ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
18-04-2024, 21:21
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  ทำไมหลายคนที่ไม่ชอบระบอบทักษิณ ดันไม่ชอบสนธิด้วย? 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
ทำไมหลายคนที่ไม่ชอบระบอบทักษิณ ดันไม่ชอบสนธิด้วย?  (อ่าน 2915 ครั้ง)
Mali
น้องใหม่
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 12


« เมื่อ: 20-06-2006, 22:59 »

มะลิเป็นคนหนึ่งที่เห็นความไม่ชอบมาพากลในระบอบทักษิณมาตั้งแต่ต้น ในช่วงเวลา 5 ปีที่ผ่านมา สื่อต่าง ๆ พากันปิดปากเงียบไม่กล้าวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล แต่แล้ววันหนึ่งประตูแห่งปัญญาบานแรกก็ได้เปิดขึ้น (ในขณะที่หน้าต่างทางความคิดในพันทิปก็ได้ถูกปิดลง) คุณสนธิออกมาวิจารณ์การทำงานของทักษิณและรัฐบาลอย่างตรงไปตรงมา ข้อกล่าวหาและคำถามของคุณสนธิ ไม่ใช่ข้อกล่าวหาที่ด่าเสร็จแล้ววิ่งหนี แต่คุณสนธิเสนอให้รัฐบาลทำการชี้แจงข้อกล่าวหาและตอบคำถาม การกระทำของคุณสนธิทำให้ผู้คนจำนวนมากเริ่มตะขิดตะขวงใจในการดำรงอำนาจของทักษิณ

แต่

คนอีกหลายคน แม้ว่าจะรู้ความจริงเกี่ยวกับรัฐบาลนี้ เกลียดการปกครองของรัฐบาลนี้ ก็ดันพาลเกลียดสนธิและกลุ่มพันธมิตรการเมืองไปด้วย  จากการสอบถามคนใกล้ตัว ก็ให้คำตอบมาพอจะสรุปได้ว่า กลุ่มสนธิทำการปั่นป่วนให้เมืองไทยวุ่นวาย เป็นพวกเรียกร้องไม่รู้จักจบจักสิ้น เป็นพวกสื่อมวลชนเหลิงอำนาจ และบางครั้งนิยมพูดพาดพิงถึงฟ้าสูง  พวกคนเหล่านั้นสรุปได้ว่า จะไม่สนับสนุนทักษิณ แต่ก็จะไม่สนับสนุนสนธิและพันธมิตร

เป็นแบบนี้แล้วก็เป็นห่วงเมืองไทย คนไทย คนที่ออกมาสู้ในสิ่งที่เห็นว่าไม่ถูกต้อง คนที่ออกมาใช้สิทธิทางคำพูดตามระบอบรัฐธรรมนูญ กลับถูกคนในสังคม ทั้งที่มีการศึกษาจำนวนหนึ่ง และ ไม่มีการศึกษาจำนวนมาก มองในแง่ลบ อคติ ในความเห็นส่วนตัวของมะลิอยากจะบอกว่า แม้ว่าจะไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่เขาพูดทั้งหมด อย่างน้อยก็ให้เกียรติ ให้ความเคารพกับสิ่งที่เขากำลังต่อสู้อยู่ ทหารออกศึกต้องเข่นฆ่าศัตรูฝ่ายตรงข้าม แม้ว่าเราจะเป็นว่าการฆ่าประหัตประหารเป็นสิ่งผิด แต่เราก็ไม่ควรไปรังเกียจการกระทำของทหาร เพราะทหารเหล่านั้นกำลังสู้เพื่อปกป้องพวกเราอยู่

ขอพูดจากใจว่า ถ้ากลุ่มพันธมิตรต่อสู้แบบมีผลประโยชน์ส่วนตัวแอบแฝง มะลิก็จะประนามการทำงานของกลุ่มพันธมิตรแน่อน แต่เท่าที่ติดตามจากการปราศัยที่ผ่านมา เขากำลังต่อสู้เพื่อผลประโยชน์ของคนในชาติทุกครั้ง

หลายครั้งแล้วที่มีคนใจกล้าแบบนี้เกิดขึ้นมาในสังคม แต่ความพยายามนั้นไม่เคยประสบผลสำเร็จ หลายครั้งแล้วที่พอคนเหล่านี้สิ้นชีพไป คนไทยพึ่งจะสำนึกถึงความดี ความกล้าหาญที่เขาทำ แล้วมานั่งเขียนหนังสือ แต่งตำรายกย่องคุณความดีของผู้คนเหล่านั้น...

เพื่ออะไร? และจะเป็นแบบนี้กันไปอีกนานเท่าไร ประเทศไทย



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-06-2006, 23:05 โดย Mali » บันทึกการเข้า
Wadoiji
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 801


รักษ์ประชาธิปัตย์


เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: 20-06-2006, 23:44 »

อืม... เราเองไม่ชอบทักษิณ

แต่ไม่ชอบพันธมิตรตรงรูปแบบการนำเสนอ และบางครั้งทำอะไรที่ไม่เหมาะไม่ควร (เช่น ยกทัพมาพารากอน ทำให้เสียคะแนนนิยมมากกว่าได้)

แต่ขอบคุณพันธมิตรที่ออกมาโจมตีทักษิณ ทำให้รู้อะไรเพิ่มขึ้น (บิดเบือนบ้างบางเวลา)
บันทึกการเข้า

AsianNeocon
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,277


中華萬歲﹗ LONG LIVE CHINA!


เว็บไซต์
« ตอบ #2 เมื่อ: 21-06-2006, 00:02 »

เจ้าของกระทู้พูดได้ตรงใจมากครับ มีการโต้เถียงกันไปแล้วครับ มีทั้งการตัดพ้อว่าตัวเองถูกรุม แต่ก็หาทางออกอะไรไม่ได้ว่า แล้วจะมีวิธีอื่นในการไล่ทักษิณที่ดีกว่านี้ไหม ลองอดทนอ่านกระทู้นี้ดู แต่ไม่ต้องไปตอบโต้อะไรเพิ่ม
http://forum.serithai.net/index.php?topic=2957.0;all


บันทึกการเข้า

จูล่ง_j
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,901



« ตอบ #3 เมื่อ: 21-06-2006, 01:49 »

เห็นด้วยกับคุณมะลิ ครับ

ถึงสนธิและพันธมิตร จะมีอะไรเลอะเทอะไปบ้าง

แต่โดยรวม ต้องถือว่าพวกเค้าเสียสละ ต่อสู้กับอำนาจอันเลวร้ายของรัฐบาล

ต้องให้กำลังใจกันบ้างครับ ไม่ใช่เอาแต่ด่ามันทุกฝ่าย ตัวเองนั่งอยู่กับบ้านเฉยๆ

มันจะทำให้พวกโกงบ้านโกงเมืองสำนึกได้เหรอ
บันทึกการเข้า

kobkla
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 97


« ตอบ #4 เมื่อ: 21-06-2006, 07:13 »

ความพลาดของพันธมิตร(หรือจะเป็นส่วนตัวคุณสนธิเอง)  คือประเมินความคิดของชนชั้นกลางผิดไป  แกไปยึดสูตรของ อ.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ ชนชั้นกลางเกลียดทักษิณ ถ้าเป็นพวกที่ชอบก็คงได้ผลประโยชน์ พวกห่วงแต่เศรษฐกิจ แต่ถ้าแค่ดูจากผลการเลือกตั้งเฉพาะในเขตกรุงเทพเมื่อเดือนเมษายน
    ส่วน กทม. ในระบบบัญชีรายชื่อ ทรท. ได้ 1,253,481 คะแนน ไม่ประสงค์ลงคะแนน 1,269,722 บัตรเสีย 50,818 (อันนี้ผมไม่แน่ใจว่าเป็นผลที่เป็นทางการหรือผลที่ไม่เป็นทางการ)
    เทียบเป็นสัดส่วนแล้ว น่าจะอยู่ที่ 55 : 45 โดยประมาณ ไอ้ 45 % ที่เอาทักษิณ สมมุติว่าถูกซื้อเสียงสะ 20 % ที่เหลืออีก 25 % ก็ไม่เบาเสียทีเดียว
ผมพยายามสรุปสาเหตุ ก็พอจะได้ดังนี้
 ๑. จำเป็นต้องใช้ทักษิณ อันนี้ ต้องย้อนไปมองรัฐบาลชุดที่ผ่านๆมา เขาเปรียบเทียบ ตัวนายกแล้ว บรรหาร ชวลิต ชวน ยังไงเขาก็พอใจ ทักษิณ เพราะเขาบอกว่า ก็กินกันทุกชุด แต่ทักษิณยังมีผลงานมาก แม้หลังๆจะได้ข้อมูลมาก แต่ก็คิดว่าแค่ให้ทักษิณปรับปรุงตัวก็พอแล้ว ผนวกกับเริ่มไม่ชอบท่าทีของพันธมิตรหลังๆ ที่ค่อนข้างรุนแรง
๒ ต้องไม่ลืมอย่างหนึ่งว่า ภาคเศรษฐกิจในประเทศ (การใช้จ่ายในประเทศ) ตกมาตั้งแต่ปีที่แล้ว และปีนี้ยังตกต่อเนื่อง มาจนถึง เดือนมิถุนายนเข้าไปแล้ว เมื่อทักษิณกลับมา และอัดงบประชานิยม ย่อมส่งผลให้เกิดการใช้จ่ายในประเทศ ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาคธุรกิจที่กำลังลำบากเหล่านี้ เขาก็ต้องเกิดความขอบคุณในตัวทักษิณเป็นธรรมดา แล้วจะพาลไม่พอใจใครที่มาปฏิเสธทักษิณ
๓.อีกกลุ่มหนึ่ง เป็นพวกที่ จบ ใกล้จบ เริ่มทำงานแถวๆปี 40 ก็มาเจอสภาพฟองสบู่แตก   แล้วตอนสมัยชวนเป็นนายก แล้วเกิดเรื่อง  ปรส. ก็เลยค่อนข้างมองโลกในแง่ร่้าย เกลียดประชาธิปัตย์ เทใจให้ทักษิณ เพราะเขาเพิ่งจะได้เจอสภาพเศรษฐกิจดีๆเป็นครั้งแรก เขามักจะไม่ค่อยชอบฟังนักวิชาการโดยเฉพาะสายสังคมศาสตร์ นิติศาสตร์ ไม่ชอบ หนังสือพิมพ์   เหมือนพวกเห็นแก่ตัวโดยไม่รู้ตัว

ความรุนแรงของคุณสนธิ ในส่วนไล่ทักษิณ หลังๆ แกเล่นลูกคาบลูกคาบดอกมากเกินไป เช่น ม็อบเช็คบิล ๕๐ ครั้ง (การออกไปมีม็อบแต่ละครั้ง ประชาชนมีความเสี่ยง ไม่จาก ฝ่ายตรงข้าม ก็อาจจะเป็นมือที่ 3),ม็อบพารากอน ,หรืออย่างเรื่องที่แกว่าทักษิณจะล้มกษัตรย์ (ซึ่งข้อมูลตรงนี้ คนที่จะมั่นใจได้  มักต้องมีข้อมูลวงใน) ก็เลยยากที่คนจะเชื่อคุณสนธิ แล้วก็เลยเกิดกรณีดึงฟ้าสูงให้ลงต่ำที่หลายคนไม่ชอบ และอย่างคุณสนธิไม่ตอบรับพระราชดำรัสการไม่พระราชทานนายกซะตั้งแต่วันแรก คนบางกลุ่มก็เลยเคลือบแคลง
แต่อยากให้มองอย่างนี้ ต่อให้คุณสนธิจะเลว(ถ้าเลวนะ) ยังไงเขาเลวน้อยกว่าทักษิณมหาศาลแน่  และภัยตรงหน้าของเราคือทักษิณ ที่ไม่รู้จะสรรหาคำใดมาอธิบายความเลวของเขาได้ ถ้าอย่างไร ช่วยกันจัดการทักษิณก่อนได้มั้ย แล้วถ้าสนธิเลวจริง ค่อยตามไปจัดการทีหลัง (อาจจะเลยไปถึงประชาธิปัตย์ ที่ไม่เห็นจะทำอะไร เอาแต่เล่นเกมการเมือง เอกยุทธ อัญชันบุตร ฯลฯ ใครต่อใคร ที่อาจจะมาฉกฉวยผลประโยชน์หลังเหตุการณ์)

ส่วนเรื่องความกังวลว่าถ้าเกิดให้คุณสนธินำม็อบ โอกาศเสียเลือดเนื้อมันสูง แล้วมันจะคุ้มไม ถ้าต้องเอาชีวิตเข้าแลก(เพราะท้ายสุด การเมืองมันก็แค่หนึ่งในอนิจจังและมายาของชีวิต ใช่มั้ย)
ก็ต้องพยายามสื่อให้คุณสนธิรับรู้ (แบบให้เขารู้จริงๆนะ ไม่ใช่แค่คิดว่าเขาอาจจะมาอ่านเจอจากในบอรด์) หรือ เราต้องมาช่วยกันคิด ช่วยกันรณรงค์เรื่องการไม่ใช้ความรุนแรง อาจจะเป็น ไปร่วมม็อบโดยพวกเรานัดกันไว้ แล้วพร้อมกันใส่เสื้อสันติวิธี ชูป้ายสันติวิธี  คอยเบรคๆพวกใจร้อนข้างๆเรา หอบชุดปฐมพยาบาลไป (เผื่อไว้) อะไรทำนองนี้( ผมเองก็ยังคิดได้ไม่ค่อยดีน่ะ แต่อยากให้มาช่วยกันคิด)


