!!
exzcute
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 221


« ตอบ #22 เมื่อ: 16-09-2008, 09:34 »


ชัดเจนและตรงตามข้อกฎหมายเป๊ะเพราะมาตรา 207 ระบุเกี่ยวกับข้อห้ามของผู้ที่กำลังดำรงตำแหน่งประธานศาลรัฐธรรมนูญและตุลาการศาลรัฐธรรมนูญไว้อย่างชัดเจน โดยไม่สามารถนำมาตรา 50 มากล่าวอ้างเพื่อให้ตัวเองรอดพ้นจากการกระทำผิดมาตรา 207 ได้อย่างที่ฝ่ายพันธมารกำลังจะบิดเบือน ยกเว้นแต่ว่า........ถ้า'รัลประกาศออกมาชัดๆว่าไม่ได้มีสถานะ 'ลูกจ้าง'  แต่มีความเป็น 'ขี้ข้า'.....ข้ออ้างนี้อาจฟังดูมีเหตุมีผลบ้างก้อด้ายอ่ะน๊ะ

แหม...จ๊ะ เป็น"ขี้ข้า"อยู่ตัวเดียวเหงาล่ะซิ อะไรกันพ่อให้ทำงานแค่เวลาทำงานปกติ เสาร์อาทิตย์(ขี้ข้าอย่างหรูนะเนี่ย)ก็หยุดคงเหงาน่าดู อยู่ตัวเดียวไม่มีเพื่อนต้องสังวาสกับตัวเองเดี๋ยวตัวเมียเดี๋ยวตัวผู้ ต้องดึงคนอื่นลงมาด้วย เขาไม่ได้เป็น"ขี้ข้า"เหมือนจ๊ะหรอกนะ ขี้ข้าคงสอนใครไม่ได้อยู่ำได้แต่ ม.ชิน..

บันทึกการเข้า
E-pen
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 102


« ตอบ #23 เมื่อ: 16-09-2008, 09:40 »

อ้างถึง
แหม...จ๊ะ เป็น"ขี้ข้า"อยู่ตัวเดียวเหงาล่ะซิ อะไรกันพ่อให้ทำงานแค่เวลาทำงานปกติ เสาร์อาทิตย์(ขี้ข้าอย่างหรูนะเนี่ย)ก็หยุดคงเหงาน่าดู อยู่ตัวเดียวไม่มีเพื่อนต้องสังวาสกับตัวเองเดี๋ยวตัวเมียเดี๋ยวตัวผู้ ต้องดึงคนอื่นลงมาด้วย เขาไม่ได้เป็น"ขี้ข้า"เหมือนจ๊ะหรอกนะ ขี้ข้าคงสอนใครไม่ได้อยู่ำได้แต่ ม.ชิน.
.


ไปด่าแก๊งทักษิณพ่อเหลี่ยมจู๋เหลี่ยมของมันมาก

เดี๋ยวมันก็คลั่ง หายาระงับประสาทแDกไม่ทันหร๊อก

ปล่อยให้มันแถ แถช่วยระบายอาการมันหน่อย...สงสารพวกแก๊งเหลี่ยมมัน 555+


 
บันทึกการเข้า
The Last Emperor
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 6,714


« ตอบ #24 เมื่อ: 16-09-2008, 09:42 »

คำถามครับ

ถ้าไม่นับจรัญ เสียงก็เป็น 8-1 ใช่ หรือ ไม่ 


ประเด็นที่เราทุกคนต้องตีให้ขาดและชัดก็คือ การบังคับใช้กฎหมายที่เป็นมาตรฐานเดียวกันกับทุกคนต่างหาก ไม่เกี่ยวว่าจะ 8-1 หรือ 9-0 เพราะหากศาลรธน.เลือกใช้กฏหมายและการตีความกับบางคนเท่านั้น....ความยุติธรรมและความน่าเชื่อถือของสถาบันตุลาการจะยังคงมีอยู่ต่อไปไหมครับ?
บันทึกการเข้า
The Last Emperor
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 6,714


« ตอบ #25 เมื่อ: 16-09-2008, 09:45 »

แหม...จ๊ะ เป็น"ขี้ข้า"อยู่ตัวเดียวเหงาล่ะซิ อะไรกันพ่อให้ทำงานแค่เวลาทำงานปกติ เสาร์อาทิตย์(ขี้ข้าอย่างหรูนะเนี่ย)ก็หยุดคงเหงาน่าดู อยู่ตัวเดียวไม่มีเพื่อนต้องสังวาสกับตัวเองเดี๋ยวตัวเมียเดี๋ยวตัวผู้ ต้องดึงคนอื่นลงมาด้วย เขาไม่ได้เป็น"ขี้ข้า"เหมือนจ๊ะหรอกนะ ขี้ข้าคงสอนใครไม่ได้อยู่ำได้แต่ ม.ชิน..



อ้าว....จ๊ะอุตส่าห์ชี้ทางสว่างให้'รัลแล้วน๊ะว่าไม่ได้เป็น'ลูกจ้าง' แต่เป็น 'ขี้ข้า' ต่างหากก็เลยรอดจาก ม. 207  ตกลงว่าจ๊ะทำคุณกะใครไม่ขึ้นเลยใช่ไหมเนี่ย!?!  จี๊ดดดดดดแล้วน๊ะ!!
บันทึกการเข้า
55555
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,263



« ตอบ #26 เมื่อ: 16-09-2008, 09:46 »


ประเด็นที่เราทุกคนต้องตีให้ขาดและชัดก็คือ การบังคับใช้กฎหมายที่เป็นมาตรฐานเดียวกันกับทุกคนต่างหาก ไม่เกี่ยวว่าจะ 8-1 หรือ 9-0 เพราะหากศาลรธน.เลือกใช้กฏหมายและการตีความกับบางคนเท่านั้น....ความยุติธรรมและความน่าเชื่อถือของสถาบันตุลาการจะยังคงมีอยู่ต่อไปไหมครับ?


ไปยื่นตีความเลยครับ




อ้าว....จ๊ะอุตส่าห์ชี้ทางสว่างให้'รัลแล้วน๊ะว่าไม่ได้เป็น'ลูกจ้าง' แต่เป็น 'ขี้ข้า' ต่างหากก็เลยรอดจาก ม. 207  ตกลงว่าจ๊ะทำคุณกะใครไม่ขึ้นเลยใช่ไหมเนี่ย!?!  จี๊ดดดดดดแล้วน๊ะ!!

ไปยื่นตีความเลยครับ
บันทึกการเข้า
exzcute
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 221


« ตอบ #27 เมื่อ: 16-09-2008, 10:01 »


อ้าว....จ๊ะอุตส่าห์ชี้ทางสว่างให้'รัลแล้วน๊ะว่าไม่ได้เป็น'ลูกจ้าง' แต่เป็น 'ขี้ข้า' ต่างหากก็เลยรอดจาก ม. 207  ตกลงว่าจ๊ะทำคุณกะใครไม่ขึ้นเลยใช่ไหมเนี่ย!?!  จี๊ดดดดดดแล้วน๊ะ!!

แหม...จ๊ัะ ไม่ได้เป็นลูกจ้างแล้วทำไมต้องลงไปเ็ป็นชี้ข้าเหมือนจ๊ะด้วยหล่ะ อย่าเอาตำแหน่ง "ชี้ข้า" ของตัวเองไปยกให้คนอื่นซิ เอ๊ะแต่แปลกนะขี้ข้าดีๆ อย่างจ๊ะทำไมพ่อไม่เอาหนีไปด้วยนะหรือจะให้จ๊ะไปเช็ดถูกที่นอนในคุกก่อนรอพ่อจ๊ะมานอนน้า......... จี๊ดดดดดดอย่างเดียวพอนะอย่าจู๊ดดดดดด ชี้ข้าก็เหม็นแล้วอย่ามาขี้ราด 
บันทึกการเข้า
The Last Emperor
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 6,714


« ตอบ #28 เมื่อ: 16-09-2008, 10:02 »


ไปยื่นตีความเลยครับ



ไปยื่นตีความเลยครับ


อืมมมม...น่าจะยื่นศาลพระภูมิตีความให้ใช่ป่ะ...ชัดๆซิ!?!
บันทึกการเข้า
The Last Emperor
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 6,714


« ตอบ #29 เมื่อ: 16-09-2008, 10:07 »

แหม...จ๊ัะ ไม่ได้เป็นลูกจ้างแล้วทำไมต้องลงไปเ็ป็นชี้ข้าเหมือนจ๊ะด้วยหล่ะ อย่าเอาตำแหน่ง "ชี้ข้า" ของตัวเองไปยกให้คนอื่นซิ เอ๊ะแต่แปลกนะขี้ข้าดีๆ อย่างจ๊ะทำไมพ่อไม่เอาหนีไปด้วยนะหรือจะให้จ๊ะไปเช็ดถูกที่นอนในคุกก่อนรอพ่อจ๊ะมานอนน้า......... จี๊ดดดดดดอย่างเดียวพอนะอย่าจู๊ดดดดดด ชี้ข้าก็เหม็นแล้วอย่ามาขี้ราด 



แหม...เอ๊กซ์   จ๊ะไม่ได้เป็นลูกจ้างแล้วทำไมต้องลงไปเ็ป็นชี้ข้าเหมือน'รัลด้วยหล่ะ อย่าเอาตำแหน่ง "ไพร่" ของตัวเองไปยกให้คนอื่นซิเอ็กซ์  เอ๊ะแต่แปลกนะไพร่ดีๆ อย่างเอ็กซ์ทำไมพ่อ'รัลไม่หนีบเอาไปด้วยนะหรือจะให้เอ็กซ์ไปเช็ดตูดรอพ่อ'รัลมาชี้แจงนา......... จี๊ดดดดดดอย่างเดียวพอนะอย่าจู๊ดดดดดด ไพร่แบบเอ็กซ์ก็เหม็นแล้วอย่ามาขี้ราดใส่หน้าเอ็กซ์น๊ะ pleaseeeeee
บันทึกการเข้า
sanskritshower
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 245



« ตอบ #30 เมื่อ: 16-09-2008, 11:08 »


อืมมมม...น่าจะยื่นศาลพระภูมิตีความให้ใช่ป่ะ...ชัดๆซิ!?!

  เค้าบอกให้ไปยื่นตีความก็ไม่ไป  แล้วดันมาแถต่อ  เป็นไรมากมั้ยครับเนี่ย

 

บันทึกการเข้า
exzcute
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 221


« ตอบ #31 เมื่อ: 16-09-2008, 12:15 »



แหม...เอ๊กซ์   จ๊ะไม่ได้เป็นลูกจ้างแล้วทำไมต้องลงไปเ็ป็นชี้ข้าเหมือน'รัลด้วยหล่ะ อย่าเอาตำแหน่ง "ไพร่" ของตัวเองไปยกให้คนอื่นซิเอ็กซ์  เอ๊ะแต่แปลกนะไพร่ดีๆ อย่างเอ็กซ์ทำไมพ่อ'รัลไม่หนีบเอาไปด้วยนะหรือจะให้เอ็กซ์ไปเช็ดตูดรอพ่อ'รัลมาชี้แจงนา......... จี๊ดดดดดดอย่างเดียวพอนะอย่าจู๊ดดดดดด ไพร่แบบเอ็กซ์ก็เหม็นแล้วอย่ามาขี้ราดใส่หน้าเอ็กซ์น๊ะ pleaseeeeee

กร๊ากกก...โถๆๆ จ๊ะน่ะไม่ได้เป็นลูกจ้างไง!! แต่เป็นขี้ข้าเลย เป็นขี้ข้าชั้นเลวของพ่อเหลี่ยมทำงานแค่วันละ 8 ชม. เสาร์อาทิตย์จะทำงานเลียพ่อเหลี่ยมก็ไม่ได้ แล้วนี่เตรียมตัวไปเช็ดที่นอนรอพ่อในคุกเสร็จหรือยังจ๊ะ อย่าลืมเช็ดขี้ที่ราดหน้าตัวเองด้วยนะเดี๋ยวพ่อเหลี่ยมจะเขี้ยทิ้ง อ่ออย่างจ๊ะไม่ต้องเช็ดหรอกเอาลิ้นเลียขี้เข้าปากหมดแล้ว 
บันทึกการเข้า
the OCEANER
สมาชิกสามัญขั้นที่ 1
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 43


« ตอบ #32 เมื่อ: 16-09-2008, 23:54 »

เออ... ท่าน theOceaner...

การไม่ขัดต่อหน้าที่ของพลเมืองหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน


เขาหมายถึง ไม่ผิดศีล ไม่ผิดคุณธรรม... น่ะครับ

เช่น การไปทำร้ายร่างกาย... การไปโกงทรัพย์... การไปหลอกลวงเขา... การไปล่อลวง.. การไปข้องแวะกับอบายมุข... ฯลฯ




การไปสอนหนังสือ... คงไม่เข้าข่ายขัดศีลธรรมมั้งครับ...

ประเด็นนี้ จึงแค่ไป โฟกัส ว่า ผิดกฎหมายเท่านั้นก็พอ...
ซึ่งไม่น่าจะผิดนะ...

มันคลุมเครืออยู่ตรงที่ว่า มหาวิทยาลัย... ควรจะถูกจัดให้เป็น องค์กรแสวงหากำไร หรือไม่....
ถ้าใช่... ก็ต้องใช้เกณฑ์เดียวกันกับลุงหมัก... ท่านจรัญ ต้องโดนด้วย...

แต่ถ้าไม่ใช่... ได้รับการ คุ้มครอง ตาม มาตรา 50... ก็รอดตัว..



 


มันคนละเรื่องกันเกี่ยวกับ "การกระทำที่ ผิดกฎหมาย" แล้วครับ
การกระทำของคุณจรัญ ภักดีธนากุล ถือว่าเข้าขั้น ขัดต่อรัฐธรรมนูญ เลยหล่ะครับ


จากเนื้อหาที่ผมได้ขบคิดนั้น ดังที่ว่า

...
ทั้งนี้ คุณจรัญ ภักดีธนากุล มีปัญหาและมีความบกพร่องทางศีลธรรมอันดี และจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตามมาตรา ๒๗๙  ใช่หรือไม่
...


มาตรา ๒๗๙ มาตรฐานทางจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐแต่ละประเภท ให้เป็นไปตามประมวลจริยธรรมที่กำหนดขึ้นมาตรฐานทางจริยธรรมตามวรรคหนึ่ง จะต้องมีกลไกและระบบในการดำเนินงานเพื่อให้การบังคับใช้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งกำหนดขั้นตอนการลงโทษตามความร้ายแรงแห่งการกระทำการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมตามวรรคหนึ่ง ให้ถือว่าเป็นการกระทำผิดทางวินัย ในกรณีที่ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม ให้ผู้ตรวจการแผ่นดินรายงานต่อรัฐสภา คณะรัฐมนตรี หรือสภาท้องถิ่นที่เกี่ยวข้อง แล้วแต่กรณี และหากเป็นการกระทำผิดร้ายแรงให้ส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติพิจารณาดำเนินการโดยให้ถือเป็นเหตุที่จะถูกถอดถอนจากตำแหน่งตามมาตรา ๒๗๐การพิจารณา สรรหา กลั่นกรอง หรือแต่งตั้งบุคคลใด เข้าสู่ตำแหน่งที่มีส่วนเกี่ยวข้อง

ในการใช้อำนาจรัฐ รวมทั้งการโยกย้าย การเลื่อนตำแหน่ง การเลื่อนเงินเดือน และการลงโทษบุคคลนั้นจะต้องเป็นไปตามระบบคุณธรรมและคำนึงถึงพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลดังกล่าวด้วย


ซึ่งมาตรา ๒๗๙ นั้น ก็มีความเกี่ยวเนื่องกับ มาตรา ๒๘๐ เพราะอยู่ในหมวดเดียวกัน คือ หมวด ๑๓ จริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและเจ้าหน้าที่ของรัฐ


มาตรา ๒๘๐ เพื่อประโยชน์ในการดำเนินการตามหมวดนี้ ให้ผู้ตรวจการแผ่นดินมีอำนาจหน้าที่เสนอแนะหรือให้คำแนะนำในการจัดทำหรือปรับปรุงประมวลจริยธรรมตามมาตรา ๒๗๙วรรคหนึ่ง และส่งเสริมให้ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ของรัฐ มีจิตสำนึกในด้านจริยธรรม รวมทั้งมีหน้าที่รายงานการกระทำที่มีการฝ่าฝืนประมวลจริยธรรมเพื่อให้ผู้ที่รับผิดชอบในการบังคับการให้เป็นไปตามประมวลจริยธรรมดำเนินการบังคับให้เป็นไปตามประมวลจริยธรรมตามมาตรา ๒๗๙ วรรคสาม

ในกรณีที่การฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมมีลักษณะร้ายแรงหรือมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าการดำเนินการของผู้รับผิดชอบจะไม่เป็นไปด้วยความเป็นธรรม ผู้ตรวจการแผ่นดินจะไต่สวนและเปิดเผยผลการไต่สวนต่อสาธารณะก็ได้


ดังนั้น มาตรา ๒๘๐ ในวรรคที่บัญญัติไว้ว่า
เพื่อประโยชน์ในการดำเนินการตามหมวดนี้ ให้ผู้ตรวจการแผ่นดินมีอำนาจหน้าที่เสนอแนะหรือให้คำแนะนำในการจัดทำหรือปรับปรุงประมวลจริยธรรมตามมาตรา ๒๗๙วรรคหนึ่ง
ผมก็ได้ทำการค้นหาคำว่า "ประมวลจริยธรรมข้าราชการตุลาการ" ใน www.google.com ได้ข้อมูลน่าสนใจ ดังนี้ http://www.geocities.com/judge4843/article/article1.html
ประมวลจริยธรรมข้าราชการตุลาการ
หมวด ๑ อุดมการณ์ของผู้พิพากษา
หมวด ๒ จริยธรรมเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ในทางอรรถคดี
หมวด ๓ จริยธรรมเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ในทางธุรการ
หมวด ๔ จริยธรรมเกี่ยวกับกิจการอื่น
หมวด ๕ จริยธรรมเกี่ยวกับการดำรงตนและครอบครัว
หมวด ๖ จริยธรรมของผู้ช่วยผู้พิพากษา ดะโต๊ะยุติธรรม และผู้พิพากษาสมทบ

ผมคิดว่าหมวด ๔ นั้น น่าสนใจครับ เชิญอ่านต่อ
...
หมวด ๔ จริยธรรมเกี่ยวกับกิจการอื่น

ข้อ ๒๖ ผู้พิพากษาจักต้องไม่เป็นกรรมการ ผู้จัดการ ที่ปรึกษาหรือดำรงตำแหน่งอื่นใดในห้างหุ้นส่วน บริษัท ห้างร้าน หรือธุรกิจของเอกชน เว้นแต่จะเป็นกิจการที่มิได้แสวงหากำไร
ผู้พิพากษาจักต้องไม่ประกอบอาชีพ หรือวิชาชีพ หรือกระทำกิจการใด อันจะกระทบกระเทือนต่อการปฏิบัติหน้าที่หรือเกียรติศักดิ์ของผู้พิพากษา

ข้อ ๒๗ ในกรณีจำเป็นผู้พิพากษาอาจได้รับมอบหมายหรือแต่งตั้งจากหน่วยราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานอื่นของรัฐให้ปฏิบัติหน้าที่อันเกี่ยวกับหน่วยราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานนั้นได้ ในเมื่อการปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวไม่กระทบกระเทือนต่อการปฏิบัติหน้าที่หรือเกียรติศักดิ์ของผู้พิพากษา ทั้งจักต้องได้รับอนุญาตจากกระทรวงยุติธรรมแล้ว
การเป็นกรรมการในรัฐวิสาหกิจหรือกิจการอื่นของรัฐในทำนองเดียวกัน จักต้องได้รับอนุมัติจาก ก.ต. ด้วย

ข้อ ๒๘ ผู้พิพากษาไม่พึงแสดงปาฐกถา บรรยาย สอน หรือเข้าร่วมสัมมนา อภิปรายหรือแสดงความคิดเห็นใดๆ ต่อสาธารณชน ซึ่งอาจกระทบกระเทือนต่อการปฏิบัติหน้าที่หรือเกียรติศักดิ์ของผู้พิพากษา

ข้อ ๒๙ ผู้พิพากษาไม่พึงเป็นกรรมการ สมาชิก หรือเจ้าหน้าที่ของสมาคม สโมสร ชมรม หรือองค์การใดๆ หรือเข้าร่วมในกิจการใดๆ อันจะกระทบกระเทือนต่อการปฏิบัติหน้าที่หรือเกียรติศักดิ์ของผู้พิพากษา

ข้อ ๓๐ ผู้พิพากษาไม่พึงรับเป็นผู้จัดการมรดก ผู้จัดการทรัพย์สิน หรือผู้ปกครองทรัพย์ เว้นแต่เป็นกรณีที่ตัวผู้พิพากษาเอง คู่สมรส ผู้บุพการี ผู้สืบสันดานของตน หรือญาติสืบสายโลหิตหรือเกี่ยวพันทางแต่งงาน ซึ่งผู้พิพากษาถือเป็นญาติสนิทมีส่วนได้เสียในมรดกหรือทรัพย์นั้นโดยตรง

ข้อ ๓๑ ผู้พิพากษาจักต้องไม่รับแต่งตั้งเป็นผู้แทนในการดำเนินคดีหรือรับเป็นผู้เรียง ผู้เขียน ผู้พิมพ์คำคู่ความ คำร้อง คำขอ หรือคำแถลงในคดีใดๆ
ผู้พิพากษาจักต้องไม่รับปรึกษาคดีความ หรือเรื่องซึ่งอาจจะเป็นคดีความขึ้นได้ และไม่รับเป็นผู้ร่าง ผู้เขียน ผู้พิมพ์ หรือพยานในพินัยกรรมหรือนิติกรรมอื่นใด ไม่ว่าเพื่อสินจ้างรางวัลหรือไม่ เว้นแต่เป็นกรณีที่ตัวผู้พิพากษาเอง คู่สมรส ผู้บุพการี ผู้สืบสันดานของตน หรือญาติสืบสายโลหิตหรือเกี่ยวพันทางแต่งงาน ซึ่งผู้พิพากษาถือเป็นญาติสนิท มีส่วนได้เสียในคดีหรือเรื่องนั้นโดยตรง

ข้อ ๓๒ ผู้พิพากษาไม่พึงรับเป็นอนุญาโตตุลาการ หรือผู้ประนอมข้อพิพาท

ข้อ ๓๓ ผู้พิพากษาจักต้องสนับสนุนการปกครองระบอบประชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขแห่งรัฐ

ข้อ ๓๔ ผู้พิพากษาจักต้องไม่เป็นกรรมการ สมาชิก หรือเจ้าหน้าที่ในพรรคการเมืองหรือกลุ่มการเมือง และจักต้องไม่เข้าเป็นตัวกระทำการ ร่วมกระทำการ สนับสนุนในการโฆษณาหรือชักชวนใดๆ ในการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภาหรือผู้แทนทางการเมืองอื่นใด ทั้งไม่พึงกระทำการใดๆ อันเป็นการฝักฝ่ายพรรคการเมือง หรือกลุ่มการเมืองใดนอกจากการใช้สิทธิเลือกตั้ง


ผมได้อ่านข้อมูลดังกล่าว พร้อมๆกับการพิมพ์การตอบข้อความนี้ไปพร้อมๆกัน ผมไม่ได้จบนิติศาสตร์หรือรัฐศาสตร์มาหรอกครับ ผมเรียนมาทางด้านวิทยาศาสตร์ครับ ผมไม่ได้มีทัศนคติที่เห็นแย้งไปเสียทุกเรื่อง แต่ก็ได้ทำความเข้าใจกับกฏพื้นฐานของการอ่านออกเขียนได้ ที่ว่า จริงๆแล้วการที่รัฐส่งเสริมให้พลเมืองได้รับการศึกษาในขั้นพื้นฐาน[อ่านออก เขียนได้ บวกเลขเป็น]นั้น ก็เพื่อจะได้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญและรวมไปถึงกฎหมายต่างๆ เพื่อที่จะได้เข้าใจ >>> หมวด ๓ สิทธิและเสรีภาพของชนชาวไทย (มาตรา ๒๖ – ๖๘) ทั้งนี้ ผมได้ยกเอาบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญในประเด็นที่เกี่ยวเนื่องกัน มาประกอบเพื่อเป็นหลักอ้างอิง โดยปราศจากการเชื่อในความคิดและความรู้สึกตัวเอง เช่นการที่เราคิดว่า "จริงๆแล้วมันน่าจะเป็นอย่างนี้เสียมากกว่า"

หมวด ๓ สิทธิและเสรีภาพของชนชาวไทย
ส่วนที่ ๘ สิทธิและเสรีภาพในการศึกษา
มาตรา ๔๙ บุคคลย่อมมีสิทธิเสมอกันในการรับการศึกษาไม่น้อยกว่าสิบสองปีที่รัฐจะต้องจัดให้อย่างทั่วถึงและมีคุณภาพ โดยไม่เก็บค่าใช้จ่ายผู้ยากไร้ ผู้พิการหรือทุพพลภาพ หรือผู้อยู่ในสภาวะยากลำบาก ต้องได้รับสิทธิตามวรรคหนึ่งและการสนับสนุนจากรัฐเพื่อให้ได้รับการศึกษาโดยทัดเทียมกับบุคคลอื่นการจัดการศึกษาอบรมขององค์กรวิชาชีพหรือเอกชน การศึกษาทางเลือกของประชาชนการเรียนรู้ด้วยตนเอง และการเรียนรู้ตลอดชีวิต ย่อมได้รับความคุ้มครองและส่งเสริมที่เหมาะสมจากรัฐ

มาตรา ๕๐ บุคคลย่อมมีเสรีภาพในทางวิชาการการศึกษาอบรม การเรียนการสอน การวิจัย และการเผยแพร่งานวิจัยตามหลักวิชาการย่อมได้รับความคุ้มครอง ทั้งนี้ เท่าที่ไม่ขัดต่อหน้าที่ของพลเมืองหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน

เห็นอะไรคุ้นๆไหมครับ มาตรา ๕๐ ไงครับ

ขออ้างข่าวจากนสพ.อีกทีครับ (13 ก.ย.) นายเสรี สุวรรณภานนท์ อดีตรองประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) 50 กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า แม้ทั้ง 2 กรณีจะมีลักษณะคล้ายคลึงกัน แต่ในข้อเท็จจริงแล้วแตกต่างกัน [คุณเสรีอ้างถึง ระหว่าง กรณีของอดีตนายกสมัคร สุนทรเวชในเรื่องรายการชิมไปบ่นไป กับ กรณีตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ คุณจรัญ ภักดีธนากุลในเรื่องการสอนการบรรยาย]
เพราะเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญระบุให้เห็นได้ว่า การสอนหนังสือ ถือเป็นเสรีภาพทางวิชาการ ซึ่งรัฐธรรมนูญมาตรา 50 ให้การรับรองไว้ว่า บุคคลย่อมมีเสรีภาพทางวิชาการ การศึกษาอบรม การเรียนการสอน การวิจัย และการเผยแพร่งานวิจัยตามหลักวิชาการ ดังนั้นการสอนหนังสือดังกล่าวจึงเป็นลักษณะ ของอาจารย์พิเศษ ไม่ใช่ลูกจ้าง

จากการให้สัมพาษณ์ดังกล่าว คุณเสรี สุวรรณภานนท์ ได้กล่าวข้อความที่อ้างตามมาตรา ๕๐ ยังไม่ครบถ้วนครับ ซึ่งเดิมผมได้เน้นเอาไว้ว่า มาตรา ๕๐ ...เท่าที่ไม่ขัดต่อหน้าที่ของพลเมืองหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน...

ทั้งนี้ ความในวรรคดังกล่าวนี้น่าสนใจตรงที่ว่า
1.หน้าที่ของพลเมือง [พลเมืองที่ชื่อ นายจรัญ ภักดีธนากุล]
2.ศีลธรรมอันดีของประชาชน [ประชาชนคนที่ชื่อ นายจรัญ ภักดีธนากุล]
 
ซึ่งความใน2ข้อนี้ เดี๋ยวไว้ว่ากันต่อครับ กลับเข้าเรื่องเดิม เรื่อง ประมวลจริยธรรมข้าราชการตุลาการ 
ดังนั้น ประมวลจริยธรรมข้าราชการตุลาการ ... หมวด ๔ จริยธรรมเกี่ยวกับกิจการอื่น ... กล่าวไว้ชัดเจนครับ ชัดเจนจริงๆ จนส.ส.ร. นำไปอ้างอิงบัญญัตไว้ในรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา ๒๐๗
มาตรา ๒๐๗ ประธานศาลรัฐธรรมนูญและตุลาการศาลรัฐธรรมนูญต้อง
(๑) ไม่เป็นข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำ
(๒) ไม่เป็นพนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือราชการส่วนท้องถิ่น หรือไม่เป็นกรรมการหรือที่ปรึกษาของรัฐวิสาหกิจหรือของหน่วยงานของรัฐ
(๓) ไม่ดำรงตำแหน่งใดในห้างหุ้นส่วน บริษัท หรือองค์การที่ดำเนินธุรกิจโดยมุ่งหาผลกำไรหรือรายได้มาแบ่งปันกัน หรือเป็นลูกจ้างของบุคคลใด
(๔) ไม่ประกอบวิชาชีพอิสระอื่นใด

ในกรณีที่ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาหรือที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดเลือกบุคคล หรือวุฒิสภาให้ความเห็นชอบบุคคลตาม (๑) (๒) (๓) หรือ (๔) โดยได้รับความยินยอมของบุคคลนั้น ผู้ได้รับเลือกจะเริ่มปฏิบัติหน้าที่ได้ต่อเมื่อตนได้ลาออกจากการเป็นบุคคลตาม (๑) (๒)หรือ (๓) หรือแสดงหลักฐานให้เป็นที่เชื่อได้ว่าตนได้เลิกประกอบวิชาชีพอิสระดังกล่าวแล้ว ซึ่งต้องกระทำภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับเลือกหรือได้รับความเห็นชอบ แต่ถ้าผู้นั้นมิได้ลาออกหรือเลิกประกอบวิชาชีพอิสระภายในเวลาที่กำหนด ให้ถือว่าผู้นั้นมิได้เคยรับเลือกหรือได้รับความเห็นชอบให้เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และให้นำบทบัญญัติมาตรา ๒๐๔ และมาตรา ๒๐๖ แล้วแต่กรณีมาใช้บังคับ

คุณจรัญ ภักดีธนากุล ได้รับการสรรหาและการเลือก โดยวุฒิสภา
มาตรา ๒๐๔ ศาลรัฐธรรมนูญประกอบด้วยประธานศาลรัฐธรรมนูญคนหนึ่งและตุลาการศาลรัฐธรรมนูญอื่นอีกแปดคน ซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งตามคำแนะนำของวุฒิสภาจากบุคคลดังต่อไปนี้
(๑) ผู้พิพากษาในศาลฎีกาซึ่งดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่าผู้พิพากษาศาลฎีกา ซึ่งได้รับเลือกโดยที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาโดยวิธีลงคะแนนลับ จำนวนสามคน
(๒) ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดซึ่งได้รับเลือกโดยที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดโดยวิธีลงคะแนนลับ จำนวนสองคน
(๓) ผู้ทรงคุณวุฒิสาขานิติศาสตร์ซึ่งมีความรู้ความเชี่ยวชาญทางด้านนิติศาสตร์อย่างแท้จริงและได้รับเลือกตามมาตรา ๒๐๖ จำนวนสองคน
(๔) ผู้ทรงคุณวุฒิสาขารัฐศาสตร์ รัฐประศาสนศาสตร์ หรือสังคมศาสตร์อื่น ซึ่งมีความรู้ความเชี่ยวชาญทางด้านการบริหารราชการแผ่นดินอย่างแท้จริงและได้รับเลือกตามมาตรา ๒๐๖ จำนวนสองคน

ในกรณีที่ไม่มีผู้พิพากษาในศาลฎีกาหรือตุลาการในศาลปกครองสูงสุดได้รับเลือกตาม (๑) หรือ (๒) ให้ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาหรือที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดแล้วแต่กรณี เลือกบุคคลอื่นซึ่งมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา ๒๐๕ และมีความรู้ความเชี่ยวชาญทางด้านนิติศาสตร์ที่เหมาะสมจะปฏิบัติหน้าที่เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญให้เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญตาม (๑) หรือ (๒) แล้วแต่กรณี

ให้ผู้ได้รับเลือกตามวรรคหนึ่ง ประชุมและเลือกกันเองให้คนหนึ่งเป็นประธานศาลรัฐธรรมนูญ แล้วแจ้งผลให้ประธานวุฒิสภาทราบ

ให้ประธานวุฒิสภาเป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการแต่งตั้งประธานศาลรัฐธรรมนูญและตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ
 

หลังจากที่ คุณจรัญ ภักดีธนากุล
ได้รับการสรรหาและคัดเลือกตามมาตรา ๒๐๔
มีคุณสมบัติตาม มาตรา ๒๐๕
โดยวิธีการตาม มาตรา ๒๐๖
และ"ต้อง"ปฏิบัติตาม มาตรา ๒๐๗ [มาตรา ๒๐๗ ประธานศาลรัฐธรรมนูญและตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ"ต้อง"... ]
 
ตามมาตรา ๒๐๗ นั้น โดยก่อนที่ คุณจรัญ ภักดีธนากุล จะเข้าดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญนั้น จะเริ่มปฏิบัติหน้าที่ได้ต่อเมื่อตนได้ลาออกจากการเป็นบุคคลตาม (๑) (๒)หรือ (๓) หรือแสดงหลักฐานให้เป็นที่เชื่อได้ว่าตนได้เลิกประกอบวิชาชีพอิสระดังกล่าวแล้ว ซึ่งต้องกระทำภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับเลือกหรือได้รับความเห็นชอบ

แต่เมื่อคุณจรัญ ภักดีธนากุล เข้ามาดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญแล้วนั้น คุณจรัญ ภักดีธนากุล จะมีระยะเวลาการดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา ๒๐๘
มาตรา ๒๐๘ ประธานศาลรัฐธรรมนูญและตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีวาระการดำรงตำแหน่งเก้าปีนับแต่วันที่พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้ง และให้ดำรงตำแหน่งได้เพียงวาระเดียวประธานศาลรัฐธรรมนูญและตุลาการศาลรัฐธรรมนูญซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระให้ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าประธานศาลรัฐธรรมนูญและตุลาการศาลรัฐธรรมนูญซึ่งได้รับแต่งตั้งใหม่จะเข้ารับหน้าที่ประธานศาลรัฐธรรมนูญและตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเป็นเจ้าพนักงานในการยุติธรรมตามกฎหมาย

9 ปีเชียวหรือ???
ไม่หรอกครับ
มาตรา ๒๐๙ นอกจากการพ้นจากตำแหน่งตามวาระ ประธานศาลรัฐธรรมนูญและตุลาการศาลรัฐธรรมนูญพ้นจากตำแหน่ง เมื่อ
(๑) ตาย
(๒) มีอายุครบเจ็ดสิบปีบริบูรณ์
(๓) ลาออก
(๔) ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา ๒๐๕
(๕) กระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา ๒๐๗
(๖) วุฒิสภามีมติตามมาตรา ๒๗๔ ให้ถอดถอนออกจากตำแหน่ง
(๗) ต้องคำพิพากษาให้จำคุก แม้คดีนั้นจะยังไม่ถึงที่สุดหรือมีการรอการลงโทษเว้นแต่เป็นกรณีที่คดียังไม่ถึงที่สุดหรือมีการรอการลงโทษในความผิดอันได้กระทำโดยประมาทความผิดลหุโทษ หรือความผิดฐานหมิ่นประมาทเมื่อมีกรณีตามวรรคหนึ่ง ให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่เหลืออยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้ภายใต้บังคับมาตรา ๒๑๖

เห็นอะไรไหมครับ???
มาตรา ๒๐๙ ...
...
(๕) กระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา ๒๐๗
...


หากศาลรัฐธรรมนูญ ไม่รับเรื่องตีความในกรณีคุณจรัญ ภักดีธนากุล เหตุเพราะได้เคยพิจารณาวินิจฉัยแล้ว เหมือนกรณีคุณสมัคร สุนทรเวช ก็เท่ากับว่าคำวินิจฉัยในกรณีคุณสมัครนั้น จะใช้เป็นบรรทัดฐานเดียวกันกับคุณจรัญ ภักดีธนากุล ตามมาตรา ๒๑๕

มาตรา ๒๑๕ ในกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่าเรื่องใดหรือประเด็นใดที่ได้มีการเสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา เป็นเรื่องหรือประเด็นที่ศาลรัฐธรรมนูญได้เคยพิจารณาวินิจฉัยแล้วศาลรัฐธรรมนูญจะไม่รับเรื่องหรือประเด็นดังกล่าวไว้พิจารณาก็ได้

แต่หากศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่า กรณีคุณ จรัญ ภักดีธนากุล ต่างจากกรณีคุณ สมัคร สุนทรเวช แล้ว ศาลรัฐธรรมนูญ จะต้องรับเรื่องดังกล่าวไว้พิจารณา

แต่เนื่องจากข้อความโดย: bangkaa
เห็นว่า คุณจรัญ ภักดีธนากุล จะได้รับความคุ้มครองตามมาตรา ๕๐ แน่ๆแล้ว เพราะอ้างว่า การสอนหนังสือไม่ขัดศีลธรรมอันดีของประชาชน ตามมาตรา ๕๐ ...การไม่ขัดต่อหน้าที่ของพลเมืองหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน
แต่สิ่งที่คุณจรัญ ภักดีธนากุลนั้น อาจจะ ขัดกับ "จริยธรรมข้าราชการตุลาการ" ตามประมวลจริยธรรมข้าราชการตุลาการ อันเป็นผลมาจาก มาตรา ๒๗๙ มาตรฐานทางจริยธรรม...

ศีลธรรม มาจากคำว่า ศีล และ ธรรม
ศีล แปลว่า ปกติ
ธรรม แปลว่า สภาพที่ทรงไว้

มันเป็นเรื่องเกี่ยวศีลหรือครับ ที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จะไปทำหน้าที่สอนหนังสือ??? หรือเป็นเรื่องปกติที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะสอนหนังสือทั้งๆที่ขัดกับรัฐธรรมนูญบางมาตรา มันเป็นเรื่องปกติไหมครับ???

มันเป็นเรื่องธรรมหรือครับ ที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จะเป้นอาจารย์สอนหนังสือ??? ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญควรจะมีสภาพที่ทรงไว้ในหน้าที่สอนหนังสือ หรือครับ???

ถ้า คุณ จรัญ ภักดีธนากุล เป็นประชาชน ที่ไม่ได้ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ผมยอมรับครับ ว่า มาตรา ๕๐ ไม่มีปัญหาแน่นอน
แต่ทั้งนี้ คุณ จรัญ ภักดีธนากุลนั้น เป็นประชาชนซึ่งดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ โดยมีรัฐธรรมนูญกำกับไว้ว่า เป็นใคร? มาจากไหน? มีหน้าที่อะไร? และควรปฏิบัติหน้าที่อย่างไร?

ให้เห็นกันอีกครั้ง เกี่ยวกับประเด็นของตัวคุณ จรัญ ภักดีธนากุล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ นะครับ
ประมวลจริยธรรมข้าราชการตุลาการ
...
หมวด ๔ จริยธรรมเกี่ยวกับกิจการอื่น

ข้อ ๒๖ ผู้พิพากษาจักต้องไม่เป็นกรรมการ ผู้จัดการ ที่ปรึกษาหรือดำรงตำแหน่งอื่นใดในห้างหุ้นส่วน บริษัท ห้างร้าน หรือธุรกิจของเอกชน เว้นแต่จะเป็นกิจการที่มิได้แสวงหากำไร

ผู้พิพากษาจักต้องไม่ประกอบอาชีพ หรือวิชาชีพ หรือกระทำกิจการใด อันจะกระทบกระเทือนต่อการปฏิบัติหน้าที่หรือเกียรติศักดิ์ของผู้พิพากษา


ข้อ ๒๗ ในกรณีจำเป็นผู้พิพากษาอาจได้รับมอบหมายหรือแต่งตั้งจากหน่วยราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานอื่นของรัฐให้ปฏิบัติหน้าที่อันเกี่ยวกับหน่วยราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานนั้นได้ ในเมื่อการปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวไม่กระทบกระเทือนต่อการปฏิบัติหน้าที่หรือเกียรติศักดิ์ของผู้พิพากษา ทั้งจักต้องได้รับอนุญาตจากกระทรวงยุติธรรมแล้ว

การเป็นกรรมการในรัฐวิสาหกิจหรือกิจการอื่นของรัฐในทำนองเดียวกัน จักต้องได้รับอนุมัติจาก ก.ต. ด้วย


ข้อ ๒๘ ผู้พิพากษาไม่พึงแสดงปาฐกถา บรรยาย สอน หรือเข้าร่วมสัมมนา อภิปรายหรือแสดงความคิดเห็นใดๆ ต่อสาธารณชน ซึ่งอาจกระทบกระเทือนต่อการปฏิบัติหน้าที่หรือเกียรติศักดิ์ของผู้พิพากษา


ข้อ ๒๙ ผู้พิพากษาไม่พึงเป็นกรรมการ สมาชิก หรือเจ้าหน้าที่ของสมาคม สโมสร ชมรม หรือองค์การใดๆ หรือเข้าร่วมในกิจการใดๆ อันจะกระทบกระเทือนต่อการปฏิบัติหน้าที่หรือเกียรติศักดิ์ของผู้พิพากษา


ข้อ ๓๐ ผู้พิพากษาไม่พึงรับเป็นผู้จัดการมรดก ผู้จัดการทรัพย์สิน หรือผู้ปกครองทรัพย์ เว้นแต่เป็นกรณีที่ตัวผู้พิพากษาเอง คู่สมรส ผู้บุพการี ผู้สืบสันดานของตน หรือญาติสืบสายโลหิตหรือเกี่ยวพันทางแต่งงาน ซึ่งผู้พิพากษาถือเป็นญาติสนิทมีส่วนได้เสียในมรดกหรือทรัพย์นั้นโดยตรง


ข้อ ๓๑ ผู้พิพากษาจักต้องไม่รับแต่งตั้งเป็นผู้แทนในการดำเนินคดีหรือรับเป็นผู้เรียง ผู้เขียน ผู้พิมพ์คำคู่ความ คำร้อง คำขอ หรือคำแถลงในคดีใดๆ

ผู้พิพากษาจักต้องไม่รับปรึกษาคดีความ หรือเรื่องซึ่งอาจจะเป็นคดีความขึ้นได้ และไม่รับเป็นผู้ร่าง ผู้เขียน ผู้พิมพ์ หรือพยานในพินัยกรรมหรือนิติกรรมอื่นใด ไม่ว่าเพื่อสินจ้างรางวัลหรือไม่ เว้นแต่เป็นกรณีที่ตัวผู้พิพากษาเอง คู่สมรส ผู้บุพการี ผู้สืบสันดานของตน หรือญาติสืบสายโลหิตหรือเกี่ยวพันทางแต่งงาน ซึ่งผู้พิพากษาถือเป็นญาติสนิท มีส่วนได้เสียในคดีหรือเรื่องนั้นโดยตรง


ข้อ ๓๒ ผู้พิพากษาไม่พึงรับเป็นอนุญาโตตุลาการ หรือผู้ประนอมข้อพิพาท


ข้อ ๓๓ ผู้พิพากษาจักต้องสนับสนุนการปกครองระบอบประชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขแห่งรัฐ


ข้อ ๓๔ ผู้พิพากษาจักต้องไม่เป็นกรรมการ สมาชิก หรือเจ้าหน้าที่ในพรรคการเมืองหรือกลุ่มการเมือง และจักต้องไม่เข้าเป็นตัวกระทำการ ร่วมกระทำการ สนับสนุนในการโฆษณาหรือชักชวนใดๆ ในการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภาหรือผู้แทนทางการเมืองอื่นใด ทั้งไม่พึงกระทำการใดๆ อันเป็นการฝักฝ่ายพรรคการเมือง หรือกลุ่มการเมืองใดนอกจากการใช้สิทธิเลือกตั้ง


หมวด ๕ จริยธรรมเกี่ยวกับการดำรงตนและครอบครัว

ข้อ ๓๕ ผู้พิพากษาจักต้องเคารพและปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด อยู่ในกรอบของศีลธรรม และพึงมีความสันโดษครองตนอย่างเรียบง่าย สุภาพ สำรวมกิริยามารยาท มีอัธยาศัยยึดถือจริยธรรมและประเพณีอันดีงามของตุลาการ ทั้งพึงวางตนให้เป็นที่เชื่อถือศรัทธาของบุคคลทั่วไป

ข้อ ๓๖ ผู้พิพากษาพึงปรับปรุงตนเองให้ดีขึ้นเป็นลำดับและพึงขวนขวายศึกษาเพื่มเติมทั้งในวิชาชีพตุลาการและความรู่รอบตัว

ข้อ ๓๗ ผู้พิพากษาจักต้องไม่ก้าวก่ายหรือแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการปฏิบัติหน้าที่ของผู้พิพากษาอื่น

ข้อ ๓๘ ผู้พิพากษาจักต้องไม่ยินยอมให้บุคคลในครอบครัวก้าวก่ายการปฏิบัติหน้าที่ของตน หรือของผู้อื่น และจักต้องไม่ยินยอมให้ผู้อื่นใช้ตำแหน่งของตนแสวงหาประโยชน์อันมิชอบ

ข้อ ๓๙ ผู้พิพากษาพึงยึดมั่นในระบบคุณธรรม และจักต้องไม่แสวงหาตำแหน่ง ความดีความชอบ หรือประโยชน์อื่นใด โดยมิชอบจากผู้บังคับบัญชา หรือจากบุคคลอื่นใด

ข้อ ๔๐ ผู้พิพากษาจักต้องระมัดระวังมิให้การประกอบวิชาชีพ อาชีพ หรือการงานอื่นใดของคู่สมรส ญาติสนิท หรือบุคคลซึ่งอยู่ในครัวเรือนของตนมีลักษณะเป็นการกระทบกระเทือนต่อการปฏิบัติหน้าที่หรือเกียรติศักดิ์ของผู้พิพากษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านความเชื่อถือศรัทธาของบุคคลทั่วไปในการประสาทความยุติธรรมของผู้พิพากษา

ข้อ ๔๑ ผู้พิพากษาและคู่สมรสจักต้องไม่รับทรัพย์สินหรือประโยชน์ใดๆ จากคู่ความหรือจากบุคคลอื่นใดเกี่ยวเนื่องกับการปฏิบัติหน้าที่ของผู้พิพากษา และจักต้องดูแลให้บุคคลในครอบครัวปฏิบัติเช่นเดียวกันด้วย

ข้อ ๔๒ ผู้พิพากษาและคู่สมรสจักต้องไม่รับของขวัญของกำนัล หรือประโยชน์อื่นใดอันมีมูลค่าเกินกว่าที่พึงให้กันตามอัธยาศัยและประเพณีในสังคม และจักต้องดูแลให้บุคคลในครอบครัวปฏิบัติเช่นเดียวกันด้วย

ข้อ ๔๓ ผู้พิพากษาจักต้องละเว้นการคบหาสมาคมกับคู่ความ หรือบุคคลอื่น ซึ่งมีส่วนได้เสีย หรือผลประโยชน์เกี่ยวข้องกับคดีความ หรือบุคคลซึ่งมีความประพฤติหรือมีชื่อเสียงในทางเสื่อมเสีย อันอาจจะกระทบกระเทือนต่อความเชื่อถือศรัทธาของบุคคลทั่วไปในการประสาทความยุติธรรมของผู้พิพากษา

...


ด้วยความเคารพ
the OCEANER
บันทึกการเข้า
THEHERO
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 120


รัก ชาติ ศาส กษัตริย์ ยิ่งชีพ


« ตอบ #33 เมื่อ: 17-09-2008, 20:55 »

สั่งสอนคน  ด้านวิชาการ  คือการทำคุณต่อแผ่นดิน


มันต่างกับ  ชิมไปแดกไป  บ่นไป  ของไอ้หมูหมักโสโครก

นั่นมัน  แดกไปด่าไป  รับเงินไป  แล้วยังมาโกหกศาล  สบถสาบาน  ว่า  ถ้ารับเงิน   ขอให้บรรลัย

ศาลท่านก็เลย  ประเคนความบรรลัยให้โดยพลัน.........หลักฐาน  การหักภาษีมันมีอยู่  และมีการแก้โกหกศาลย้อนหลัง  มันจับโกหกกันได้.......


ทำรายการ  รับเงินมา    เขาห้ามทำ  ถือว่า  คือการรับจ้าง  และการรับจ้างก็คือการเป็นลูกจ้าง   แต่ีที่แน่ๆ  มันลงโลงไปแล้วไอ้หมูโสโครกน่ะ

จะไปเอาคนดีๆ  ลงหลุใตามมันไป

ไอ้คนชั่ว3ตัววันนี้  มันก็หาเรื่องไปเรื่อยแหละ    ฮ่าๆ......เดี๋ยวรอดู  รายการของมัน  จะแถไปทางไหนอีก.........
บันทึกการเข้า

ชนใด  ไร้ซึ่งความรัก  ชนนั้นพิกลนัก
Solidus
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,381



« ตอบ #34 เมื่อ: 17-09-2008, 21:10 »

สั่งสอนคน  ด้านวิชาการ  คือการทำคุณต่อแผ่นดิน


มันต่างกับ  ชิมไปแดกไป  บ่นไป  ของไอ้หมูหมักโสโครก

นั่นมัน  แดกไปด่าไป  รับเงินไป  แล้วยังมาโกหกศาล  สบถสาบาน  ว่า  ถ้ารับเงิน   ขอให้บรรลัย

ศาลท่านก็เลย  ประเคนความบรรลัยให้โดยพลัน.........หลักฐาน  การหักภาษีมันมีอยู่  และมีการแก้โกหกศาลย้อนหลัง  มันจับโกหกกันได้.......


ทำรายการ  รับเงินมา    เขาห้ามทำ  ถือว่า  คือการรับจ้าง  และการรับจ้างก็คือการเป็นลูกจ้าง   แต่ีที่แน่ๆ  มันลงโลงไปแล้วไอ้หมูโสโครกน่ะ

จะไปเอาคนดีๆ  ลงหลุใตามมันไป

ไอ้คนชั่ว3ตัววันนี้  มันก็หาเรื่องไปเรื่อยแหละ    ฮ่าๆ......เดี๋ยวรอดู  รายการของมัน  จะแถไปทางไหนอีก.........

แบบแสดงรายการภาษีเงินได้ดันระบุว่า เงินได้จากการแสดง แถมดันบอกอีกว่าใช้หน้าตาและชื่อโฆษณาให้บริษัท ก็เสร็จสิครับแบบนี้
บันทึกการเข้า
...นึกว่าใคร ?
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 159


" ? "


เว็บไซต์
« ตอบ #35 เมื่อ: 17-09-2008, 21:28 »

the OCEANER  เก่งออก ขนาดนี้น่าเอาสมองไปช่วยชาติบ้างนะ

อย่ามัวมาหมกมุ่นอยู่ในนี้ " เสียดายเซลล์สมอง "....หว่ะ ???
บันทึกการเข้า

the OCEANER
สมาชิกสามัญขั้นที่ 1
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 43


« ตอบ #36 เมื่อ: 17-09-2008, 22:07 »

เรียน คุณ ...นึกว่าใคร ?

ในบางครั้ง คนเรายังไม่พร้อมที่จะอาจหาญทำอะไรๆที่บุ่มบ่าม เกินตัวไปหรอกครับ
ในชีวิตคนเรา มันมีช่วงจังหวะเวลาที่เหมาะสม รอคอยอยู่แล้ว
พยายามใช้เวลาที่มันผ่าน ล่วงเลยไป ในแต่ละนาที แต่ละวัน ให้มันมีประโยชน์เกิดขึ้นกับตนเอง
พยายามใช้เวลาที่มีอยู่นั้นค่อยๆขัดเกลา เพื่อช่วยพัฒนาความคิดของตนเอง
ให้มองได้รอบ ให้รู้ได้กว้าง อย่างช้าๆ ค่อยๆเป็น ค่อยๆไป
คนเราโตขึ้นทุกๆวินาที โตทั้งตัว โตทั้งใจ โตทั้งควมคิด
พยายามรู้ระดับของตนเองว่า เป็นได้แค่ไหน ทำได้แค่ไหน
วันนี้ วิดพื้นได้10ครั้ง พรุ่งนี้ต้องวิดพื้นให้ได้11ครั้ง วันต่อๆไปวิดพื้นให้มากขึ้นกว่าเมื่อวาน1ครั้ง
เราไม่มีทางเห็นการพัฒนา ที่เกิดขึ้นแบบค่อยๆเปลี่ยนแปลงไปได้เลย
จะรู้อีกทีก็ต่อเมื่อ เราวิดพื้นได้ถึงวันละ1000ครั้ง
ถึงวันนั้น แล้วมองกลับไปยังอดีต วันที่วิดพื้นแค่5ครั้ง ก็รู้สึกเมื่อยล้า เต็มทน อยากจะเลิกทำ

ปัญหาทุกอย่างมีทางออกเสมอ เพียงแต่อย่าคิดว่า ทางออกทุกทางเป็นทางตัน
สุดท้ายแล้ว ตัวเรา จะไม่มีทางโตขึ้นได้เลย
ปัญหาคือสิ่งที่จะทำให้ ตัวเรา เติบโตขึ้นได้อย่างแข็งแรงครับ
the OCEANER

บันทึกการเข้า
vkiupN
สมาชิกสามัญขั้นที่ 1
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 23


« ตอบ #37 เมื่อ: 18-09-2008, 00:06 »

^
^
^
ยังดีที่พอจะคิดได้บ้างงงงงงง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-09-2008, 00:09 โดย vkiupN » บันทึกการเข้า
the OCEANER
สมาชิกสามัญขั้นที่ 1
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 43


« ตอบ #38 เมื่อ: 18-09-2008, 15:53 »

ผมคิดได้แล้ว
ส่วนคุณ คิดได้หรือยัง??

the OCEANER
บันทึกการเข้า
exzcute
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 221


« ตอบ #39 เมื่อ: 18-09-2008, 16:13 »

คิดได้แล้วปฏิบัติหรือยัง?
หรือยังสับสนกับอาการขาขวาเจ็บ?
บันทึกการเข้า
TheBluECaT
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 824


"แมวน้อยสีน้ำเงิน..."


« ตอบ #40 เมื่อ: 18-09-2008, 16:27 »

อย่าป็อดสิครับ คุณ the OCEANER ...

ขนาดตัดแปะ  ยังเก่งขนาดนี้ 

แต่เรื่องยื่นถอดถอน จะแค่ไหนกันเชียวครับ

...ความกลัว ทำให้เสื่อม... นะครับ
บันทึกการเข้า

"ยามบุญมากาไก่กลายเป็นหงส์  ยามบุญหลงหงส์เป็นกาน่าฉงน...
ยามบุญมาหมูหมากลายเป็นคน  ยามบุญหล่นคนเป็นหมาน่าอัศจรรย์"
the OCEANER
สมาชิกสามัญขั้นที่ 1
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 43


« ตอบ #41 เมื่อ: 18-09-2008, 16:28 »

ผมไม่เข้าใจ คำว่า ขาขวาเจ็บ ของคุณครับ คุณ exzcute
เป็นศัพท์บัญญัติไว้ในวิชาชีพกะเทยหรือเปล่าครับ
ผมไม่เข้าใจจริงๆ

the OCEANER
บันทึกการเข้า
the OCEANER
สมาชิกสามัญขั้นที่ 1
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 43


« ตอบ #42 เมื่อ: 18-09-2008, 16:35 »

เรียน คุณ TheBluECaT
ตัดแปะ เพราะว่าจะได้เห็นไปพร้อมๆกันครับ
ไม่ต้องเสียเวลาไปหาให้ยุ่งยาก
เจตนาของการตัดแปะของผม เพื่อจะได้ให้เห็นข้อมูลนั้นๆ
และ ผมเอง ก็ไม่ใช่คนที่แปลงสาร ครับ
จะมายกเมฆ พูดเองเออเอง นั้น ผมคงไม่อยากทำครับ
ผมก็เลยcopyมาpaste แปะไว้ อ้างถึง เท่านั้นครับ
ส่วนใดที่เป็น ความเห็นของผม ก็คือ ความเห็นของผม ครับ
ผมจะแยกส่วนกันไว้
ไม่เอาไปปนกันครับ
จะได้อ่านความเห็นของคนอื่นๆด้วย
ว่าคิดและเห็นในมุมมองใดกันบ้าง
ผมเองก็ไม่ได้มีจิตใจคับแคบ ที่จะไม่เปิดรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นหรอกครับ
หากมีความเห็นอื่นใดที่แตกต่างไปจากผม
ผมก็นั่งอ่านไปด้วยครับ
ไม่ใช่เป็นหัวอนุรักษ์นิยมรุนแรงอะไรขนาดนั้นครับ

the OCEANER
บันทึกการเข้า
Matahari
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 228



« ตอบ #43 เมื่อ: 18-09-2008, 16:41 »

  ถึงได้ย้ำว่า ไปถามพงษ์เทพ และ สมชาย ว่า เมือสมัยก่อนเป็นศาล เขาห้ามมะไม่ให้สอนหนังสือ เขาจะยกเว้นการเป็นอาจารย์ คือไม่ให้มีการปิดกั้นการถ่ายทอดความรุ้
  การเป็นอาจารย์สอนในม เอกชน แม้แต่ม .เอกชนแข่งขันในด้านการค้า แต่ อ.จรัลก็ไปสามามรถไปสอน ม.เอกชนที่เขาแข่งขัยกันได้  
  แต่หมัก ทำรายการอาหาร บ.A แล้วหมักสามารถไปทำรายการอาหาร บ. B ได้มะก็ไม่ได้ มันแข่งขันด้านการค้า  หมักทำงานเพื่อหากำไรโดยหมักเป็นตัวเอก ถ้าไม่มีหมัก เขาอาจหาโฆษณาไม่ได้
  ก็คือ ถ้าอ.จรัลไปสอนม.เอกชน A  และไปสอน ม.เอกขน B  อ.ก็ไปสอนได้ แม้ว่าเป็นคู่แข่งด้านการค้า แต่ การเป็นอาจารย์เขายกเว้น ในการถ่ายทอดความรุ้ ประสาทวิชา เขาไม่ห้าม
  รู้มะ ในสถาบันการศึกษาทำไมเขาถึงไม่โฆษณาว่า มีอาจารย์เก่ง มีความรู้ จบดอกเตอร์มาสอน เหมือนกับ การค้า ที่ต้องโฆษณาสินค้า หรือ ตัวเอกทีทำให้รายการหน้าสนใจ
  เหมือนแพทย์ทำไมเขาถึงไม่ให้โฆษณาว่า หมอนี้เก่งเนอะ จบนี้ ความจริง เขาห้าม
  แต่การค้าแบบหมักทำมันต่างกันคือการแสวงหากำไร ยิ่งดารา หรือ ตัวทำรายการมีชือเสียง ก็ทำรายได้ให้มาก
บันทึกการเข้า
TheBluECaT
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 824


"แมวน้อยสีน้ำเงิน..."


« ตอบ #44 เมื่อ: 18-09-2008, 16:51 »

เรียน คุณ TheBluECaT
ตัดแปะ เพราะว่าจะได้เห็นไปพร้อมๆกันครับ
ไม่ต้องเสียเวลาไปหาให้ยุ่งยาก
เจตนาของการตัดแปะของผม เพื่อจะได้ให้เห็นข้อมูลนั้นๆ
และ ผมเอง ก็ไม่ใช่คนที่แปลงสาร ครับ
จะมายกเมฆ พูดเองเออเอง นั้น ผมคงไม่อยากทำครับ
ผมก็เลยcopyมาpaste แปะไว้ อ้างถึง เท่านั้นครับ
ส่วนใดที่เป็น ความเห็นของผม ก็คือ ความเห็นของผม ครับ
ผมจะแยกส่วนกันไว้
ไม่เอาไปปนกันครับ
จะได้อ่านความเห็นของคนอื่นๆด้วย
ว่าคิดและเห็นในมุมมองใดกันบ้าง
ผมเองก็ไม่ได้มีจิตใจคับแคบ ที่จะไม่เปิดรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นหรอกครับ
หากมีความเห็นอื่นใดที่แตกต่างไปจากผม
ผมก็นั่งอ่านไปด้วยครับ
ไม่ใช่เป็นหัวอนุรักษ์นิยมรุนแรงอะไรขนาดนั้นครับ

the OCEANER


อันนี้ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรคุณ the OCEANER หรอกนะครับ...

แต่ว่าเท่าที่ผมเรียนกฏหมายมา  บางทีตัวบทกฏหมายก็ไม่ได้ตีความตามตัวหนังสือแบบตรงไปตรงมา
ยังมีรายละเอียดอีกมาก ที่เราไม่สามารถหาตัดแปะได้จากอินเทอร์เน็ตหรอกครับ

ผมก็ไม่แน่ใจหรอกนะว่า นายจรัญ จะเป็นคนดีจริง หรือไม่
แต่การที่ไปกล่าวหาเค้า  โดยเลื่อนลอย แล้วตีความกฏหมายเข้าข้างตัวเองน่ะ
มันไม่เกิดประโยชน์หรอกครับ

ถ้าจะให้แน่ ก็ต้องทำตามบทกฏหมายให้ยื่นตีความ หรือไม่ก็ยื่นถอดถอนไปเลย
เหมือนอย่างที่ นายเรื่องไกร ทำ  อย่างงี้ถึงจะถูกตามหลักการณ์ใช่ไหมล่ะครับ

และก็ถ้าจะตัดแปะ อะไรช่วยกรุณา ตัดแปะแค่กระทู้เดียวก็พอครับ  ดูแล้วมันรกสายตาครับ


**ส่วนพี่จ๊ะ  ที่ออกมาแจมน่ะ  ไม่มีใครเค้าว่าอะไรหรอกครับ  
เพราะเค้าเห็นว่าพี่แกเป็นแค่ตัวตลกประจำบอร์ดเท่านั้นแหละครับ
บันทึกการเข้า

"ยามบุญมากาไก่กลายเป็นหงส์  ยามบุญหลงหงส์เป็นกาน่าฉงน...
ยามบุญมาหมูหมากลายเป็นคน  ยามบุญหล่นคนเป็นหมาน่าอัศจรรย์"
exzcute
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 221


« ตอบ #45 เมื่อ: 18-09-2008, 16:57 »

ผมไม่เข้าใจ คำว่า ขาขวาเจ็บ ของคุณครับ คุณ exzcute
เป็นศัพท์บัญญัติไว้ในวิชาชีพกะเทยหรือเปล่าครับ
ผมไม่เข้าใจจริงๆ

the OCEANER

ตอแหลจริงๆ

http://209.85.175.104/search?q=cache:INykNKrqoMIJ:www.sae-dang.com/cgi-bin2/dangBoard/OpenMessage.php%3Fno%3D57397+the+OCEANER&hl=en&ct=clnk&cd=3&gl=th

ใครมันกระเทยหว่าพอโดนจับได้ก็ไปลบ กระเทยหัวเกรียนซะด้วย

บันทึกการเข้า
kara - kasung
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 97



« ตอบ #46 เมื่อ: 18-09-2008, 17:04 »

พวกที่เรียนกฎหมายทั้งในอดีตและปัจจุบัน เห็นมีผู้พิพากษา อัยการ มาบรรยายวิชากฎหมาย กันทุกสถาบันไม่เห็นมันจะขัดกับ
จริยธรรมข้าราชการตุลาการตรงไหน
เอาไปเปรียบเทียบกับการกระทำของ หมูหมัก ได้ยังงัย..
เฮ้อ...มีความรู้เสียเปล่า หน้ามืดตามัว ไปเชื่อคำของ สามเกรียนอย่างมันได้

บันทึกการเข้า
Matahari
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 228



« ตอบ #47 เมื่อ: 18-09-2008, 17:05 »

  อย่าไปเอาสาระ ของพวกเวปพันทิป จอมโว โม้ คนนับแสน แหมหัวหน้าและขี้ข้าลูกน้อง ขี้โม้พอๆๆๆ กันเนอะ นับแสน มันก็เลยถ่*** ตอแหล เต้าข่าว ในเวปพันทิป แหล่งรวมหมา ลา ควา-ย กระบือคอยหอนโฮกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆตอแหลรายวัน
บันทึกการเข้า
the OCEANER
สมาชิกสามัญขั้นที่ 1
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 43


« ตอบ #48 เมื่อ: 18-09-2008, 17:22 »

เรียน คุณ TheBluECaT

ผมแจ้งให้ทราบตั้งแต่ต้นๆที่ผมจะออกความเห็นในกระทู้นี้แล้วว่า ผมไม่ได้เรียนมาทางด้านนิติศาสตร์ครับ
และการที่ผมหาข้อมูลจาก internet นั้น ก็คือ ข้อมูลเบื้องต้น เท่านั้น
ผมไม่ได้ตีความเข้าข้างตัวเองนะครับ
ผมแค่ออกความคิดเห็น โดยมีข้อมูลประกอบเท่านั้นเอง
การที่จะเรียกว่า ตีความเข้าข้างตัวเอง คงจะเป็นผู้อื่น มากกว่า ที่จะเป็นผมครับ
ถ้า คุณ TheBluECaT จะบอกว่า การตัดแปะของผมนั้น มันทำให้รกสายตาของคุณ
คุณก็ไม่เคยแจ้งนี่ครับ ว่าการตัดแปะของผม มันจะรกสายตาของคุณ
ผมคิดว่า การแก้ปัญหาของคุณ น่าจะเป็น ไม่ควรมาอ่านความเห็นของผม น่าจะดูเป็นทางออกที่ดีทางหนึ่ง

การที่ผมตัดแปะหลายๆครั้ง ก็เพื่อการอ้างอิงที่แน่นอนครับ คนที่อ่านข้อความของผม ไม่ใช่มีแต่คุณนะครับ
ยังมีคนอื่นอีกมาก ที่จะอ่าน และมันจะได้ทำให้คนอื่นเขาไม่ต้องมานั้งงง ว่าผมยกข้อมูลมาจากไหน
การอ่านซ้ำๆ การทำซ้ำๆ ก็คือการฝึกฝนไม่ใช่หรือครับ
คนที่เรียนนิติศาสตร์ ควรน่าจะเป็นคนที่ต้องรักการอ่านตัวบทกฎหมายนะครับ
อย่าไปคิดว่าการอ่านกฎหมายเดิมๆซ้ำๆเป็นเรื่องน่าเบื่อสิครับ
ผมไม่อยากติติงคุณเรื่องนี้นะครับ
แต่ว่า คนที่จะเป็นผู้มีวิชาชีพทนายในอนาคตอย่างคุณ ควรเก่งให้มันรอบด้าน และ ครอบคลุม
เหมาะสำหรับการถือครองใบอนุญาตการประกอบวิชาชีพ
เป็นการดีอยู่แล้วครับ ที่คุณจะนรักพวกพ้องในแวดวงอาชีพของคุณ รักในวิชาชีพของคุณ
ก็อย่าทำให้คนอื่นเขาต้องเข้าใจผิดไปด้วย
อย่าลืมใส่ใจที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆให้กับตัวเองสิครับ

the OCEANER
บันทึกการเข้า
คนไกลเมือง
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 167


เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์


« ตอบ #49 เมื่อ: 18-09-2008, 17:25 »

http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9510000111047

เรียกร้องกันมาก ภริยาท่านจรัลก็เลยจัดไป
 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-09-2008, 17:28 โดย คนไกลเมือง » บันทึกการเข้า

เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เป็นราชพลี
หน้า: [1] 2
    กระโดดไป: