การเมืองใหม่เป็นนามธรรม ยังเป็นOpensource ที่เราจะทำให้การเมืองดีกว่าเก่าครับ
ตอนนี้ยังไม่ตกผลึกดี บทความด้านล่างก็เป็นการอธิบายการเมืองใหม่ที่ดีครับ
แต่ที่แน่อนที่สุด การเมืองใหม่ ยังคงเป็น ระบอบประชาธิปไตย ที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขครับเป็นการทำให้จริยธรรมของนักการเมืองสูงขึ้น โดยวิธีการต่างๆที่สามารถปฎิบัติได้จริงครับ
ส่วนจะทำอย่างไรนั้นยังไม่ได้ข้อยุติครับ ส่วน 70/30 นั้นเป็นข้อเสนอแรกๆซึ่งก็มีหลายฝ่ายไม่เห็นด้วยครับ
ตอนนี้การเมืองใหม่พัฒนาไปไกลกว่า 70/30แล้วครับ 70/30 เป้นเพียงประเด็นที่รัฐบาลหยิบมาโจมตีเท่านั้นครับ
----------------------------------------------------------------
9.
การเมืองใหม่ คือกระบวนการสั่งสมอำนาจของประชาชน เกิดขึ้นและพัฒนาเติบใหญ่ในท่ามกลางการต่อสู้เอาชนะล้มล้างการเมืองเก่าของกลุ่มทุนสามานย์ในระบอบทักษิณ
การเมืองใหม่หมายถึงอำนาจนำของสังคมตกอยู่ในมือประชาชน ซึ่งก็คือขบวนการการเมืองภาคประชาชน นำโดยพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เป็นปัจจัยกำหนดทิศทางการเมืองของประเทศไทย และเป็นหลักประกันให้การใช้อำนาจของคณะผู้บริหารประเทศและเจ้าหน้าที่รัฐ ตลอดจนข้าราชการดำเนินไปในครรลองที่ยังประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศชาติและประชาชนไทย
10.
หัวใจการเมืองใหม่ คือประชาชนเป็นเจ้าภาพ โดยขบวนการการเมืองภาคประชาชนที่มีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเป็นแกนนำ
11.
ภารกิจพื้นฐานของการเมืองใหม่ คือการจุดเทียนปัญญา ติดอาวุธทางปัญญาให้มวลชน เสริมสร้างอำนาจประชาชนในท่ามกลางการเคลื่อนไหวเปิดโปง ตรวจสอบ ระงับยับยั้ง พฤติกรรมทุจริตโกงกิน ขายชาติขายแผ่นดิน ของรัฐบาลหุ่นเชิด โจมตีระบอบทักษิณ ต่อสู้เอาชนะการปิดล้อมของกลไกอำนาจรัฐในการควบคุมของรัฐบาลหุ่นเชิด เป็นต้น
บทความบางส่วนจาก
ประชาธิปไตยประชาชนเอกลักษณ์ไทย 2
http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9510000104928-----------------------------------------------------
70/30 เป็นแนวคิดที่ว่าผู้แทนในปัจจุบัน ไม่ได้เป็นตัวแทนที่แท้จริงของประชาชน แต่เป็นตัวแทนของกลุ่มทุน
ถึงต้องมีการให้มีตัวแทนจากกลุ่มต่างๆเข้าไปในสภา เช่นตัวแทนของกลุ่มวิชาชีพต่างๆ ซึ่งในกลุ่มก็ต้องเลือกมาอีกทีหนึ่ง
ซึ่งก็เป็นการใช้การเลือกตั้งอีกรูปแบบหนึ่ง ส่วนผู้แทนที่มาจากการเลือกตั้งแบบเดิมก็จะเป็นตัวแทนของประชาชนในพื้นที่
ซึ่งจะทำให้ผุ้แทนในสภาเป็นตัวแทนของประชาชนมากขึ้น ส่วนอัตราส่วนจะเป็นเท่าไรนั้นไม่ใช่สาระสำคัญซึ่งจะดูว่าอัตราส่วนเท่าไรถึงจะเหมาะสม
และการทำให้จริยธรรมของนักการเมืองสูงขึ้น แค่ข้อกล่าวหามีมูลก็ควรต้องออกจากตำแหน่งแล้วไม่ต้องรอจน
ศาลฎีกามีคำตัดสินออกมาเหมือนปัจจุบัน ที่ นักการเมืองมาโมเมว่าถ้าศาลยังไม่ตัดสินก็ยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์
ขนาดข้าราชการยังต้องพักราชการก่อนเลย ยิ่งตำแหน่งทางการเมืองมีความสำคัญและอาจจะก่อนให้เกิดความเสียหายให้แก่ประเทศได้
เมื่อเรื่องมีมูลและเข้ากระบวนการยุติธรรมนักการเมืองก็ต้องออกจากตำแหน่งก่อน เพื่อลดความเสียหายของชาติ
ถ้าศาลตัดสินว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ ก็กลับมาเล่นการเมืองใหม่ได้ ซึ่งในอารยะประเทศที่ไหนก็ทำกันอย่างนี้
มีแต่ประเทศไทยมีนักการเมืองที่หน้าด้านที่สุดในโลกพยายามบิดเบือนข้อกฎหมายให้เป้นประโยชน์แก่ตัวเอง
ใครมีความคิดอะไรดีๆที่คิดว่า สามารถทำให้การเมืองในปัจจุบันดีขึ้นก็แนะนำกันเข้ามาได้นะครับ