ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
29-03-2024, 11:43
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  ไอ้หอกหัก หมัก เมถุน กับ สื่อฯ NBT อีกครั้งหนึ่ง.... 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
ไอ้หอกหัก หมัก เมถุน กับ สื่อฯ NBT อีกครั้งหนึ่ง....  (อ่าน 903 ครั้ง)
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« เมื่อ: 03-09-2008, 10:08 »

"สุนันท์"เตือนนักข่าว NBT สิ้น “รบ.หมัก” ตกงานระนาวแน่ 
 
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 2 กันยายน 2551 23:07 น.
 
 

สุนันท์ ศรีจันทรา

 
   "นักข่าวอาวุโส”ชี้เหตุการณ์บ้านเมืองขณะนี้ไม่ต่างจากช่วง 6 ตุลา แนะคนวัยหนุ่มให้เวลากับการชุมนุมพันธมิตรฯ มากขึ้น ดีกว่าหลงแสง สี เล่นเน็ตไปวันๆ จวกเอ็นบีทีเป็นสื่อรับใช้ทรราช เตือนนักข่าวช่องนี้โอกาสตกงานสูงเมื่อสิ้นรัฐบาลชุดนี้ เพราะเป็นแค่กากเดนสื่อ วอนนักธุรกิจใหญ่ แสดงจุดยืนร่วมพันธมิตรฯ หยุดทรยศต่อเงินภาษีประชาชน
       
       วันนี้(2 ก.ย.) เมื่อเวลาประมาณ 19.35 น. นายสุนันท์ ศรีจันทรา สื่อมวลชนอาวุโส และคอลัมนิสต์ผู้เชี่ยวชาญเรื่องตลาดหุ้น ขึ้นเวทีปราศรัยของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ทำเนียบรัฐบาลว่า วันนี้เหมือนบรรยากาศเก่าๆ เมื่อ 32 ปีที่แล้ว ที่มีการชุมนุมที่ไหนจะไม่ขาดกลุ่มนักศึกษา ถึงแม้ว่าจะมาช้าแต่ยังดีกว่าไม่มา และคิดว่าน่าจะมามากขึ้นกว่านี้เรื่อยๆ ภารกิจในการต่อสู่ทรราชเผด็จการในอดีตนั้นเป็นการต่อสู้ของคนอายุน้อยประมาณ 20 กว่าปีเท่านั้น แต่การต่อสู้ในแต่ละระยะที่ผ่านมาจะพบว่ามีอายุเพิ่มมากขึ้น เริ่มจากในอดีตเป็นนักเรียน นิสิตนักศึกษา ต่อมาเป็นคนชั้นกลางตอนม็อบมือถือ จนกระทั่งถึงปัจจุบันเป็นม็อบคนแก่ส่วนใหญ่ แล้วคนหนุ่มหายไปไหนหมด
       
       "เลิกฝัน เลิกหลงกับแสง สี โดยเฉพาะอินเทอร์เน็ตได้แล้ว พวกนี้มีแต่จะทำให้ประเทศชาติล่มจม แบ่งเวลาเล่นเน็ตให้น้อยลงแล้วหันมาแบ่งเวลาให้กับเวทีพันธมิตรฯ มากหน่อย และไม่นานพวกเราจะชนะ โดยหวังว่าภารกิจการต่อสู้กับซาตานครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ฟื้นมาจากยุค 6 ตุลา"นายสุนันท์กล่าว
       
       นายสุนันท์กล่าวต่อว่า นอกจากซาตานตัวเดิมที่กลับชาติมาเกิด มีการใช้วิธีการเดียวกันหมดกับยุค 6 ตุลา ถ้าหากคนที่ไม่เคยรู้จัก 6 ตุลามาก่อน ในครั้งนี้จะรู้จักนายสมัครดี จะรู้จักเหตุการณ์ที่ไม่ต่างไปจาก 2 วันที่ผ่านมา คือใช้วิธีการปลุกม็อบมาชนกัน และหาเหตุปฏิวัติ ปฏิรูป รัฐประหาร ซึ่งครั้งนี้ได้ใช้ม็อบเสื้อแดงที่มีการจ้างกันมาโดยมีนักการเมืองชั่วอยู่เบื้องหลัง
       