โดยส่วนตัวแล้ว ผมไม่คิดว่า ทหารจะออกมาทำร้ายประชาชนหรอก เพราะ ผบ.ทบ. แกก็พูดออกมาดักทาง ตท.๑๐ ไว้แล้ว หรือบทบาทตำรวจ ที่ผ่านมาก็เห็นว่าวางตัวดีมาก ถ้าจะว่าไป ผมห่วงที่ม็อบ ๒ ฝ่ายจะชนกันเองมากกว่า

ก็ฝากไว้ให้พิจารณาดู

บันทึกการเข้า
snowflake
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,207



« ตอบ #5 เมื่อ: 21-06-2006, 07:29 »

ขอบคุณ จขกท. ที่มาให้ข้อมูลนะคะ
ดิฉันก็เจอมาแบบนี้เหมือนกันค่ะ
และยังไม่มีปัญญาไปเถียงให้ชนะ
หรือโน้มน้าวใครที่ไม่ชอบม็อบให้เปลี่ยนมาเข้าใจได้
ทำนองเดียวกับที่ไม่มีคำตอบที่ "ถูกใจ" ให้ฝั่งที่เห็นด้วย
ว่าถ้าไม่ทำอย่างนี้ แล้วจะทำอย่างไร

ต่างฝ่ายต่างก็คิดว่าตัวเองถูก
ใครไปแตะต้อง ชี้ช่องที่ไม่ถูกตรงไหน
ของแนวคิดที่ตัวเองยึดถือ เป็นรับไม่ได้
คนที่อยากจะสมานฉันท์ให้เลิกทะเลาะกัน ก็...ซวยไป
ถูกด่าจากทั้งสองฝ่าย …
สมน้ำหน้า อยากแส่หาเรื่องใส่ตัวเอง  Crying or Very sad

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า คนจะทะเลาะกัน
อย่าเสือ ก ไปห้ามให้ยาก อาจโดนลูกหลง
เพราะทั้งสองข้างอาจสามัคคีกันหันมาเล่นงานเราแทน  Neutral
บันทึกการเข้า

Even the smallest person can change the course of the future.
snowflake
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,207



« ตอบ #6 เมื่อ: 21-06-2006, 07:58 »

เจ้าของกระทู้พูดได้ตรงใจมากครับ มีการโต้เถียงกันไปแล้วครับ มีทั้งการตัดพ้อว่าตัวเองถูกรุม แต่ก็หาทางออกอะไรไม่ได้ว่า แล้วจะมีวิธีอื่นในการไล่ทักษิณที่ดีกว่านี้ไหม ลองอดทนอ่านกระทู้นี้ดู แต่ไม่ต้องไปตอบโต้อะไรเพิ่ม
http://forum.serithai.net/index.php?topic=2957.0;all


ไม่ทราบว่ามีการ "รุม" เกิดขึ้นที่ไหน แล้วใครเป็นคน "ตัดพ้อต่อว่าตัวเองถูกรุม" กันคะ?
คุณ ThaiTruth กรุณาหาลักฐานมาให้ดูหน่อย

กระทู้นั้นจะมีการรุมที่ว่าได้อย่างไร ในเมื่อมีแต่ “สุภาพบุรุษลูกผู้ชาย”
ที่ไม่นิยมว่าใครตรงๆ ให้เสียเกียรติ ใครอยากรับก็รับไปเอง
ช่างเกรงใจและมีมารยาทดีสมเป็นผู้ใหญ่ที่น่านับถือ

ดิฉัน “เว้นวรรค” ไม่พูด/เขียน ตอบอยู่หลายวัน
เพราะไม่อยากใช้อารมณ์ พยายามมีสติและปล่อยวาง
คิดว่าเป็นเรื่องของอารมณ์ชั่ววูบ หรือการเข้าใจผิดชั่วครู่ชั่วยาม
ที่เกิดขึ้นในสมรภูมิการโต้แย้งทางความคิดที่ร้อนแรง
แต่คงไม่เป็นอย่างที่คิด เพราะเห็นแล้วว่าความเข้าใจผิด หรือผิดใจนั้นยังดำรงอยู่ต่อไป
และดูท่าจะยิ่งเติบใหญ่ ลุกลามออกไปนอกกระทู้ หลายกระทู้ก็ว่าได้
คุณจะไม่รับก็ได้นะคะ ว่าได้ไปเขียนกระแนะกระแหนกระทบกระเทียบเปรียบเปรย
ใส่ร้ายป้ายสีดิฉันไว้ที่ไหนบ้าง สวรรค์มีตาย่อมมองเห็นได้

นิสัยคนเรา บางครั้งก็แปลก
เถียงกันแล้วแทนที่จะจบที่ประเด็นนั้นๆ
ซึ่งอาจจะเห็นตรงบ้างเห็นต่างบ้างเป็นเรื่องๆ ไป
กลับกลายเป็นความแค้นส่วนตัว
ที่ต้องจองล้างจองผลาญระรานกันไม่มีที่สิ้นสุด
ขอบอกว่าไม่ใช่นิสัยที่ดีนะคะ คุณ ThaiTruth
ฟังแล้วจะเชื่อหรือไม่ก็สุดแต่ใจ
ยังไงก็เตือนมาด้วยความปรารถนาดี
แต่หากอยากจะตีความให้เป็นร้าย ก็คงห้ามไม่ได้

nothing personal http://forum.serithai.net/index.php?topic=2957.msg41502#msg41502

โอ๊ว มีตัดพ้อต่อว่า ทำเอาอึ้งไปพักใหญ่

I am so sorry if I hurt you or anybody
who happened to read my writing in any way.
It’s never been my intention to hurt anyone
even those considered “enemies”.
So, I certainly will not do that to you my “friends”!

งั้นบอกก่อนเลยว่า It’s nothing personal.
ไมได้ว่าใครเป็นการส่วนตัว
และบางอย่างที่เขียนก็ไม่ใช่มุมมองส่วนตัวของข้าพเจ้า
เพียงแต่ถ่ายทอดสิ่งที่ประสบมาให้พวกท่านได้รับฟังรับรู้
ในฐานะที่อยู่ท่ามกลาง คนรัก ทรท.
ใช่ว่าจะเห็นด้วยกับที่เขาบอกไปหมดทุกสิ่ง
แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าบางเรื่องที่เขาคิดก็มีเหตุผลรับฟังได้

และที่ตั้งใจมาเขียนแย้งในที่นี้เพราะคิดว่า
บางทีการที่อยู่ท่ามกลางคนพวกเดียวกันคิดเหมือนกัน
พานให้มองไม่เห็นว่าจะคิดเป็นอื่นได้อย่างไร
แล้วเลยหลงนึกว่าที่ตัวเองคิดนั้นถูกต้อง 100%

พวกคุณไม่รู้สึกจริงๆ หรือว่า บอร์ดนี้เอียงกะเท่เร่ไปถึงไหนแล้ว
ก็ไม่ได้บอกให้ใครมาเปลี่ยนความคิดเห็นไปเป็นกลาง
หรือแกล้งปลอมเป็นอีกข้าง อย่างที่เคยเกิดไป
แต่ไม่เห็นจะเกิดการแลกเปลี่ยนหรือประเทืองปัญญาอะไร
หากทุกคนคิดเหมือนๆ กัน
หรือแม้ไม่เหมือนแต่ไม่กล้าจะบอกว่าคิดต่าง
อย่างหนึ่งเพราะเกรงใจ ไม่อยากขัดคอ
อีกอย่างก็เพราะจะต้องโดนรุมด่าตามมา
ดังที่เห็นตัวอย่างมามากแล้ว
หากไม่อคติจนเกินไป คงไม่ปฏิเสธว่าไม่ได้ทำ

“เสรีทางความคิด” แต่คนที่คิดต่างอยู่ไม่ได้/ไม่มีที่ยืน
เพราะจะได้รับการติดป้าย (label) อันทรงเกียรติทันที
ว่าเป็น สมุนทรราช
ขนาดเขาบอกไม่ใช่ ก็ยังจะยัดเยียดให้ต่อไป

ถามว่ามีใครอยากรับไหมว่าเป็นสมุนสนธิ
หรือมาสมัครสมาชิกที่นี่เพราะมี hidden
เป็น warroom ของเวบผู้จัดการ ต้องการขยายฐานที่มั่น?

หากต้องการจบแบบสมานฉันท์
ก็ต้องมีการเจรจาระหว่าง 2 ฝ่าย
แม้ยามศึกสงครามก็ยังมีข้อตกลงว่า
จะไม่ฆ่าผู้ส่งสาร หรือทูต
Don’t shoot the messenger
Unless you want the ugly war.
ซึ่งชักสงสัยว่าจะจริง ทุกวันนี้ได้ยินแต่เสียงบอกให้ ฆ่ากัน
รอเพียงให้งานพระราชพิธีผ่านไป ...
คิดแบบนี้แล้วเรียกตัวเองว่าจงรักภักดี ก็ไม่รู้จะว่ายังไง

ที่ไม่เดือดร้อนกับคำว่า outlaw เพราะเห็นว่าเป็นคำกล่าวที่ไม่เกินเลย
สู้กับคนที่อยู่ในอำนาจโดยกอดกฎกติกาไว้แน่น เท่ากับอยู่คนละข้างของกฎหมาย
แต่ทำไปแล้วไม่รู้ตัวว่าผิดแม้เพียงน้อยนิด อันนี้ไม่รู้จะเรียกว่าไร้เดียงสา หรือแกล้งโง่
ขออภัย ไม่อยากใช้คำรุนแรง แต่เกรงไม่เข้าใจ ไม่ซึมซาบเข้าไปในหมอกมายา
ที่สร้างไว้หลอกตัวเองว่า ทำถูกต้องทุกอย่าง ไม่มีใดผิด

คนที่ทำระเบิดพลีชีพ เขาก็คิดว่าตัวเองไม่ผิด จะได้ไปสวรรค์
เพราะทำความดีอันยิ่งใหญ่ที่ได้กำจัดผู้เป็นภัยต่อศาสนา
แต่คนนอกที่อยู่นอกศาสนาของเขา คิดอย่างไรก็คงทราบดี

พันธมิตรฯ พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ใช้กำลัง
ดีแล้วที่ไม่เกิดเหตุร้าย ขอปรบมือให้
แต่หลายครั้งก็อดสงสัยไมได้ว่า
ที่นำฝูงชนเคลื่อนไปมาตามท้องถนนนั้น ทำเพื่ออะไร
มีเจตนายั่วยุอีกฝ่ายให้ใช้กำลังเข้าปราบปรามหรือไม่
แล้วพอเขาไม่ทำ ก็เลยไม่มีเหตุที่จะไปให้ถึงเป้าหมาย
คือจบเรื่องโดยเร็วหรือเปล่า?

ก็เป็นห่วงประชาชนที่ไม่รู้เท่าทันเจตนาแอบแฝง
จะต้องมาเป็นเบี้ยในกระดานที่สละได้ให้ใครเดิน
ไม่ว่าฝ่ายไหน ได้ค่าจ้างหรือไม่ได้ ทำด้วยใจหรือด้วยเงิน

อยากให้ต่อสู้แบบไหน?
ก็แบบที่ไม่รุนแรง และไม่ผิดกฎหมายไง ไม่ใช่ผิดแล้วอ้างว่าไม่เป็นไร
เพราะจะจับโจร ใช้วิธีการยังไงก็ได้ทั้งนั้น ยังไงมันก็เลวกว่าเรา

คุณบุกไปฆ่าเขาตายแล้วบอกไม่ผิดเพราะฆ่าผู้ร้าย
เชื่อว่าทำได้งั้นหรือ ถ้าได้บ้านเมืองก็ไม่มีขื่อมีแปแล้ว

หากจำเป็นต้องทำผิด ก็จำกัดให้มันน้อยหน่อย
อย่าให้มากจนน่าเกลียด หรือเดือดร้อนชาวบ้านโดยไม่จำเป็น
เพราะจะเป็นการก่อศัตรูโดยไม่รู้ตัว
ตัวอย่างเช่น ชุมนุมในถนน ผิดแค่กีดขวางการจราจร
แต่ชาวบ้านที่เดือดร้อนในการสัญจรไปมาเขาโมโหมาก
จากที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด กลายเป็นเข้าข้างรัฐบาล เพราะรำคาญม็อบ
คุณจะว่าเขาเห็นแก่ตัว ไม่ยอมเสียสละเพื่อชาติ
พวกคุณเหนื่อยยากลำบากกว่าเป็นไหนๆ ก็คิดไปได้
แต่คุณไม่ชนะในระยะยาว เพราะไปเพิ่มเสียงให้ฝ่ายศัตรู

ม็อบปิดล้อม กกต. บังคับค้นรถที่จะออกจากตึก
ให้ต้องเปิดกระโปรงทุกคัน เพื่อค้นหาทั่นวาสนา?
ทำผิดกฏหมายหรือไม่? ถ้าค้นเจอแล้วจะเกิดอะไรขึ้น?
ไม่ต้องอ้างว่าผิดน้อยกว่าม็อบล้อมเนชั่น
ผิดก็คือผิด ใช้ว่าเปรียบเทียบกันแล้วจะถูกไปได้

