เปิดใจ'เตช'รมต.พระราชทาน ก่อนลาออก4 กันยายน พ.ศ. 2551 06:00:0
http://www.bangkokbiznews.com/2008/09/04/news_291482.php"ผมยังไม่ทราบเลยว่าจะเป็นรัฐมนตรีต่อไปกี่วัน แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องวางแผนการ อย่างเช่น อีก 20 วันสมัชชาสหประชาชาติจะเปิดแล้ว รัฐมนตรีต่างประเทศของทุกประเทศในโลกจะไปอยู่ที่นั่น ผมจะไปหรือเปล่ายังไม่ทราบ"กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์ : "สุทธิชัย หยุ่น" บรรณาธิการอำนวยการเครือเนชั่น สัมภาษณ์พิเศษ นายเตช บุนนาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เพียงวันเดียวก่อนมีข่าวว่า นายเตช ลาออกจากตำแหน่ง
ต่อไปนี้เป็นคำถามที่น่าสนใจในการสัมภาษณ์ครั้งนี้
คุณเตชทำงานกระทรวงต่างประเทศตั้งแต่เรียนจบรวมเวลากว่า 40 ปี และเกษียณออกไปในฐานะปลัด แต่ดูเหมือนคุณเตชจะออกจากกระทรวงนี้ไปก่อนเกษียณผมอยู่กระทรวงต่างประเทศมา35 ปีพอดี และปีที่จะเกษียณ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเมตตาโปรดเกล้าฯ โอนผมไปทำงานที่สำนักงานราชเลขาธิการ เป็นเวลา 4 ปี 5 เดือน
คุณเตชเคยคิดมั้ยครับว่าในชีวิตจะจับพลัดจับผลูได้กลับมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไม่เคยคิดครับแต่ผมถือว่าตัวเองเป็นข้าราชการประจำ การที่ได้เป็นปลัดกระทรวงก็ถือว่าสูงสุดแล้ว เป็นสิ่งที่ผมภูมิใจที่สุด แต่คราวนี้ได้กลับมาเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศที่กระทรวงนี้อีกจึงถือเป็นของแถม
ตัดสินใจยากมั้ยครับในการรับตำแหน่งนี้ไม่เกี่ยวกับการตัดสินใจครับเพราะนายกรัฐมนตรีสมัคร สุนทรเวช ได้เข้าเฝ้าฯ ขอพระราชทานตัวผมมา ผมเป็นข้าราชการ ไม่สามารถปฏิเสธได้ ถือเป็นหน้าที่
ตอนที่คุณเตชเข้ามารับตำแหน่งใหม่ๆคุณอานันท์ ปันยารชุน บอกว่านายกรัฐมนตรีสมัครโชคดีมาก ที่ได้คุณเตชมา เหมือนเป็นบุญสำหรับรัฐบาลชุดนี้ มาดูแลกระทรวงต่างประเทศ คุณเตชรู้สึกเสียใจมั้ยครับที่เข้ามารับตำแหน่งนี้ผมไม่ทราบว่าเป็นบุญสำหรับรัฐบาลหรือเปล่าและไม่ค่อยแน่ใจว่าเป็นบุญต่อตัวผมอย่างไร
คุณเตชคิดว่าดีสำหรับรัฐบาลตรงไหนที่มารับตำแหน่งในช่วงที่มีเรื่องร้อนคือกรณีเขาพระวิหารหลังจากเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณแล้วผมก็ไปเจรจากับกัมพูชาทันที โชคดีที่ผมมีความคุ้นเคยกับรัฐมนตรีต่างประเทศของกัมพูชามาก่อน และคุ้นเคยกับปัญหานี้พอควร
ช่วงนั้นมีคนสงสัยว่านักการเมืองที่มีผลประโยชน์การเมืองกับ พ.ต.ท.ทักษิณมาทำให้ข้าราชการกระทรวงตปท.หลายคนปั่นป่วนพอสมควร อาจโดนย้ายบ้าง บางคนอาจต้องยอมตามแรงกดดันการเมือง ตอนคุณเตชเข้ามา ได้ย้อนไปคุยกับพวกเขามั้ยขณะนั้นผมไม่อยู่และเมื่อกลับมาแล้วผมก็ไม่ได้ถามเพราะไม่ค่อยมีเวลา แต่สิ่งที่ผมทำในวันแรกๆ ของการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศ คือการสับเปลี่ยนข้าราชการที่ถูกโยกย้ายให้กลับไปทำงานตำแหน่งเดิม เพื่อฟื้นฟูกำลังใจของข้าราชการ
ตอนนี้ไม่มีแรงกดดันทางการเมืองใดๆมาทำให้กระทรวงต่างประเทศต้องทำในสิ่งที่ไม่ควรจะทำยังไม่มีเลย
แต่คุณเตชอยู่ที่นี่นานตั้งแต่เป็นข้าราชการ ก็ต้องผ่านช่วงหลายช่วงที่กระทรวงต่างประเทศถูกการเมืองกดดันบีบคั้นให้ทำในสิ่งที่เจ้าหน้าที่กระทรวงต่างประเทศที่เป็นมืออาชีพจริงๆ ไม่อยากจะทำ ที่ผ่านมาข้าราชการกระทรวงต่างประเทศเข้มแข็งพอที่จะเป็นตัวของตัวเองที่จะดันไม่ให้แรงกดดันที่ไม่ถูกต้องของการเมืองมากระทบการทำงานไหมผมเองไม่เคยเจอและได้ทำในสิ่งที่ผมอยากจะทำตามกาลเทศะ และทำจนสำเร็จ เช่น งานด้านฟื้นความสัมพันธ์กับจีน
ณ วันนี้ เมื่อมีเรื่องผลประโยชน์ของประเทศ ผลประโยชน์ของนักการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง กระทรวงต่างประเทศต้านไหวมั้ยครับเราไม่ควรหวั่นไหวจากความกดดันถ้าเราทำในสิ่งเราเห็นว่าถูกต้อง
ทางออกคืออะไรถ้าโดนกดดันจริงๆ แล้วเราคิดว่าผลประโยชน์ประเทศชาติเสียหาย แต่นักการเมืองที่เข้ามามีวาระซ่อนเร้นบางอย่างที่มาสั่งให้ข้าราชการกระทรวงต่างประเทศทำในสิ่งที่ไม่ควรทำง่ายนิดเดียวถ้ามีแรงกดดันที่จะบังคับกดดันให้ผมทำในสิ่งที่ผมเห็นว่าไม่ถูกต้องและไม่เป็นผลประโยชน์ต่อประเทศไทย
ง่ายนิดเดียวก็จะต้องลาออกอย่างกรณีพาสปอร์ตสีแดงของคุณทักษิณมีแรงกดดันทางการเมืองหรือไม่ผมไม่เห็นว่ามีแรงกดดันทางการเมือง
ณ วันนี้ไปถึงไหนแล้วเรื่องพาสปอร์ตคุณทักษิณท่านนายกฯบอกว่าได้รับเรื่องไปจากผมไปแล้ว และผมไม่จำเป็นต้องพูดเรื่องนี้อีก
แล้วเรื่องที่เสนอไปเสนอว่ายังไงพอเรื่องนี้เกิดขึ้นมีหมายจับ ทางกรมการกงสุลได้จัดทำบันทึกที่มีทั้งกฎเกณฑ์ กฎระเบียบ กฎหมาย รวมทั้งรัฐธรรมนูญ ในที่สุดได้ข้อสรุปว่าเรื่องนี้ทางกระทรวงการต่างประเทศน่าจะเสนอให้นายกรัฐมนตรีเป็นผู้พิจารณา ในฐานะหัวหน้ารัฐบาล เพราะเป็นเรื่องการเมือง เป็นเรื่องที่สำคัญ ผมก็เห็นด้วยกับข้อเสนอของข้าราชการ จึงได้ลงนามและส่งข้อเสนอไปกราบเรียนท่านนายกรัฐมนตรี ซึ่งเราก็กราบเรียนให้ท่านหมดว่าหนังสือเดินทางทูตเป็นอย่างไร หนังสือเดินทางธรรมดาเป็นอย่างไร
แปลว่าพาสปอร์ตที่คุณทักษิณถืออยู่มี2 ประเภท คือแบบธรรมดาที่ประชาชนคนไทยมีสิทธิ์จะถือ และพาสปอร์ตการทูตที่เป็นการให้เกียรติพิเศษบางอย่าง สองอย่างมีกติกาต่างกัน คือพาสปอร์ตการทูตให้พิเศษ เพราะฉะนั้นถอนก็ได้ได้ครับซึ่งอดีตนายกรัฐมนตรีทุกท่านก็ถือพาสปอร์ตชนิดนี้อยู่ หรืออดีตรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศที่ขอไป
การเมืองในประเทศเป็นอย่างนี้การดำเนินนโยบายต่างประเทศลำบากกว่าปกติมั้ยแน่นอนผมยังไม่ทราบเลยว่าจะเป็นรัฐมนตรีต่อไปกี่วัน แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องวางแผนการ อย่างเช่น อีก 20 วันสมัชชาสหประชาชาติจะเปิดแล้ว รัฐมนตรีต่างประเทศของทุกประเทศในโลกจะไปอยู่ที่นั่น ผมจะไปหรือเปล่ายังไม่ทราบ แต่ก็ต้องวางแผนไป จองโรงแรม อะไรต่ออะไร
ความยากลำบากในภาวะที่ต้องอธิบายอะไรในประเทศไทยเช่นตอนที่ต้องออกแถลงการณ์ตอบโต้คุณทักษิณกรณีความเป็นอิสระของระบบศาลไทย ตอนนั้นคิดยังไงถึงเขียนออกมาค่อนข้างชัดเจน ซึ่งหลายคนแปลกใจว่าคุณเตชมาถึงปั๊บภารกิจแรกก็ต้องตอบโต้คุณทักษิณในเรื่องนี้ก็ไม่ใช่ภารกิจแรกแต่เป็นภารกิจแรกๆ ผมเห็นว่าทันทีที่มีข่าวอะไรในหน้าหนังสือพิมพ์ต่างประเทศ ที่กระทบกระเทือนภาพลักษณ์หรือภาพพจน์ของประเทศไทย ไม่ว่าในเรื่องใด กระทรวงการต่างประเทศจะต้องชี้แจง ในเมื่อมีเรื่องในหน้าหนังสือพิมพ์ระหว่างประเทศว่าคุณทักษิณพูดว่ามีการแทรกแซงในกระบวนการยุติธรรม ทางกระทรวงการต่างประเทศจะต้องออกมาปกป้องระบบยุติธรรมของไทยอย่างแน่นอน
ไม่ใช่เรื่องปกติเท่าไหร่เพราะว่าแต่ไหนแต่ไรมา กระทรวงต่างประเทศไม่ต้องแถลงการณ์จุดยืนเรื่องนี้ โดยเฉพาะที่ต้องตอบโต้กับอดีตนายกรัฐมนตรีของตัวเองก็โดยบังเอิญเป็นการตอบโต้อดีตนายกรัฐมนตรีของตัวเอง แต่สำหรับผม ไม่ว่าที่ไหน ตั้งแต่ผมเป็นเด็ก อยู่ที่กรมสารนิเทศ อะไรก็ตามที่จะมากระทบกระเทือนภาพลักษณ์และภาพพจน์ของประเทศไทย ผมเห็นว่าข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศต้องตอบโต้ทันที
กรณีปฏิวัติก็ต้องออกแถลงการณ์เหมือนกันอย่าง 19 กันยา แต่ตอนนั้นคุณเตชอาจไม่ได้อยู่ที่กระทรวงไม่ได้อยู่
แต่ที่เคยผ่านมาทุกครั้งที่ปฏิวัติในประเทศ เราก็ต้องชี้แจงออกไปว่าทำไมถึงเกิดขึ้นแน่นอน
เหมือนกับที่ล่าสุดที่กระทรวงต่างประเทศต้องชี้แจงออกไปว่า การที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยไปยึดทำเนียบรัฐบาลเป็นส่วนหนึ่งของระบอบประชาธิปไตยผมก็พูดอย่างนั้นผมบอกว่าสำหรับผมก็เป็นปรากฏการณ์ส่วนหนึ่งในประวัติศาสตร์ประชาธิปไตยของไทย และเรายังไม่ทราบว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป มันเป็นปรากฏการณ์ เป็นอีกฉากหนึ่งของประวัติศาสตร์ประชาธิปไตยของไทย แต่แน่นอนว่าภาพลักษณ์ภาพพจน์ของประเทศไทยเสีย และเรากำลังเสียหายอย่างหนัก อย่างที่ภูเก็ตบอกเสียหายวันละ 250 ล้านบาท กระทบกระเทือนเศรษฐกิจของบ้านเมืองแน่นอน
ความไม่แน่นอนทางการเมืองในประเทศทำให้นโยบายต่างประเทศที่ดำเนินอยู่ยากลำบากแค่ไหนมันลำบากขึ้นอย่างแน่นอนอย่างผมมีนัดไปเยือนเวียดนามวันที่ 10 กันยา ผมก็ไม่รู้จักรัฐมนตรีต่างประเทศของเขามาก่อน แต่ก็มีนัดแล้ว
ผมจะไปได้หรือไม่ยังไม่ทราบเลย แต่อย่าลืมว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไม่จำเป็นต้องเป็นผม เพราะว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศดูแลผลประโยชน์ของชาติ ในมิติในบริบทของต่างประเทศ ถ้าไม่เป็นผมก็จะเป็นคนอื่น