      นายสุนันท์กล่าวต่อว่า ขณะนี้คงไม่มีสื่อไหนที่น่าพูดถึงเท่ากับเอ็นบีที หรือช่อง 11 เดิม ที่ยังเรียกตัวเองว่าเป็นสื่ออยู่ โดยพวกตนได้ฝากมาเตือนถึงข้าราชการที่ทำงานช่อง 11 ที่ยังมีวิญญาณของความเป็นสื่อว่า อย่าให้พวกทรราชที่อ้างตัวว่าเป็นสื่อมาบงการ ให้ต่อต้านกลั่นแกล้งไว้ เนื่องจากพวกนี้เป็นคนไอทีวีเก่าได้ไปรับใช้รัฐบาลสมัคร ซึ่งถ้าเมื่อหมดจากงานนี้ สมัครออกไปเมื่อไรคนพวกนี้ตกงานหมดเพราะเป็นกากเดนสื่อ
       
       " ไม่เคยเห็นสื่อมวลชนในยุคใดจะตกต่ำสิ้นชาติ สิ้นความเป็นมนุษย์ไร้ศักดิ์ศรีเท่าสื่อไอทีวีอีกแล้ว แต่บางคนยังมีจิตสำนึกที่ดีได้ลาออกไปก่อน ส่วนคนที่ยังอยู่ก็ได้ไปทำงานต่อให้กับรัฐบาลชุดนี้ที่เอ็นบีที ซึ่งอยากจะรู้ว่าเมื่อหมดรัฐบาลนี้แล้วจะมีใครรับคนพวกนี้เข้าทำงาน"นายสุนันท์กล่าว

       
       นายสุนันท์กล่าวต่อว่า อยากจะให้นักธุรกิจใหญ่ๆ อีกมากมายไม่กล้าแสดงจุดยืนของตัวเอง พวกเพลี้ยที่กินสังคมมานานแล้ว ยอมทรยศต่อเงินภาษีของประชาชน ยอมยัดเงินใต้โต๊ะให้ข้าราชการ จะประมูลโครงการมีการนำเงินไปให้กับนักการเมือง สิ่งเหล่านี้ทำให้ต้นทุนของประเทศและของประชาชนเพิ่มสูงขึ้น เพราะต้องประมูลโครงการต่างๆ ในราคาที่แพงขึ้นจากเงินภาษีของพวกเรา ซึ่งสามารถทำให้ต้นทุนต่างๆ ถูกลงได้ด้วยการร่วมมือกัน แสดงจุดยืนต่อสู้ด้วยกัน วันนี้ได้เห็นมาแล้วทุกภาคส่วน ไม่ว่าองค์กรภาคเอกชน คนเฒ่า คนค้าขาย ทุกภาคส่วนมากันหมด แต่นักธุรกิจที่ดังๆ ใหญ่ๆ ยังไม่มีใครเดินมาที่เวทีแห่งนี้เลย
       
       "เวลายังมี อยากให้มาต่อสู้ด้วยกัน มาแก้ปัญหาด้วยกัน กล้าสักนิด รวยจากสังคมนี้มากแล้ว ถ้าไม่กล้ามาคนเดียวให้ชวนกันมาทั้งสภาอุตสาหกรรมเลย ถ้าไม่มาที่นี่ให้แสดงจุดยืนผ่านสื่อมวลชนมาก็ได้ ถ้าท่านเห็นสื่อมวลชนตอนนี้ทุกฉบับ ถ้าไม่ได้เป็นฉบับที่จัดตั้งด้วยเงินของระบอบทักษิณมาอยู่ข้างเราหมดแล้ว ไม่เอารัฐบาลสมัครกันหมดแล้ว "นายสุนันท์กล่าว

 
http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9510000104042
 
 
 
นายสุนันท์กล่าวต่อว่า ขณะนี้คงไม่มีสื่อไหนที่น่าพูดถึงเท่ากับเอ็นบีที หรือช่อง 11 เดิม ที่ยังเรียกตัวเองว่าเป็นสื่ออยู่ โดยพวกตนได้ฝากมาเตือนถึงข้าราชการที่ทำงานช่อง 11 ที่ยังมีวิญญาณของความเป็นสื่อว่า อย่าให้พวกทรราชที่อ้างตัวว่าเป็นสื่อมาบงการ ให้ต่อต้านกลั่นแกล้งไว้ เนื่องจากพวกนี้เป็นคนไอทีวีเก่าได้ไปรับใช้รัฐบาลสมัคร ซึ่งถ้าเมื่อหมดจากงานนี้ สมัครออกไปเมื่อไรคนพวกนี้ตกงานหมดเพราะเป็นกากเดนสื่อ
       