ไม่ได้บอกว่าผิด “เท่ากัน” นะคะ คุณ ThaiTruth
กรุณาอ่านใหม่ highlight ให้ตลอด
“ผิดด้วยกันทั้งสอง/ทุกฝ่าย อาจมากน้อยต่างกันแล้วแต่เหตุการณ์และมุมมอง”

ขึ้นชื่อว่าม็อบ ความหมายก็ไม่ดีแล้ว
คือฝูงชนที่ขาดสติ มีแนวโน้มที่จะเกิดความรุนแรงได้ง่าย
อยากเน้นเรื่องมีสติ เพราะเป็นห่วงจริงๆ
ว่าจะมีผู้ไม่ประสงค์ดีหลอกให้ไปเกิดเหตุร้าย
อย่างที่ตอบในกระทู้ก่อนหน้า (#13)
ว่าไม่อยากให้มี “วีรชน" (ไม่ว่าเดือนไหน) อีก
http://forum.serithai.net/index.php?topic=2957.msg40032#msg40032

ประเด็นที่รู้สึกไม่ไว้วางใจและไม่เห็นด้วย
ก็ตรงที่มีการใช้หรืออ้างสถาบันเพื่อปลุกกระแส
จะเห็นว่าเป็นกลยุทธที่ใช้ได้ผลมากกว่าเรื่องโกงกิน
คอรัปชั่น บริหารไม่โปร่งใส ฯลฯ

จึงอยากเน้นที่เรื่องจงรักภักดี
และขอประณามไม่ว่าฝ่ายไหน
ที่ทำให้ระคายเบื้องพระยุคลบาท
รักพ่ออย่าให้พ่อต้องเดือดร้อนสิคะ

หากใครคิดทำอะไรรุนแรงในปีมหามงคล
ก็ถือเป็นลูกอกตัญญู ผู้ไม่เห็นแก่ “พ่อ” ด้วยกันทั้งนั้น
“รักพ่ออย่าทะเลาะกัน” เพื่อมิให้พ่อเสียใจ
ทุกคนเป็นลูกของพ่อทั้งนั้น
ไม่ว่าม็อบจตุจักรหรือม็อบกู้ชาติ
สนับสนุนหรือต่อต้านทักษิณและพรรคไทยรักไทย


----------------------------------------------------------
แก้ตัวสะกด
บันทึกการเข้า

Even the smallest person can change the course of the future.
snowflake
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,207



« ตอบ #7 เมื่อ: 21-06-2006, 08:00 »

เขียนอีกครั้งก็แล้วกัน ไม่รู้ว่าจะชัดขึ้นหรือยังเข้าใจได้เหมือนเดิม

ไม่ได้ให้เลิกไปม็อบกดดัน
แต่
อย่าให้ถึงต่อสู้ปะทะถึงขั้นนองเลือด (ไม่จริงก็ดี อย่าให้จริงแล้วกัน)
เพราะมันไม่คุ้มกัน ชีวิตคุณมีค่ามากกว่านั้น

ชีวิตคุณมีค่ามากกว่าเงินแสนล้านบาท http://forum.serithai.net/index.php?topic=2957.msg40032#msg40032

เป็นไงคุณ snowflake เห็นหรือยังว่า "บ้านนี้เมืองนี้ต้องคำสาป ไม่มีวันเจริญ มีแต่จะถูกกัดกินให้ยิ่งพังทลายลง"


ไม่เห็นค่ะ
และไม่ขอเชื่อเรื่อง คำสาป บ้าบออะไรนั่นเด็ดขาด
รวมทั้งไม่แนะนำให้ใครไปเชื่อตามคุณด้วย
เรื่องที่ไม่ดีๆ ไม่มีหลักฐานยืนยัน
ทำไมถึงอยากไปเชื่อก็ไม่ทราบ
จะขอมหรือใครก็ไม่ต้องมาบังอาจ
ใช้อำนาจแช่งประเทศที่รักของเรา

ความเชื่อโดยไม่ต้องมีข้อพิสูจน์
เรียกให้ดี คือ ศรัทธา เรียกให้ร้าย คือ งมงาย
คุณ ThaiTruth ที่ชอบบ่นคนอื่นว่า
โง่ หลงผิด ไร้ศักดิ์ศรี มักง่าย และสมควรตาย
เข้าข่ายไหนล่ะคะ?

อยากให้โลกเป็นทุกข์มากนักหรือไง?
ขอบอกว่ามันเป็นของมันได้ด้วยตัวเองอยู่แล้ว
ดูข่าวสิ ภัยธรรมชาติทำลายชีวิตผู้คนทั่วโลก ไม่เลือกว่าอยู่ที่ไหน พัฒนาแล้วหรือไม่
ยังไม่นับโรคภัยไข้เจ็บ ที่แม้เทคโนโลยีก้าวไกลแค่ไหน ก็ยังคงเอาชนะมันไม่ได้
คุณไม่ต้องไปช่วยเร่งสร้างความหายนะและโศกนาฏกรรมเพิ่มให้โลก ก็จักเป็นพระคุณยิ่ง

ที่อยากให้จบ happy ending ใช่ว่าไม่อยากให้ “คนผิด” ได้รับการลงโทษ
แต่หากหมายถึงต้องเกิดการสูญเสีย ไม่ว่าฝ่ายใด ก็ขอไม่ให้เกิดดีกว่า
ไม่อยากให้เราต้องมี “วีรบุรุษ เดือนอะไรอีก”
ชีวิตคุณ (หรือชีวิตใคร) มีค่ามากกว่าเงินแสนล้านบาท
ที่คิดว่าเขาโกงไป
คุณ (หรือใคร) อาจบอกว่ายอมสละได้ เพื่อชาติ เพื่ออุดมการณ์ หรือเพื่ออะไร
แต่ดิฉันไม่ต้องการให้ใครมาสละค่ะ ไม่ว่าเพื่ออะไรทั้งนั้น
และคิดว่าพ่อแม่ ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง ทุกคนที่รักคุณ ก็คิดไม่ต่างกัน

ย้ำอีกทีว่าไม่ได้ใจอ่อนสงสาร “คนผิด”
แต่คิดว่า “ผิดด้วยกันทั้งสอง/ทุกฝ่าย”
อาจมากน้อยต่างกันแล้วแต่เหตุการณ์และมุมมอง

สุดท้าย หากใครคิดทำอะไรรุนแรงในปีมหามงคล
ก็ถือเป็นลูกอกตัญญู ผู้ไม่เห็นแก่ “พ่อ” ด้วยกันทั้งนั้น

“รักพ่ออย่าทะเลาะกัน” เพื่อมิให้พ่อเสียใจ
ทุกคนเป็นลูกของพ่อทั้งนั้น
ไม่ว่าม็อบจตุจักรหรือม็อบกู้ชาติ
สนับสนุนหรือต่อต้านทักษิณและพรรคไทยรักไทย

รักพ่อก็อดทนเพื่อพ่อไม่ได้หรือคะ?
พ่ออยากให้ลูกๆ มีชีวิตต่อไป
ไม่อยากให้ลูกคนไหนสละชีพเพื่อท่านโดยไม่มีเหตุอันควร

http://forum.serithai.net/index.php?topic=1744.msg21466#msg21466

และ
ไม่ได้เสนอให้ไปประนีประนอมยอมความให้คนชั่วลอยนวล
ถ้าเอาผิดได้ ตามกฎหมาย ก็ทำไปเลย
แต่
ที่คิดว่าบางทีอาจต้องพิจารณา เพราะเป็นห่วงว่าพันธมิตรฯ
จะต้องมารับโทษผิดแทนพวกเรา

แต่ถ้าเห็นกันว่าเจรจาไม่ได้ทั้งนั้น ผิดก็ติดคุกไปด้วยกัน
อย่างนั้น ไว้ผลัดเวรกันไปส่งข้าวผัดโอเลี้ยงก็ได้ค่ะ  Cool
บันทึกการเข้า

Even the smallest person can change the course of the future.
snowflake
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,207



« ตอบ #8 เมื่อ: 21-06-2006, 08:10 »

ข้าพเจ้าไม่มีเจตนาโจมตีผู้ใดเป็นการส่วนตัว
ที่กระทำไปเพื่อป้องกันตัวเอง (self-defense)
ให้รู้ว่าเรารักสงบ แต่ก็ไม่ยอมให้ใครมารังแกอยู่ฝ่ายเดียว
ควรมิควรแล้วแต่ท่านจะพิจารณา

จุดยืนของเว็บบอร์ด serithai.net 
http://forum.serithai.net/index.php?topic=2360.msg30081#msg30081

บอกตามตรงว่าเหนื่อยกับการทะเลาะกันของสมาชิกจริงๆ ครับ ไม่รู้จะทะเลาะกันเอาเหรียญเอาถ้วยหรืออย่างไร
เอาเป็นว่าอยากจะทะเลาะกันก็ไม่เป็นไร ถือเป็นการบริหารความคิดไปในตัวก็แล้วกัน
แต่ก็อยากให้ยอมรับว่าคนเรามีพื้นฐานความคิดและประสบการณ์ต่างกัน ดังนั้นบทสรุปของแต่ละคนก็ย่อมแตกต่างกัน
ดังนั้นก็ขอให้มีความพอดีในการโต้แย้ง ไม่ใช่ลามไปถึงการโจมตีที่ตัวบุคคลก็แล้วกันครับ

ส่วนเรื่องจุดยืนของเว็บบอร์ด serithai.net อาจจะมีความสับสนว่าเป็นอย่างไร ผมก็ขอสรุปแนวความคิดในปัจจุบันของผมให้ฟังตามนี้ครับ
1. เว็บบอร์ด serithai.net "ก่อตั้ง" โดย "ขบวนการเสรีไทยในเว็บบอร์ด" ซึ่งเป็นกลุ่มสมาชิกที่ต่อต้านไทยรักไทย แต่ว่า serithai.net นั้นต้อนรับสมาชิกทุกประเภท โดยไม่มีการเลือกว่าจะเป็นสมาชิกของ "ขบวนการเสรีไทยในเว็บบอร์ด" หรือไม่
2.เนื่องจากสมาชิก login เว็บบอร์ด มีความหลากหลาย บางคนก็เชียร์พรรคนั้น เกลียดพรรคนี้ บางคนก็ตรงกันข้าม บางคนก็ไม่เชียร์ใครเลย บางคนเข้ามาอ่าน ฯลฯ ดังนั้นในการแสดงความคิดเห็นก็ย่อมแตกต่างกันออกไป แม้ว่าตัวผู้ดูแลจะทำหน้าที่อย่างเป็นกลางโดยไม่ฝักใฝ่พรรคใด แต่ผู้ดูแลจะไม่เข้าไปก้าวก่ายในการแสดงความคิดเห็นของแต่ละท่าน ยกเว้นในกรณีที่มีการละเมิดกฎ
3. ด้วยความที่ผู้ดูแล จะต้องทำหน้าที่อย่างเป็นกลาง แต่ว่า "ขบวนการเสรีไทยในเว็บบอร์ด" นั้นไม่ได้เป็นกลางในทางการเมือง ดังนั้นจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้ดูแลจะต้องมีอิสระในการปฏิบัติหน้าที่ โดยไม่อยู่ใต้อาณัติของขบวนการ เพื่อให้ผู้ดูแลสามารถดำรงความเป็นกลางไว้ได้

สุดท้ายนี้ ผมอยากฝากว่า มีเรื่องอะไรก็ติดต่อกันได้ เรามีทั้ง e-mail MSN โทรศัพท์
จะตั้งกระทู้ทะเลาะกันทำไม พอเรื่องมันใหญ่ มีคนเข้ามาแสดงความเห็นมาก มันก็ยุ่ง
แตกประเด็นกันไปใหญ่โต ทั้งที่ความจริงมันเป็นเรื่องนิดเดียว

บันทึกการเข้า

Even the smallest person can change the course of the future.
กาลามชน
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 717


« ตอบ #9 เมื่อ: 21-06-2006, 08:12 »

กับทักษิณ ผมรู้สึกกลางๆค่อนไปทางชอบนิดๆ แต่ไม่ชอบมากมายขนาดจะเรียกว่าเป็นสาวกอย่างที่บางคนยัดเยียด
แต่ที่ไม่ชอบมากคือ ม๊อบ สาเหตุของความไม่ชอบมีสองประการ คือ

1. ผมไม่ชอบการแหกกติกา ทุกรูปแบบ เพราะเห็นว่าจะสร้างบรรทัดฐานเลวๆ ทิ้งไว้เป็นมรดกให้สังคมเห็นเป็นตัวอย่าง
2. ผมไม่ชอบแนวคิดแบบ ปราบมารไม่ต้องคำนึงถึงวิธีการ โดยเฉพาะการใช้พลังของสื่อ บิดเบือนและกล่าวหาที่เกินจริง

ผมเห็นว่าม๊อบเป็นภัยต่อสังคมร้ายแรงไม่แพ้กัน ทักษิณอาจเป็นอันตรายต่อประเทศในเชิงเศรษฐกิจ แต่ม๊อบก็เป็นภัยต่อสังคมในเรื่องของคุณธรรม

ในความเห็นของผม เงินทองเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยมีแก่นสารมากนัก สมบัติผลัดกันชม การกอบโกยของทักษิณ ไม่ได้น่ากลัวเท่ากับการทำให้ปรัชญาแนวคิดของสังคมวิบัติ เพราะละเว้นคุณธรรมบางอย่างเพื่อเอาชนะในการต่อสู้ ผมเชื่อว่าจะส่งผลเสียต่อประเทศชาติร้ายแรงกว่า เพราะภ้าวิเคราะห์ด้วยหลักธรรม ถ้ารัฐบาลโกง คนที่ทรามก็คือคนโกงในรัฐบาลไม่กี่คน การโกงทำให้คนในสังคมเดือดร้อน แต่คนที่เดือดร้อนไม่ได้ทรามไปด้วย แต่การต่อต้านที่ชักชวนให้สังคมลุกขึ้นมาไล่คนโกงแบบไม่คำนึงถึงวิธีการ เป็นการลดทอนคุณธรรมของสังคมอย่างใหญ่หลวง

สรุปง่ายๆ ถ้าประเทศไทยในอุดมคติ คือ แผ่นดินธรรม-แผ่นดินทอง
ม๊อบทำลายแผ่นดินธรรม - รัฐบาลที่คดโกงทำลายแผ่นดินทอง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-06-2006, 08:18 โดย กาลามชน » บันทึกการเข้า
In The Name Of Justice.
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 952


-_-;


« ตอบ #10 เมื่อ: 21-06-2006, 08:51 »

คุณกาลามชนครับ

รัฐบาลนี้ก็ทำลาย แผ่นดินธรรมด้วยนะครับ  Sad

ตอบเจ้าของกระทู้นะครับ

สำหรับผมก็ติดตามเมืองไทยรายสัปดาห์มาก็นานพอดูครับ ก่อนที่จะโดนยุบรายการไป

เริ่มแรก ผมก็ชอบ และออกจะยึดติดไปทางตัวบุคคล ซึ่งเป็นคุณสนธิ

แล้วผมก็กลับมาคิดดูว่า การที่ยึดตัวบุคคลเนี้ย มันจะทำให้เรามองข้ามหลายๆสิ่งไปหรือไม่

อันนี้เรียกว่าโดน "ล้างสมอง" จะดีกว่าครับ

กลับมามองดูใหม่ วิธีการ และกิริยาอาการของคุณสนธินั้น บางครั้งก็สับสนครับ

ถ้าหากเราดูเมืองไทยรายสัปดาห์ จะเห็นได้ชัดว่า รูปแบบของคุณสนธิช่วงนั้น ดูเป็นผู้ใหญ่ ดูมีเหตุผล น่าเชื่อถือ

แต่บนเวทีพันธมิตรแล้วน่ะ บางครั้งก็ใส่อารมณ์ หรือว่าเหตุการณ์มันพาไป กลายเป็นคนกร้าวร้าว ดุดัน รุนแรง

ซึ่งหลายครั้งก็ได้พาตัวเองไปยืนอยู่บนปากเหวซะอย่างงั้น เช่นการพูดเชิงหมิ่นพระบรมเดชานุภาพเป็นต้น

แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า คุณสนธิคือแกนนำพี่ใหญ่ ในกลุ่มทั้ง 5 คน โดยส่วนตัวแล้ว ผมชอบระบบของ ลุงจำลอง และพี่ใส มากกว่าครับ

ดูแล้วเป็นสายพิราบ มากกว่าคุณสนธิซะอีก
บันทึกการเข้า

"มนุษย์มักต้องการในสิ่งที่ตนเองไม่มี..."

"I Fight In The Name Of Justice."
AsianNeocon
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,277


中華萬歲﹗ LONG LIVE CHINA!


เว็บไซต์
« ตอบ #11 เมื่อ: 21-06-2006, 08:57 »

คุณ snowflake ก็สิ่งที่คุณพูดก็เป็นหลักฐานอยู่แล้วมิใช่หรือ

"คนที่อยากจะสมานฉันท์ให้เลิกทะเลาะกัน ก็...ซวยไป"

"นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า คนจะทะเลาะกัน
อย่าเสือ ก ไปห้ามให้ยาก อาจโดนลูกหลง
เพราะทั้งสองข้างอาจสามัคคีกันหันมาเล่นงานเราแทน"

นี่อะไรครับ

"ขึ้นชื่อว่าม็อบ ความหมายก็ไม่ดีแล้ว
คือฝูงชนที่ขาดสติ มีแนวโน้มที่จะเกิดความรุนแรงได้ง่าย
อยากเน้นเรื่องมีสติ เพราะเป็นห่วงจริงๆ
ว่าจะมีผู้ไม่ประสงค์ดีหลอกให้ไปเกิดเหตุร้าย
อย่างที่ตอบในกระทู้ก่อนหน้า (#13)
ว่าไม่อยากให้มี “วีรชน" (ไม่ว่าเดือนไหน) อีก"

พูดเหมือนว่า พันธมิตรขาดสติไปด้วยอย่างนั้นแหละ

"หากต้องการจบแบบสมานฉันท์
ก็ต้องมีการเจรจาระหว่าง 2 ฝ่าย"

เจรจาอะไรครับ ความผิดและข้อกล่าวหายังไม่ได้รับการไต่สวน?

"ซึ่งชักสงสัยว่าจะจริง ทุกวันนี้ได้ยินแต่เสียงบอกให้ ฆ่ากัน"
พันธมิตรไม่เคยพูดเลย ให้ไปฆ่ากัน อย่าเหมารวมครับ


ผมคิดว่า มี "ประเด็น" ค้างคา ที่ไม่ได้รับคำตอบ ต้องเคลียร์ครับ

ผมคิดว่าอย่าฉวยโอกาสครับ แล้วก็เอาพ่อมาอ้างว่า ตัวเองอยู่ฝ่ายพ่อนะ คนอื่นไม่ดีหมด ทะเลาะกันทำไม (ฉันดีคนเดียวเพราะฉันเคารพพ่อ) อะไรแบบนั้น ควรดู "ต้นสายปลายเหตุ" และ "เจตนา" ด้วย

ผมคิดว่า ใครที่กล้าหาญ ออกมายืนเปิดโปงการคอรับชั่น ความไม่ชอบธรรม ความเลวร้าย ควรให้เครดิตกันบ้างครับ ถ้าว่าตามกระทู้นี้ หากสนธิ (ซึ่งไม่ใช่คนดี การเคลื่อนไหวของเขามีข้อบกพร่อง มีอีโก้ หรือการเสนอมาตรา 7 ก็ปรากฎออกมาแล้วว่าไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง) แต่ถ้าเขาไม่ออกมาสร้างกระแส มาเปิดให้ประชาชนตื่นได้ขนาดนี้ ป่านนี้เว็บเสรีไทยเกิดขึ้นมาก็อาจถูกตามปิดไปแล้วก็ได้ เพราะไม่มีใครออกมาเรียกร้องหาความยุติธรรม เขาคงตามปิดหมดไปแล้ว ดังนั้นให้เครดิตกันบ้างมากกว่าจะมองแค่การทะเลาะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-06-2006, 09:09 โดย ThaiTruth » บันทึกการเข้า

ภูพาน
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 671


« ตอบ #12 เมื่อ: 21-06-2006, 09:05 »

อยากถามคุณกาลามชนว่ามีความรู้สึกเกี่ยวกับเหตุการณ์ 14,6 ตุลาและพฤษภาทมิฬอย่างไรครับ
อันนี้ตามสะดวกนะครับ ถ้าไม่ตอบก็ไม่เป็นไรนะครับ  แต่ถ้าตอบผมจะได้ทราบแนวคิดเกี่ยวกับม๊อบ
แล้วเราจะได้แลกเปลี่ยนความคิดกันน่ะครับ... Smile
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-06-2006, 09:52 โดย ภูพาน » บันทึกการเข้า

ขอกันข้าให้ไกลห่างจากคนที่กล่าวว่า "ข้าเป็นดวงเทียนที่นำความสว่างให้หนทางของประชาชน"
หากแต่ผู้ที่แสวงหาหนทางของตนจากแสงแห่งประชาชนนั้น  ขอจงนำข้าเข้าไปใกล้ชิดด้วยเถิด
~ คาลิล ยิบราน
tom
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 156



« ตอบ #13 เมื่อ: 21-06-2006, 09:11 »

เห็นด้วยกับคุณ kobkla ครับ

พักหลัง คุณสนธิ แกเลอะๆไปหน่อย แต่ก็ดีกว่้าไม่มีใครออกหน้า

คนรับสารจากคุณสนธิ คือคนชั้นกลางที่มีการศึกษามีระบบคิดที่เป็นเหตุผล
ควรส่งสารที่ให้เกียรติคนรับ หน่อยครับ ไม่งั้น พลังของผู้เข้าร่วมจะน้อยลง

แต่ถึงไงก็เอาไว้ก่อนครับ ให้ทักษิณ ที่อันตรายกว่าออกไปก่อน "แสวงจุดร่วม สงวนจุดต่าง"
บันทึกการเข้า
กาลามชน
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 717


« ตอบ #14 เมื่อ: 21-06-2006, 09:51 »

ตอบคุณภูพาน

ครูอาจารย์พระปฏิบัติผู้ทรงอภิญญา เคยเล่าเรื่องของพฤษภาทมิฬว่า ขณะที่กำลังจราจลฆ่ากัน ท่านกำหนดจิตดูเหตุการณ์ เห็นนักต่อสู้ถูกยิงตาย พอตายปุ๊บ จิตก็บังเกิดเป็นอสุรกายทันที วิ่งกระเซอะกระเซิงไล่หาศัตรูที่ไม่รู้อยู่ไหน อย่างน่าสงสาร

เรื่องนี้ทำให้มีคนถามกันมากว่า นักต่อสู้ทำดี เสียสละเพื่อสังคม เพื่อส่วนรวม และเป็นฝ่ายถูกกระทำ ทำไมจึงรับกรรมเช่นนี้ คำตอบคือ จิต และ กรรม มีกติกาที่อาจจะเข้าใจยาก นักต่อสู้กำลังโกรธแค้น ขณะที่ตายจิตจับอารมณ์ความแค้นและพยาบาทไว้เต็มๆ ด้วยอำนาจของโทสะเป็นชนกกรรม จึงเกิดเป็นอสุรกาย และจะอยู่ในภพของอสุรกายเช่นนั้น จนกว่าความโกรธจะจางลง และระลึกถึงบุญกรรมอย่างอื่นได้ จึงจะเคลื่อนย้ายไปสู่ภพอื่นที่เหมาะกับตน

แล้วความเสียสละของเหล่าผู้กล้า จะไม่ได้อะไรตอบแทนบ้างหรือ คำตอบนั้นไม่แน่นอน ต้องดูที่เจตนาที่แท้จริงของแต่ละคน อาจพิจารณาได้ง่ายๆว่าการต่อสู้ที่ได้ทำไปทั้งหมดนั้น ได้มีกุศลธรรมอะไรเกิดขึ้นแก่ตนบ้าง ถ้าขาดเมตตา มีแต่โทสะและพยาบาทเป็นหลัก ก็คงจะแย่ในเบื้องต้น แต่การที่เสียสละเพื่อส่วนรวม ถ้าจริงใจ ไม่ใช่เพื่อหมู่คณะของตน ก็จะเป็นวิบากด้านดี ที่ช่วยให้ไปเกิดใหม่ในถิ่นที่ดี อาจจะได้ไปเกิดในสังคมที่สมบูรณ์ด้วยเสรีภาพและความยุติธรรม
บันทึกการเข้า
กาลามชน
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 717


« ตอบ #15 เมื่อ: 21-06-2006, 10:36 »

แนวทางปรมัตถ์ มีผลต่อมุมมองต่อเรื่องการเมืองของผม

หลายอย่างที่เรามองว่าดีทางโลก แต่อาจจะไม่ดีในเชิงปรมัตถ์ เหตุผลที่ดูหนักแน่นในทางโลก บางเรื่องอาจกลายเป็นไร้เหตุผลในเชิงปรมัตถ์ ผมให้อภัยการโกงของผู้ทรงอำนาจได้ เพราะผมเชื่อว่าเขาย่อมรับผลของเขาเอง ถ้าจัดการทางกฎหมายไม่ได้ กฎแห่งกรรมยังรอเขาอยู่ในภายภาคหน้า และการที่เราต้องมาเผชิญกับสภาพสังคมที่มีการเอาเปรียบ บางที ก็อาจเป็นเพราะเรามีวิบากเก่าบางอย่างอยู่

การชักชวนคนให้ละทิ้งคุณธรรม เพื่อกำจัดคนโกง แบบไม่คำนึงถึงวิธีการ เหมือนการชวนคนให้ทำผิดในเชิงปรมัตถ์ การที่เห็นคนเป็นหมื่นเป็นแสน ถูกเร่งเร้าโทสะ พยาบาท ด้วยถ้อยความที่จริงบ้างเท็จบ้างปนๆกัน เพื่อให้บรรลุผลในการต่อสู้ เป็นเรื่องที่ดูจะแย่กว่าในความรู้สึกของผม

การเร่งเร้าโทสะของผู้อื่นมีผลอย่างไร คำตอบมีในตาลปุตตสูตร นายบ้านโรงเต้นรำเคยถามพระพุทธเจ้าว่า ผู้มีอาชีพให้ความบันเทิงแก่ผู้อื่นจะมีคติภายหน้าอย่างไร พระพุทธเจ้าตรัสตอบว่า สัตว์โลกเป็นทุกข์เร่าร้อนด้วยโลภะ โทสะ โมหะ ผู้ที่เร่งเร้ากิเลสของผู้อื่นให้พลุ่งพล่าน มีคติภายหน้าเป็นนรกหรือติรัจฉาน

