ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง คณะทำงานฝ่ายกฎหมาย พรรคไทยรักไทย กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติชี้มูลความผิดกรณีพรรคไทยรักไทยจ้างพรรคเล็กลงเลือกตั้งให้อัยการสูงสุดว่า การชี้มูลของ กกต. เป็นการรวบรัดตัดตอน เป็นการชี้มูลความผิดที่เร็วเกินไป เนื่องจากที่ผ่านมา กกต.ไม่เคยเรียกหัวหน้าพรรคเข้าไปชี้แจงข้อกล่าวหานี้ แม้แต่ครั้งเดียว ทั้งๆ ที่อนุกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงของ กกต. ชุดที่มีนายนาม ยิ้มแย้ม เป็นประธาน ได้สรุปว่าให้เชิญหัวหน้าพรรคไทยรักไทยไปดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงก่อนที่ กกต.จะส่งสำนวนฟ้องให้อัยการสูงสุดพิจารณา แต่วันนี้กลายเป็นว่า กกต.กลับชี้มูลความผิดทันที ตรงนี้สะท้อนว่า กกต.ไม่มีความมั่นใจตั้งแต่ต้นว่า พรรคไทยรักไทยมีความผิดจริงหรือไม่ ซึ่งถือว่าเป็นการพิจารณาที่ไม่รอบคอบและไม่รัดกุม ดังนั้น หากเกิดความผิดพลาดใดๆ กกต.จะต้องรับผิดชอบ เพราะถือว่าเป็นการกระทำที่มิชอบต่อพรรคไทยรักไทย
ร.ท.กุเทพ กล่าวด้วยว่า หลังจากนี้คณะทำงานฝ่ายกฎหมายฯ จะนำผลการสอบสวนของ กกต.มาพิจารณาอีกครั้งว่า จะนำไปต่อสู้คดีในชั้นศาลได้หรือไม่ ขณะเดียวกันในส่วนของข้อกล่าวหาที่มีการกล่าวหาพรรคไทยรักไทยจ้างพรรคเล็กนั้น หากอัยการสูงสุดพิจารณาส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย คณะทำงานฝ่ายฎหมายฯ จะต้องติดตามว่าผลการพิจารณาว่าจะเป็นอย่างไรเพื่อพิจารณาหารือการดำเนินการต่อไป
ด้านนายกมล บันไดเพชร คณะทำงานฝ่ายกฎหมายฯ กล่าวว่า ในเบื้องต้นฝ่ายกฎหมายได้พิจารณาประเด็นดังกล่าวเห็นว่า ความผิดที่มีการกล่าวหานั้น ยังไม่มีความชัดเจน เพราะไม่ได้เป็นข้อกล่าวหาตามกฎหมายเลือกตั้ง โดยเฉพาะกรณีของ พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ที่มีการนำภาพบันทึกเทปวิดีโอ ซึ่งทุกคนที่ปรากฏในภาพ ได้ออกมาปฏิเสธว่าไม่มีใครเกี่ยวข้องกับ พล.อ.ธรรมรักษ์ และ พล.อ.ธรรมรักษ์ ดูแลในพื้นที่ภาคอีสาน ไม่ใช่พื้นที่ในภาคใต้ และหากมีการพิสูจน์ว่า มีความผิดจริงก็ไม่เกี่ยวกับพรรคไทยรักไทย เพราะหากกรรมการบริหารคนใดคนหนึ่งทำผิด ไม่ได้หมายความว่าพรรคไทยรักไทยจะต้องถูกยุบพรรคไปด้วย
นายกมล กล่าวว่า ที่ผ่านมาฝ่ายกฎหมายของพรรคไทยรักไทยได้มีการส่งหลักฐานชี้แจงข้อเท็จจริงในส่วนของพรรค ต่อ กกต.ตลอดมาอยู่แล้ว แต่วันนี้ กกต.โดนข่มขู่อย่างหนัก จนทำให้การพิจารณาคดีใดๆ คลาดเคลื่อน ทั้งๆ ที่ กกต.ทำงานตามกฎหมาย อยู่ดีๆ ก็มีการไปยื่นฟ้องแล้ว ศาลก็รับเรื่อง ตรงนี้เป็นแรงกดดันที่มีผลต่อการพิจารณาของ กกต.จนทำให้ กกต.ต้องพิจารณาคดีดังกล่าวไปตามกระแส สอดคล้องกับข้อสังเกตที่ฝ่ายกฎหมายฯ มองว่าวันนี้ข้อเท็จจริงในการข้อกล่าวหา กรณี พล.อ.ธรรมรักษ์ ก็ยังไม่ได้มีการสรุป แล้วทำไม กกต.จึงสามารถโยงเรื่องและชี้มูลความผิดได้
ขณะที่นายภิมุข สิมะโรจน์ รองโฆษกพรรคไทยรักไทย กล่าวยืนยันว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พรรคไทยรักไทยพร้อมจะรับฟังข้อสรุปของอัยการสูงสุด หรือ กกต.ซึ่งหากมีการเรียกชี้แจงก็รออยู่และพร้อมในการชี้แจง ที่ผ่านมาพรรคได้ชี้แจงหลายครั้งว่าเป็นข้อกล่าวหาส่วนบุคคล ไม่เกี่ยวกับพรรค ทั้ง 2 คน คือ พล.อ.ธรรมรักษ์ ในฐานะรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย กับนายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และรองเลขาธิการพรรคไทยรักไทย ได้เคยไปให้ข้อมูลต่อ กกต.แล้ว ส่วนกระแสข่าว พล.อ.ธรรมรักษ์ จะลาออกจากพรรคเพื่อเป็นการตัดตอนไม่ให้กระทบถึงพรรคไทยรักไทยนั้น วันนี้ขอยืนยันว่า พล.อ.ธรรมรักษ์ ยังไม่ยื่นใบลาออกและไม่ได้เตรียมการตัดตอนอย่างที่ถูกมองแต่อย่างใด
