ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
10-05-2025, 06:06
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  สมัคร VS จรัล "ลูกจ้างเหมือนกันแต่ไม่เหมือนกัน ( ฝากไปให้ลากดำนา ) 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1] 2
สมัคร VS จรัล "ลูกจ้างเหมือนกันแต่ไม่เหมือนกัน ( ฝากไปให้ลากดำนา )  (อ่าน 8506 ครั้ง)
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« เมื่อ: 11-09-2008, 20:30 »

ไขปริศนา! "จรัญ ภักดีธนากุล" เป็นอาจารย์พิเศษมหาวิทยาลัยเอกชนต้องพ้นเก้าอี้ตุลาการศาล รธน.หรือไม่

แม้กรณีของนายสมัคร สุนทรเวชและนายจรัญ ภักดีธนากุล อาจมีข้อเท็จจริงและองค์ประกอบแตกต่างกันในหลายประเด็น แต่เมื่อมีข้อสงสัยในเรื่องดังกล่าวและเพื่อดำรงความน่าเชื่อและศรัทธาของศาลรัฐธรรมนูญต่อสาธารณชน ศาลรัฐธรรมนูญจึงควรทำเรื่องนี้ให้หระจ่าง

การที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า คำว่า"ลูกจ้าง"ในคดีที่นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี มีการกระทำต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 267 เนื่องจากเป็นพิธีกรในรายการ "ชิมไปบ่นไป"และ "ยกโขยงหกโมงเช้า" ของบริษัท เฟซ มีเดีย ต้องแปลความให้กว้างกว่าประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์กล่าวคือ ไม่ต้องคำนึงสภาพการจ้างหรือลักษณะความสัมพันธ์ระหว่างผู้จ้างกับผู้รับจ้างเพียงอย่างเดียวนั้น

แต่หมายถึง "ผู้รับจ้างทำการงานผู้ซึ่งตกลงทำงานให้นายจ้างโดยได้รับค่าจ้าง ไม่ว่าจะเรียกชื่ออย่างไร โดยมิคำนึงถึงว่าจะมีการทำสัญญาจ้างเป็นลายลักษณ์อักษรหรือไม่ หรือได้รับค่าตอบแทนเป็นค่าจ้าง สินจ้าง หรือค่าตอบแทนในลักษณะที่เป็นทรัพย์สินอย่างอื่น หากมีการตกลงเป็นผู้รับจ้างทำการงานแล้ว" (พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2542)

ทำให้มีผู้ตั้งข้อสงสัยว่าการที่ นายจรัญ ภักดีธนากุล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เป็นอาจารย์พิเศษสอนหนังสือในสถาบันการศึกษาทั้งมหาวิทยาลัยของรัฐและมหาวิทยาลัยเอกชนโดยได้รับค่าตอบแทนการสอนนั้นเป็นการกระทำต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 207 (2) และ (3) ของประธานและตุลาการศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่

การกระทำต้องห้ามดังกล่าวคือ
 
(2) ไม่เป็นพนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจหรือราชการส่วนท้องถิ่น หรือไม่เป็นกรรมการหรือที่ปรึกษาของรัฐวิสาหกิจหรือหน่วยงานของรัฐ

(3)ไม่ดำรงตำแหน่งใดในห้างหุ้นส่วน บริษัท หรือองค์การที่ดำเนินธุรกิจโดยมุ่งหาผลกำไรหรือรายได้มาแบ่งปันกันหรือเป็นลูกจ้างของบุคคลใด (ข้อความเช่นเดียวกับมาตรา 267)

อย่างไรก็ตาม ในกรณีคดี "ชิมไปบ่นไป" ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยประเด็นที่ บริษัท เฟซ มีเดียมีความสัมพันธ์กันอย่างยาวนานหลายปีระหว่างนายสมัครกับบริษัทในเชิงธุรกิจ ตั้งแต่ก่อนดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีก รวมทั้งการได้รับค่าตอบแทนอย่างสมฐานะ และภารกิจกล่าวคือได้ค่าตอบแทนเดือนละ 80,000 บาท และเมื่อดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี ก็ยังคงทำงานในลักษณะดังกล่าวต่อไป  เพียงแต่เปลี่ยนแปลงสภาพการจ้างเท่านั้น

ทั้งนี้คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญตอนหนึ่งระบุว่า

"การทำให้เจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญดังกล่าวบรรลุผล จึงไม่ใช่แปลความคำว่า "ลูกจ้าง" ในรัฐธรรมนูญ มาตรา 267 เพียงหมายถึงลูกจ้างตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ตามกฎหมายคุ้มครองแรงงานหรือตามกฎหมายภาษีอากรเท่านั้น เพราะกฎหมายแต่ละฉบับย่อมมีเจตนารมณ์ที่แตกต่างกัน ซึ่งแตกต่างกันไปตามเหตุผล และการบัญญัติกฎหมายนั้นๆ ทั้งกฎหมายดังกล่าวก็ยังมีศักดิ์ต่ำกว่ารัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดในการปกครองประเทศ และยังมีเจตนารมณ์เพื่อป้องกันการกระทำที่เป็นการกระทำขัดกันแห่งผลประโยชน์แตกต่างจากกฎหมายดังกล่าวอีกด้วย

"มิฉะนั้นผู้เป็นลูกจ้างหรือผู้ที่รับจ้างรับค่าจ้างเป็นรายเดือนในลักษณะสัญญาจ้างแรงงาน เมื่อได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีก็สามารถทำงานต่อไปได้ โดยเปลี่ยนค่าตอบแทนจากค่าจ้างรายเดือน มาเป็นสินจ้างตามการทำงานที่ทำ เช่น แพทย์เปลี่ยนจากเงินเดือนมาเป็นค่ารักษาตามจำนวนคนไข้ ที่ปรึกษากฎหมายก็เปลี่ยนจากเงินเดือนมาเป็นค่าปรึกษาหรือค่าทำความเห็นมาเป็นรายครั้ง ซึ่งก็ยังผูกพันกันในเชิงผลประโยชน์กันอยู่ระหว่างเจ้าของกิจการกับผู้ที่รับทำงานให้ เห็นได้ชัดเจนว่ากฎหมายย่อมไม่มีเจตนารมณ์ให้หาช่องทางหลีกเลี่ยงให้ทำได้โดยง่าย "

ขณะเดียวกันบริษัทเฟซ มีเดียกับมหาวิทยาลัยของรัฐและมหาวิทยาลัยเอกชนก็มีสถานะและวัตถุประสงค์แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

โดยบริษัท เฟซ มีเดียเป็นองค์การธุรกิจที่แสวงหากำไร ขณะที่มหาวิทยาลัยรัฐและมหาวิทยาลัยเอกชนมิใช่องค์การธุรกิจที่แสวงกำไรตามกฎหมาย

นอกจากนั้นงานพิธีกรรายการทีวีเป็นธุรกิจเต็มรูปแบบ ขณะที่งานสอนหนังสือเป็นการบริการสาธารณะอย่างหนึ่ง

แม้กรณีของนายสมัคร และนายจรัญ อาจมีข้อเท็จจริงและองค์ประกอบแตกต่างกันในหลายประเด็น

แต่เมื่อมีข้อสงสัยในเรื่องดังกล่าวและเพื่อดำรงความน่าเชื่อและศรัทธาของศาลรัฐธรรมนูญต่อสาธารณชน ศาลรัฐธรรมนูญจึงควรทำเรื่องนี้ให้กระจ่างหรือ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือประชาชนที่สงสัยว่า พฤติการณ์และการกระทำของนายจรัญขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ สามารถเข้าชื่อกันยื่นต่อประธานวุฒิสภาเพื่อให้วินิจฉัยหรือถอดถอนนายจรัญตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 270-271 ได้


( มติชน )
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-09-2008, 20:42 โดย Can ไทเมือง » บันทึกการเข้า

Sweet Chin Music
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,613



« ตอบ #1 เมื่อ: 11-09-2008, 20:40 »

จริงๆแล้ว ชื่อท่าน ลงท้ายด้วย "ญ" นะครับ ไม่ใช่ "ล"

แต่เห้นฝั่งนู้น ใช้ "ล" อยู่บ่อยๆ ใครรู้จักคนพิมพ์ใบบอก วานช่วยกระซิบไปแก้ให้ทีนะครับ

เพราะเห็นมาตั้งนานแล้ว ไม่ยอมแก้กันสักที 

-------------------------------

ส่วนห้อง รดน. ตั้งกระทู้ให้แล้วครับ ใครว่างๆ ไม่ห่วงอมยิ้ม ไปช่วยลุยให้หน่อย อิอิ


http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P6989175/P6989175.html
บันทึกการเข้า


You'll Never Walk Alone
เข้าไปกันได้ค๊าป- - - >http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sweetchinmusic&group=1
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #2 เมื่อ: 11-09-2008, 20:49 »

ด้วยเหตุผล การรับจ้างบริษัทที่แสวงหากำไร กับ ลูกจ้างสถาบันการศึกษา ซึงไม่แสวงหากำไร แบบนี้

ลิ่วล้อ "รับไม่ได้" เพราะชอบตีความครึ่งดียว คือ "ลูกจ้างหรือเปล่า..." ก็ คงได้แค่นั้นครับ

สุดท้ายก็บอกว่า "แถ" อีกตามเคย อิ อิ


 
บันทึกการเข้า

shishamo
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 127


ผิดมั้ยที่เชียร์พันธมิตร เรื่องของช้าน...


« ตอบ #3 เมื่อ: 11-09-2008, 21:10 »

 

ไม่เข้าก็รู้คะ  รด มีเหตุผลไป ก็ไม่รับฟังคะ พวกสมองทึบ ปล่อยให้มันดักดานไปเถอะคะ
บันทึกการเข้า

อยากเห็นอนาคตที่สดใส
เทพเจ้าโดเรมอน
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 70


« ตอบ #4 เมื่อ: 11-09-2008, 21:34 »

มหาลัยเอกชน ค่าเทอมเป็นแสน ไม่ได้กำไรเลยเหรอครับ
เป็นงานการกุศล ใจบุญจริงๆพ่อคุณ
บันทึกการเข้า
Cherub Rock
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,183


น้องๆ ช่วยไปบอกผู้หญิงคนนั้นที ว่าเลิกมองผมได้แล้ว


« ตอบ #5 เมื่อ: 11-09-2008, 21:39 »

 
พังประชาชน สส. มีเยอะ เข้าชื่อให้ไว

มัวทำอะไรอยู่
บันทึกการเข้า

"นายกรัฐมนตรีกำลังใช้รัฐสภาประกอบพิธีกรรมสถาปนาอำนาจของตนเองโดยเห็นรัฐสภาเป็นเพียงแค่ตรายาง และปล่อยให้มีการทำร้ายประชาชนถือว่าหมดความชอบธรรมแล้ว" รสนา โตสิตระกูล
Solidus
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,381



« ตอบ #6 เมื่อ: 11-09-2008, 21:44 »

มหาลัยเอกชน ค่าเทอมเป็นแสน ไม่ได้กำไรเลยเหรอครับ
เป็นงานการกุศล ใจบุญจริงๆพ่อคุณ
แล้วมหาวิทยาลัยเอกชนได้รับงบประมาณจากรัฐปีละหลายล้านบาทแบบมหาวิทยาลัยของรัฐหรือครับถึงจะให้เก็บค่าเทอมเท่ากัน
บันทึกการเข้า
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #7 เมื่อ: 11-09-2008, 21:52 »

ความเห็นที่ 7 มีข้อมูล แต่มีความเห็นประกอบด้วย แต่เป็นไปในทางไม่ยอมรับ
.........................

"เพื่อให้พ้นข้อกล่าวหาว่า กระทำผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 100 (4) ซึ่งห้ามเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปมีส่วนได้เสียในฐานะเป็นกรรมการ ที่ปรึกษา ตัวแทน พนักงานในธุรกิจของเอกชนที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแล ควบคุมของหน่วยงานรัฐที่เจ้าหน้าที่รัฐผู้นั้นสังกัดอยู่ ทำให้นายวิจิตร ศรีสอ้าน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิและนายกสภามหาวิทยาลัยหลายแห่งพยายามหาข้ออ้างว่า มหาวิทยาลัยเอกชนไม่ใช่ธุรกิจ

นายวิจิตรระบุว่า สถาบันอุดมศึกษาเอกชนเป็นสถานศึกษาที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายเฉพาะคือ พ.ร.บ.สถาบันอุดมศึกษาเอกชน พ.ศ.2546 ซึ่งศาลปกครองสูงสุดได้มีคำวินิจฉัยตามคำสั่งที่ 880/2549 ว่า สถาบันอุดมศึกษาเอกชนเป็นหน่วยงานที่ได้รับมอบหมายให้ดำเนินกิจกรรมบริการสาธารณะด้านการศึกษา ดังนั้น จึงมิใช่องค์กรธุรกิจเอกชน

อธิการบดีเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542 ที่สำคัญรายได้และทรัพย์สินนั้น จะต้องดำเนินการให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของสถาบัน มิอาจนำรายได้ไปแบ่งปันให้แก่กรรมการสภามหาวิทยาลัยได้ และเงินรายได้ให้นำไปจัดเป็นกองทุนต่างๆ เพื่อความมั่นคงและคุณภาพทางวิชาการ โดยนำไปจัดสรรเป็นกองทุนต่างๆ 7 กองทุน เช่น กองทุนวิจัย เป็นต้น

ปีใดมีรายได้สูงกว่ารายจ่ายให้นำไปชดใช้กองทุนที่ยังติดลบก่อน ส่วนที่เหลือให้นำไปจัดสรรแก่กองทุนต่างๆ จำนวนไม่น้อยกว่า 60% จัดสรรให้แก่ผู้ได้รับใบอนุญาตไม่น้อยกว่า 30% และให้เป็นทุนดำเนินงานในกองทุนทั่วไปอีก 10%

ฉะนั้นสถาบันอุดมศึกษาเอกชนมิได้เป็นนิติบุคคลอย่างห้างหุ้นส่วนบริษัทหรือบริษัทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์หรือองค์กรธุรกิจตามกฎหมายอื่นซึ่งที่มุ้งเน้นกำไรจากการประกอบกิจการแต่อย่างใด

http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P6989296/P6989296.html

ก็บอกแล้วว่าอธิบายยังไง เธอก็ไม่เอาทั้งนั้น
บันทึกการเข้า

นายดอกเข็ม
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 423



« ตอบ #8 เมื่อ: 11-09-2008, 21:56 »

ผมสงสัยมากเลยครับลุงแคน เลยเดินไปถามคุณลุงผู้พิพากษา
เขามีระเบียบข้อยกเว้นอยู่ว่า ห้ามเป็นลูกจ้าง
แต่เป็นอาจารย์พิเศษเป็นข้อยกเว้น ท่านว่างั้น

ท่านบอกว่า ตอนเป็นผู้พิพากษา เลยทำอาชีพอย่างอื่นไม่ได้เลย
ทำได้อย่างเดียว คือเป็นอาจารย์พิเศษที่โรงเรียนนายร้อย เป็นอยู่ตั้ง 13 ปีแน่ะ 



 
บันทึกการเข้า

...ความชอบธรรมต้องอยู่บนพื้นฐานของความเป็นธรรม...
ริวเซย์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4,637


Worrior in The Blue Armor


เว็บไซต์
« ตอบ #9 เมื่อ: 11-09-2008, 22:03 »

ต้องดูข้อกฎหมายและทางอ.จรัลชี้แจงอีกทีครับ

น่าจะได้ข้อกระจ่างกว่านี้

 
บันทึกการเข้า

ถ้ามีแฟนแบบนี้เอาไหมครับ^^


Solidus
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,381



« ตอบ #10 เมื่อ: 11-09-2008, 22:11 »

ผมสงสัยมากเลยครับลุงแคน เลยเดินไปถามคุณลุงผู้พิพากษา
เขามีระเบียบข้อยกเว้นอยู่ว่า ห้ามเป็นลูกจ้าง
แต่เป็นอาจารย์พิเศษเป็นข้อยกเว้น ท่านว่างั้น

ท่านบอกว่า ตอนเป็นผู้พิพากษา เลยทำอาชีพอย่างอื่นไม่ได้เลย
ทำได้อย่างเดียว คือเป็นอาจารย์พิเศษที่โรงเรียนนายร้อย เป็นอยู่ตั้ง 13 ปีแน่ะ 



 
ก็อาจารย์พิเศษเป็นผู้ทรงวุฒิที่เชิญมาจากข้างนอกนี่ครับ มีหน้าที่เฉพาะกิจไม่ได้เป็นลูกจ้างของมหาวิทยาลัยซะหน่อย อย่างพวกอาจารย์ที่ปรึกษาวิทยาพนธ์ถ้าเป็นคนนอกมหาวิทยาลัย พวกนักศึกษาก็ต้องทำเรื่องแต่งตั้งให้เป็นอาจารย์พิเศษก่อนถึงจะมาเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาวิทยาพนธ์ได้ ถ้าเป็นอาจารย์พิเศษที่สอนวิชาก็เป็นพวกอาจารย์ในภาคนั้นเชิญมาให้สอน แต่จะสอนได้ก็ต้องทำเรื่องแต่งตั้งให้เป็นอาจารย์พิเศษก่อน
บันทึกการเข้า
ผา หล่มสัก
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 162



« ตอบ #11 เมื่อ: 11-09-2008, 22:12 »

ห้องนั้น มันก็เป็นแบบนี้ล่ะครับ  หลายครั้งแล้ว พูดเอง เออเอง แล้วก็เห่าหอนรับกันเป็นทอดๆ
พอมีคนมาแย้งข้อมูล ก็พากันซาๆ ไป แล้วหาประเด็นใหม่ขึ้นมาเรื่อยๆ

อย่างเรื่องคุณอภิสิทธิ์หนีทหาร ผมก็เห็นพวกนั้นมันเล่นกันมาตั้งนาน เล่นกันเป็นปีแล้ว จนป่านนี้แล้วก็ยังเห็นอยู่
ถ้ามันเป็นอย่างที่ว่าจริง ทำไมไม่มีใครแจ้งกระทรวงกลาโหม เล่นงานนายอภิสิทธิ์ ทั้งๆ ที่นายสมัครเอง ก็เป็นเจ้ากระทรวง...

หรือเมื่อเร็วๆ นี้ เจ้า บก.ดัชเมเชี่ยน ตั้งกระทู้ว่าสนธิ ใช้โฉนดปลอม ไปขอกู้แบงค์ ได้เป็นสิบแบงค์
เอากะมันดิ.. มันไม่รู้เลยรึ ว่าโฉนดมันต้องไปจดจำนองที่สำนักงานที่ดิน ซึ่งที่นั่นมันมีโฉนดตัวจริงอยู่
แล้วแบงค์ที่ไหนจะโง่ ใช้โฉนดปลอมมากู้ได้ ซึ่งมันบอกว่าเป็นสิบแบงค์ ดู..ดู๊..ดู ดูเจ้า บก.ดัชเมเชี่ยน...

บันทึกการเข้า
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #12 เมื่อ: 11-09-2008, 22:13 »

ประเด็นอยู่ที่ องค์กรที่แสวงกำไร กับ องค์กรไม่แสวงกำไร

ผู้คนที่อยู่ในตำแหน่ง รู้อยู่แก่ใจครับ แต่พวกหัวกลม จงใจทำให้รากหญ้าที่ไม่มีข้อมูลหลงเชื่อ

ถึงบอกว่า ความจริงครึ่งเดียว มันอันตรายจริง ๆ

วิธีพิจารณาเรื่อง "ลูกจ้าง" มันก็อยู่ตรงนี้แหละ มันเป็นหลักที่ได้รับการพิสูจน์มาแล้ว เรื่องมาตรา 100 ของ ปปช. นั่นแหละ

นี่มิใช่ครั้งแรก...
บันทึกการเข้า

นายดอกเข็ม
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 423



« ตอบ #13 เมื่อ: 11-09-2008, 22:33 »

ก็อาจารย์พิเศษเป็นผู้ทรงวุฒิที่เชิญมาจากข้างนอกนี่ครับ มีหน้าที่เฉพาะกิจไม่ได้เป็นลูกจ้างของมหาวิทยาลัยซะหน่อย อย่างพวกอาจารย์ที่ปรึกษาวิทยาพนธ์ถ้าเป็นคนนอกมหาวิทยาลัย พวกนักศึกษาก็ต้องทำเรื่องแต่งตั้งให้เป็นอาจารย์พิเศษก่อนถึงจะมาเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาวิทยาพนธ์ได้ ถ้าเป็นอาจารย์พิเศษที่สอนวิชาก็เป็นพวกอาจารย์ในภาคนั้นเชิญมาให้สอน แต่จะสอนได้ก็ต้องทำเรื่องแต่งตั้งให้เป็นอาจารย์พิเศษก่อน

นั่นดิคับ คุณลุงบอกว่าคนพาลมันแยะ
ที่พาลแต่ยังรู้ดีชั่ว แล้วอธิบายเหตุผลฟัง นั่นก็ยังพอมีและพอทนได้
แต่พวกคนพาล ที่ไม่รู้แยกแยะแม้แต่ชั่วดี เห็นว่าความชั่วที่ตนทำเป็นเรื่องดี
เพราะความชั่วนั้นนำมาซึ่งผลประโยชน์ ทรัพย์สิน และตำแหน่งหน้าที่การงาน

ผมเบื่อรายการสามเห่าหางด้วนนั่นจริง ๆ
เห็นเอาความจริงแบบบิดเบือน ตัดตอน มาแอบอ้างเข้าข้างพวกตัว
คดีติดตัวก็ยังเอาตัวไม่รอดกัน แต่ยังออกมาเห่าอยู่ได้ทุกคืน
เสียเวลาออกอากาศฟรีทีวี เอาสารคดีมาฉายยังดีเสียกว่า
บันทึกการเข้า

...ความชอบธรรมต้องอยู่บนพื้นฐานของความเป็นธรรม...
ooo
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 670


« ตอบ #14 เมื่อ: 11-09-2008, 23:58 »

ประมวลจริยธรรมข้าราชการตุลาการ

ข้อ ๒๘ ผู้พิพากษาไม่พึงแสดงปาฐกถา บรรยาย สอน หรือเข้าร่วมสัมมนา

อภิปรายหรือแสดงความคิดเห็นใดๆ ต่อสาธารณชน ซึ่งอาจกระทบกระเทือน

ต่อการปฏิบัติหน้าที่หรือเกียรติศักดิ์ของผู้พิพากษา...

ซึ่งกต.มีระเบียบออกมาว่า การที่ผู้พิพากษาจะไปบรรยาย หรือสอนหนังสือ ใน

ที่ต่างๆนั้น ต้องได้รับอนุมัติจาก กต. ก่อนครับ และประมวลจริยธรรมดังกล่าว

ใช้บังคับเฉพาะผุ้พิพากษา ดะโต๊ะยุติธรรม และผูพิพากษาสมทบ ในสังกัดศาลยุติธรรม

เท่านั้นครับ



บันทึกการเข้า
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #15 เมื่อ: 12-09-2008, 00:03 »

ระดับ อาจารย์จรัล มีหรือจะพลาด ไม่ขออนุญาต กต. อิ อิ

จะว่าไป แกเป็นคนเรียนเก่ง สอบได้ที่ 1 ก็ย่อมมีคนมาเชิญจนขี้เกียจรับนั่นแหละ
บันทึกการเข้า

เทพเจ้าโดเรมอน
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 70


« ตอบ #16 เมื่อ: 12-09-2008, 00:09 »

แหม ก็พวกเดียวกัน แก้ตัวยังไงก็ดูดีไปหมดแหละ ขนาดสส.ปชปโดนจับว่าซื้อเสียง มีของกลางด้วย จะจะ
ยังได้ใบเหลืองเลย  ถ้าท่านจารันเป็นพวกทักษินนะ โดนแล้ว ไม่ผิดกฏหมาย แต่ขัดจริยธรรม
บันทึกการเข้า
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #17 เมื่อ: 12-09-2008, 00:14 »

แหม ก็พวกเดียวกัน แก้ตัวยังไงก็ดูดีไปหมดแหละ ขนาดสส.ปชปโดนจับว่าซื้อเสียง มีของกลางด้วย จะจะ
ยังได้ใบเหลืองเลย  ถ้าท่านจารันเป็นพวกทักษินนะ โดนแล้ว ไม่ผิดกฏหมาย แต่ขัดจริยธรรม

ข้อแตกต่างของนักวิชาการกับ พ่อค้า มันแตกต่างกันชัด ๆ อยู่แล้ว

ก็บอกแล้ว อาจารย์ วิจิตร ศรีสอ้าน ก็โดนแบบนี้มาแล้ว

คือ คนดี คนมีความรู้เวลาไปให้ความรู้สาธารณะ มันไม่เหมือนพวกทำมาหากินกับการจัดรายการทีวีนะ

ต่างกันเยอะ
บันทึกการเข้า

อยู่บำรุ๊ง .. บำรุง
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 210


ทีวีเพื่อพวกตน !


« ตอบ #18 เมื่อ: 12-09-2008, 00:23 »

พูดไปก็เท่านั้นพวกนั้นมันก็มีเหตุผลมาเถียงตามแนวของพวกเค้าอยู่ดี

เค้าไม่ดูหรอกว่าความแตกต่างมันคืออะไร

เพราะถ้าเค้าเห็นถึงความแตกต่างนั้นคือ

เค้าต้องเป็นคนที่ยอมรับแล้วว่าอะไรถูกอะไรผิดไม่ยึดติดกับข้างไหนในการใช้เหตุผล

คุณเคยเห็นพวกนั้นเป็นแบบนั้นเหรอ ... ไม่เกิดประโยชน์หรอกครับเชื่อผม

ถ้าพวกนั้นอ่าน Reply ผมอันนี้ยังไงเค้าก็หาว่าผมเข้าข้างอีกฝ่ายอยู่ดี

 
บันทึกการเข้า

iBomb
น้องใหม่
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11


« ตอบ #19 เมื่อ: 12-09-2008, 00:32 »

ในสภาวะที่บ้านเมืองสับสนวุ่นวาย ในเรื่องของข่าวสารก็ตาม หรือ เรื่อง การ
ใช้โฆษณาชวนเชื่อ เกินจริง จนทำให้หลงงมงาย อยากจะนำหลักคำสั่งสอน
ของพระพุทธเจ้า เกี่ยวกับการจะเชื่อสิ่งใดก็ตาม กาลามสูตร 10 มาศึกษาร่วมกัน
หลักกาลามสูตร 10 ที่ว่าด้วยการอย่าเชื่อ จากทั้ง 10 ประการดังนี้
๑. มา อนุสฺสาเวน อย่าเชื่อโดยฟังตามกันมา
๒. มา ปรมฺปราย อย่าเชื่อโดยเหตุสักว่าตามสืบๆ กันมา
๓. มา อิติ กิราย อย่าเชื่อโดยตื่นข่าว
๔. มา ปิฎกสัมฺปทาเนน อย่าเชื่อโดยอ้างปิฎก
๕. มา ตกฺกเหตุ อย่าเชื่อโดยนึกเดาเอาเอง
๖. มา นยเหตุ อย่าเชื่อโดยคาดคะเน
๗. มา อาการปริวิตกฺเกน อย่าเชื่อโดยการตรึกตรองตามอาการ
๘. มา ทิฎฐินิชฺฌานกฺขนกฺขนฺติยา อย่าเชื่อโดยเห็นว่าถูกตามลัทธิของตน
๙. มา ภพฺพรูปตาย อย่าเชื่อโดยเห็นว่า ผู้พูดควรเชื่อได้
๑๐. มา สมโฌ โน ครุ อย่าเชื่อโดยถือว่า สมณะนี้เป็นครูของตน
บันทึกการเข้า

หลักกาลามสูตร 10 ที่ว่าด้วยการอย่าเชื่อ จากทั้ง 10 ประการดังนี้
๑. มา อนุสฺสาเวน อย่าเชื่อโดยฟังตามกันมา
๒. มา ปรมฺปราย อย่าเชื่อโดยเหตุสักว่าตามสืบๆ กันมา
๓. มา อิติ กิราย อย่าเชื่อโดยตื่นข่าว
๔. มา ปิฎกสัมฺปทาเนน อย่าเชื่อโดยอ้างปิฎก
๕. มา ตกฺกเหตุ อย่าเชื่อโดยนึกเดาเอาเอง
๖. มา นยเหตุ อย่าเชื่อโดยคาดคะเน
๗. มา อาการปริวิตกฺเกน อย่าเชื่อโดยการตรึกตรองตามอาการ
๘. มา ทิฎฐินิชฺฌานกฺขนกฺขนฺติยา อย่าเชื่อโดยเห็นว่าถูกตามลัทธิของตน
๙. มา ภพฺพรูปตาย อย่าเชื่อโดยเห็นว่า ผู้พูดควรเชื่อได้
๑๐. มา สมโฌ โน ครุ อย่าเชื่อโดยถือว่า สมณะนี้เป็นครูของตน
Ammika
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 167


หนูไม่ใช่ลิงนะจ๊ะ


« ตอบ #20 เมื่อ: 12-09-2008, 09:46 »

นู๋จ๊ะ จ๋า... เข้ามาอ่านแล้วยังละจ๊ะ หนู

 

ขอบคุณ คุณลุงแคนมากๆค่ะ ที่ทำให้หนูจ๊ะหน้าแหกอีกครา  ก๊ากกกกกกก
บันทึกการเข้า

เบื่อไอ้ปึ้ด...จริงๆ
The Last Emperor
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 6,714


« ตอบ #21 เมื่อ: 12-09-2008, 10:07 »

"ประธานศาลรัฐธรรมนูญ และ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ต้อง
                    (1) ไม่เป็น ข้าราชการ ซึ่ง มีตำแหน่ง หรือ เงินเดือนประจำ
                    (2) ไม่เป็น พนักงาน หรือ ลูกจ้าง ของ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือ ราชการส่วนท้องถิ่น หรือ ไม่เป็น กรรมการ หรือ ที่ปรึกษาของ รัฐวิสาหกิจ หรือ ของ หน่วยงานของรัฐ
                    (3) ไม่ดำรงตำแหน่งใด ใน ห้างหุ้นส่วน บริษัท หรือ องค์การที่ดำเนินธุรกิจ โดยมุ่งหาผลกำไร หรือ รายได้มาแบ่งปันกัน หรือเป็น ลูกจ้าง ของบุคคลใด
                    (4) ไม่ประกอบวิชาชีพอิสระ อื่นใด
               ในกรณีที่ ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ที่ประชุมใหญ่ศาลปกครองสูงสุด หรือ วุฒิสภา แล้วแต่กรณี เลือกบุคคล ตาม (1) (2) (3) หรือ (4) โดยได้รับ ความยินยอม ของบุคคลนั้น ผู้ได้รับเลือก จะเริ่มปฏิบัติหน้าที่ได้ ต่อเมื่อ ตนได้ลาออก จากการเป็นบุคคล ตาม (1) (2) หรือ (3) หรือ แสดงหลักฐาน ให้เป็นที่เชื่อได้ว่า ตนได้เลิก ประกอบวิชาชีพอิสระ ดังกล่าวแล้ว ซึ่ง ต้องกระทำ ภายใน สิบห้าวัน นับแต่ วันที่ได้รับเลือก แต่ถ้า ผู้นั้น มิได้ลาออก หรือ เลิกประกอบวิชาชีพอิสระ ภายในเวลาที่กำหนด ให้ถือว่า ผู้นั้น มิได้เคยรับเลือก ให้เป็น ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และ ให้นำบทบัญญัติ มาตรา 261 มาใช้บังคับ"

ข้อกล่าวหาที่นายจรัลต้องพิสูจนให้ได้ก็คือเรื่อง การไม่ประกอบวิชาชีพอิสระ - ที่ปรึกษากฎหมาย ดังนั้นการไปบรรยายเรื่องกฎหมายให้สภานการศึกษาพร้อมทั้งมีการนำภาพตัวเองลงเว๊บเพื่อโฆษณาดังกล่าวถือเป็นการกระทำที่ผิดรธน.หรือไม่? มีการระบุในรธน.ไหมว่าอนุญาตให้รับjobในองค์กรที่ไม่ค้ากำไรได้? ในเมื่อคำวินิจฉัยของตุลาการรธน.ชุดนี้ได้ตีความเรื่องความเป็นลูกจ้างของนายสมัครไว้แบบเหวี่ยงแหว่าการรับผลประโยชน์ใดๆถือว่าเป็นลูกจ้าง และสรุปว่าคุณสมัครผิด

ทีนี้เราลองมาดูคำพิพากษาจากศาลฎีกาเกี่ยวกับการตีความเรื่องเงินได้จากวิชากฏหมายเป็นเงินได้จากวิชาชีพอิสระกันดูซิ


"คำพิพากษาฎีกา ที่ 821/2549
นายเสรี จินตนเสรี กับพวก โจทก์ร่วม
กรมสรรพากร (จำเลย ที่ 1) , คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ (จำเลยที่ 2-4)

โจทก์ทั้งสองเป็นผู้ประกอบกิจการใช้ชื่อว่า “คณะบุคคลพร่างพราว” จัดตั้งขึ้นโดยสัญญาตกลงจัดตั้งคณะบุคคล มีวัตถุประสงค์ให้บริการเป็นที่ปรึกษากฏหมายและภาษีอากรจำเลยที่ 1 เป็นนิติบุคคลโดยเป็นกรมในสังกัดกระทรวงการคลังมีอำนาจหน้าที่จัดเก็บภาษีอากรฝ่ายสรรพากร จำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 เป็นคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ ในปีภาษี 2544 คณะบุคคลของโจทก์ทั้งสอง ให้คำปรึกษาทางกฏหมายแก่บริษัทเสรีมานพ จำกัด และบริษัทบางกอกสปริง อินดัสเตรียล จำกัด และได้รับเงินค่าตอบแทนการให้คำปรึกษากฏหมายรวมเป็นเงิน 985,440.80 บาท คณะบุคคลของโจทก์ทั้งสองนำรายได้ดังกล่าว ไปยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาโดยแสดงรายการเงินได้ดังกล่าวเป็นเงินได้จากวิชาชีพอิสระตามมาตรา 40(6) ต่อมาวันที่ 15 มกราคม 2546 เจ้าพนักงานประเมินออกหนังสือแจ้งการประเมินภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาคณะบุคคลของโจทก์ทั้งสองแจ้งให้ชำระภาษีที่ขาดไปจำนวน 47,126.94 บาท พร้อมเงินเพิ่มคำนวณถึงวันที่ 31 มกราคม 2546 จำนวน 7,069.04 บาท โดยให้เหตุผลว่า กรณีเงินได้จากการเป็นที่ปรึกษากฏหมาย กฏหมายกำหนดให้ถือเป็นเงินได้ตามมาตรา 40 (2) โจทก์ทั้งสองยื่นแบบแสดงรายการภาษีเป็นเงินได้ตามมาตรา 40 (6) ไม่ถูกต้องตามกฏหมาย เมื่อคำนวณภาษีใหม่โจทก์ทั้งสองต้องชำระภาษีเพิ่มเติมตามจำนวนที่แจ้งการประเมินโจทก์ทั้งสองอุทธรณ์การประเมินต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์มีคำวินิจฉัยให้ยกอุทธรณ์ โจทก์ทั้งสอง โดยให้เหตุผลว่า โจทก์ทั้งสองมีสถานะเป็นคณะบุคคลมีเงินได้จากค่าที่ปรึกษากฏหมาย เงินได้ดังกล่าวถือเป็นเงินได้ตามมาตรา 40 (2) แห่งประมวลรัษฏากรมิใช่เงินได้ ตามมาตรา 40 (6) นั้นถือเป็นสิทธิเฉพาะตัว ไม่อาจใช้กับคณะบุคคลได้ การประเมินของเจ้าพนักงานประเมินที่ถือเงินได้ดังกล่าวเป็นเงินได้ตามมาตรา 40 (2) แห่งประมวลรัษฏากรจึงถูกต้องและชอบด้วยกฏหมายแล้ว โจทก์ทั้งสองได้รับแจ้งคำวินิจฉัยอุทธรณ์เมื่อวันที่ 8 กรกฏาคม 2547 จึงฟ้องคดีนี้ โจทก์ทั้งสองเห็นว่าการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฏหมายและไม่เป็นธรรมแก่โจทก์ทั้งสอง เพราะเงินได้จากค่าที่ปรึกษากฏหมายเป็นเงินได้จากวิชาชีพอิสระตามมาตรา 40 (6) พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 ให้ความหมายคำว่า “วิชาชีพ” ว่าคือ “อาชีพที่ต้องอาศัยวิชาความรู้ความชำนาญ” โจทก์ทั้งสองเป็นผู้สำเร็จการศึกษาได้รับปริญญานิติศาสตร์บัณฑิตเป็นผู้มีความรู้ความชำนาญวิชากฏหมาย งานที่โจทก์ทั้งสองร่วมกันให้คำปรึกษาทางด้านกฏหมายแก่ผู้บริหารเงินค่าตอบแทนที่โจทก์ทั้งสองได้รับจากการให้คำปรึกษาดังกล่าวขึ้นอยู่กับปริมาณงานหรือผลงาน ประสบการณ์ และความสามารถของผู้ให้บริการ จึงเป็นเงินได้จากวิชาชีพอิสระคือวิชากฏหมายตามมาตรา 40 (6) มิใช่เงินได้ตามมาตรา 40 (2) ตามการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์เงินได้ตามมาตรา 40 (6) ไม่ใช่สิทธิเฉพาะตัว ทั้งไม่มีบทกฏหมายบัญญัติว่า มาตรา 40 (6) ไม่ใช้บังคับกับคณะบุคคลขอให้เพิกถอนการประเมินภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามหนังสือแจ้งภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเลขที่ 20071700 (ที่ถูก 2007170)/1/102998 ลงวันที่ 15 มกราคม 2546 ของจำเลยที่ 1 และคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ในฐานะคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ ตามคำวินิจฉัยอุทธรณ์ที่ สภ.2/อธ.3/15/29/47/ ฉบับลงวันที่ 26 เมษายน 2547
จำเลยทั้งสี่ให้การว่า เงินได้จากวิชาชีพอิสระคือวิชากฏหมายตามมาตรา 40 (6) แห่งประมวลรัษฏากร นอกจากเป็นที่ปรึกษากฏหมายแล้วยังต้องฟ้องร้องคดีด้วย ถ้าที่ปรึกษากฏหมายเพียงอย่างเดียว กฏหมายกำหนดให้ถือเป็นเงินได้ตามมาตรา 40 (2) กรณีของโจทก์ทั้งสองเป็นเงินได้ค่าที่ปรึกษา จึงเป็นกรณีที่โจทก์ทั้งสองให้คำปรึกษาเพียงอย่างเดียว ถือเป็นเงินได้ตามมาตรา 40 (2) เงินได้ตามมาตรา 40 (6) ยังเป็นสิทธิเฉพาะตัวบุคคล โจทก์ทั้งสองประกอบกิจการในนามคณะบุคคลไม่อาจมีสิทธิเช่นนั้นได้เงินได้พึงประเมินของโจทก์ทั้งสองจึงเป็นเงินได้จากค่าจ้างตามมาตรา 40 (2) แห่งประมวลรัษฏากร การประเมินของเจ้าพนักงานประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ชอบด้วยกฏหมายแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลภาษีอากรกลางพิจารณาแล้ว พิพากษาเพิกถอนการประเมินภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามหนังสือแจ้งการประเมินเลขที่ 2007170/1/102998 ลงวันที่ 15 มกราคม 2546 และคำวินิจฉัยอุทธรณ์เลขที่ สภ.2/อธ.3/15/29/47 ฉบับลงวันที่ 26 เมษายน 2547 ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ

จำเลยทั้งสี่อุทธรณ์ต่อศาลฏีกา
ศาลฏีกาแผนกคดีภาษีอากรตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ข้อเท็จจริงฟังได้ เป็นยุติว่า โจทก์ทั้งสองสำเร็จการศึกษาวิชากฏหมาย ได้รับปริญญานิติศาสตร์บัณฑิตจากหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และโจทก์ที่ 1 สำเร็จการศึกษาเป็นเนติบัณฑิตไทยจากสำนักอบรมศึกษากฏหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา เป็นเนติบัณฑิตอังกฤษจากลินคอร์นอินน์ ประเทศสหราชอาณาจักรอังกฤษกับได้รับใบอนุญาตเป็นทนายความจากสภาทนายความ ส่วนโจทก์ที่ 2 ได้รับประกาศนียบัตรบัณฑิตทางกฏหมายธุรกิจจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โจทก์ทั้งสองร่วมกันเป็นคณะบุคคลพร่างพราว มีวัตถุประสงค์เป็นที่ปรึกษากฏหมายและภาษีอากรได้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ภ.ง.ด.90) ปีภาษี 2544 แสดงเงินได้ที่โจทก์ทังสองได้รับเป็นค่าที่ปรึกษากฏหมายว่าเป็นเงินได้ตามมาตรา 40 (6) จำนวน 985,440.80 บาท คำนวณเป็นภาษีจำนวน 68,461.71 บาท แต่เจ้าพนักงานประเมินประเมินว่า เงินได้จำนวนดังกล่าวเป็นเงินได้ตามมาตรา 40 (2) คำนวณเป็นภาษีจำนวน 115,588.16 บาท และให้โจทก์ ทั้งสองชำระภาษีส่วนที่ขาดเป็นจำนวน 47,126.94 บาท กับเงินเพิ่มตามมาตรา 27 คำนวณถึงวันที่ 31 มกราคม 2546 จำนวน 7,069.04 บาท ตามหนังสือแจ้งภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเลขที่ 2007170/1/102998 ลงวันที่ 15 มกราคม 2546 โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์การประเมิน คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์พิจารณาแล้วมีคำวินิจฉัยว่า เงินได้ตามมาตรา 40 (6) เป็นสิทธิเฉพาะตัวโจทก์ทั้งสองเป็นคณะบุคคลเงินได้ค่าที่ปรึกษากฏหมายรายพิพาทจึงเป็นงินได้ตามมาตรา 40 (2) การประเมินของเจ้าพนักงานประเมินชอบแล้ว ให้ยกอุทธรณ์ของโจทก์ทั้งสองตามคำวินิจฉัยอุทธรณ์เลขที่ สภ.2/อธ.3/15/29/47 โจทก์ทั้งสองจึงฟ้องคดีนี้

คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสี่ว่า เงินได้ค่าที่ปรึกษากฏหมายของโจทก์ทั้งสองเป็นเงินได้ตามประมวลรัษฏากร มาตรา 40 (2) ตามความเห็นของจำเลยทั้งสี่หรือเป็นเงินได้ตามมาตรา 40 (6) ตามความเห็นของโจทก์ทั้งสอง โดยจำเลยทั้งสี่อุทธรณ์ว่า เงินได้รายพิพาทไม่ถือเป็นเงินได้ตามมาตรา 40 (6) เพราะโจทก์ทั้งสองเป็นที่ปรึกษาอย่างเดียวโดยไม่ได้ว่าความหรือฟ้องร้องคดีด้วย และเงินตามมาตรา 40 (6) เป็นสิทธิเฉพาะตัว ไม่อาจใช้บังคับในกรณีเป็นคณะบุคคลเช่นโจทก์ทั้งสองพิเคราะห์แล้วประมวลรัษฏากร มาตรา 40 (2) บัญญัติว่า “เงินได้เนื่องจากหน้าที่ตำแหน่งงานที่ทำหรือจากการรับทำงานให้” มาตรา 40 (6) บัญญัติว่า “เงินได้จากวิชาชีพอิสระ คือวิชากฏหมาย....” ตามบทกฏหมายดังกล่าว เห็นได้ว่า ประมวลรัษฏากรบัญญัติให้เงินได้จากวิชากฏหมายเป็นเงินได้จากวิชาชีพอิสระและเป็นเงินได้ประเภทหนึ่งต่างหากจากเงินได้ประเภทอื่น โจทก์ทั้งสองสำเร็จการศึกษาวิชากฏหมาย เงินได้รายพิพาทเป็นเงินได้ที่โจทก์ทั้งสองได้รับมาจากการเป็นที่ปรึกษากฏหมายมาจากการเป็นที่ปรึกษากฏหมายจึงเป็นเงินได้ตามมาตรา 40 (6) หามีบทกฏหมายบัญญัติว่าการประกอบวิชาชีพกฏหมายจะต้องว่าความหรือฟ้องร้องคดีด้วยไม่ ทั้งไม่มีบทกฏหมาย บัญญัติห้ามผู้ประกอบวิชาชีพกฏหมายรวมกันเป็นคณะบุคคลประกอบวิชาชีพกฏหมาย อุทธรณ์ของจำเลยทั้งสี่หามีบทกฏหมายหรือเหตุผลสนับสนุนไม่ ศาลภาษีอากรกลางพิพากษาชอบแล้วอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสี่ฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน ให้จำเลยทั้งสี่ใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ 600 บาท แทนโจทก์ทั้งสอง(กำธร โพธิ์สุวัฒนากุล ทองหล่อ โฉมงาม เปรมใจ กิตติคุณไพโรจน์)"
บันทึกการเข้า
ดอกไม้ดิน
สมาชิกสามัญขั้นที่ 1
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 39



« ตอบ #22 เมื่อ: 12-09-2008, 10:10 »

คัยช่วยส่งเรื่องนี้ให้สามตัวหัวกลมแห่งรายการคำถามวันนี้หน่อย

เห็นถามหากันเมื่อคืน

เราก็อุตส่าห์รอดูว่ามีความคิดเนียนๆไปปรึกษา

นักกฎหมายแล้วเอาข้อมูลมาชี้แจง

แต่ปรากฎว่าหากินง่ายมาก ไปลากหนังสือพิมพ์มติชนออนไลน์

มาอ่านทั้งดุ้น แล้วตั้งคำถาม สมควรชื่อรายการคำถามวันนี้มากกว่า ความจริงวันนี้
บันทึกการเข้า

นายดอกเข็ม
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 423



« ตอบ #23 เมื่อ: 12-09-2008, 10:19 »

...

แถต่อไปครับจ๊ะ แถต่อปายยยย 
บันทึกการเข้า

...ความชอบธรรมต้องอยู่บนพื้นฐานของความเป็นธรรม...
The Last Emperor
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 6,714


« ตอบ #24 เมื่อ: 12-09-2008, 10:27 »

แถต่อไปครับจ๊ะ แถต่อปายยยย 


ฮ่าๆๆๆ...จ๊ะแค่เล่นของสูงหยิบเอาคำพิพากษาจากศาลฎีกาว่าด้วยเรื่องอาชีพอิสระมาขยี้นายจรัลแค่นี้...จ๊ะผิดมากมายหล่ะซิ ฮืมมม!?!
บันทึกการเข้า
-3-
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,186


« ตอบ #25 เมื่อ: 12-09-2008, 10:31 »

                    (4) ไม่ประกอบวิชาชีพอิสระ อื่นใด

วิชาชีพอิสระ อื่นใด =?
บันทึกการเข้า



ประชาธิปไตยตัดสินความต้องการได้ แต่ตัดสินความถูกต้องไม่ได้!!
The Last Emperor
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 6,714


« ตอบ #26 เมื่อ: 12-09-2008, 10:33 »

วิชาชีพอิสระ อื่นใด =?


เชิญน้อง3ไปอ่านข้อเท็จจริงแบบม้วนเดียวจบได้ที่นี่ฮับ http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P6985940/P6985940.html
บันทึกการเข้า
RiDKuN
Administrator
ขาประจำขั้นที่ 3
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,015



เว็บไซต์
« ตอบ #27 เมื่อ: 12-09-2008, 10:48 »

ไม่รู้นะครับ ผมเห็นฝ่ายทักษิณบอกว่ามีอะไรผิดกฎหมาย แต่ไปฟ้องทีไร มักจะหน้าแตก แพ้คดีซะทุกที 
บันทึกการเข้า

คนไม่มี "อุดมคติ" ไม่ใช่ "นักการเมือง"
55555
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,263



« ตอบ #28 เมื่อ: 12-09-2008, 10:50 »

ผมมีความเห็นเดียวตลอด...

ไอ้ 3 ตัวตลก.....ลิ้นทองแดง...หน้าหนา...

อย่าขึ้เกียจ อย่าเห่า...ไปยื่นตีความด่วน เพื่อเรียกร้องความยุติธรรม..


 
บันทึกการเข้า
The Last Emperor
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 6,714


« ตอบ #29 เมื่อ: 12-09-2008, 10:52 »

ไม่รู้นะครับ ผมเห็นฝ่ายทักษิณบอกว่ามีอะไรผิดกฎหมาย แต่ไปฟ้องทีไร มักจะหน้าแตก แพ้คดีซะทุกที 


ปรกติมาตรฐานด้านจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งในกระบวนการยุติธรรมนี่เป็นที่คาดหวังจากคนในสังคมว่าต้องมีสูงกว่าคนทั่วๆไปมิใช่หรือ? เอ๊ะ.....หรือว่าขอสงวนสิทธิ์เฉพาะคุณจรัลกันหล่ะครับ!?!
บันทึกการเข้า
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #30 เมื่อ: 12-09-2008, 10:53 »

ก็น่าจะไปร้อง ปปช. ให้สิ้นเรื่องสิ้นราว

ดูว่า ปปช. จะพิจารณายังไง
บันทึกการเข้า

55555
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,263



« ตอบ #31 เมื่อ: 12-09-2008, 10:55 »


ปรกติมาตรฐานด้านจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งในกระบวนการยุติธรรมนี่เป็นที่คาดหวังจากคนในสังคมว่าต้องมีสูงกว่าคนทั่วๆไปมิใช่หรือ? เอ๊ะ.....หรือว่าขอสงวนสิทธิ์เฉพาะคุณจรัลกันหล่ะครับ!?!

ไปยื่นตีความครับ....อย่าขี้เกียจ...

 
บันทึกการเข้า
อิรวันชาห์ IrWanSyah
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 870



« ตอบ #32 เมื่อ: 12-09-2008, 11:00 »

เรื่องนี้ไม่ต้องไปอ้างกฏหมายลูกครับ

อ้างกฎหมายที่เล็กกว่าไม่ได้ นั่นเป็นการบัญญัติที่แคบกว่า ศาลรัฐธรรมนูญ ต้องตีความอย่างกว้างขวาง มากกว่านั้น การพิจารณาต้องใช้พจานุกรมฯครับ
พจนานุกรมเท่านั้นครับ แล้วเวลาคนเรียนนิติ ก็ต้องเรียน วิชา พจนานุกรม ด้วยอีกวิชานะครับ
คดีลุงสมัครอ้างกฎหมายแรงงาน นายจ้าง ลูกจ้าง กฎหมายสรรพากร ที่เกี่ยวข้อง แต่ศาลรัฐธรรมนูญปฏิเสธครับ อันนี้มาตรฐานใหม่ครับ ของวิธีการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ   
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-09-2008, 11:02 โดย อิรวันชาห์ IrWanSyah » บันทึกการเข้า

55555
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,263



« ตอบ #33 เมื่อ: 12-09-2008, 11:04 »

เรื่องนี้ไม่ต้องไปอ้างกฏหมายลูกครับ

อ้างกฎหมายที่เล็กกว่าไม่ได้ นั่นเป็นการบัญญัติที่แคบกว่า ศาลรัฐธรรมนูญ ต้องตีความอย่างกว้างขวาง มากกว่านั้น การพิจารณาต้องใช้พจานุกรมฯครับ
พจนานุกรมเท่านั้นครับ แล้วเวลาคนเรียนนิติ ก็ต้องเรียน วิชา พจนานุกรม ด้วยอีกวิชานะครับ
คดีลุงสมัครอ้างกฎหมายแรงงาน นายจ้าง ลูกจ้าง กฎหมายสรรพากร ที่เกี่ยวข้อง แต่ศาลรัฐธรรมนูญปฏิเสธครับ อันนี้มาตรฐานใหม่ครับ ของวิธีการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ   


ไปยื่นตีความครับ...อย่าขี้เกียจ...
บันทึกการเข้า
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #34 เมื่อ: 12-09-2008, 11:04 »

เรื่องกฎหมาย สู้กันมาตั้งแต่รุ่น คุณหญิง สตง.

ก็ไม่เห็นว่าฝ่ายทักษิณจะชนะไปได้ซักครั้ง

พวกราชดำเนินอับอายไม่เป็นบ้างหรือไง
บันทึกการเข้า

The Last Emperor
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 6,714


« ตอบ #35 เมื่อ: 12-09-2008, 11:16 »

ก็น่าจะไปร้อง ปปช. ให้สิ้นเรื่องสิ้นราว

ดูว่า ปปช. จะพิจารณายังไง




"แต่งตั้งตามประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คมช.) ฉบับที่ 19 ลงวันที่ 22 กันยายน 2549

ประธานกรรมการ - นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ

กรรมการ -

นายกล้านรงค์ จันทิก
นายใจเด็ด พรไชยา
นายประสาท พงษ์ศิวาภัย
ศาสตราจารย์พิเศษภักดี โพธิศิริ
ศาสตราจารย์เมธี ครองแก้ว
ศาสตราจารย์พิเศษวิชา มหาคุณ
นายวิชัย วิวิตเสวี
นางสาวสมลักษณ์ จัดกระบวนพล
เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. - นายศราวุธ เมนะเศวต
"


ต้นไม้เป็นพิษย่อมก่อเกิดผลไม้เป็นพิษ.....ฉันใดฉันนั้น!!
บันทึกการเข้า
hide
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 157



« ตอบ #36 เมื่อ: 12-09-2008, 11:21 »


ฮ่าๆๆๆ...จ๊ะแค่เล่นของสูงหยิบเอาคำพิพากษาจากศาลฎีกาว่าด้วยเรื่องอาชีพอิสระมาขยี้นายจรัลแค่นี้...จ๊ะผิดมากมายหล่ะซิ ฮืมมม!?!



หาคำตอบมานาน ว่าอีจ๊ะคือใคร  คือคุณ The Last Emperor นี่เอง

หุหุ  ชื่อเล่นชื่อจ๊ะหรอ  แล้วเป็นผู้หญิงหรือชายอะ  


... งงตรงที่ว่าตุลาการศาลรธน.ตัดสินให้หมักหลุดนายกฯ9-0 ถ้าจะโจมตีก็โจมตีทั้ง9คนสิ

งี้ตุลาการมีอคติกะแม้วทุกคนหรอ ถ้าเป็นงั้นก็พิจารณาตัวเองบ้างก็ดีนะทำไมคนดีๆไม่เข้าข้าง
บันทึกการเข้า
ooo
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 670


« ตอบ #37 เมื่อ: 12-09-2008, 11:24 »


ทีนี้เราลองมาดูคำพิพากษาจากศาลฎีกาเกี่ยวกับการตีความเรื่องเงินได้จากวิชากฏหมายเป็นเงินได้จากวิชาชีพอิสระกันดูซิ



อะไรกันครับนี่...ยกคำพิพากษาศาลฎีกามาอ้าง พยายามจะสื่ออะไรครับ

 ผมมันไม่เห็นจะเกี่ยวกับ กรณีของ อ.จรัญ ตรงไหนเลย

บันทึกการเข้า
ooo
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 670


« ตอบ #38 เมื่อ: 12-09-2008, 11:27 »



หาคำตอบมานาน ว่าอีจ๊ะคือใคร  คือคุณ The Last Emperor นี่เอง

หุหุ  ชื่อเล่นชื่อจ๊ะหรอ  แล้วเป็นผู้หญิงหรือชายอะ  


เค้าว่ากันกึ่งชาย กึ่งหญิงครับ


อะไรจ๊ะ คิลเลอร์ ชอบแถ หรือ ติดแก็ส พวกนี้ สาวกเหลี่ยมรุ่นแรกๆครับ
บันทึกการเข้า
Şiłąncē Mőbiuş
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,215



เว็บไซต์
« ตอบ #39 เมื่อ: 12-09-2008, 11:42 »

คนที่สงสัย ก็อย่ามัวแต่สงสัยอยู่ใน Board เลยครับ

ยื่นตีความ หรือ ฟ้องไปเลย

กล้าๆหน่อย 
บันทึกการเข้า



“People should not be afraid of their governments. Governments should be afraid of their people.”

. “ประชาชนไม่ควรกลัวรัฐบาลของตนเอง รัฐบาลต่างหากที่ควรกลัวประชาชน” .

. แวะไปเยี่ยมกันได้ที่ http://silance-mobius.blogspot.com/ นะครับ .
TheBluECaT
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 824


"แมวน้อยสีน้ำเงิน..."


« ตอบ #40 เมื่อ: 12-09-2008, 11:48 »

ตอนแรกก็อ้างมาตรา 207 (2) ...

(2) ไม่เป็นพนักงาน หรือ ลูกจ้าง ของหน่วยงานของรัฐ, รัฐวิสาหกิจ หรือ ราชการส่วนท้องถิ่น หรือไม่เป็นกรรมการ หรือที่ปรึกษาของรัฐวิสาหกิจ หรือของหน่วยงานรัฐ

พอไม่เข้า (2) เพราะ สถาบันอุดมศึกษาเอกชนเป็นหน่วยงานที่ได้รับมอบหมายให้ดำเนินกิจกรรมบริการ สาธารณะด้านการศึกษา ดังนั้น จึงมิใช่องค์กรธุรกิจเอกชน ตามคำวินิจฉัยของศาลปกครองสูงสุดคำสั่งที่ 880/2549


ก็แถไป (4) อีก  แล้วเอาอาชีพที่ปรึกษากฏหมายมาเปรียบเทียบ ...แถกันเข้าไป...  


"กิจกรรมบริการสาธารณะ" มันจะเป็น "อาชีพอิสระ" ไปได้ยังไงล่ะครับ


 

บันทึกการเข้า

"ยามบุญมากาไก่กลายเป็นหงส์  ยามบุญหลงหงส์เป็นกาน่าฉงน...
ยามบุญมาหมูหมากลายเป็นคน  ยามบุญหล่นคนเป็นหมาน่าอัศจรรย์"
The Last Emperor
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 6,714


« ตอบ #41 เมื่อ: 12-09-2008, 12:20 »

ตอนแรกก็อ้างมาตรา 207 (2) ...

(2) ไม่เป็นพนักงาน หรือ ลูกจ้าง ของหน่วยงานของรัฐ, รัฐวิสาหกิจ หรือ ราชการส่วนท้องถิ่น หรือไม่เป็นกรรมการ หรือที่ปรึกษาของรัฐวิสาหกิจ หรือของหน่วยงานรัฐ

พอไม่เข้า (2) เพราะ สถาบันอุดมศึกษาเอกชนเป็นหน่วยงานที่ได้รับมอบหมายให้ดำเนินกิจกรรมบริการ สาธารณะด้านการศึกษา ดังนั้น จึงมิใช่องค์กรธุรกิจเอกชน ตามคำวินิจฉัยของศาลปกครองสูงสุดคำสั่งที่ 880/2549


ก็แถไป (4) อีก  แล้วเอาอาชีพที่ปรึกษากฏหมายมาเปรียบเทียบ ...แถกันเข้าไป...  


"กิจกรรมบริการสาธารณะ" มันจะเป็น "อาชีพอิสระ" ไปได้ยังไงล่ะครับ


 




กิจกรรมบริการสาธารณะนี่ทำแล้วรับตังค์ไหมหรือว่าทำฟรีๆ?  'รัลตอบมาให้ได้น๊ะ'รัลน๊ะ
บันทึกการเข้า
gabiNo
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 172


« ตอบ #42 เมื่อ: 12-09-2008, 12:20 »

ดูน้องจ๊ะ กับน้องบังเค้าเอาอะไรมาแปะอ่ะ ไม่ได้หักล้างกันได้เล๊ยยย  สักแต่ว่าไปหาอะไรมาแปะ แถกันอยู่สองสามตัวอ่ะ แถอยู่ได้ทุกกระทู้ ใครเอามันออกไปที -_-' เหมือนไอ้ 3 ตัวขำกลิ้งลิงกะหมาเลย ป้ายสีไว้แมร่งก่อน อ่านเรื่องครึ่งเดียวอาศัยพวกรากหญ้าฟังแล้วคิดต่อเองไม่ได้ ใครเช็ดได้มาตามเช็ดเอาเอง  
บันทึกการเข้า
gabiNo
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 172


« ตอบ #43 เมื่อ: 12-09-2008, 12:25 »

อย่าไปว่ามัน นังจ๊ะมันไม่ค่อยสมประกอบ เพราะมันก็คือชายน้อย น้องชายชายกลางและพจมานที่ตอนนี้ได้ระเห็จออกจากบ้านทรายทองไปอยู่ลอนดอนแล้ว มันถึงได้ออกมาเถียงแทนพี่ชายมันสุดๆ แต่ก็เถียงได้ตามประสาชายน้อยอ่ะนะ เถียงไปตกคลองมั่ง ตกคูมั่ง สงสารมันเหอะ มันพยายามแล้ว ...
บันทึกการเข้า
ลับ ลวง พราง
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 945



« ตอบ #44 เมื่อ: 12-09-2008, 12:31 »

ถ้ารับตังค์แล้วมันจะเข้าข้อห้ามข้อไหนอ่ะ วานชี้ทางสว่างให้ด้วย
บันทึกการเข้า

"คนฟุ่มเฟือย แม้จะรวยก็มักขัดสน คนประหยัด แม้จะจนก็มักมีเหลือเก็บ"
The Last Emperor
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 6,714


« ตอบ #45 เมื่อ: 12-09-2008, 12:38 »

ถ้ารับตังค์แล้วมันจะเข้าข้อห้ามข้อไหนอ่ะ วานชี้ทางสว่างให้ด้วย


ข้อ 4 ไง ห้ามไปรับจ๊อบ-ขายบริการอาชีพอิสระ เช่น ไปบรรยาย/เป็นอาจารย์พิเศษซึ่งฟันเงินกันมันส์ปาก...'รัลเองเคยเป็นถึงรองประธานร่างรธน.2550น่าจะทราบดีกว่าใครๆนี่นา หรือว่าต่อมจริยธรรมอักเสบชั่วคราวซะแร่ะ!?!
บันทึกการเข้า
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #46 เมื่อ: 12-09-2008, 12:41 »

เมื่อคืนสามเกลอหัวกลม ไปลากเอาเรื่องจัดรายการวิทยุของ อ.จรัญ มาอ้างต่อ

เราก็ขำสุด ๆ ลากไปเรื่อยๆ จนกลายเป็นรายการโจมตีข้างเดียว

เด๊ยวก็เหี่ยวปลายไปเองแหละ


 
บันทึกการเข้า

ลับ ลวง พราง
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 945



« ตอบ #47 เมื่อ: 12-09-2008, 12:47 »


ข้อ 4 ไง ห้ามไปรับจ๊อบ-ขายบริการอาชีพอิสระ เช่น ไปบรรยาย/เป็นอาจารย์พิเศษซึ่งฟันเงินกันมันส์ปาก...'รัลเองเคยเป็นถึงรองประธานร่างรธน.2550น่าจะทราบดีกว่าใครๆนี่นา หรือว่าต่อมจริยธรรมอักเสบชั่วคราวซะแร่ะ!?!

ตกลงวนอยู่แค่ีนี้อะนะ 
บันทึกการเข้า

"คนฟุ่มเฟือย แม้จะรวยก็มักขัดสน คนประหยัด แม้จะจนก็มักมีเหลือเก็บ"
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #48 เมื่อ: 12-09-2008, 12:51 »


หาคำตอบมานาน ว่าอีจ๊ะคือใคร  คือคุณ The Last Emperor นี่เอง
หุหุ  ชื่อเล่นชื่อจ๊ะหรอ  แล้วเป็นผู้หญิงหรือชายอะ  

อ้างถึง

ถ้าคุณ hide สนใจอยากรู้ประวัติ login "อะไรจ๊ะ"
สามารถศึกษาได้จากกระทู้นี้ครับ  

=="อะไรจ๊ะ" เปลี่ยนชื่อจาก "ซูสีไทเฮา/ป้าแหล่ม/จีรศักดิ์" มาเป็น TLE(เพศหญิง)==
http://forum.serithai.net/index.php?topic=24450.0
บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
RiDKuN
Administrator
ขาประจำขั้นที่ 3
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,015



เว็บไซต์
« ตอบ #49 เมื่อ: 12-09-2008, 12:57 »


ปรกติมาตรฐานด้านจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งในกระบวนการยุติธรรมนี่เป็นที่คาดหวังจากคนในสังคมว่าต้องมีสูงกว่าคนทั่วๆไปมิใช่หรือ? เอ๊ะ.....หรือว่าขอสงวนสิทธิ์เฉพาะคุณจรัลกันหล่ะครับ!?!

ข้างบนก็บอกกันอยู่แล้ว ว่าการรับเป็นอาจารย์พิเศษ เป็นงานพิเศษอย่างเดียวที่พวกผู้พิพากษาทำกันเป็นปกติ
ส่วนคำถามว่าเป็นตุลาการศาลธรรมนูญ จะต้องพิเศษกว่าผู้พิพากษาทั่วไป จนต้องเลิกเป็นอาจารย์หรือไม่
ผมคิดว่าคงต้องเป็น "กูรูด้านจริยธรรม" แบบอะไรจ๊ะละมั้ง ถึงจะตอบได้

แต่ที่สุดแล้ว ไปฟ้องวุฒิสภาดีกว่านะ ทำให้มันถูกต้องไป ไม่ใช่เป็นพวก NATO
บันทึกการเข้า

คนไม่มี "อุดมคติ" ไม่ใช่ "นักการเมือง"
หน้า: [1] 2
    กระโดดไป: