แม้ว กะ หมัก และสมาคมธุรกิจสากล

จนถึงตอนนี้ ชักไม่แน่ใจแล้วว่า แม้ว กะ หมัก ใครเหลี่ยมจัดกว่ากัน

แม้ว นั้นต้นทุนการเงิน และรากหญ้า มีสูงพอควร

หมักนั้น ต้นทุนการเงิน และ รากเน่า มี แต่เทียบแม้วไม่ได้

แต่ หมัก นั้นเหลี่ยมการเมือง มีมากกว่า แม้ว ที่มีแค่เหลี่ยมไม่กี่เหลี่ยม กับ หน้าเหลี่ยมๆ

แต่การที่ต้นทุนต่ำ กลับส่งผลให้หมัก สามารถเล่นเล่ห์เหลี่ยมได้ทุกอย่าง และไม่คำนึงถึงผลเสียหายที่ตามมา ที่เห็นกันชัดๆก็คือ แม้ว นั้น ยังพอที่จะแคร์ นักลงทุน และนักธุรกิจ อยู่มาก ในการจะใช้เหลี่ยมการเมืองใดๆ ให้เกิดผลเสียต่อ ธุรกิจ

แต่หมักนั้น ไม่ค่อยแคร์นัก จึงใช้เหลี่ยมได้เต็มที่...........เข้าหลักการว่า shipหายไม่ว่า ตัวข้าต้องชนะ

แม้วตระหนักดี แม้วจึงใช้หมัก เป็น นอมินี เพราะไม่มีนอมินีคนไหนที่ระห่ำ เหลี่ยมจัดได้เท่านี้

.................หมักสามารถใช้เหลี่ยมของตนเองในแนวซ้าย(ที่เคยศึกษาเพื่อต่อต้าน) และแนวขวา(ที่ตนถนัด) บวกกับ ความเลวร้ายของการสร้างสถานการณ์ในรูปแบบที่เรียนมาจาก ซี ไอ เอ ในยุคสงครามเย็น.......

เหตุผลหลักที่ หมัก กล้าทำทุกอย่าง ใช้เหลี่ยมการเมืองทุกอย่าง โดยไม่สนความเสียหายย่ยยับของประเทศเลยสักนิดเดียว ก็เพราะว่า.........

แม้วนั่นเอง

มันมั่นใจว่า แม้ว สามารถพานักลงทุนเลวๆต่างชาติ มาซื้อประเทศที่ย่อยยับแล้ว (หลังจากแผนสำเร็จ) และฟื้นเศรษฐกิจได้

ตามเล่ห์ของธุรกิจ การจะยึดกิจการใดก็ตาม ก็ต้องทุบให้เละก่อน เมื่อเละแล้ว ก็เข้าเทค

ประเทศไทย ถูกทุบอยู่ และมันหวังจะทุบให้เละ เพื่อจะได้เข้ามาเทค และเมื่อเทคได้ มันก็จะ"ครอง" ไปตลอดกาล

ธุรกิจในปัจจุบัน แบบโลกไร้พรมแดนนั้น มันลงทุนซื้อประเทศกันแล้ว ไม่ใช่แค่บริษัท

ยังขอเรียนยืนยันว่า แม้วนั้น สังกัด สมาคมธุรกิจที่มีอิทธิพลไปทั้งโลก

หากจะสู้เพื่อไม่ให้ประเทศถูกเทคโอเวอร์ไป

มีทางเดียวคือ ต้องวิ่งไปตกลง ต่อรองกับ "นายทุนสากลกลุ่มอื่น"
ซึ่งเป็นปรปักษ์ กับ สมาคมนี้

ไม่งั้น ประเทศไทยจะโดนเทคแน่นอนครับ

แม้วและหมัก จะชนะ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมไม่อยากให้เกิด แต่มันอาจจะเกิด และคาดว่าจะเกิด ถ้าเราไม่ขอความช่วยเหลือจาก นายทุนสากลกลุ่มอื่นที่เป็นปรปักษ์กะไอ้สมาคมนี้