       " ไม่เคยเห็นสื่อมวลชนในยุคใดจะตกต่ำสิ้นชาติ สิ้นความเป็นมนุษย์ไร้ศักดิ์ศรีเท่าสื่อไอทีวีอีกแล้ว แต่บางคนยังมีจิตสำนึกที่ดีได้ลาออกไปก่อน ส่วนคนที่ยังอยู่ก็ได้ไปทำงานต่อให้กับรัฐบาลชุดนี้ที่เอ็นบีที ซึ่งอยากจะรู้ว่าเมื่อหมดรัฐบาลนี้แล้วจะมีใครรับคนพวกนี้เข้าทำงาน"นายสุนันท์กล่าว

 
 
      "เวลายังมี อยากให้มาต่อสู้ด้วยกัน มาแก้ปัญหาด้วยกัน กล้าสักนิด รวยจากสังคมนี้มากแล้ว ถ้าไม่กล้ามาคนเดียวให้ชวนกันมาทั้งสภาอุตสาหกรรมเลย ถ้าไม่มาที่นี่ให้แสดงจุดยืนผ่านสื่อมวลชนมาก็ได้ ถ้าท่านเห็นสื่อมวลชนตอนนี้ทุกฉบับ ถ้าไม่ได้เป็นฉบับที่จัดตั้งด้วยเงินของระบอบทักษิณมาอยู่ข้างเราหมดแล้ว ไม่เอารัฐบาลสมัครกันหมดแล้ว "นายสุนันท์กล่าว


ถ้าใครมีลูกชาย ลูกสาวที่ยังไม่มีแฟน ไม่มีคู่ครอง ให้เตือนไว้ด้วยว่า จะเลือกคู่ชีวิต ต้องพิจารณาทัศนะ คุณธรรมประจำใจด้วย ถ้าเผอิญไปสนใจผู้บริหาร ผู้ประกาศ ผู้สื่อข่าว ผู้จัดรายการ NBT ผู้ร่วมรายการ ขอให้ทบทวนนำเทปการปฏิบัติหน้าที่ของพวกเขามาชมอีกครั้งหนึ่ง.....!!!

ถ้ายังรัก ยังชอบอยู่ ก็ถือว่าเป็น'กรรมของสัตว์' เลี้ยงได้แต่ตัว เลี้ยงหัวใจ และอบรมสั่งสอนไม่ได้แล้ว......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า

บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #1 เมื่อ: 03-09-2008, 10:13 »

วันอังคารที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2551 21:45:00
 
ทปอ.ออกแถลงการณ์เรียกร้องนายกฯยุบสภา

 
เมื่อเวลา 21.00 น. ที่โรงแรมสยามซิตี้ รศ.มณฑล สงวนเสริมศรี ประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย(ทปอ.) อ่านแถลงการณ์ฉบับที่ 2 ของที่ประชุมอธิการบดีมหาวิทยาลัย 26 แห่ง ว่า อธิการบดีได้หารือวาระเร่งด่วน และมีมติร่วมกันที่จะเสนอแนวทางแก้วิกฤติของประเทศต่อนายกฯ โดยเรียกร้องให้นายกฯยุบสภา โดยทันที เพื่อระงับความรุนแรงและการเสียเลือดเนื้อของประชาชน และให้ส่งผ่านปัญหาความขัดแย้งให้ประชาชนตัดสินตามวิถีประชาธิปตย และเรียกร้องให้ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แม้ว่าจะยุบสภา แต่นายกฯยังรักษาการณ์ ปัญหาอาจคงอยู่ แต่การคืนอำนาจให้ประชาชนเป็นทางออกที่ดีที่สุด

ด้านนายสุรพล นิติไกรพจน์ อธิการบดี ม.ธรรมศาสตร์ กล่าวว่า หากนายกฯยุบสภาความรุนแรงจะลดระดับลง ทุกฝ่ายก็จะหมดเงื่อนไขในการเคลื่อนไหวให้เกิดความรุนแรง ส่วน ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ หากวันนี้ไม่เกิดเหตุรุนแรง วันพรุ่งนี้ (3 ก.ย.) ก็จะประกาศให้เปิดเรียนตามปกติ

http://www.bangkokbiznews.com/specialreport/specialreportnews.php?id=186


บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #2 เมื่อ: 03-09-2008, 10:24 »

