login not found
|
 |
« ตอบ #50 เมื่อ: 12-09-2008, 13:06 » |
|
อืม...ก็สงสัย งานพวกนี้ต้องใช้ประสบการณ์จากเรื่องจริงอย่างมาก หากไม่ให้ผู้พิพากษาไปสอนนักศึกษากฎหมาย นักศึกษากฎหมายที่จบออกมามันจะบื้อทื่อขนาดไหน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
TheBluECaT
|
 |
« ตอบ #51 เมื่อ: 12-09-2008, 13:12 » |
|
การประกอบอาชีพอิสระ คือ การประกอบกิจการส่วนตัวต่าง ๆ ในการผลิตสินค้าหรือบริการที่ถูกต้องตามกฎหมาย เป็นธุรกิจของตนเองไม่ว่าธุรกิจนั้นจะเล็กหรือใหญ่ก็ตาม ซึ่งผู้ประกอบการสามารถที่จะกำหนดรูปแบบและวิธีดำเนินงานของตัวเองได้ตามความเหมาะสม ไม่มีเงินเดือนหรือมีรายได้ที่แน่นอนตายตัว ผลตอบแทนคือเงินกำไรจากการลงทุน
---------------
ผมมองยังไง "อาจารย์พิเศษ" ก็ไม่เข้ามาตรา 207 (4) น่ะครับ
หรือ พี่จ๊ะ คิดได้แค่ว่า แค่ได้ "เงิน" คือ อาชีพอิสระ เรอะครับ

|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"ยามบุญมากาไก่กลายเป็นหงส์ ยามบุญหลงหงส์เป็นกาน่าฉงน... ยามบุญมาหมูหมากลายเป็นคน ยามบุญหล่นคนเป็นหมาน่าอัศจรรย์"
|
|
|
ปุถุชน
|
 |
« ตอบ #52 เมื่อ: 12-09-2008, 13:32 » |
|
ห้องนั้น มันก็เป็นแบบนี้ล่ะครับ หลายครั้งแล้ว พูดเอง เออเอง แล้วก็เห่าหอนรับกันเป็นทอดๆ พอมีคนมาแย้งข้อมูล ก็พากันซาๆ ไป แล้วหาประเด็นใหม่ขึ้นมาเรื่อยๆ
อย่างเรื่องคุณอภิสิทธิ์หนีทหาร ผมก็เห็นพวกนั้นมันเล่นกันมาตั้งนาน เล่นกันเป็นปีแล้ว จนป่านนี้แล้วก็ยังเห็นอยู่ ถ้ามันเป็นอย่างที่ว่าจริง ทำไมไม่มีใครแจ้งกระทรวงกลาโหม เล่นงานนายอภิสิทธิ์ ทั้งๆ ที่นายสมัครเอง ก็เป็นเจ้ากระทรวง...
หรือเมื่อเร็วๆ นี้ เจ้า บก.ดัชเมเชี่ยน ตั้งกระทู้ว่าสนธิ ใช้โฉนดปลอม ไปขอกู้แบงค์ ได้เป็นสิบแบงค์ เอากะมันดิ.. มันไม่รู้เลยรึ ว่าโฉนดมันต้องไปจดจำนองที่สำนักงานที่ดิน ซึ่งที่นั่นมันมีโฉนดตัวจริงอยู่ แล้วแบงค์ที่ไหนจะโง่ ใช้โฉนดปลอมมากู้ได้ ซึ่งมันบอกว่าเป็นสิบแบงค์ ดู..ดู๊..ดู ดูเจ้า บก.ดัชเมเชี่ยน...
บก.ลายจุด มีประสบการณ์ในอดีต... กลุ่มนักการเมือง สส.กลุ่ม 16 ของพรรค ทรท. เช่น สุเทพ เนวิน สรอรรถ รต.ไพโรจน์ ทรงศักดิ์ วรากร วิทยา สนธยา เกษม เฉลิมชัย จำลอง ชูชาติ สมพงษ์ เป็นต้น เคยใช้ที่ดินทุ่งนาอิสานจำนวน 30,000 ไร่ไปจำนองกับธนาคารกรุงเทพพาณิชย์ ได้เงินไปเป็นพันล้านบาท ไม่ยอมถ่ายถอนคืน เมื่อปรส.เข้ามาจัดการ ต้องนำที่ดิน 30,000 ไร่ ไปรวมกับทรัพย์สินอื่นๆ เป็นตัวอย่างที่ ผู้ประมูลทรัพย์สิน ประมูลหนี้ ปรส.ในราคาถูกกว่าจำนวนหนี้ที่แจ้งไว้.....!!!
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-09-2008, 13:36 โดย ปุถุชน »
|
บันทึกการเข้า
|
หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด
อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
|
|
|
อยู่บำรุ๊ง .. บำรุง
|
 |
« ตอบ #53 เมื่อ: 12-09-2008, 13:49 » |
|
ตกลงวนอยู่แค่ีนี้อะนะ  ถ้าต่างฝ่ายต่างมีเหตุผลของตัวเอง มันก็จะวนอยู่แบบนี้แหละครับ ต่อให้ศาลออกมาตอบแล้วก็เถอะ ยังไงมันก็ไม่หยุดหรอกตัวอย่างมันมีอยู่จากคดีที่เพิ่งจะผ่านพ้นไป 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Solidus
|
 |
« ตอบ #54 เมื่อ: 12-09-2008, 16:06 » |
|
อืม...ก็สงสัย งานพวกนี้ต้องใช้ประสบการณ์จากเรื่องจริงอย่างมาก หากไม่ให้ผู้พิพากษาไปสอนนักศึกษากฎหมาย นักศึกษากฎหมายที่จบออกมามันจะบื้อทื่อขนาดไหน
ก็บื้อทื้อล่ะดีแล้ว พวกนักการแม้วจะได้กินกันสะดวก 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
The Last Emperor
|
 |
« ตอบ #55 เมื่อ: 12-09-2008, 17:03 » |
|
ข้างบนก็บอกกันอยู่แล้ว ว่าการรับเป็นอาจารย์พิเศษ เป็นงานพิเศษอย่างเดียวที่พวกผู้พิพากษาทำกันเป็นปกติ ส่วนคำถามว่าเป็นตุลาการศาลธรรมนูญ จะต้องพิเศษกว่าผู้พิพากษาทั่วไป จนต้องเลิกเป็นอาจารย์หรือไม่ ผมคิดว่าคงต้องเป็น "กูรูด้านจริยธรรม" แบบอะไรจ๊ะละมั้ง ถึงจะตอบได้ แต่ที่สุดแล้ว ไปฟ้องวุฒิสภาดีกว่านะ ทำให้มันถูกต้องไป ไม่ใช่เป็นพวก NATO  "รธน.ปี2550 กำหนดไว้ว่าประธานศาลรัฐธรรมนูญ และ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ต้องไม่ประกอบอาชีพอิสระอื่นๆไว้ชัดเจน อดีตรองประธานร่างรธน.ปี2550อย่าง 'รัลนี่ช่างไร้สปิริตด้านคุณธรรมและกฏหมายจริงๆ"
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
Matahari
|
 |
« ตอบ #57 เมื่อ: 12-09-2008, 18:07 » |
|
ข้างบนก็บอกกันอยู่แล้ว ว่าการรับเป็นอาจารย์พิเศษ เป็นงานพิเศษอย่างเดียวที่พวกผู้พิพากษาทำกันเป็นปกติ ส่วนคำถามว่าเป็นตุลาการศาลธรรมนูญ จะต้องพิเศษกว่าผู้พิพากษาทั่วไป จนต้องเลิกเป็นอาจารย์หรือไม่ ผมคิดว่าคงต้องเป็น "กูรูด้านจริยธรรม" แบบอะไรจ๊ะละมั้ง ถึงจะตอบได้
แต่ที่สุดแล้ว ไปฟ้องวุฒิสภาดีกว่านะ ทำให้มันถูกต้องไป ไม่ใช่เป็นพวก NATO