การชักนำให้ผู้อื่นเร่าร้อนด้วยเรื่องเท็จมีโทษมาก แต่แม้จะเป็นเรื่องจริงก็ยังคงมีโทษ ยิ่งชักนำคนหมู่มากโทษก็ยิ่งแรง กรณีของไอริส จาง ที่เขียนหนังสือ The Rape of Nanking รวบรวมความทารุณโหดร้ายของทหารญี่ปุ่นในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง มาพิมพ์เป็นหนังสือเผยแพร่ มีเจตนาเพื่อไม่ให้ชาวโลกลืมเลือนการกระทำอันโหดร้าย นัยว่าเพื่อเป็นการลงโทษชาวณี่ปุ่น การชักจูงให้ความพยาบาทที่ควรจะมอดลงไปตามกาลเวลา กลับลุกโชนขึ้นอีกในคนรุ่นต่อมามีผลอย่างไร ไอริส จาง ฆ่าตัวตายเพราะเกิดสภาพจิตที่หดหู่จนทนรับไม่ไหว เป็นเรื่องที่น่าสนใจ เพราะคนที่เผยแพร่ความโหดร้ายของทหารญี่ปุ่นก่อนหน้าไอริส จาง คือมินนี่ ฟาวตริน ก็จบชีวิตด้วยการฆ่าตัวตายเช่นกัน

ทางโลก บอกว่าไอริสจาง และมินนี่ ฟาวตริน ฆ่าตัวตายเป็นเพราะเกิดจิตหดหู่ แต่ในทางธรรม คนที่มีจิตสัมผัส จะบอกว่าไอริสจาง ได้รับแรงสะท้อนของกรรม ที่เกิดจากการชักนำให้คนอื่นเร่าร้อน ยิ่งหนังสือประสบความสำเร็จ ชี้นำคนได้มากเท่าไร กรรมที่สะท้อนก็แรงมากขึ้นเป็นเงาตามตัว ในที่สุดจิตก็หมองไหม้เหมือนตกนรกทั้งเป็น จนทนไม่ไหว ต้องจบชีวิตตัวเอง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-06-2006, 15:22 โดย กาลามชน » บันทึกการเข้า
พรรณชมพู
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,073


« ตอบ #16 เมื่อ: 21-06-2006, 10:45 »

สนธิ เคยเป็นกลไกหนึ่งของทักษิณ  เพียงแต่แตกคอกัน  แล้วออกมาต่อสู้กัน  ดังนั้นบนการต่อสู้ของสนธิ ยังมีความเคลือบแคลงใจในความจริงใจอยู่มากค่ะ

ระบอบทักษิณ ยึดผลประโยชน์ส่วนตนเป็นที่ตั้ง  และชักจูงให้ประชาชนตกลงไปในระบบทุนนิยม  ซึ่งเป็นระบบที่สนองตอบต่อตัณหาของมนุษย์  แต่ไม่เป็นไปตามธรรมที่พระพุทธองค์สอนเลยแม้แต่น้อย

อยากรู้ว่าธรรมะของพระพุทธเจ้า สอนให้เราอยู่อย่างไร  ถ้าอ่านธรรมะไม่เข้าใจ  ไปศึกษาเศรษฐกิจพอเพียง  นั่นคือแนวทางเศรษฐกิจที่สอดคล้องกับธรรมะ

คนที่หลงเชื่อระบอบทักษิณมีเป็นจำนวนมาก  เนื่องจากภูมิปัญญาทางธรรมมีน้อย  จึงคิดว่าระบอบทักษิณจะช่วยให้ตนเองรวยได้  เมื่อคิดอยากรวย  ก็ผิดแล้ว  คนโลภมากมายตกลงไปในระบอบทักษิณ  ระบอบที่จูงจมูกคนโง่ให้เดินตาม  เป็นทางอบายโดยแท้

พระพุทธองค์สอนธรรมะไว้สำหรับ ภิกษุ  และผู้ครองเรือนแตกต่างกัน  แต่สาระสำคัญอยู่ที่ความพอเพียงด้วยกันทั้งสองทาง  ภิกษุ พอเพียงแบบภิกษุ  ผู้ครองเรือน พอเพียงแบบผู้ครองเรือน  และหากใครเข้าใจธรรมะของผู้ครองเรือน  อันเป็นแนวทางที่พวกเราควรยึดถือ  จะรู้ว่า ระบอบทักษิณ  ไม่มีส่วนใดเลยที่น่านิยม   หากยังคิดว่ามีส่วนไหนน่านิยม  นั่นแปลว่าคนคิดนั้นยังโง่อยู่ค่ะ

บันทึกการเข้า
พรรณชมพู
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,073


« ตอบ #17 เมื่อ: 21-06-2006, 10:50 »

ต่อไปจะขออกความเห็นเรื่องบุญกรรมไว้สักเล็กน้อย

เคยมีคนไปตั้งปัญหาถามพระว่า  เป็นทหารไปรบเพื่อชาติ  ฆ่าศัตรูตาย จะบาปไหม

พระท่านก็ตอบว่า การฆ่าเป็นบาป การทำเพื่อชาติเป็นกุศล  ว่าแล้วท่านก็สรุปว่า อะไรจะมากกว่ากัน สรุปไปสรุปมาท่านก็ว่า ฆ่าคอมมิวนิสต์ไม่บาป

เป็นอันว่าบางท่านมีความเห็นว่า บุญบาปหักล้างกันได้  บางท่านก็ไม่เชื่อ บอกว่า หักล้างกันไม่ได้

แต่หนูเชื่อที่พระพุทธเจ้าสอน ในเรื่องอจินไตย  กรรมเป็นเรื่องที่ไม่ควรเอามาคิดค่ะ  ทำดีไปเหอะ  ทำตามหน้าที่ไป อย่าไปคิดค่ะ คิดไปก็ไม่รู้จริง  เที่ยวพูดว่าตายแล้วไปโน่นไปนี่  อวดอุตริมนุสธรรมทั้งนั้น  พูดแล้วก็พิสูจน์ไม่ได้ อ่านเรื่องอจินไตยดูก็แล้วกันนะคะ

อจินไตย

 

พวกเราทุกคนนั้นถือว่าเป็นผู้มีวาสนา มีความดี มีโชคที่ได้มาพบกับพระพุทธศาสนา แล้วก็มีจิตศรัทธา มีความเลื่อมใสในพระพุทธเจ้า ในพระธรรมคำสอน และในพระอริยสงฆ์สาวกทั้งหลาย การที่เราได้มีคนอย่างพระพุทธเจ้าเป็นผู้นำทาง ชี้ทางให้นั้น ถือว่าเป็นสิ่งที่หาได้ยาก เพราะคนอย่างพระพุทธเจ้าเป็นคนแบบหนึ่งไม่มีสอง เป็นคนที่ไม่มีใครสามารถจะเทียบเท่าได้ ในเรื่องสติปัญญา ความรู้ ความฉลาดทั้งหลาย การที่เราได้พระพุทธเจ้าเป็นผู้นำทาง ก็เปรียบเหมือนคนตาบอดที่มีคนตาดีนำทางให้  ถ้าไม่มีคนนำทาง เวลาจะเดินไปไหนมาไหน ก็จะเป็นความลำบากยากเย็น ไม่รู้ว่าจะเดินไปชนกับอะไรหรือเปล่า จะเดินตกหลุมตกบ่อที่ไหนบ้าง ก็ไม่สามารถจะรู้ได้ เวลาเดินก็ต้องคลำไป ค่อยๆไป ไม่สามารถจะไปไหนได้อย่างสะดวกรวดเร็ว เหมือนกับที่มีคนตาดีนำทาง

ชีวิตจิตใจของเราก็เปรียบเหมือนคนตาบอด เพราะจิตใจเรานั้นยังมีอวิชชาความหลงความมืดบอดครอบงำจิตใจอยู่ ไม่สามารถมองเห็นสิ่งต่างๆตามความเป็นจริงได้ จึงต้องอาศัยคนที่ตาดีอย่างพระพุทธเจ้า พระอรหันต์สาวกทั้งหลาย ผู้ที่มีดวงตาเห็นธรรม สามารถที่จะรู้สิ่งต่างๆ ที่ปุถุชนคนธรรมดาสามัญอย่างพวกเราที่ยังมีความมืดบอด มีกิเลส มีอวิชชา ความหลงครอบงำจิตใจอยู่ ไม่สามารถที่จะรู้จะเห็นได้อย่างที่พระพุทธเจ้า พระอรหันต์สาวกทั้งหลายทรงรู้ ทรงเห็นได้  เราจึงต้องพึ่งพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นผู้นำทางพาเราไปสู่ทิศทางที่ดี ที่งาม คือนำไปสู่ความร่มเย็นเป็นสุขนั่นเอง

สิ่งต่างๆ ที่พระพุทธองค์ทรงรู้ทรงเห็นนั้น หรือพระอริยสงฆ์สาวกทรงรู้ทรงเห็นนั้นท่านบอกว่ามีอยู่ ๔ อย่างด้วยกัน ที่เหลือวิสัยปุถุชนคนธรรมดาสามัญอย่างพวกเราจะสามารถเข้าใจได้ คิดได้ด้วยตัวเอง คือคิดแล้วจะเกิดความเข้าใจได้นั้นเป็นไปไม่ได้ พระพุทธองค์ทรงบอกว่าถ้าคิดไปแล้วจะทำให้เราเป็นบ้าไปได้ หรือเสียสติไปได้ เพราะว่าเป็นเรื่องที่เหนือความสามารถของสติปัญญาของปุถุชนคนธรรมดาจะสามารถเข้าใจได้ สิ่งทั้ง ๔ ประการนี้พระพุทธเจ้าทรงเรียกว่า อจินไตย คือเหนือจินตนาการ เหนือความคิดอ่านของปุถุชนคนธรรมดาสามัญอย่างพวกเราที่จะคิดแล้วเกิดความเข้าอกเข้าใจได้ อจินไตยทั้ง ๔ ประการนี้ประกอบไปด้วย

๑. พุทธวิสัย คือความรู้ความสามารถของพระพุทธเจ้านั้นเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถที่จะหยั่งถึง เข้าใจได้ว่าทำไมพระพุทธเจ้าจึงทรงรู้ ทรงเห็น ทรงมีความสามารถมากมายก่ายกอง ผิดจากมนุษย์คนธรรมดาสามัญ 

๒. ฌานวิสัย คือเรื่องของฌานสมาบัติ เช่นทำไมคนเราบางคนถึงเข้าฌานนั่งอยู่เฉยๆ ได้เป็นวันๆ โดยที่ไม่ต้องกินข้าวไม่ต้องหลับไม่ต้องนอน  สิ่งนี้เป็นเรื่องของผู้ปฏิบัติเท่านั้นจะรู้ จะเข้าใจได้  ถ้าคนที่ไม่เคยประพฤติปฏิบัติมานั่งคิด นอนคิดยังไงก็ไม่สามารถเข้าใจได้  อย่างพวกเรานี้ เพียงแต่นั่งเฉยๆ แค่ ๑๕ นาที หรือครึ่งชั่วโมงก็จะนั่งกันไม่ได้อยู่แล้ว แล้วทำไมคนบางคนจึงนั่งหลับตานิ่งเฉยอยู่เป็นวันๆได้  นี้คือการเข้าฌานสมาบัติ ซึ่งไม่ใช่เป็นสิ่งที่ปุถุชนคนธรรมดาสามัญจะเข้าใจได้

๓. กรรมวิสัย เรื่องของกรรมนี้เป็นเรื่องที่เหนือวิสัยของมนุษย์ปุถุชนคนธรรมดาจะเข้าใจได้ว่า เมื่อทำกรรมอันหนึ่งอันใดไว้แล้ว ผลที่จะตามมานั้นจะเป็นอย่างไร หรือการที่มนุษย์หรือสัตว์ทั้งหลายที่ได้มาเกิดเป็นมนุษย์หรือเป็นสัตว์ในโลกนี้นั้น ได้กระทำอะไรมาในอดีต  เรื่องนี้เราไม่สามารถที่จะรู้เห็นได้ เพราะเป็นเรื่องข้ามภพข้ามชาติ พวกเราเห็นได้แต่สิ่งที่เป็นอยู่ในชาตินี้เท่านั้นเอง  แต่เราไม่รู้ว่าชาติก่อนมีจริงหรือเปล่า ชาติหน้ามีจริงหรือเปล่า สิ่งเหล่านี้ไม่สามารถจะรู้ได้จากความนึกคิดของเราเอง แต่เป็นสิ่งที่จะรู้ได้จากการประพฤติปฏิบัติธรรมเท่านั้น คือต้องนั่งสมาธิ เจริญวิปัสสนาเท่านั้น จึงจะเข้าสู่ความจริงอันนี้ได้ 

๔. โลกวิสัย คือเรื่องของความเป็นมาของโลกนี้ ว่าโลกนี้เป็นมาอย่างไร เกิดขึ้นมาได้อย่างไร มีใครเป็นคนสร้างมาหรือเปล่า หรือไม่มีคนสร้าง เรื่องอย่างนี้เป็นเรื่องที่เหนือวิสัยของมนุษย์ที่จะสามารถรู้เห็นได้  เลยกลายเป็นเรื่องที่ถกเถียงกันไปต่างๆนานา  บางคนก็ว่ามีพระเจ้าสร้างโลกขึ้นมา บางคนก็บอกว่าไม่มีพระเจ้า ไม่มีใครสร้างโลก เป็นเรื่องของเหตุ เป็นเรื่องของปัจจัย เป็นเรื่องของธาตุทั้ง ๖  คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ อากาศธาตุ และวิญญาณธาตุ เมื่อเกิดปฏิกิริยาขึ้นมาก็ทำให้เกิดเป็นโลก เป็นดาว เป็นเดือน เป็นสัตว์ เป็นบุคคล อย่างนี้เป็นต้น  เป็นเรื่องที่ถกเถียงกันมา

สิ่งเหล่านี้นั้นถ้าพวกเราปุถุชนมานั่งคิดกัน แล้วนำมาสนทนากัน มาถกเถียงกัน มันก็เหมือนกับคนตาบอด ๕ คนที่ไปลูบคลำตัวช้างในส่วนต่างกัน คนตาบอดคนหนึ่งไปคลำงวงช้างแล้วก็บอกว่าช้างนี้เหมือนงู  อีกคนหนึ่งไปคลำที่หางช้างก็บอกว่าช้างนี้เหมือนเชือก  อีกคนหนึ่งไปคลำท้องช้างก็บอกว่าช้างนี้เหมือนฝาผนัง  แต่ละคนนั้นก็ถูก เพราะสิ่งที่ตัวเองไปจับไปคลำมันก็เป็นไปในลักษณะนั้นๆ แต่ไม่ครบถ้วนบริบูรณ์ เป็นจริงเพียงบางส่วนเท่านั้นเอง เรื่องของอจินไตยนี้ก็เช่นกัน พวกเราเป็นเหมือนกับคนตาบอดที่ไปลูบคลำตัวช้าง ไปคลำถูกส่วนไหนก็บอกว่าช้างนั้นเป็นอย่างนั้น เป็นอย่างนี้ เป็นเหมือนกำแพงบ้าง เป็นเหมือนเชือกบ้าง เป็นเหมือนงูบ้าง  แต่มันไม่ตรงกับความเป็นจริง จะรู้จะเห็นความเป็นจริงเหล่านี้ได้ ก็ต่อเมื่อได้ประพฤติปฏิบัติธรรม เจริญจิตตภาวนา นั่งทำสมาธิ เจริญวิปัสสนาเท่านั้น จึงจะสามารถเข้าอกเข้าใจได้ เพราะว่าการปฏิบัติจิตตภาวนานั้น เป็นการสร้างแสงสว่างให้เกิดขึ้นมาในจิตใจสร้างดวงตาแห่งธรรมให้เกิดขึ้น ผู้ใดมีดวงตาเห็นธรรมแล้วผู้นั้นย่อมเข้าใจ ย่อมรู้ในสิ่งต่างๆ ที่พระพุทธเจ้า พระอริยสงฆ์สาวกทั้งหลายท่านได้ทรงรู้ ทรงเห็น เพราะว่าสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่มีอยู่ เพียงแต่ว่าจะมีตาดูหรือเปล่าเท่านั้นเอง

ระหว่างคนตาดีกับคนตาบอด คนตาบอดย่อมไม่สามารถมองเห็นสิ่งต่างๆที่คนตาดีมองเห็นกันได้  แต่ถ้ามีใครบริจาคดวงตาให้เขา แล้วทำให้เขามองเห็นได้  เขาก็จะมองเห็นสิ่งต่างๆเหมือนกับคนตาดี ฉันใดสิ่งต่างๆที่พระพุทธเจ้า  พระอรหันต์สาวกทั้งหลาย ทรงรู้ทรงเห็นนั้น ก็เป็นสิ่งที่มีอยู่เป็นอยู่ แต่เป็นสิ่งที่พวกเราปุถุชนทั้งหลายยังไม่สามารถเห็นได้ ยังไม่สามารถรู้ได้ เพราะว่าพวกเรายังขาดแสงสว่างแห่งธรรม ธัมโม ปทีโป หรือดวงตาแห่งธรรมนั่นเอง แต่สิ่งเหล่านี้นั้นไม่ใช่เป็นสิ่งที่สุดวิสัยของมนุษย์ปุถุชนอย่างพวกเรา เราจะเห็นสิ่งเหล่านี้ได้ถ้ามีศรัทธา คือเชื่อในสิ่งที่พระพุทธองค์ทรงสั่งสอนว่าเป็นสิ่งที่เป็นจริง พระพุทธเจ้าทรงรู้ทรงเห็นจริง ไม่ได้ปั้นขึ้นมาหลอกพวกเรา ขอให้เราเชื่อแล้วน้อมเอาไปประพฤติปฏิบัติตามที่พระองค์ทรงสั่งสอน คือทำแต่ความดี ละเว้นความชั่ว ชำระจิตใจให้สะอาดหมดจด ละความโลภ ความโกรธ ความหลง ด้วยการเจริญจิตตภาวนา  นั่งสมาธิ เจริญวิปัสสนา เมื่อได้บำเพ็ญจิตตภาวนา แล้ว จิตใจก็จะค่อยๆสะอาดหมดจดขึ้นไปตามลำดับ จนกระทั่งในที่สุดก็จะชำระสิ่งสกปรก กิเลสเครื่องเศร้าหมอง ความมืดบอดที่ครอบงำจิตใจให้หมดไปได้

เมื่อความมืดบอดหมดไปก็จะมีแต่ความสว่าง เพราะความสว่างและความมืดอยู่ด้วยกันไม่ได้  ถ้ามีสิ่งหนึ่งต้องไม่มีอีกสิ่งหนึ่ง  ถ้าไม่มีสิ่งหนึ่งก็ต้องมีอีกสิ่งหนึ่ง คือถ้ามีความมืดก็ไม่มีความสว่าง  ถ้ามีความสว่างก็ไม่มีความมืด เรื่องของจิตใจก็เช่นเดียวกัน พวกเราปุถุชนนั้นยังมีความมืดบอดอยู่ คือไม่สามารถรู้เห็นตามที่พระพุทธเจ้าทรงรู้ ทรงเห็นได้  แต่ถ้าน้อมเอาสิ่งที่พระพุทธองค์ทรงสอนมาประพฤติปฏิบัติกับตัวเรา กับกาย วาจา ใจของเราแล้ว  จิตใจก็จะค่อยๆ สว่างขึ้นๆ  แล้วก็จะค่อยๆเห็นสิ่งต่างๆ ที่พระพุทธเจ้าได้ทรงรู้ ทรงเห็น จนในที่สุดก็จะได้รู้ ได้เห็นทั้งหมด เพราะเป็นสิ่งที่ผู้ประพฤติปฏิบัติพึงรู้พึงเห็นได้

อย่างพระอรหันต์สาวกทั้งหลาย เริ่มต้นท่านก็เป็นปุถุชนคนธรรมดาสามัญอย่างเราอย่างท่านนี้เอง แต่หลังจากได้ยินได้ฟังธรรมะคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว ก็เกิดมีศรัทธา มีวิริยะ คือมีความเชื่อ มีความขยันหมั่นเพียรที่จะประพฤติปฏิบัติตามในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอน มีขันติ ความอดทน มีความอดกลั้น เพราะการที่จะประพฤติปฏิบัติตามในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนได้นั้น ไม่ใช่เป็นของง่าย แต่เป็นเหมือนกับการปีนเขา เหมือนกับการเข็นครกขึ้นภูเขา ไม่ใช่เป็นการลงจากเขา ลงจากเขาเป็นของง่าย แต่การปีนขึ้นเขานี่เป็นของยาก ฉันใดการกระทำความดี การละเว้นความชั่ว การบำเพ็ญจิตตภาวนานี้เป็นของยาก  แต่ไม่เหลือวิสัยของปุถุชนอย่างเราอย่างท่าน ซึ่งมีหลายท่านทั้งในอดีตและปัจจุบันที่สามารถบรรลุเป็นพระอรหันต์กันได้ด้วยศรัทธาความเชื่อ ด้วยวิริยะ ความขยันหมั่นเพียร และด้วยขันติ ความอดทน

ถ้าเราปรารถนาความสุขความเจริญรุ่งเรือง ความฉลาดรู้เห็นอย่างที่พระพุทธเจ้า และพระอรหันต์สาวกทั้งหลายได้ทรงรู้ ทรงเห็น แล้วละก็ ขอให้พวกเราทั้งหลายจงมีศรัทธา ความเชื่อในพระธรรมคำสอน มีวิริยะ ความอุตสาหะ ความขยันหมั่นเพียรที่จะประพฤติปฏิบัติ ตามคำสอนของพระพุทธเจ้า และมีขันติ มีความอดทน ต่อสู้กับความยากลำบากทั้งหลาย แล้วในที่สุด ผลอันประเสริฐที่พระพุทธเจ้า และพระอรหันต์สาวกทั้งหลายได้พบ ก็จะเป็นสิ่งที่เรา จะได้พบเหมือนกัน


บันทึกการเข้า
Limmy
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,346


« ตอบ #18 เมื่อ: 21-06-2006, 12:15 »

คุณกาลามชนครับ

ผมเห็นด้วยกับคุณครับเรื่องการไม่เอากิเลศไปเผากิเสศครับ แต่ปัญหามันอยู่ที่ผู้ปกครองเข้าใจธรรมหรือกฎแห่งกรรมดีเพียงไหน

มองในอีกแง่หนึ่ง โลภะ ราคะ และ โมหะ มันก็คือกำลังขับเคลื่อนพลวัตของสังคมในอีกรูปแบบหนึ่ง ไม่ว่าจะมาจากฝ่ายไหน ณ ปัจจุบันเราคงปฏิเสธไม่ได้

ถ้ามองในแง่กฎแห่งกรรม การเกิดขึ้นและดำรงอยู่ของม๊อบก็คือ "กรรม"ที่เกิดกับสิ่งที่ผู้บริหารได้กระทำลงไปหรือไม่ครับ ?

เรื่องเดียวกัน มองจากกฎการอนุรักษ์พลังงานแล้ว ก็คือการคงอยู่ของพลังงาน ไม่สูญหายไปไหน กลายเป็นสมดุลย์พลังงานครับ

บ้านเมืองตอนนี้มีผู้บริหารที่มุ่งเจริญทางวัตถุแต่เพียงด้านเดียว แนวทางปรมัตถ์คงหาคนเหลียวแลยาก แม้ว่าท้ายที่สุดแนวทางนี้จะทำให้ทุกอย่างสงบนิ่ง แต่คงไม่เหมาะกับจริตของผู้นำอย่างทักษิณหรอกครับ

อีกอย่างหนึ่งขออณุญาตแห็นแย้งครับ ผมไม่เชื่อครับว่าคนที่ตายตอนพฤษภาทมิฬจะกลายเป็นอสุรกายครับ ผมว่าคนที่ยิงต่างหากที่จะกลายเป็นอสุรกาย อาจารย์ที่มีอภิญญาอะไรนั่น - อย่าเชื่อเพียงเพราะเป็นอาจารย์ของเรา คุณกาลามาชนคงเชื่อในกาลามสูตรนะครับ

อาจจะแรงไปหน่อยครับ ต้องขอโทษด้วยครับ บังเอิญผมถูกเลี้ยงดูและฝึกมาให้เป็นคนที่ลงมือทำ โดยไม่อยู่เฉย ๆ แล้วรอให้กฎแห่งกรรมมาเป็นวาทยากรของชีวิตครับ

ถ้าไม่ลงมือทำ ก็ไม่เกิดการเปลี่ยนแปลง จริงไหมครับ
บันทึกการเข้า
RiDKuN
Administrator
ขาประจำขั้นที่ 3
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,015



เว็บไซต์
« ตอบ #19 เมื่อ: 21-06-2006, 13:07 »

ผมไม่ชอบที่บอกว่าคนที่ขับไล่ทักษิณไม่คำนึงถึงวิธีการ ไม่คำนึงถึงคุณธรรม
ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ถ้าเขาไม่คำนึงถึงวิธีการจริงๆ เขาบุกเข้าไปเผาทำเนียบ จับทักษิณออกมารุมประชาฑัณฑ์แล้ว จริงไหมครับ
เพราะคำนึงถึงวิธีการไม่ใช่หรือ จึงใช้แค่การชุมนุมตามสิทธิในรัฐธรรมนูญ
คนที่บอกว่าไม่คำนึงถึงวิธีการ ผมคิดว่าเป็นเพราะคนพูดนั้นไม่ถูกใจในวิธีการที่กลุ่มกู้ชาติเลือกทำมากกว่า
ซึ่งถ้าแค่เห็นต่างกันแบบนั้นก็อย่าป้ายสีให้มันเกินจริงเลยครับ
บันทึกการเข้า

คนไม่มี "อุดมคติ" ไม่ใช่ "นักการเมือง"
ภูพาน
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 671


« ตอบ #20 เมื่อ: 21-06-2006, 13:50 »

ดีใจครับ...ได้อ่านข้อเขียนของคุณกาลามชน   คุณพรรณชมพูและคุณ Limmy
ี่้พอสรุปใจความได้ว่า
คุณกาลามชน :
"ด้วยอำนาจของโทสะเป็นชนกกรรม จึงเกิดเป็นอสุรกาย"
@ ชนกกรรมเป็นกรรมที่นำให้เกิดในภพภูมิต่างๆ *
     ข้อมูลเพิ่ม  http://www.buddhism-online.org/Section07B_02.htm
"แนวทางปรมัตถ์ "   
@  สัจจะหรือความจริง ในโลกนี้มีความจริงอยู่ 2 ระดับ คือ
     ความจริงระดับสมมุติ และความจริงระดับปรมัตถ์
@  มนุษย์ส่วนใหญ่จะเข้าใจเพียงความจริงระดับสมมุติจากภาษาเท่านั้น ได้แก่ บัญญัติชื่อต่าง ๆ
     เช่น คน สัตว์ วัตถุ และความเป็นเจ้าของสิ่งเหล่านั้นทั้งโดยชื่อและโดยความรู้สึก เช่น นายดำ
     แมว เงินของฉัน ลูกของฉัน เป็นต้น
@  ความจริงระดับปรมัตถ์ ปรมัตถ์นี้จะไม่เปลี่ยนแปลงไปตามกลุ่มชน สถานที่ หรือยุคสมัย
     อดีตนับตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์ไฟเคยให้ความร้อนและเผาไหม้อย่างไร ในอนาคตจนถึงโลก
     ถูกทำลายไฟก็ยังคงให้ความร้อนและเผาไหม้ตลอดไป
     ข้อมูลเพิ่ม :  http://abhidhamonline.org/rupa.files/paramath.htm
"ผู้ที่เร่งเร้ากิเลสของผู้อื่นให้พลุ่งพล่าน มีคติภายหน้าเป็นนรกหรือติรัจฉาน"
คุณพรรณชมพู :
* เรื่องบางเรื่องเป็นอจินไตย มนุษย์ปุถุชนธรรมดาไม่สามารถเข้าใจได้
   ยกเว้นแต่ว่าจะมีการฝึกจิตเจริญวิปัสสนา
*  อจินไตยทั้ง  4 
    พุทธวิสัย -  ความรู้ความสามารถของพระพุทธเจ้า
    ฌานวิสัย - ฌานสมาบัติ (เข้าฌาน)
    กรรมวิสัย - ผลของกรรม
    โลกวิสัย -  โลกเป็นมาอย่างไร
คุณ Limmy :
@ ผู้ปกครองไม่เข้าใจเรื่องธรรม
@ ผู้บริหารที่มุ่งเจริญทางวัตถุแต่เพียงด้านเดียว
สำหรับผม :
@  เรามองเหตุการณ์ 14, 6 ตุลา และ พฤษภาทมิฬกันอย่างไร
     มองว่าเป็นม๊อบหรือไม่?  สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนหรือช่วยเหลือประชาชนประเทศชาติ
     ม๊อบมีประโยชน์หรือโทษอย่างไร   ม๊อบที่ทำสำเร็จเช่น  14, 6 ตุลา และ พฤษภาทมิฬ  อาจถูก
     ยกย่องแล้วถ้าแพ้ล่ะ  พวกเขาจะถูกมองอย่างไร...ว่าเป็นพวกก่อกวน ทำลายชาติหรือไม่
     ม๊อบเคยรู้เรื่องชนกกรรมหรือไม่   เขารู้ไหมว่าตัวเองอาจจะไปเกิดเป็นอสุรกายถ้าใจเกิดโทสะ
     เขาทำอย่างนั้นเพื่อใคร   แล้วมันจะได้อะไรต่อตัวเขา  เพื่อประเทศชาติส่วนรวมหรือตัวเอง
     ควรหรือไม่ถ้าชาติหน้ามีจริงสำหรับพวกเขาที่จะเกิดเป็นอสุรกายแล้วพวกคดโกงประเทศชาติล่ะ
     ถ้าชาติหน้ามีจริง คนพวกนี้ควรจะไปเกิดเป็นอะไร ?
@  ผมไม่รู้หรอกว่านรกสวรรค์มีจริงหรือไม่  รวมทั้งไม่สนใจในเรื่องที่เป็นอจินไตยด้วย
     ดั่งที่พระพุทธเจ้ากล่าวว่า  เราไม่ควรไปสนใจเรื่องที่ไม่ทำให้เรา "หลุดพ้น" 
       * ผมไม่สนว่าโลกจะเกิดมาอย่างไรแต่สนใจว่าจะอยู่ในโลกอย่างไรให้โลกอยู่กันอย่างสงบสันติ
       * ผมไม่สนว่าพระเจ้าจะมีความรู้เท่าไหร่  เพียงแต่นำความรู้ของท่านมาปฏิบัติแล้วสามารถ
          ดำรงชีพอย่างพอควรอัตภาพ
       * ผมไม่สนว่าเข้าฌานแล้วจะเห็นอะไร  ถ้าเห็นจริงแล้วมันจะไปเพิ่มกิเลสให้มากขึ้นหรือไม่
          (ถ้าผมรู้ตัวเองว่าจะตายวันพรุ่งนี้ ผมคงอารมณ์กระเจิง)
       * ผมไม่สนว่าผลของกรรมเป็นเช่นไร  ผมคิดว่าถ้าเรา "คิดดี  พูดดี  ทำดี"
          แล้วเราจะมีความสุขใจตลอดไป
@   ปกติผมชอบแลกเปลี่ยนความรู้กับเพื่อนต่างศาสนาเฉพาะเพื่อนสนิทและใจกว้างเท่านั้นนะครับ
      มีเรื่องหนึ่งซึ่งผมยังหาคำตอบที่ไหนไม่ได้เลย   นอกจากศาสนาพุทธแล้วมีอีก 2 ศาสนาใหญ่
      ซึ่งให้ความเห็นว่าในอนาคต โลกจะถูกทำลายแล้วพระเจ้าจะมาตัดสินโทษของแต่ละคน 
      มีศาสนาในโลกมากมาย  แล้วพระเจ้าองค์ไหนล่ะ จะพิจารณาตัดสินคน  หรือว่าใครนับถือ
      ศาสนาใดก็ให้พระเจ้าคนนั้นมาตัดสิน   แล้วถ้าบางคนเช่นชาวเขาบางเผ่านับถือผีล่ะ จะให้ผี
      ตัดสินให้เหรอ ?  ใครพอมีคำตอบในเรื่องนี้บ้างครับ
@   ช่วงที่ผ่านมามีคนถามหาเรื่อง "จริธรรม" มาก  คล้ายกับว่าสิ่งนั้นมันขาดแคลนอยู่
      แบบไม่เคยเป็นมาก่อน  มีข้อเขียนบทความรวมทั้งสถานศึกษาที่จะปรับปรุงให้มีการสอนด้าน
      จริธรรมไปด้วย  เมื่อทุกคนมีแล้วจะไม่ต้องมาเรียกร้องกันกับนักการเมืองเพราะบางครั้ง
      นักการเมืองบางคนยังออกมาถามเลยว่า จริธรรมการเมืองคืออะไร   คุณจะเอาอะไรกับผม ?
@   ตราบใดที่เรายังสื่อสารกันทางโทรจิตไม่ได้ล่ะก็ความโปร่งใสในการทำงานคงจะต้องเปิด
     โอกาสให้."ตรวจสอบได้" โดยเฉพาะนักการเมืองซึ่งมีอำนาจและหน้าที่ในการบริหาร
      บ้านเมือง คนยิ่งมีอำนาจหน้าที่ยิ่งใหญ่ ผลของการทำงานก็จะส่งผลต่อส่วนรวมได้มากเช่นกัน
      นี่เป็นเหตุผลหนึ่งซึ่งเรา มักเรียกร้องกับนักการเมืองในบ้านเรา ทักษิณทำความผิดอะไรบ้าง
      ผมเองก็สุดที่จะตอบได้ เพราะผมไม่มีข้อมูลในมือ ขอให้เป็นหน้าที่ของผู้เกี่ยวข้องกับข้อมูล
      โดยตรงที่จะตัดสิน  แต่ที่ผมจะยังคงเรียกร้องอยู่คือความโปร่งใส  ที่ควรจะตรวจสอบได้
      ไม่ควรมีการมาแทรกแซงหน่วยงานตรวจสอบเช่นองค์กรอิสระต่างๆ  ไม่แทรกแซงสื่อ
      ไม่มองว่าม๊อบนั้นจัดตั้งเพื่อใคร แต่ควรดูที่เนื้อหาและจุดประสงค์     
@   ผมขอยกย่องม๊อบในเรื่องเจตนารมณ์ที่ทำเพื่อชาติบ้านเมือง
      (แม้จะทำให้หลายฝ่ายเดือนร้อนบ้าง  ส่วนตัวผมถ้าจำเป็นผมยอมตัดแขนทิ้งเพื่อรักษาชีวิตไว้
      เพื่ออยู่กับครอบครัวที่น่ารักและแสนอบอุ่น)
      ซึ่งส่งผลให้ขณะนี้มี "การตรวจสอบความโปร่งใสรัฐบาลทักษิณและกกต."
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-06-2006, 09:55 โดย ภูพาน » บันทึกการเข้า

ขอกันข้าให้ไกลห่างจากคนที่กล่าวว่า "ข้าเป็นดวงเทียนที่นำความสว่างให้หนทางของประชาชน"
หากแต่ผู้ที่แสวงหาหนทางของตนจากแสงแห่งประชาชนนั้น  ขอจงนำข้าเข้าไปใกล้ชิดด้วยเถิด
~ คาลิล ยิบราน
ยามเฝ้าแผ่นดิน
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 386


รักพ่อ อย่าพายเรือให้โจรนั่ง


เว็บไซต์
« ตอบ #21 เมื่อ: 21-06-2006, 16:43 »

ถึง จขกท. เราไม่ต้องการให้เกิดความแตกแยกกันเพียงเพราะใครรักหรือไม่รักสนธิ แต่ประเด็นอยู่ที่เราทุกคนต้องการไล่ทักษิณ เพราะเรื่องทั้งหมดไม่ใช่เรื่องระหว่างสนธิกับนายก แต่เป็นเรื่องระหว่างนายกกับประชาชนต่างหาก
บันทึกการเข้า


จงอย่าเกรงกลัวทรราช เพราะทรราชกลัวเกรงพลังประชาชน
beamking85@hotmail.com
porameto009
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 328


The Father Who Only Builds : สมเด็จพ่อผู้สร้าง


เว็บไซต์
« ตอบ #22 เมื่อ: 21-06-2006, 17:51 »

ไม่แปลกหรอกที่จะมีคนอีกกลุ่มไม่ชอบทักษิณ ไม่ชอบสนธิ อีกกลุ่มไม่ชอบทักษิณ ไม่ชอบสนธิเป็นการส่วนตัวแต่ชื่นชมความกล้าของเขาในบางเรือ่งไม่ใช่ทุกเรื่อง เอวังด้วยประการละฉะนี้
บันทึกการเข้า

ไร้ความเป็นกลางระหว่าง "ดี" กับ "เลว"
http://porameto.kapookclub.com
http://porameto.diaryclub.com
http://porameto.multiply.com/
สมาชิกขบวนการเสรีไทยในเว็บบอร์ดหมายเลข 403
snowflake
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,207



« ตอบ #23 เมื่อ: 21-06-2006, 18:09 »

ผมไม่ชอบที่บอกว่าคนที่ขับไล่ทักษิณไม่คำนึงถึงวิธีการ ไม่คำนึงถึงคุณธรรม
ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ถ้าเขาไม่คำนึงถึงวิธีการจริงๆ เขาบุกเข้าไปเผาทำเนียบ จับทักษิณออกมารุมประชาฑัณฑ์แล้ว จริงไหมครับ
เพราะคำนึงถึงวิธีการไม่ใช่หรือ จึงใช้แค่การชุมนุมตามสิทธิในรัฐธรรมนูญ
คนที่บอกว่าไม่คำนึงถึงวิธีการ ผมคิดว่าเป็นเพราะคนพูดนั้นไม่ถูกใจในวิธีการที่กลุ่มกู้ชาติเลือกทำมากกว่า
ซึ่งถ้าแค่เห็นต่างกันแบบนั้นก็อย่าป้ายสีให้มันเกินจริงเลยครับ

บอกตรงๆ ว่ากลัวอยู่เหมือนกันวันที่มาทำเนียบ
ยังคุยกับเพื่อนว่าถ้าเกิดอะไรอย่างนั้น เรากลับกันดีกว่า
เพราะว่าคงไม่มีปัญญาไปห้ามได้

คือบางทีบรรยากาศมันพาไป โดยที่ความตั้งใจเดิมอาจไม่มี
แต่พอเกิดความฮึกเหิม และมีเชื้อให้ปะทุ ไฟก็ติดได้ค่ะ
พฤติกรรมคนตอนที่อยู่เป็นหมู่กับอยู่เดี่ยวๆ ต่างกันมากค่ะ
ถึงได้มีการยกพวกตีกันโดยเด็กที่ทางบ้านยืนยันว่าเรียบร้อยไม่เคยเกเร

----------------------------
แก้ตัวสะกด
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-06-2006, 18:52 โดย snowflake » บันทึกการเข้า

Even the smallest person can change the course of the future.
จูล่ง_j
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,901



« ตอบ #24 เมื่อ: 21-06-2006, 18:37 »

กระทู้นี้ คุยถึงคุณ สนธิ ผมไม่เข้าใจว่า คุณ กาลามชน มองคุณ สนธิ แบบนี้หรือ

ผู้ที่เร่งเร้ากิเลสของผู้อื่นให้พลุ่งพล่าน มีคติภายหน้าเป็นนรกหรือติรัจฉาน

คนที่เขาเป็นห่วงประเทศชาติ ถึงกับยอมเสี่ยงเจ็บตัว หรือ เสียชีวิต หรือ กลั่นแกล้งต่างๆ จากรัฐบาล

นี่มันเป็นกิเลสตรงไหน ถ้าโลกนี้ไม่มีการประท้วง พวกคนชั่วแต่พยายามใช้กติกาให้เป็นประโยชน์คงได้ใจ

คุณไม่วิเคราะห์เจตนาของการประท้วง แต่กลับใส่ร้าย ให้ม๊อบดูน่าชิงชัง
บันทึกการเข้า

so what?
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,729


« ตอบ #25 เมื่อ: 21-06-2006, 19:07 »

ไม่ใช่แฟนพันธุ์แทของคุณสนธิครับ แล้วก็ไม่ชอบพฤติกกรมที่ผ่านๆมาของแกด้วย
แต่ขอสนับสนุนการเป็นแกนนำขับไล่หน้าเหลี่ยมของคุณสนธิ

เพราะว่าพฤติกรรมตลบตะแลงไม่มียางอายแบบนี้ ไม่ไล่ไม่ได้แล้ว    Mr. Green  Mr. Green
บันทึกการเข้า
snowflake
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,207



« ตอบ #26 เมื่อ: 21-06-2006, 19:22 »

คุณ snowflake ก็สิ่งที่คุณพูดก็เป็นหลักฐานอยู่แล้วมิใช่หรือ

"คนที่อยากจะสมานฉันท์ให้เลิกทะเลาะกัน ก็...ซวยไป"

"นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า คนจะทะเลาะกัน
อย่าเสือ ก ไปห้ามให้ยาก อาจโดนลูกหลง
เพราะทั้งสองข้างอาจสามัคคีกันหันมาเล่นงานเราแทน"

นี่อะไรครับ

เอ๊า พูดกันคนละเรื่องอีกแล้ว
จะมีวันคุยกันรู้เรื่องไหมนี่?

#2 คุณ ThaiTruth พูดถึงกระทู้เก่าที่ใส่ link ไว้ไม่ใช่หรือ?
ดิฉันจึงถามว่ามี "การตัดพ้อว่าตัวเองถูกรุม" ที่ตรงไหน?

ก็ไม่รู้ว่าขี้เกียจไปหา/หาแล้วไม่เจอ/เอามันง่ายๆ ดีกว่า หรืออะไร
คุณก็เลยจับเอาข้อความ "ใหม่" ที่ดิฉันเขียนตอบในกระทู้นี้มาใช้ซะอย่างนั้นเอง
ทำ post hoc แบบปฏิญญาฟินแลนด์หรือเปล่า?

สำหรับกระทู้นี้ #5 ที่ดิฉันเขียนตอบคุณ มะลิ จขกท. นั้น คนละบริบท (context) กันเลย
เพราะกำลังเล่า "เรื่องจริง" ที่ประสบมา ว่าเหมือนที่เธอประสบ

มิใช่เรื่องที่เถียงกันในกระทู้
อุตส่าห์เขียนแยกคนละกรอบกับที่ตอบคุณแล้ว ก็ยังเอาไปรวมกันจนได้

เฮ้อ รู้สึกอ่อนใจ นี่ตกลงเราพูดภาษาเดียวกันอยู่หรือเปล่าเนี่ย?
พูดกันไม่รู้เรื่องก็คงต้องปล่อยให้เป็นไป อยากคิดยังไงก็คิดไปเลยแล้วกัน
bye ค่ะ  Confused
บันทึกการเข้า

Even the smallest person can change the course of the future.
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #27 เมื่อ: 21-06-2006, 19:39 »

ปกตินี่ครับ ลางเนื้อชอบลางยา

ผมไล่เหลี่ยมมาหลายปี สนธิทำอะไรอยู่ล่ะ

เพิ่งมาด่าตอนโดนตัดรายการนี่เองไม่ใช่เหรอ
บันทึกการเข้า

kobkla
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 97


« ตอบ #28 เมื่อ: 21-06-2006, 20:50 »

"หันหน้าไปคนละทาง สร้างดาวกันคนละดวง ช่วงชิงไปสู่สวรรค์ ใครไม่ทันเป็นคนหลงทาง"  ผมว่าบทเรียนหลัง ๑๔ ตุลา น่าจะใช้ได้ดีกับเหตุการณ์นี้นะ
บันทึกการเข้า
กาลามชน
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 717


« ตอบ #29 เมื่อ: 21-06-2006, 21:19 »

คุณจูล่ง_j

ผู้ที่เร่งเร้ากิเลสของผู้อื่นให้พลุ่งพล่าน มีคติภายหน้าเป็นนรกหรือติรัจฉาน
ข้อนี้เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า อยู่ในตาลปุตตสูตร ไม่ควรปรามาส
ส่วนม๊อบนั้น คุณก็พิจารณาดูได้ว่าใช้วิธีเร่งเร้าความเกลียดหรือเปล่า
รวมทั้งสมาชิกของขบวนการฯ ใครใช้วิธีเร่งเร้าความเกลียด ก็ควรระวังด้วย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-06-2006, 21:24 โดย กาลามชน » บันทึกการเข้า
GN-001 Exia
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 809


Celestial Being...


« ตอบ #30 เมื่อ: 21-06-2006, 22:47 »

1.บางทีมันบ้าเกินไป....คนเป็นห่วงนะ

2.อะไรก็อ้างในหลวง....ระวังอย่าเผลอจะโดนไอ้พวกเลวๆเล่นเอา

3.เรื่องอะไรก็เอามาเป็นประเด็นชักมาเข้าทักษิณหมด(อย่างเรื่องหนังสือแพทย์อิตาลีที่สนธิพยามเอามาบอกว่าทักษิณมันเป็นคนบ้าโรคจิต...ไร้สาระจริงๆ)
บันทึกการเข้า


พวกที่เอาคำว่า "เสรีภาพ" มาบังหน้าเพื่อเบียดเบียนคนอื่นนี่มันเลวที่สุด
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #31 เมื่อ: 21-06-2006, 22:54 »

อยากถามคุณกาลามชนว่ามีความรู้สึกเกี่ยวกับเหตุการณ์ 14 - 16 ตุลาและพฤษภาทมิฬอย่างไรครับ
อันนี้ตามสะดวกนะครับ ถ้าไม่ตอบก็ไม่เป็นไรนะครับ  แต่ถ้าตอบผมจะได้ทราบแนวคิดเกี่ยวกับม๊อบ
แล้วเราจะได้แลกเปลี่ยนความคิดกันน่ะครับ... Smile



ถามคุณภูพาน....

คุณกาลามชน ตอบ#14 และ ตอบ#15 นั้นได้ตอบคำถามของคุณเกี่ยวกับ 14 ตุลา 6 ตุลา และ พฤกษภาทมิฬ 35 แล้วหรือไม่  ?

ผมได้อ่านคคห.นี้ของคุณ พลอยอยากทราบเหมือนกันว่าคุณกาลามชนมีความเห็น มุมมองต่อ 3 เหตุการณ์อย่างไร ได้อ่านแต่คำพระ คำเจ้าทั้งสิ้น ซึ่งผมเป็น"ปุถุชน"คนธรรมดา อ่านแล้วไม่เข้าใจ จึงอยากจะถามคุณภูพานว่า เข้าใจคำตอบของคุณกาลามชนอย่างไร....

และได้เรียนรู้ทัศนะของคุณจากข้อความเหล่านี้
สำหรับผม :
@   เรามองเหตุการณ์ 14,16 ตุลา และ พฤษภาทมิฬกันอย่างไร
     มองว่าเป็นม๊อบหรือไม่?  สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนหรือช่วยเหลือประชาชนประเทศชาติ
     ม๊อบมีประโยชน์หรือโทษอย่างไร   ม๊อบที่ทำสำเร็จเช่น  14,16 ตุลา และ พฤษภาทมิฬ  อาจถูก
     ยกย่องแล้วถ้าแพ้ล่ะ  พวกเขาจะถูกมองอย่างไร...ว่าเป็นพวกก่อกวน ทำลายชาติหรือไม่


     ม๊อบเคยรู้เรื่องชนกกรรมหรือไม่   เขารู้ไหมว่าตัวเองอาจจะไปเกิดเป็นอสุรกายถ้าใจเกิดโทสะ
     เขาทำอย่างนั้นเพื่อใคร   แล้วมันจะได้อะไรต่อตัวเขา  เพื่อประเทศชาติส่วนรวมหรือตัวเอง
     ควรหรือไม่ถ้าชาติหน้ามีจริงสำหรับพวกเขาที่จะเกิดเป็นอสุรกายแล้วพวกคดโกงประเทศชาติล่ะ
     ถ้าชาติหน้ามีจริง คนพวกนี้ควรจะไปเกิดเป็นอะไร ?



สำหรับผม ผมมีความเห็นดังนี้ครับ
ผลสรุปของเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 16 ทำให้คนไทยจำนวนหนึ่งที่สนใจการบริหารบ้านเมืองของรัฐบาลเผด็จการและระบอบประชาธิปไตย ตื่นตัว เรียกร้องสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น การตรวจสอบการบริหารประเทศของรัฐบาล นอกรั้วมหาวิทยาลัย นักวิชาการ คณาจารย์ คนที่ผ่านการศึกษาจากต่างประเทศ และนักการเมือง ...

เป็นจุดเริ่มต้นการตื่นตัว เรียกร้องระบอบประชาธิปไตยพัฒนาการต่อไป รัฐบาลธรรมาภิบาล จนถึงทุกวันนี้ ไม่ยอมแพ้ ไม่ยอมให้ผู้นำทางการเมือง ครอบงำความคิดว่า การบริหารบ้านเมือง การเมืองเป็นของผู้บริหารประเทศและนักการเมืองเท่านั้น....

คนที่เข้าร่วม 14 ตุลา  6 ตุลา และพฤกษภาทมิฬ 35 ไม่ได้คิดถึง ตายแล้วจะไปขึ้นสวรรค์หรือลงนรกขุมไหน หรือ จะได้รับการยกย่อง สรรเสริญ หรือ ก่นด่าอย่างไร เวลานั้นมีอย่างเดียวต่อสู้รัฐบาลเผด็จการ ถนอม-ประภาส และช่วยเหลือเพื่อนร่วมขบวนให้รอดพ้นจากอันตรายให้มากที่สุด....


นอกจากนี้ เนื่องจากผมเป็น "ปุถุชน" คนธรรมดา ไม่ขอพูดถึงคำพระ คำเจ้า คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า หรือ พระเจ้าองค์ใด แต่ก็ยินดีที่ได้เรียนรู้ ได้อ่านจากคุณกาลามชน คุณพรรณชมพู และคุณLimmy...

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-06-2006, 23:02 โดย ปุถุชน » บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
AsianNeocon
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,277


中華萬歲﹗ LONG LIVE CHINA!


เว็บไซต์
« ตอบ #32 เมื่อ: 21-06-2006, 23:01 »

คือบางเรื่องมันเป็น "น้ำจิ้ม" ชูรสบ้าง ไม่งั้นก็เบื่อ ซึ่งสนธิก็ไม่ได้กุเรื่องขึ้นมาเองนะครับ อย่างเรื่องทฤษฎีดูโหงวเฮ้ง Lombroso มันก็มีแหล่งอ้างอิงได้แน่นอน

http://en.wikipedia.org/wiki/Cesare_Lombroso

Illustrations from Lombroso's L'uomo Delinquente, showing some of the 'physical defects' that the author believed to be distinguishing marks of criminals.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-06-2006, 23:08 โดย ThaiTruth » บันทึกการเข้า

ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #33 เมื่อ: 21-06-2006, 23:12 »


ผมอยากให้พิจารณาที่"เป้าหมาย" หรือ "แก่นแท้" ในการเคลื่อนไหว การประท้วง การต่อต้านระบอบทักษิณของ"พันธมิตรประชาธิปไตย" มากกว่าวิธีการและการปฎิบัติ.....

ถ้ามองว่าการเคลื่อนไหวนั้นเป็น outlaw แล้วปฎิเสธ ไม่ยอมรับการเคลื่อนไหวเพื่อต่อต้านระบอบทักษิณทั้งหมด ก็ไม่น่าจะถูกต้อง...

ถ้ามีคนถามผม ผมคงอธิบายให้ฟังเท่าที่จะอธิบายได้ หลังจากนั้นเป็นเรื่องของเขาจะพิจารณาเอาเอง ผมคงไม่มีปัญญา ความสามารถอธิบายให้คนที่มีทัศนะอย่างนั้นเข้าใจและเข้าร่วมด้วย....

ผมเป็นเซลแมนที่ไม่สามารถขายสินค้าให้ China egg และคนของฝ่ายตรงข้าม......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า

บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
ภูพาน
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 671


« ตอบ #34 เมื่อ: 22-06-2006, 09:53 »

ต้องขอโทษด้วยนะครับ....ขอเปลี่ยนข้อความเ็ป็น 14,6 ตุลาคม และพฤษภาทมิฬ 
บันทึกการเข้า

ขอกันข้าให้ไกลห่างจากคนที่กล่าวว่า "ข้าเป็นดวงเทียนที่นำความสว่างให้หนทางของประชาชน"
หากแต่ผู้ที่แสวงหาหนทางของตนจากแสงแห่งประชาชนนั้น  ขอจงนำข้าเข้าไปใกล้ชิดด้วยเถิด
~ คาลิล ยิบราน
หน้า: [1]
    กระโดดไป: