อยากรู้ประวัติของ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ...อะไรทำให้เค้าสามหาวได้ขนาดนี้อ่ะ

[gabiNo]

ใครมีข้อมูลความเป็นมาสู่เส้นทางบันเทิงของ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ก็ช่วยๆ นำมาเล่าให้ฟังก่อนหน่อยนะคะ กะอีหัวกลมอีกคนนึงนั่งด้านขวาน่ะ ชื่อไรจำไม่ได้ แต่พี่ไข่แม้วดำน่ะรู้แล้ว แต๊งกิวววว...

[(ลุง)ถึก สไลเดอร์]

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช
อดีตแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) อดีตผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์พีทีวี อดีตรองโฆษกพรรคไทยรักไทย

    นายณัฐวุฒิ มีชื่อเล่นว่า “เต้น” เกิดเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2518 ที่อำเภอสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช
จบการศึกษาระดับประถม ที่โรงเรียนวัดพระมหาธาตุ เมื่อปี พ.ศ. 2530 ระดับมัธยม ที่โรงเรียนเบญจมราชูทิศ
นครศรีธรรมราช เมื่อปี พ.ศ. 2536 สร้างชื่อเสียงด้วยการเป็นนักโต้วาทีของโรงเรียน จนได้เป็นแชมป์
รายการโต้คารมมัธยมศึกษา ทางช่อง 3

    จากนั้นสำเร็จการศึกษาปริญญาตรี นิเทศศาสตรบัณฑิต จากมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ เมื่อปี พ.ศ. 2541
ปริญญาโท รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต การจัดการภาครัฐและเอกชน สำหรับผู้บริหาร สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า)
เมื่อปี พ.ศ. 2548

    สร้างชื่อเสียงจนเป็นที่รู้จักทางโทรทัศน์ จากการเป็นดาราของรายการสภาโจ๊ก โดยเป็นเงาเสียงของนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี
รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ด้านชีวิตครอบครัว นายณัฐวุฒิ สมรสกับ นางสิริสกุล ใสยเกื้อ มีบุตรชายหนึ่งคนคือ
ด.ช. นปก ใสยเกื้อ
    ได้เข้าร่วมงานกับพรรคไทยรักไทยในทีมปราศรัยล่วงหน้าของ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร
เคยลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ในนามพรรคไทยรักไทย เมื่อ 2 เมษายน พ.ศ. 2549
และได้รับเลือกเป็น ส.ส. แต่เกิดการปฏิวัติรัฐประหารเกิดขึ้นก่อน ต่อมาได้รับแต่งตั้งเป็นทีมโฆษกพรรคไทยรักไทย
นายณัฐวุฒิ เป็นแกนนำผู้ก่อตั้งบริษัท เพื่อนพ้องน้องพี่ จำกัด ที่ดำเนินการออกอากาศ สถานีโทรทัศน์พีทีวี
โดยดำรงตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการสถานี และเมื่อมีการก่อตั้ง นปก.ก็ได้รับตำแหน่งแกนนำ

    ปัจจุบันสังกัดพรรคพลังประชาชน พร้อมลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ระบบสัดส่วน กลุ่มที่ 8 พื้นที่จังหวัดภาคใต้ตอนล่าง
แต่ไม่ได้รับการเลือกตั้ง และเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551 ได้รับแต่งตั้งให้เป็นรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
ในรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช

[ผู้ทำลาย]

ตั้งชื่อ ลูกว่า นปก .. 


เขาบอกว่า บาปที่พ่อแม่ทำจะตกที่มาลูก มันคือเรื่องจริืง!!

[shishamo]

 

ชื่อเล่น    นปช       

[mar]

ขอประวัติ จตุพรหรือตู่ด้วย ใครเคยบอกว่าเคยถูกแจ้งความว่าข่มขืนด้วย ไม่รู้รายละเอียดว่าจริงรึเปล่า

[gabiNo]

ขอบคุณก๊าบบ ขอบคุณก๊าบบ 
......โห ไม่ทราบลุงถึก สไลเดอร์ ทำงานที่กองทะเบียนราษฎร์ หรือกองการจัดทำสัมโนประชากรรึเปล่าคะ  รู้ละเอียดตั้งแต่เกิดเลย ข้าน้อยขอคารวะ
อึ้งอ่ะ ตั้งชื่อกลุ่ม นปก ตามชื่อลูก  (หรือตั้งชื่อลูกตามชื่อ นปก หว่า)
อย่างงี้ลูกโตไป เพื่อนๆ ไม่รังเกียจแย่เหอ 

[เพื่อนร่วมชาติ]

ลุงถึกพอจะรู้วันที่มันจะติดคุกมั้ยครับ

  

[LEOidentity]

นายจตุพร พรหมพันธ์ เกิด วันที่ 5 ตุลาคม 2508 ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี จบการศึกษาโรงเรียนบ้านน้ำพุ, โรงเรียนบ้านบางฉาง จ.นครศรีธรรมราช และโรงเรียนวัดปทุมยการาม อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช

หลังจากนั้นเข้ากรุงเทพฯ ศึกษาต่อที่โรงเรียนวัดธาตุทอง, โรงเรียนวัดบวรนิเวศ แล้วมาเรียนต่อช่างก่อสร้างที่วิทยาลัยเทคนิคดุสิต แต่ไม่จบมาจบ ปวช.ที่โรงเรียนอินทรศึกษา

หลังจากศึกษาปริญญาตรีรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหงเริ่มทำงานเป็นครูดอย หรือครูอาสาที่ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ นาน 3 ปี เป็นคนตั้งพรรคศรัทธาธรรมกับ "อุสมาน ลูกหยี" ซึ่งเป็นพรรคกำลังหลักของ ม.รามคำแหง

นายจตุพรเป็นอดีตโฆษกพรรคไทยรักไทยและอดีต ส.ส. ระบบบัญชีรายชื่อของพรรค แจ้งเกิดทางการเมืองจากการเป็นผู้นำนักศึกษาช่วงเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ พ.ศ. 2535 เมื่อเกิดการปราบปรามผู้ชุมนุมที่ ถ.ราชดำเนิน และผู้ชุมนุมย้ายไปปักหลักที่รามคำแหง โดยมีจตุพรขึ้นไฮด์ปาร์กอย่างโดดเด่น

เข้าสู่วงการเมืองครั้งแรกด้วยการสังกัดพรรคพลังธรรมในช่วงที่มีนายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ เป็นหัวหน้าพรรค ต่อมาเริ่มใกล้ชิดกับนายภูมิธรรม เวชชยชัย รองประธานมูลนิธิอาสาสมัครเพื่อสังคม (มอส.) ในขณะนั้น ซึ่งต่อมาทำให้ได้มีส่วนร่วมในการก่อตั้งพรรคไทยรักไทย มาตั้งแต่นั้น

ดำรงตำแหน่งเป็นเลขานุการของนายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ รมว.กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สมัยรัฐบาลทักษิณ 1

นายจตุพร ทำงานการเมืองโดยมีกลุ่มนักศึกษารามคำแหงพรรคศรัทธาธรรมที่ตัวเองเป็นผู้ก่อตั้ง จึงมีชื่อที่รู้จักกันดีในสมัยเรียนว่า ตู่ ศรัทธาธรรม เป็นฐานกำลังคอยเคลื่อนไหว เช่นการให้กำลัง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร การมอบดอกไม้ กกต. ยุคสามหนา หรือการเดินขบวนไปหน้าสำนักงานหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ในสมัยที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เคลื่อนไหวขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

ต่อมาเข้าร่วมเป็น 1 ใน 8 แกนนำกลุ่ม นปก. ที่เคลื่อนไหวต่อต้าน คมช. ปัจจุบันได้เข้าสังกัดกับพรรคพลังประชาชน พร้อมกับลงรับสมัคร ส.ส. ในระบบสัดส่วนลำดับที่ 4 ของโซน 6 ที่ประกอบด้วยพื้นที่กรุงเทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการ

ในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ปี 2535 หลังเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ หันไปทำงานการเมืองเต็มตัวกับ พรรคพลังธรรมในช่วงหลังรุ่งโรจน์ของพรรคที่มีชัยวัฒน์ สินสุวงศ์เป็นหัวหน้าพรรค เมื่อหมดยุคพลังธรรมเข้าร่วมเป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทย ด้วยความเป็นนักพูดฝีปากดีจึงได้รับมอบหมายให้เป็นคณะทำงานชุดปราศรัยหาเสียงเลือกตั้ง ออกปราศรัยช่วยผู้สมัครพรรคไทยรักไทยทั่วประเทศบทบาทสำคัญที่เป็นที่กล่าวขาน และเป็นเครดิตติดตัวก็จากเหตุการณ์ ตุลาทมิฬ ปี2546 โคยในครั้งนั้นเกิดจาก"ผดุงศักดิ์ ฟื้นแสน" เลขาธิการกองทุนฟื้นฟูชีวิตเกษตรกร คนเดือนตุลา ซึ่งเป็นเพื่อนกับ นายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ นำไปฝากฝังให้เป็นที่ปรึกษา ตั้งแต่ครั้งนายประพัฒน์เป็น รมช.เกษตรและสหกรณ์ จนมาเป็น รมว.ทรัพยากรธรรมและสิ่งแวดล้อม และยังถูกกล่าวหาจากแกนนำม็อบสวนปาล์มที่ จ.กระบี่ว่าเป็นคนสั่งการให้ตำรวจเข้าไปสลายม็อบ แต่ออกมาโต้พร้อมกับอ้างว่าแกนนำม็อบขู่เรียกเงินจากเจ้าของบริษัท

จตุพร พรหมพันธุ์ รองโฆษกพรรคไทยรักไทยออกมาแสดงบทบาทและออกโรงปกป้องพรรคไทยรักไทยถี่ครั้งเป็นพิเศษและอย่างผิดสังเกตุในช่วงเวลานี้ โดยก่อนหน้านี้ตามธรรมดาจะเป็นหน้าที่หลักของ สุรนันท์ เวชชาชีวะ โฆษกพรรค หรือโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีอย่างน.พ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี หรือนี่จะเป็นหมากสำคัญที่ไทยรักไทยใช้ นั่นคือการวางเกมให้คนที่ได้ชื่อว่าเป็นลูกสะตอออกมาเป็นแม่ทัพสู้กับพรรคประชาธิปัตย์เจ้าของพื้นที่ปลายแหลมทองตัวจริง เป็นลักษณะเกลือต้องจิ้มด้วยเกลือ

แต่กระนั้นภาพของจตุพร พรหมพันธุ์ หากพูดกันแบบภาษาคนใต้แล้วคงไม่พ้นเป็นคน"คบยาก"ดังนั้นการที่จตุพรจะมาเป็นทัพหน้าทะลวงฟันพรรคประชาธิปัตย์ย่อมเป็นเรื่องยากยิ่ง คำตอบนี้ โยงถึงเหตุการณ์ ตุลาทมิฬ เมื่อกลางเดือนตุลา ปี46

ประวีณ จุลภักดี หนึ่งในเกนนำผู้ชุมนุมในครั้งนั้นยืนยันว่าจนวันนี้บทบาทของจตุพร ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นหนึ่งในแกนนำนักศึกษาในช่วงพฤษภาทมิฬ ปี2535ได้เปลี่ยนไปแล้ว "จิตวิญญานนักต่อสู้เพื่อประชาชนของเขาไม่มีแล้ว วันนี้ประชาชนชาวใต้รู้จักแล้วว่าจตุพร เป็นคนแบบไหน วันนี้เขาเลือกอยู่ข้างนายทุน" ทั้งยังย้อนถึงวันที่มีการสลายผู้ชุมนุมว่าแม้จะมีการพูดคุยตกลงกันไว้เป็นอย่างดีแต่จตุพรซึ่งถือเป็นตัวแทนของภาครัฐ และมีอำนาจเต็มที่ในที่นั้นกลับไม่รักษาสัญญาและนำเจ้าหน้าที่เข้าทำร้ายชาวบ้าน

บทบาทที่แปรเปลี่ยน
จากบันทึกของผู้ร่วมเหตุการณ์ไห้ภาพของการปะทะกันในช่วงเวลาเดียวกันนั้น :
"อย่านึกว่า ประท้วงช่วง เอเปก แล้วรัฐบาลจะไม่กล้าทำอะไร" เป็นคำพูดของจตุพร พรหมพันธุ์ ขณะเครือข่ายปฏิรูปที่ดินเพื่อคนจน เข้าชุมนุมในที่ดินของบริษัทไทยร่วมพัฒนาปาล์มจำกัด พื้นที่ หมู่ 4 ต.เขาเขน อ.ปลายพระยา จ.กระบี่ จากสัญญา 15 วัน รัฐบาลขอเวลาตรวจสอบพื้นที่และรายงานมาว่าตรวจสอบเรียบร้อยแล้วนั้น เจ้าหน้าที่รัฐที่รับผิดชอบกลับตอบไม่ได้ ว่าแต่ละพื้นที่ที่ตรวจสอบมีจำนวนเนื้อที่เท่าไหร่ เป็นที่ประ
เภทไหน บริษัทครอบครองด้วยสิทธิ์ใด ถ้ารัฐแก้ไขปัญหาไม่ได้พวกคุณจะเข้าไปยึดอีกครั้งก็ไม่มีใครว่า แต่ขอให้ถอยออกมาก่อน จากนั้น สภ.อ.ปลายพระยา จ.กระบี่ ได้มีการเรียกกำลังเจ้าหน้าที่ ตำรวจ จากทุกสถานี อส.เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่า ตำรวจ ตชด. หน่วยปฏิบัติการพิเศษ(นปพ.) จำนวนประมาณ 1500 นายเข้ารายงานตัว และ
เตรียมการสลายการชุมนุมของพี่น้องโดยวางแผนให้ชุดโล่และกระบอง เดินแถวหน้ากระดานเข้าถึงผู้ชุมนุม และมีชุดจับกุมแกนนำ . กลุ่มผู้ชุมนุม นั่งรอการเข้าสลายของเจ้าหน้าที่ โดยไม่มีการโต้ตอบใดๆ มีเพียงพระบรมฉายาลักษณ์ของ พระเจ้าอยู่หัว และการร้องเพลงชาติ สวดมนต์อ้อนวอน และละหมาด เพื่อขอให้เจ้าหน้าที่นำกำลังกลับไปโดยไม่มีความรุนแรง นาย จตุพร พรหมพันธ์ และนายทองหล่อ พลโคตร เดินเข้าไปเจรจากับผู้ชุมนุม และยื่นคำขาดว่าให้เวลา 15 นาที ไปคุยกับแกนนำแล้วมาเจรจากันอีกครั้ง การที่พวกคุณทำอย่างนี้รัฐบาลยอมไม่ได้ อย่านึกว่า ประท้วงช่วง เอเปก แล้วรัฐบาลจะไม่กล้าทำอะไร หลังจากนั้นต่างคนต่างประจันหน้า หลังจากฝ่ายรัฐสั่งถอนกำลัง 1500 นาย ออกจากเขาเขนเข้าสู่ สภ.อ.ปลายพระยา เตรียมสลายกลุ่มชุมนุม ในวันรุ่งขึ้นทั้งรอชุดปราบจราจล และคอมมานโดจากกรุงเทพฯ

พี่น้องหลายสิบคน ถูกกระทืบ ตบตี ด้วยอารมณ์ และความไร้สติของเจ้าหน้าที่ แม้ไม่ถึงขั้นนองเลือดแต่ความรู้สึกคับแค้นใจจุกแน่นในอกหลายคนกลับมาที่แค้มป์กลาง ด้วยความรู้สึกสลดหดหู่ เจ็บปวดและเสียใจ ที่เจ็บปวดที่สุด คือ คนที่สั่งสลายชาวบ้าน คือ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรี ประพัฒน์ หรือ ไอ้ก้านยาว เมื่อ 30 ปีที่แล้วแม้จะไม่มีใครกล้าถ่ายรูป แต่ชาวบ้านทุกคนที่เห็นพร้อมเป็นพยาน

[ผู้ทำลาย]

สิ่งที่แตกต่างกันของแม้วและหมักคือ

แม้วเลี้ยงหมาบ้า

หมักเลี้ยงแมวน่ารัก แง้วๆ


.....

[เช็คบิล]

ไอ้นี่มันมาจากเด็กนักพูดของคุณกรรณิกา ลองหาหนังสือของคุณกรรณิกา มาอ่านสิ อิอิ ไอ้นี่มันสกปรก กะดังอย่างไอ้อมฮอล์ นั่นแหละ บังเอิญมีทางดังก็เลยได้เกิด แต่ตอนนี้กำลังจะดับ 

[(ลุง)ถึก สไลเดอร์]

นายวัชระ เพชรทอง อดีตบรรณาธิการบริหาร นสพ.แนวหน้า ขึ้นปราศรัยบนเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
หน้าทำเนียบรัฐบาล โดยได้แฉถึงเบื้องหลังนายนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.ระบบสัดส่วนพรรคพลังประชาชน ที่มีบทบาทในการปกป้องระบอบทักษิณ
ในฐานะวอร์รูมของรัฐบาลขณะนี้

นายวัชระ กล่าวว่า นายจตุพรเป็นอดีตนักกิจกรรมจากมหาวิทยาลัยรามคำแหง เติบโตมาจากข้าวแดงแกงร้อนของพี่น้องถนนราชดำเนินในช่วงเหตุการณ์
เดือน พฤษภาคม 2535 ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับพี่น้องประชาชน แต่มาวันนี้นายจตุพรทำทุกวิถีทางที่จะให้นายสมัคร สุนทรเวช สลายการชุมนุมของพันธมิตรฯ ให้ได้

นายวัชระ เปิดเผยอีกว่า นายจตุพร ปัจจุบันอายุ 43 ปี ระบุอาชีพว่าทำธุรกิจส่วนตัว แต่ในความเป็นจริงไม่ทำธุรกิจอะไรเลย นอกจากแบมือขอเงินจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร

นายจตุพร เติบโตมาจากการเมืองภาคประชาชน ร่วมเคลื่อนไหวกับประชาชน แต่วันนี้เขากลับเสนอให้ปราบพี่น้องประชาชน ปลุกม็อบคนทั่วประเทศให้มาต่อต้านพันธมิตรฯ
ซึ่งทัศนะเช่นนี้ ไม่ใช่ทัศนะของนักกิจกรรมที่เคยกินข้าวปลาของพี่น้อง แต่ทัศนะแบบนี้เป็นของพวกขวาจัด และพวกทรยศต่อประชาชน

นายวัชระ กล่าวอีกว่า บิดาของนายจตุพร ชื่อนายชวน พรหมพันธุ์ เสียชีวิตแล้ว ส่วนมารดาชื่อนางนวง อายุ 87 ปี บ้านอยู่ ต.น้ำพุ อ.บ้านนาสาร

นายจตุพร แจ้งบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. มีมากถึง 8 ล้านบาท ทั้งที่สมัยเรียนอยู่ในรามคำแหง กินมาม่าต้มน้ำประปา ใส่ผักบุ้งจากสระพ่อขุน จะกินเหล้าก็กินเชียงชุน
ดีหน่อยก็เหล้าขาว ผสมน้ำแดง

นายวัชระกล่าวต่อว่า ในฐานะที่เป็นอดีตนักศึกษารามคำแหงเช่นกัน จึงอยากจะบอกให้นายจตุพรไปใช้หนี้ที่ยังค้างอยู่ คือ 1. หนี้ที่ยืมจากนักศึกษาหญิงคนหนึ่งจำนวน 1,500 บาท
ที่นำไปใช้ในงานรับน้องที่ภูหินร่องกล้า 2.หนี้ร้านข้าวแกงแม่สุพรรณบุรี โรงอาหารหลังที่ 1 ที่นายจตุพรเซ็นค่าอาหารในงานรับน้องไว้ 4,500 บาท และ 3.ค่าพิมพ์โปสเตอร์หาเสียง
เลือกตั้งองค์การนักศึกษา ที่ค้างโรงพิมพ์กัวเซ้ง คลองตันอยู่ประมาณ 10,000 บาท รวมแล้วยังมีหนี้ประมาณ 1 หมื่นเศษๆ ก็ยังไม่ใช้ แต่มีเงินถึง 8 ล้านกว่าบาท

“เขาทำอะไรครับพ่อแม่พี่น้อง เขานำม็อบ นปก.ไปบุกบ้าน พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ปลุกม็อบพีทีวีที่สนามหลวง ในบัญชีแสดงทรัพย์สินที่ยื่น ป.ป.ช. จตุพรบอกว่ามีบุตรสาวอายุ 8 ขวบ
ชื่อ ด.ญ.พอเพียง พรหมพันธุ์ ฝากเงินให้บุตรสาวคนนี้ 840.96 บาท เฉลี่ยแล้วฝากให้ลูกแค่ปีละ 100 กว่าบาท ดูความเป็นพ่อของนายจตุพร ขณะที่ญาติๆ
ของพตระกูลนี้ ฝากบอกมาว่าให้นายจตุพรเลิกใช้นามสกุลนี้เสีย”

นายวัชระ กล่าวต่อว่า นายจตุพรมีโทรศัพท์มือถือหลายเลข 086-5682345 เมื่อวันศุกร์ ได้สั่งการไปที่ ส.ส.ทั่วประเทศ สั่งไปที่ขอนแก่น ส.ส.ประจักษ์ แกล้วกล้าหาญ
ให้บอกกำนันสุนทร สีงสา มือขวาของ ส.ส.ประจักษ์ ไปจ้างหมอลำราตรี ศรีวิไล เจ้าตำรับหมอลำภาคอีสาน อ้างเป็นงานของจังหวัด ให้มาแสดงในงานชุมนุมต่อต้านพันธมิตร
แม่ราตรีเห็นว่าเป็นงานจังหวัดก็มางานนี้ แต่ปรากฏว่ามีคนมาชุมนุม 200-300 คน ค่าจ้างที่ว่าจะให้ 4 หมื่นบาท ก็จ่ายแค่ 4 พันบาท ทั้งที่ต้องทิ้งงานที่อื่นที่รับไว้
โดยที่พรรคพลังประชาชนอ้างว่าเป็นงานของจังหวัด แต่ที่จริงเป็นงานที่มาต่อต้านพวกเรา

นี่คือความเป็นจริง ธาตุแท้คนๆ หนึ่งที่กลายมาเป็นทาสของระบอบทักษิณ ซึ่งม่ใช่แต่นายจตุพร ยังมีหลายคนที่หลงเศษเงินของ พ.ต.ท.ทักษิณ เสพสุขกับเงินที่ทักษิณให้มา
ไม่สนใจความทุกข์ยากของประชาชน ไม่สนใจว่าทักษิณจะเปลี่ยนประเทศเป็นระบอบสาธารณรัฐหรือไม่

[see - u]

*  ขอบคุณค่ะ ... ลุงถึก  ที่เอาประวัติ พวกเวร นี่มาให้อ่าน
    ตายแล้ววว .......  ณัฐวุฒิ  เกิด 2518 เอง  ทำไมหน้าแก๊ แก่ แบบนี้  555 

    มีพี่ที่รู้จักคุ้นเคยกันคนหนึ่งอายุ 40 กว่า ๆ แล้ว  .... ยังหน้าเด็กกว่ามันเยอะเลย  ขอบอก  ( นอกเรื่องนิดนึง )

    โดยส่วนตัวได้ยินชื่อ ณัฐวุฒิ จากรายการ สภาโจ๊ก นะแหละ .... ( เมื่อก่อนเคยดู  ตลกดี )

    แต่พอไอ้เนี่ยย  เริ่มมามีส่วนร่วมกะ  นปก . > เกลียดมัน  < จริง ๆ เลยนะ

    จำได้ว่าตอนที่ม๊อบ  นปก. ยกพวกไปทำลายข้าวของแล้วตีกะตำรวจ ( รวมที่บ้านป๋า ด้วย )

    ณัฐวุฒิ ....  นี่แหละเป็นหนึ่งในคนที่กระตุ้นให้เกิดความรุนแรง

    ทุกวันนี้  คนชื่อ  ณัฐวุฒิ  ก็ไม่ได้มีดีอะไรนอกจาก ..... ขายตัว ให้  แม้ว  !!!

[yordpao]

รายการโต้คารม มัธยมศึกษาเคยดูึครับ แต่จำหน้าเค้าไม่ได้

ตั้งชื่อลูกว่านปก. เพราะกลัวว่าโตขึ้นลูกจะเป็นคนดี 555 เลยเอาความกาลากิณีมาใส่ให้เสียก่อน

[นายดอกเข็ม]

อดีตเด็กโต้คารมมัธยมศึกษาคนนี้
อาจารย์หมวดภาษาไทย โรงเรียนเบญจมราชูทิศ นครศรีธรรมราช
ปั้นมาจากหนึ่งในเด็กเกเร ที่ร่วมก๊วนอยู่กับแก๊งค์เด็กเกเรของโรงเรียน
เพราะเห็นมีแววของความกล้าพูด และสำเนียงทองแดงเป็นเอกลักษณ์
ร่วมทีมกับรุ่นน้องผู้หญิงอีกสองคน ซึ่งปัจจุบันตำแหน่งหน้าที่การงานดี
ทำงานสุจริตที่เกี่ยวข้องกับการสร้างสรรค์สังคมที่ดีงามทั้งสองท่าน

หลังจากเข้าเรียนระดับอุดมศึกษา ที่มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์
ก็ได้รับการชักนำเข้าสู่วงการจากทีมงานเดิมของรายการโต้คารมฯ
เคยลงสมัครรับเลือกตั้งที่นครศรีธรรมราชหลายครั้ง ปิ๋วตลอด

ทำให้สงสัยข้อความในประวัติ
"เคยลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ในนามพรรคไทยรักไทย
เมื่อ 2 เมษายน พ.ศ. 2549  และได้รับเลือกเป็น ส.ส."

ผมไม่ค่อยแน่ใจว่า เคยได้รับเลือกเป็น ส.ส. ในนาม ไทยรักไทยด้วยเหรอ
คราวที่มีการเลือกตั้ง เมื่อ 2549 (เทศกาล NO VOTE)
ไม่เห็นมีรายชื่อเด็กสามหาวคนนี้ ลงสมัคร ส.ส. ที่นครศรีธรรมราช
http://chauat.nakhonsithammarat.police.go.th/post/index.php?page=post11

หรือว่าได้รับเลือกตั้งในนามปาร์ตี้ลิสต์ครับ
งง ครับ เพราะเท่าที่จำได้ ที่นครฯ ไม่มีใครเอาขี้ข้านายทุนขายชาติตัวนี้
เท่าที่รู้ แค่กลับนครฯ ยังกลับไม่ได้ ต้องแอบ ๆ กลับ เพราะกลัวโดนประชาทัณฑ์

[hide]

ช่างกล้าตั้งชื่อลูกจริงๆ

แต่ดีแล้วพอลูกโตไปเพื่อนคงล้อกันว่า

ไอนรก ไอนรก 

ส่วนคุณจตุพร น่าสงสารจังสมัยเรียนอะ

เฮ่อ เอาน่ะก้อคนมันอยาก รวยยยยยยยยยยยย