"รธน.ปี2550 กำหนดไว้ว่าประธานศาลรัฐธรรมนูญ และ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ต้องไม่ประกอบอาชีพอิสระอื่นๆไว้ชัดเจน อดีตรองประธานร่างรธน.ปี2550อย่าง 'รัลนี่ช่างไร้สปิริตด้านคุณธรรมและกฏหมายจริงๆ"  มารนปก หน้าโง่มีพันธ์เดียวในพวกนปก ขนาดศาลนะกม ห้ามเลยว่ามีอาชีพอื่นเว้นแต่เป็นอาจารย์สอนที่เป็นสาธารณะประโยชน์ในมหาวิทยาลัยที่ไม่ได้แสวงหากำไรตามกม นะ ท่านกระบือไร้สมอง ศาลก็เลยมีอาชีพเดียวคืออาจารย์สอนหนังสือได้มีมาตามปกติและมีมานานแล้วท่าน มารนปก หน้าโง่ที่เอาแต่เชือ 3 หัวกลมหน้าโง่แต่ด้นอยากเสือกความแหลของมัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Matahari
|
 |
« ตอบ #58 เมื่อ: 12-09-2008, 18:12 » |
|
ข้างบนก็บอกกันอยู่แล้ว ว่าการรับเป็นอาจารย์พิเศษ เป็นงานพิเศษอย่างเดียวที่พวกผู้พิพากษาทำกันเป็นปกติ ส่วนคำถามว่าเป็นตุลาการศาลธรรมนูญ จะต้องพิเศษกว่าผู้พิพากษาทั่วไป จนต้องเลิกเป็นอาจารย์หรือไม่ ผมคิดว่าคงต้องเป็น "กูรูด้านจริยธรรม" แบบอะไรจ๊ะละมั้ง ถึงจะตอบได้
แต่ที่สุดแล้ว ไปฟ้องวุฒิสภาดีกว่านะ ทำให้มันถูกต้องไป ไม่ใช่เป็นพวก NATO
"รธน.ปี2550 กำหนดไว้ว่าประธานศาลรัฐธรรมนูญ และ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ต้องไม่ประกอบอาชีพอิสระอื่นๆไว้ชัดเจน อดีตรองประธานร่างรธน.ปี2550อย่าง 'รัลนี่ช่างไร้สปิริตด้านคุณธรรมและกฏหมายจริงๆ"  และมารนปก หน้าโง่ไร้สมองก็ไม่คิดเหรอว่าศาลคนอืนๆๆที่เป็นศาลรธน.เขาก็เป็นอาจารย์สอนทุกคน คนโง่ย่อมเป็นเหยื่อคนฉลาดเช่น นปก หน้าโง่ ศาลที่เป็นรธน นะ เป็นอาจารย์ทึกคนที่กม ไม่ห้ามให้ศาลประกอบอาชีพที่มีคุณและโทษต่ออาชีพ ท่านมารนปก หน้าโง่ไร้สมอง คือไม่เคยแสวงหาความจริง หรือแสวงหาข่าวเพื่อลดความโง่ที่มีมากในมารนปก หน้าโง่
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
sak
|
 |
« ตอบ #59 เมื่อ: 12-09-2008, 18:57 » |
|
คนเราแตกต่างกันในด้านความคิดและจิตใจ สมัครและ3เกลอ เปรียบเสมือนบัวใต้ดิน ส่วนพวก ส.ส. พปช.เปรียบเสมือน บัวไม่พ้นนำ้ คนอย่างอาจารย์จรัล อย่างไรเค้าก้คงไม่โง่เหมือนอย่างสมัครและพวก3เกลอหัวควาย อย่างไอ้ 3 เกลอหัวควาย ใครว่างช่วยหยิบฆ้อนไปทุบหัวมันที เพื่อสมองมันจะดีขึ้นบาง และหาผักบุ้งให้พวก3เกลอ กินหน่อยเพื่อจะตาสว่างบาง 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
|
ปุถุชน
|
 |
« ตอบ #62 เมื่อ: 12-09-2008, 23:02 » |
|
สามเกลอหัวกลม วนเวียนเล่นเรื่องลูกจ้าง ลามไปถึงคุณหญิง สตง.แล้ว
ก็กรณีเป็นอาจารย์พิเศษ เช่นเดียวกัน  หากต้องอธิบายให้พวกแนวร่วมนรกป่วนกรุง ณัฐวุฒิ วีระ จตุพร และ บัตรเติมเงินในนี้ คงต้องตอบทื่อๆ ว่า.... คิดว่าผิดจริง ก็ไปฟ้องร้อง เหมือน สว.เรืองไกรคนนั้นฟ้องนายเส-นียด ให้ศาลยุติธรรม วินิจฉัยเอง.....!!!
อย่าตะแบงว่า อาจารย์จรัญ ก็เป็น'ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ' ท่านมีคุณธรรม และ จริยธรรมเพียงพอไม่นั่งโหวตให้ตนเองหรอก....!!!
ไม่เอาอย่างประธานสภา โภชิน โหวตไว้วางใจรัฐมนตรีพรรคไทยรักไทย.....
หรือ อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ'คนใหม่' ชื่อศักดิ์... โหวตให้ทักษิณพ้นผิดคดีซุกหุ้นI (4+4):7 ทั้งที่เพิ่งเข้าไป ยังไม่รู้เรื่อง ไม่ได้อ่านสำนวนคดีด้วยซ้ำไป....ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-09-2008, 23:11 โดย ปุถุชน »
|
บันทึกการเข้า
|
หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด
อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
|
|
|
|
samepong(ยุ่งแฮะ)
|
 |
« ตอบ #64 เมื่อ: 13-09-2008, 21:40 » |
|
มาตรา 49 บุคคลย่อมมีสิทธิเสมอกันในการรับการศึกษาไม่น้อยกว่า 12 ปีที่รัฐจะต้องจัดให้อย่างทั่วถึง และมีคุณภาพ โดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย ผู้ยากไร้ ผู้พิการหรือทุพพลภาพ หรือผู้อยู่ในสภาวะยากลำบาก ต้องได้รับสิทธิตามวรรคหนึ่งและการสนับสนุนจากรัฐ เพื่อให้ได้รับการศึกษาโดยทัดเทียมกับบุคคลอื่น การจัดการศึกษาอบรมขององค์กรวิชาชีพ หรือ เอกชน การศึกษาทางเลือกของประชาชน การเรียนรู้ด้วยตนเอง และการเรียนรู้ตลอดชีวิต ย่อมได้รับความคุ้มครองและส่งเสริมที่เหมาะสมจาก รัฐมาตรา 50 บุคคลย่อมมีเสรีภาพในทางวิชาการ การศึกษาอบรม การเรียนการสอน การวิจัย และการเผยแพร่งานวิจัยตามหลักวิชาการ ย่อมได้รับความคุ้มครอง ทั้งนี้ เท่านี้ไม่ขัดต่อหน้าที่ของพลเมือง หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน มาตรา 52 วรรคหนึ่ง เด็กและเยาวชนมีสิทธิในการอยู่รอดและได้รับการพัฒนาด้านร่างกาย จิตใจ และสติปัญญาตามศักยภาพ ในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม โดยคำนึงถึงการมีส่วนร่วมของเด็กและเยาวชนเป็นสำคัญ
คนที่ตะแบงว่า รธน.ใหญ่สุด นี่ครับ บัญญัติไว้เต็มที่เลยว่า การสอนเป็นสิทธิ ตามรฐธรมนูญ หมวดการศึกษา มาตรา50 ซึ่งรัฐธรรมนูญมาตรา 50 ให้การรับรองไว้ว่า บุคคลย่อมมีเสรีภาพทางวิชาการ การศึกษาอบรม การเรียนการสอน การวิจัย และการเผยแพร่งานวิจัยตามหลักวิชาการ ดังนั้นการสอนหนังสือดังกล่าวจึงเป็นลักษณะ ของอาจารย์พิเศษ ไม่ใช่ลูกจ้าง
ดังนั้นช่วยหอนเบาๆหน่อยว่า รธน.ใหญ่สุด เพราะ ว่า มาตรา50รับรองแล้วนะครับ จบเรื่องนี้ ชัดเจนนะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
เวลาจะพิสูจน์ความเชื่อ สักวัน ไม่ว่าความเชื่อนั้นจะถูกหรือผิด ผมขอรับไว้ด้วยตัวเอง คิเสียว่าทำแล้วเสียใจดีกว่าเสียใจที่ไม่ได้ทำ
|
|
|
AKE LAKSI
|
 |
« ตอบ #65 เมื่อ: 15-09-2008, 15:56 » |
|
ก็บื้อทื้อล่ะดีแล้ว พวกนักการแม้วจะได้กินกันสะดวก   อั้ย3ตัวนี่หน้าคุ้นๆนะ แกงค์ ออฟ โฟร์ หรือเปล่า
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
the OCEANER
สมาชิกสามัญขั้นที่ 1

ออฟไลน์
กระทู้: 43
|
 |
« ตอบ #67 เมื่อ: 15-09-2008, 23:21 » |
|
มาตรา ๒๐๗ ประธานศาลรัฐธรรมนูญและตุลาการศาลรัฐธรรมนูญต้อง
(๑) ไม่เป็นข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำ (๒) ไม่เป็นพนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือราชการส่วนท้องถิ่น หรือไม่เป็นกรรมการหรือที่ปรึกษาของรัฐวิสาหกิจหรือของหน่วยงานของรัฐ (๓) ไม่ดำรงตำแหน่งใดในห้างหุ้นส่วน บริษัท หรือองค์การที่ดำเนินธุรกิจโดยมุ่งหาผลกำไรหรือรายได้มาแบ่งปันกัน หรือเป็นลูกจ้างของบุคคลใด (๔) ไม่ประกอบวิชาชีพอิสระอื่นใด
เห็นได้ชัดว่า การกระทำของ คุณจรัญ ภักดีธนากุล ขัดต่อมาตรา ๒๐๗ อย่างชัดเจน เจตนารมณ์ของมาตรา ๒๐๗ นั้น มีใจความว่า ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญนั้น ไม่ควรทำงานอื่นใดทั้งสิ้น นอกจากการดำรงตำแหน่งเป็นตุลาการ หากจะกล่าวอ้างในส่วนของ มาตรา ๕๐ นั้น คุณจรัญ ภักดีธนากุล ควรลาออกจากตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อกลับไปเป็นประชาชน โดยไม่ได้ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ
มาตรา ๕๐ บุคคลย่อมมีเสรีภาพในทางวิชาการการศึกษาอบรม การเรียนการสอน การวิจัย และการเผยแพร่งานวิจัยตามหลักวิชาการย่อมได้รับความคุ้มครอง ทั้งนี้ เท่าที่ไม่ขัดต่อหน้าที่ของพลเมืองหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน
ทั้งนี้ เท่าที่ไม่ขัดต่อหน้าที่ของพลเมืองหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ทั้งนี้ เท่าที่ไม่ขัดต่อหน้าที่ของพลเมืองหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ทั้งนี้ เท่าที่ไม่ขัดต่อหน้าที่ของพลเมืองหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน
จะเห็นได้ว่า มาตรา ๕๐ ที่คุณจรัญ กล่าวอ้างนั้น เป็นเพียงแต่วรรคแรกเท่านั้น แต่ในวรรคท้ายได้บัญญัติไว้ว่า "-----ทั้งนี้ เท่าที่ไม่ขัดต่อหน้าที่ของพลเมืองหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน-----"
ให้เห็นกันชัดๆอีกครั้ง ทั้งนี้ เท่าที่ไม่ขัดต่อหน้าที่ของพลเมืองหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน
หน้าที่ของพลเมือง ของ คุณจรัญ ภักดีธนากุล ในขณะนี้นั้น ได้ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญแห่งรัฐ ดังนั้น คุณจรัญ ภักดีธนากุล มีหน้าที่ต่อรัฐด้วยตำแหน่งดังกล่าว ซึ่งควรจะต้องยึดหลักตามบทบัญญัติมาตรา ๒๐๗ เป็นหลัก การอ้างมาตรา ๕๐ นั้น สังคมควรถามหาจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญท่านนี้ ว่าจริงๆแล้ว คุณจรัญ ภักดีธนากุล เหมาะสมแล้วหรือไม่ สำหรับการกระทำในหน้าที่ของตนเอง หรือ คุณจรัญ ภักดีธนากุล มีความบกพร่องเกี่ยวกับศีลธรรมอันดีของประชาชน
ทั้งนี้ คุณจรัญ ภักดีธนากุล มีปัญหาและมีความบกพร่องทางศีลธรรมอันดี และจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตามมาตรา ๒๗๙ ใช่หรือไม่
และทั้งนี้[อีกครั้งหนึ่ง] คุณจรัญ ภักดีธนากุล ไม่เพียงแต่เป็นแค่ประชาชนและพลเมืองคนหนึ่งของรัฐ แต่ยังดำรงตำแหน่งเป็นถึงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เห็นได้ชัดว่า ผู้ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญนั้น ควรจะต้องคำนึงถึงหลักเกณฑ์ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ เป็นกรณีพิเศษ หรือว่า จริงๆแล้ว การกล่าวอ้าง มาตรา ๕๐ มานั้น เป็นกรณีพิเศษแห่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจริงๆ
ดังนั้น ศาลรัฐธรรมนูญ ควรจะต้องเปิดพจนานุกรมเพื่อช่วยในการแปลความหมายที่ชัดเจนของคำของภาษาไทยอีกครั้ง
จริยธรรม ตามพจนานุกรมเช่นเดียวกันแปลว่า ธรรมที่ควรยึดถือเป็นข้อปฏิบัติและควรประพฤติ ทั้งนี้ผมก็ต้องขอขยายความเพิ่มเติมว่า จริยธรรมเป็นหลักการและกฎเกณฑ์ต่างๆ กอปรกับเป็นสำนึกที่ต้องพิจารณาว่าควรนำไปประพฤติปฏิบัติอย่างไรให้เหมาะสมกับความถูกต้อง ไม่บิดเบือน หรือละเมิดข้อตกลงที่พึงประสงค์และพึงจะเป็น โดนตั้งอยู่บนหลักการของการสำนึกในหน้าที่ที่ต้องประพฤติปฏิบัติด้วยความถูกต้อง เที่ยงธรรม และสำคัญที่สุดด้วยการสำนึกในความผิด ละอายแก่ใจ เมื่อล่วงละเมิดความถูกต้องในการครองตน ทั้งต่อการดำเนินชีวิตประจำวันและต่อวิชาอาชีพของตนเองและองค์กรหมู่คณะ
จรรยาบรรณ ก็จะมีนัยความหมายที่คล้ายคลึงกับหลักการข้างต้น เพียงแต่ว่าจะเน้นที่ระเบียบ และ/หรือ ข้อตกลง ที่อาจเป็นลายลักษณ์อักษร หรือทางวาจาใจ ที่ควรยึดถือประพฤติปฏิบัติในทางที่ถูกที่ควรตามระเบียบหลักเกณฑ์ที่พึงจะเป็น
คุณธรรม-จริยธรรม นั้น สำหรับมนุษย์ทั่วไปที่ ภูมิปัญญา-สติปัญญา ที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า MENTALITY ตกอยู่ในระดับล่าง มักจะไม่เข้าใจและ ไม่มีทางลึกซึ้ง กับนัยความหมายสำคัญกับสองคำนี้ ซึ่งเป็นกรณีที่เข้าใจได้ง่ายถึง กระบวนการอบรมบ่มสั่งสอน และ สภาพแวดล้อม ไม่เอื้ออำนวยและขาดตกบกพร่อง โดยที่สามารถนำมากล่อมเกลาให้รู้และเข้าใจในหลักการพื้นฐานได้
แต่ในขณะเดียวกัน เป็นกรณีที่น่า ตกใจ และ เสียใจ อย่างมากที่ผู้คนจำนวนมากที่มีสถานะทางครอบครัว สังคม เศรษฐกิจ การศึกษาดี และหน้าที่การงานดี แต่ยัง พร่อง ความรู้ความเข้าใจ และ ตระหนัก-สำนึก กับ คุณธรรม-จริยธรรม ที่ควรคำนึงประพฤติปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ ระเบียบ และข้อตกลงทั้งลายลักษณ์อักษรและทางวาจาใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความละอายใจ หรือภาษาอังกฤษเรียกว่า หิริโอตตัปปะ : ละอายใจและเกรงกลัวต่อบาป!
ปัญหา คุณธรรม-จริยธรรมเสื่อม ในปัจจุบัน เป็นที่อภิปรายถกเถียงกันอย่างกว้างขวาง จนกระทั่งต้องเริ่มมีการรณรงค์กันอย่างจริงจังในปัจจุบัน แต่ผมหวาดๆ ว่า การรณรงค์จริงๆ จังๆ อาจเป็นเพียง ไฟไหม้ฟาง และที่สำคัญ สาธารณชนทั่วไปอาจไม่ใส่ใจและให้ความสนใจกับหลักการและปรัชญาของคุณธรรม จริยธรรม
ระบบการศึกษาไทย ทั้งในระบบและนอกระบบ (สภาพแวดล้อมสังคม) ควรจะต้องเริ่มปลูกฝังและบรรจุในหลักสูตรกันใหม่อีกครั้ง แต่ผมว่า พ่อแม่-ครอบครัว เป็นสถาบันหลักที่ต้องเริ่มตั้งแต่ต้น มิฉะนั้นเราจะไม่ถูกตำหนิว่า พ่อแม่ไม่สั่งไม่สอน!
จริงๆ แล้ว ประชาชนโดยทั่วไป ไม่ว่าจะอยู่ในระดับใด สถานะทางสังคม-เศรษฐกิจจะเป็นเช่นไร ประกอบสัมมาชีพอะไร ข้าราชการ-นักการเมือง-นักธุรกิจ จำต้อง สำนึก-ตระหนัก อย่างมากกับ คุณธรรม-จริยธรรม มิเช่นนั้น สมานฉันท์ และ ประโยชน์ร่วม จะไม่เกิดขึ้น พร้อม ความสงบสุข ในองค์กรและสังคมก็จะมีแต่ ถูกลิดรอน!
สุดท้ายที่สุด ความหวาดระแวง ก็จะเกิดขึ้น เมื่อคิดแต่ เอารัดเอาเปรียบ ชิงไหวชิงพริบกัน! ทั้งๆ ที่อาจจะอยู่ใน สังคมเดียวกัน! ไม่ว่าจะเป็น สังคมธุรกิจ หรือ สังคมองค์รวม!
the OCEANER
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
mebeam
|
 |
« ตอบ #68 เมื่อ: 15-09-2008, 23:25 » |
|
ไม่รู้นะครับ ผมเห็นฝ่ายทักษิณบอกว่ามีอะไรผิดกฎหมาย แต่ไปฟ้องทีไร มักจะหน้าแตก แพ้คดีซะทุกที  เห็นด้วยครับ หน้าแตกแพ้เสียทุกคดี จนเดี๋ยวนี้ พอใครจะยื่นฟ้อง อะไรพรรค พปช หรือคนในพรรค ผมก็ไม่หวังอะไรแล้วครับ แพ้แน่ๆ มีอีกหลายคดี ที่ติดตามรายละเอียดอยู่ เดี๋ยวนี้ก็ปลง แล้ว ผิดทุกคดีแน่ๆ 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
May The Force Be With You
|
 |
« ตอบ #69 เมื่อ: 16-09-2008, 00:26 » |
|
เห็นด้วยครับ หน้าแตกแพ้เสียทุกคดี จนเดี๋ยวนี้ พอใครจะยื่นฟ้อง อะไรพรรค พปช หรือคนในพรรค ผมก็ไม่หวังอะไรแล้วครับ แพ้แน่ๆ มีอีกหลายคดี ที่ติดตามรายละเอียดอยู่ เดี๋ยวนี้ก็ปลง แล้ว ผิดทุกคดีแน่ๆ  ผิดแล้วไม่ยอมรับผิด โทษฟ้า โทษดิน โทษศาล เคยพิจารณาตนเองไหม
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"เจไดที่ฉลาดมากๆ คนหนึ่งเคยบอกข้าไว้ว่าเราไม่จำเป็นต้องชนะ แต่เราต้องสู้"
|
|
|
mebeam
|
 |
« ตอบ #70 เมื่อ: 16-09-2008, 00:59 » |
|
สรุป ใจความ 4ข้อ ของข้อห้าม ถ้าตีเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูน ก็คง ให้เป็น ตุลาการรัฐธรรมนูน อย่างเดียว ห้ามไปทำงานอย่างอื่น เพื่อรับเงินพิเศษนอกเหนือจากเงินเดิอน ถ้าไปทำแล้วได้เงินพิเศษ นอกจากเงินเดือน ก็ถือว่าไม่ถูก แล้วยิ่งทำเป็นประจำ แต่อาจไม่บ่อย ก็ต้องผิด - ถ้านายจรัญ ไม่ได้รับเงิน ค่าสอน ก็คงไม่ผิดเจตนารมณ์ ของรัฐธรรมนูน เพราะถือว่าสอนฟรี บรรยายฟรี เป็นคนช่างประเสริฐจริงๆๆ สมควรเชิดชู - แต่ถ้า นายจรัญ ไปบรรยาย หรือสอนพิเศษ เพื่อแลกเงิน ล่ะ คิดว่าผิดเจตนารมณ์ ของรัฐธรรมนูน ใหม ขำคนที่ตีความ วิชาชีพอิสระ ดูมันไม่เข้าท่า ลองดูตามผมดู กฏหมาย ห้ามข้อ 1 ห้ามข้อ 2 ห้ามข้อ 3 แล้วกลัวจะมีคนรอดช่อง ไปได้ ก็เลย ห้ามอาชีพอื่นๆเสียทุกอาชีพ ใ นข้อ 4 ใช้คำว่า วิชาชีพอิสระอื่นๆ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
The Last Emperor
|
 |
« ตอบ #71 เมื่อ: 16-09-2008, 09:18 » |
|
ปรกตินิสัยของ'รัลจะว่องในเรื่องการตอบโต้ เช่น กรณีการแก้รธน.นั่นไงที่ไม่เกี่ยวกับสถานะภาพของตุลาการรธน.ซะหน่อยเพราะมันเป็นเรื่องของสภา แต่'รัลก็ทำว่องแส่แสดงทัศนอคติของตัวเองออกมาให้คนเห็น "ทาส"แท้ว่าเป็นบุคคลที่ไม่เหมาะสมที่จะทำงานในตำแหน่งที่ให้คุณให้โทษกับใคร แต่พอเรื่องเกี่ยวกับตัวเองที่กระทำผิดประจำอย่างชัดเจนมาเกือบ 1 ปี แต่กลับหุบปากไม่กล้าออกมาแก้ต่าง กลับส่งทนายหัวเหน่งแนวร่วมออกมาเถียงข้างๆคูๆว่ามาตรา 50 ให้สิทธิและเสรีภาพในการประกอบอาชีพ แต่หัวเหน่งลืมไปสนิทว่า ม. 50 ดังกล่าวเค้ารับรองให้กับบุคคลทั่วๆไปที่ไม่ได้เป็นประธานศาลรธน.และตุลาการรธน.ใน ม. 207 ความอัปยศและไร้ยางอาย(หน้าด้าน)ของ'รัลจึงถือได้ว่าคณะตุลาการศาลรธน.ชุดนี้มีความชอบธรรมและมีจริยธรรมเพียงพอที่จะดำรงตำแหน่งดังกล่าวอยู่อีกหรือไม่ในเมื่อคำวินิจฉัยในคดีของคุณสมัครก็ใช้คำจำกัดความ 'ลูกจ้าง' อันหมายถึงการรับผลประโยชน์ใดๆจากผู้อื่นมาเป็นประเด็นหลักในการวินิจฉัยความผิดของคุณสมัคร!?! 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|