5องค์กรสื่อแถลงไม่ตกเป็นเครื่องมือฝ่ายใด

 
ตามที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.๒๕๔๘ เมื่อช่วงเช้าวันอังคารที่ ๒ กันยายน ๒๕๕๑ โดยมีเนื้อหามุ่งจำกัดสิทธิเสรีภาพของชนชาวไทยตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.๒๕๕๐ หลายประการ

องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนประกอบด้วย สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ สมาพันธ์นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย และสมาคมเคเบิลทีวีแห่งประเทศไทย ได้ประชุมหารือกันแล้ว มีความเห็นต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นดังต่อไปนี้

๑) องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชน ไม่เห็นด้วยกับการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินเมื่อปี ๒๕๔๘ เนื่องจากพระราชกำหนดฉบับนี้ มิได้ตราขึ้นโดยหลักนิติธรรม และมีเนื้อหาขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.๒๕๔๐ โดยชัดแจ้ง นอกจากนี้ กระบวนการในการตรากฎหมายที่ใช้รูปแบบของการออกพระราชกำหนด ซึ่งไม่ใช่กระ! บวนการตรากฎหมายตามปกติ ยังเป็นการรวบรัดและมุ่งจำกัดสิทธิและเสรีภาพของประชาชนเป็นสำคัญ

๒) แม้ว่า พระราชกำหนดฉบับนี้ จะให้อำนาจนายกรัฐมนตรีในการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน แต่เหตุผลและที่มาในการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ดังกล่าว ถือว่าไม่สมเหตุสมผล เพราะขณะนี้ สถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้น คลี่คลายลงจนอยู่ในขั้นที่เจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องสามารถควบคุมไม่ให้เกิดความรุนแรงได้แล้ว จึงไม่มีความจำเป็นต้องอำนาจประกาศสถานฉุกเฉินฯ และควรยก! เลิกประกาศนี้ในทันที

๓) เป็นที่ประจักษ์ชัดโดยสื่อมวลชนต่างๆ ที่อยู่ในเหตุการณ์เมื่อกลางดึกคืนวันจันทร์ที่ ๑ กันยายน ๒๕๕๑ ประกอบกับการให้สัมภาษณ์ของรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สามารถยืนยันชัดเจนได้ว่า แกนนำ รวมทั้งรัฐมนตรีบางคนของพรรครัฐบาลมีบทบาทสำคัญในการปลุกเร้าและนำขบวนกลุ่มผู้ชุมนุมแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ใช้ความรุนแรงต่อกลุ่มผู้ชุมน! ุมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จนก่อให้เกิดความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ถือเป็นการสร้างสถานการณ์ให้เลวร้ายและสร้างความชอบธรรมในการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ดังนั้น องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชน จึงขอประณามการกระทำดังกล่าว

๔) การที่เนื้อหาบางส่วนในการประกาศใช้ข้อกำหนดตามมาตรา ๙ ของพระราชกำหนดการบริหาราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ให้นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้หัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินออกข้อกำหนดห้ามการเสนอข่าว การจำหน่าย หรือการทำให้เผยแพร่ ซึ่งหนังสือพิม์ สิ่งพิมพ์ หรือสื่ออื่นใดที่มีข้อความอันอาจทำให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัว หรือเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าว! สาร ทำให้เกิดความเข้าใจผิดในสถานการณ์ฉุกเฉิน จนกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ หรือความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน นั้น ถือเป็นการขัดต่อสิทธิเสรีภาพในการนำเสนอข่าวสารของสื่อมวลชน ตามบทบัญญัติมาตรา ๔๕ ของรัฐธรรมนูญฯ พ.ศ.๒๕๕๐ อย่างชัดแจ้ง อีกยังจะกระทบต่อสิทธิการรับรู้ข่าวสารของประชาชน อันจะนำไปสู่ความรุนแรงยิ่งขึ้นของสถานการณ์ ดังที่เคยเกิดขึ้นมาหลายครั้งในประวัติศาสตร์ทางการเมืองเมื่อสื่อมวลชนถูกปิดกั้นการเสนอข่าวสาร

๕) องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ใช้ความอดทนอดกลั้นและหลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบไม่ว่ากรณีใดๆ รวมทั้งการพยายามยั่วยุประชาชนให้ใช้ความรุนแรงต่อกัน ไม่ว่าจะเป็นการแถลงข่าวของนายกรัฐมนตรีและข้าราชการที่เกี่ยวข้อง การประกาศของแกนนำผู้ชุมนุม และการใช้สื่อของรัฐเป็นเครื่องมือโดยการนำเสนอข้อมูลข่าวสารจากรัฐบาลเพียง! ฝ่ายเดียว

๖) ในสถานการณ์ความขัดแย้งที่ยังอยู่ในภาวะวิกฤตที่นำไปสู่การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินดังกล่าว อำนาจในการจัดการสถานการณ์ความไม่สงบถูกส่งผ่านไปยังกองทัพบกคง ดังนั้น ผู้บัญชาการทหารบกจึงควรใช้อำนาจที่มีอยู่ด้วยความระมัดระวัง ไม่ตกเป็นเครื่องมือของฝ่ายการเมืองและไม่ฉกฉวยสถานการณ์เช่นนี้ ก่อการรัฐประหารยึดอำนาจการปกครองแผ่นดิน เพราะบทเรียนในอดีตท! ี่ผ่านมา ยืนยันแล้วว่า การรัฐประหารไม่สามารถแก้ไขปัญหาความขัดแย้งได้ แต่ยิ่งกลับทำให้ปัญหาทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น

องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนทั้ง ๕ องค์กรมีความเชื่อมั่นว่า สถานการณ์วิกฤตของประเทศไทยในขณะนี้ ยังมีทางออกโดยใช้กระบวนการสันติวิธี และขณะนี้ ภาคส่วนต่างๆ ของสังคมได้เข้ามามีส่วนร่วมในการนำเสนอทางออกต่อวิกฤตการณ์ทางการเมืองในปัจจุบันอย่างเข้มข้นองค์กรสื่อมวลชนต่างๆ ที่มีหน้าที่นำเสนอข้อมูลข่าวสาร จึงควรยึดมั่นในจริยธรรมแห่งวิชาชีพสื่อมวลชนอย่างเคร่งครัด ด้วยการนำเสนอข้อมูลข่าวสารอย่างรอบด้าน ไม่ตกเป็นเครื่องมือของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ประชาชนก็จะสามารถมีส่วนร่วมในการตัดสินใจทางการเมืองได้อย่างถูกต้องในที่สุด

สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ
สมาพันธ์นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย
สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย
สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย
สมาคมเคเบิลทีวีแห่งประเทศไทย
๒ กันยายน ๒๕๕๑


http://www.bangkokbiznews.com/specialreport/specialreportnews.php?id=174


องค์กรสื่อมวลชนต่างๆ ที่มีหน้าที่นำเสนอข้อมูลข่าวสาร จึงควรยึดมั่นในจริยธรรมแห่งวิชาชีพสื่อมวลชนอย่างเคร่งครัด ด้วยการนำเสนอข้อมูลข่าวสารอย่างรอบด้าน ไม่ตกเป็นเครื่องมือของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ประชาชนก็จะสามารถมีส่วนร่วมในการตัดสินใจทางการเมืองได้อย่างถูกต้องในที่สุด.......

สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ต้องรีบเร่งตรวจสอบการปฎิบัติหน้าที่ของผู้สื่อข่าว ผู้ประกาศ ผู้รายงานข่าว ผู้ดำเนินรายการของ NBT ของไอ้หอกหัก และ แนวร่วมนรกป่วนกรุง ณัฐวุฒิ จตุพร วีระ จักรภพ แล้ว....!!!
ก่อนที่สถานีโทรทัศน์แห่งนี้ จะเป็น'วิทยุยานเกราะ' กลับชาติมาเกิด ทำให้คนไทยเข่นฆ่ากันมากกว่านี้....ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า


บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
THE THIRD WAY
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,821


Love looks not with eyes, but with the mind.


« ตอบ #3 เมื่อ: 03-09-2008, 10:32 »

ยุคทักษิณที่ว่าครอบงำสื่อ
ยังมุบมิบ แอบๆทำ
ยุคนี้ปูเสื่อทำการกลางเมืองเลย

เผด็จการทหารที่ว่าร้ายนัก
มาเจอเผด็จการพลเรือน
ชิดซ้ายตกถังส้วม.......แบะๆ
บันทึกการเข้า

ความรักนั้นหวาน ไม่ว่าจะรับหรือให้
************************
การขับไล่ทรราช เป็นภารกิจของเจ้าของประเทศ
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #4 เมื่อ: 03-09-2008, 10:39 »

วันที่ 02 กันยายน พ.ศ. 2551 เวลา 22:20:20 น.  มติชนออนไลน์ อ่านล่าสุด 9619 คน


"สมัคร" กลับลำกลางอากาศ สั่งทำลายคำสั่งปลด "พงศ์โพยม" เลขาฯ"เตช" ลาออก อ้างทนร่วมรบ.ไม่ได้

"สมัคร"กริ้ว"พงศ์โพยม" ไม่ช่วยแก้สถานการณ์ สั่งพิมพ์คำสั่งแขวนไว้ที่สำนักนายกฯทันที ก่อนสั่งยกเลิก-ทำลายเอกสาร เจ้าตัวเปรียบเป็น "อัศวิน ขวัญเมือง2" เลขา "เตช" ขอลาออก อ้างทนร่วมรบ.ไม่ได้ ครม.เด้งผอ.สำนักข่าวกรอง

คลิกอ่าน เปิดเอกสารยืนยัน ฟ้าผ่า มท.!! เด้ง "พงศ์โพยม" จริง หลัง "มท.2" ปฎิเสธไม่ได้ย้ายก่อนเกษียณ

 

นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ลงนามในคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 198/2551 เมื่อวันที่ 2 กันยายน ให้นายพงศ์โพยม วาศภูติ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ที่จะเกษียณราชการในวันที่ 30 กันยายนี้ ไปปฏิบัติราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี แต่ต่อมานายสมัครได้มีคำสั่งยกเลิกคำสั่งย้ายนายพงศ์โพยม เนื่องจากเกรงว่า จะมีปัญหาการประสานงานกับผู้ว่าราชการจังหวัด


รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลแจ้งว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่กองบัญชาการกองทัพไทย นายสมัครได้หารือกับนายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษา นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยนายสมัครแสดงอาการโกรธเคืองนายพงศ์โพยม ที่ปฏิบัติงานไม่เต็มที่ในการแก้ปัญหาสถานการณ์ความไม่สงบขณะนี้


"ตั้งแต่เกิดเรื่องการชุมนุม จนถึงการปะทะเมื่อคืนวันที่ 1 กันยายนที่ผ่านมา กระทรวงมหาดไทยไม่ได้ออกมาตรการอะไรช่วยแก้ไขสถานการณ์เลย อีกทั้งรัฐบาลมีคำสั่งอะไรนายพงศ์โพยมก็ไม่ได้ปฏิบัติตาม รัฐบาลจะทำอะไร ทำไมไม่อำนวยความสะดวก" แหล่งข่าวอ้างคำพูดนายสมัคร


ข่าวแจ้งอีกว่า หลังการประชุม นายสมัครยังได้หารือกับ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย หลังจากได้รับรายงานว่านายพงศ์โพยม วาศภูติ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ซึ่งกำลังประชุมอยู่ที่กองทัพบกร่วมกับผู้บัญชาการเหล่าทัพนั้น ได้แสดงท่าทีคัดค้านมาตรการต่างๆ ที่จะดำเนินการเพื่อรองรับการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินหลายมาตรการ โดยเฉพาะมาตรการควบคุมการนำเสนอข่าวสารของสื่อ โดยเฉพาะในส่วนของสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี ทำให้นายสมัครไม่พอใจอย่างมากต่อการแสดงความคิดเห็นดังกล่าวของนายพงศ์โพยม จึงเสนอต่อ พล.ต.อ.โกวิทว่าจะขอย้ายนายพงศ์โพยมมาแขวนไว้ที่สำนักนายกฯ   และให้นายพีรพล ไตรทศาวิทย์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ว่าที่ปลัดกระทรวงมหาดไทยขึ้นรักษาราชการเลย เพราะถ้ามีความเห็นไม่สอดคล้องกับผู้บังคับบัญชาอย่างนี้จะมีปัญหาในการสั่งปฏิบัติราชการ


" ผมออกคำสั่งได้ใช่มั้ย เอาเครื่องพิมพ์ พิมพ์เดี๋ยวนี้ เอาออกเดี๋ยวนี้เลย ผมจะเป็นคนเซ็นเอง" แหล่งข่าวอ้างคำพูดนายสมัครกับเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ดี ภายหลังจากลงนามในคำสั่งย้ายฟ้าผ่านายพงศ์โพยมแล้วจากนั้นไม่นาน ได้มีกระแสข่าวว่า นายสมัครได้ยกเลิกคำสั่งดังกล่าว โดยยังไม่มีหนังสือยกเลิกคำสั่ง แต่มีการระบุว่าให้ทำลายคำสั่งแรกทิ้ง เหมือนกับว่าไม่เคยมีคำสั่งนี้เกิดขึ้น



ด้านนายพงศ์โพยมได้กล่าวตอนหนึ่งในที่ประชุมผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศผ่านระบบวีดิทัศน์ทางไกล โดยเปรียบตัวเองเหมือนกับ "อัศวิน 2Ž"  (พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.น.ที่ถูกย้ายไปช่วยราชการที่สำนักงาน ผบ.ตร.) หากต้องย้ายจริงต้องดูว่าจะให้ไปรายงานตัวเมื่อใด และอาจจะพิจารณาลาพักร้อน หรือไม่ก็ลาออกเลย


ขณะเดียวกัน มีรายงานข่าวจากกระทรวงการต่างประเทศแจ้งว่า นายปกศักดิ์ นิลอุบล อดีตเอกอัครราชทูตไทยประจำสวีเดน ได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศต่อนายเตช บุนนาค รัฐมนตรีว่าการ เนื่องจากไม่สามารถทำงานร่วมกับรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ได้อีกต่อไป สำหรับนายปกศักดิ์เคยดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายเสาวนิตย์ คงสิริ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สมัยรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์


อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามนายธฤต จรุงวัฒน์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศถึงเรื่องดังกล่าวรับแจ้งว่า ยังไม่ได้ยินแต่อย่างใด

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1220368077&grpid=00&catid=01



นายกฯไอ้หอกหัก จอมเนรคุณ ไม่รู้ว่าปลัดกระทรวงฯ พงศ์โพยม ได้ช่วยชีวิต ต่ออายุนายกฯนอมินีของแม๊วให้ยาวนานขึ้นอีกหลายวัน ถ้าปลัดกระทรวงฯ สอพลอ ทำตามคำสั่ง เหมือน มท.1 โกตั๊บ เวลานี้บ้านเมืองจะต้องวุ่นวายกว่านี้แน่......!!!

บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #5 เมื่อ: 03-09-2008, 14:17 »

ทัศนะวิจารณ์ แกะรอยการเมือง

3 กันยายน พ.ศ. 2551 03:00:00

เหลือเชื่อยังไม่"ลาออก"

:กลุ่มพันธมิตร และ นปช.ปะทะกันจนมีผู้เสียชีวิต1รายและผู้บาดเจ็บกว่า 40 คน ฆฤณ weerasak@nationgroup.com

กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์ : "ผู้นำที่อ่อนแอ มักใช้กฎหมายที่เข้มแข็ง หวังพยุงให้ตัวเองอยู่ในอำนาจต่อไปได้...แต่สุดท้ายมักไปไม่รอด เพราะเนื้อแท้ของการประคับประคองอำนาจ อยู่ที่ บารมีและคุณธรรม หาใช่กฎหมาย"!!!

พระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ถือเป็น "ยาแรง" แถม "ให้เกินขนาด" สำหรับการแก้โรคความขัดแย้งทางการเมือง เพราะหากจะแก้ไขด้วยวิถีทางการเมืองจริงๆ ก็สามารถดำเนินการได้ เพราะในระบอบประชาธิปไตย มีให้เลือกวางเป็นกติกาอยู่แล้วว่า หากไม่สามารถบริหารประเทศต่อไปได้ ไม่ว่าจะเกิดจาก บกพร่อง...ผิดพลาด...หรือคอร์รัปชัน วิถีทาง "ลาออกหรือยุบสภา" เป็นกระบวนการทางประชาธิปไตยที่ได้วางเส้นทางไว้แล้ว

เลือกใช้ "ยาแรง" เพียงหวังอยู่ในอำนาจ ผลข้างเคียง คือความเสียหายของประเทศอย่างใหญ่หลวง โดยเฉพาะการท่องเที่ยว และลงทุนจากต่างชาติ

โดยหลงลืมไปว่า...ไร้ซึ่งอำนาจในการบริหารประเทศมานานแล้ว

หาก "ตำรวจ" ตระหนักสักนิด... ก็ไม่จำเป็นต้องออก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพราะโดยวิสัยและสำนึกของคนทั่วไปน่าจะประเมินได้ว่าการปล่อยให้ฝูงชนเคลื่อนมาปะทะกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ถนนราชดำเนิน จนทำให้ระยะห่างของ 2 ม็อบแคบลงนั้น อะไรจะเกิดขึ้นบ้าง เพราะบทเรียนความรุนแรงที่อุดรธานี และการปะทะกันหน้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ก่อนหน้านี้ ถือเป็นตำราดูแลม็อบได้อย่างดี 

ความรุนแรงที่เกิดขึ้น นำมาซึ่งผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บอย่างมากนั้น หากเป็น "ผู้นำ" ที่มีคุณธรรมสูงแล้ว เช้ามืดวันที่ 2 กันยายน ที่ผ่านมา เขาจะแถลงกับประชาชนของเขาว่า....ผมเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ...เพื่อแสดงความรับผิดชอบ ผมขอลาออก"!!!

ประโยคนี้ต่างหาก ที่เป็นยาบำรุง แทนการดันทุรังใช้ "ยาแรง" สร้างความเสียหายไปทั่วประเทศ

การลาออก เพื่อแสดงความรับผิดชอบ เป็นไปตามมาตรฐานเบื้องต้นของนักการเมืองทั่วโลก


แต่สิ่งที่เราเห็นและได้ยินในช่วงเช้า 07.20 น. "ผู้นำ" เดินทางมายังศาลาว่าการ กทม. "อย่างอารมณ์ดี" พร้อมแถลงเปิดตัวผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. "ประภัสร์ จงสงวน"

ช่างเป็นภารกิจแรกที่สำคัญยิ่ง....!!!

เมื่อถึงเวลา 9.00 น.กับภารกิจที่สองของวัน แถลงเหตุผลของการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน...ทำให้ยิ่งน่าเศร้าขึ้นไปอีก เมื่อซักถามผู้สื่อข่าว ถึงคนตายว่า "อยู่ข้างไหน"

ผิดกับท่าทีของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก หรือ ผบ.ทบ. ในฐานะหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ตามกฎหมาย ออกมาแถลงข่าวช่วง 13.40 น. แม้จะเป็นเพียงออกมาชี้แจงแนวทางการทำงาน...แต่ก็น่าจะมีประชาชนจำนวนมาก เข้าใจไปแล้วว่า "ผู้นำ" สำหรับประเทศที่ต้องการ สมานฉันท์ นั้นควรปฏิบัติตัวอย่างไร

เอาเข้าจริง ผู้ที่มีอำนาจประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ดูเหมือนจะโอนการบริหารประเทศไปให้คนอื่นโดยไม่รู้ตัวเสียแล้ว

เมื่อมีอำนาจ แต่ใช้อำนาจบริหารประเทศไม่ได้ ประกาศ "ลาออกหรือยุบสภา" เถอะครับ..

หากปล่อยให้เนิ่นนานไปกว่านี้ โอกาสจะไม่มีให้เลือก เนื่องจากในชีวิตหนึ่งของนักการเมือง สามารถขึ้นสูงสุดถึงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีโดยความ "บังเอิญ" ถือว่าเดินทางไกลมากแล้ว ...ที่สำคัญข้อเสนอแนะของคนรอบข้างให้สู้ต่อนั้น ต้องแยกแยะออกมาให้ชัดเจน เพราะไม่ได้อิงบนพื้นฐานของทัศนคติที่ หวังดีเสมอไป

หลายครั้งยืนอยู่บนพื้นฐานผลประโยชน์และตำแหน่งที่ตนเอง "ลิ้มรส" จะสูญหายไปกับ "ผู้นำ" ซึ่งหากหันไปศึกษาบทเรียนคนรอบข้าง อดีตนายกรัฐมนตรี แล้วจะรู้ว่า "ข้อแนะนำ" ที่ผ่านมานั้นได้ทำลายเขาอย่างไรบ้าง  !!!

http://www.bangkokbiznews.com/2008/09/03/news_291075.php



'หมัก เมถุน' ไอ้หอกหัก รอ ผบ.ทบ.'หิ้วปีก'....
ไปขอโทษ ขอขมา 'พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย'ก่อนจะยุบสภา.....ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า




บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
หน้า: [1]
    กระโดดไป: