ต่อมาเวลา 17 .00 น. ศาลแพ่งได้ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำสั่ง โดยเห็นว่า เนื่องจากทนายจำเลยทั้ง 6 ได้ยื่นคำร้องอ้างว่าได้มีการอาศัยหมายบังคับคดีที่ศาลออกตามคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวไปดำเนินการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ดังนั้นเพื่อให้เกิดความชัดเจน ศาลจึงเห็นควรอธิบายคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวฉบับลงวันที่ 27 สิงหาคม 2551 ให้คู่ความเข้าใจให้ชัดเจน กล่าวคือ ตามคำสั่งที่ระบุว่า “จึงมีคำสั่งให้จำเลยทั้งหก ออกจากทำเนียบรัฐบาลและบริเวณพื้นที่ทำเนียบฯทั้งหมด ให้จำเลยทั้ง หกดำเนินการให้กลุ่มผู้ชุมและรื้อถอนเวทีปราศรัยรวมทั้งสิ่งกีดขวางอื่นๆออกไปจากบริเวณดังกล่าว” ซึ่งการแปลความคำสั่งต้องอ่านทั้งประโยคต่อเนื่องกัน แล้วจะได้ความว่า คำว่าออกไปจากบริเวณดังกล่าวหมายถึงออกไปจากพื้นที่บริเวณทำเนียบฯเท่านั้น
ในส่วนคำสั่งที่ระบุว่า “ให้จำเลยทั้ง 6 ดำเนินการให้เปิดพื้นที่จราจรถนนพิษณุโลก ถนนราชดำเนิน เพื่อให้ประชาชน คณะรัฐมนตรี โจทก์ ข้าราชการและผู้ปฏิบัติงานในทำเนียบฯสามารถเข้าออกเพื่อปฏิบัติหน้าที่ได้โดยสะดวก” นั้น เป็นคำสั่งที่ต่อเนื่องกัน การแปลความจึงต้องอ่านข้อความในคำสั่งทั้งประโยค มิใช่นำข้อความส่วนใดส่วนหนึ่งของประโยคมาแปลความ ดังนั้นเมื่ออ่านประโยครวมแล้วมีความหมายว่า การเปิดพื้นที่จราจรถนนพิษณุโลกและถนนราชดำเนินนั้น เป็นการให้เปิดพื้นที่จราจรของถนนดังกล่าวที่ติดกับทำเนียบฯ เพื่อให้สามารถเข้าออกเพื่อปฏิบัติหน้าที่โดยสะดวกเท่านั้น ในส่วนของคำสั่งที่ระบุว่า “ให้คำสั่งนี้มีผลทันที” หมายถึงให้คำสั่งมีผลบังคับแก่จำเลยได้ทันที แม้จำเลยจะยังมิได้รับการแจ้งคำสั่ง ส่วนการบังคับคดีจะดำเนินการได้เพียงใด ต้องปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
ทั้งนี้สืบเนื่องจากจำเลยทั้งหก ได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษาและยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับคดีต่อศาลเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม ซึ่งศาลมีคำสั่งรับอุทธรณ์และรับคำร้องขอทุเลาการบังคับคดีของจำเลยทั้ง 6 แล้วนั้น วันนี้จำเลยทั้งหก ได้ยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับคดีโดยฉุกเฉินอย่างยิ่ง อ้างว่าโจทก์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจนำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปบังคับคดีโดยรื้อถอนเวทีที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ โดยมิได้ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 296 เบญจ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้อาศัยหมายบังคับคดีของศาลเข้าทุบตีร่างกายประชาชน ทำให้มีผู้บาดเจ็บจำนวนมาก ซึ่งศาลได้มีคำสั่งให้ส่งศาลอุทธรณ์พิจารณา เห็นว่าหากยังคงให้มีการบังคับคดีต่อไปจะเกิดความเสียหาย จึงเห็นควรให้งดการบังคับคดีไว้ก่อนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 292 (2) จนกว่าศาลอุทธรณ์จะมีคำสั่งหรือคำพิพากษา แจ้งคำสั่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีทราบ เบื้องต้นให้แจ้งคำสั่งทางโทรสารก่อน และให้รวบรวมถ้อยคำสำนวนส่งศาลอุทธรณ์โดยเร็วhttp://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9510000102422วันนี้ไอ้หอกหัก 'หมัก เมถุน' ให้สัมภาษณ์อย่างไร้ยางอาย มีสันดานตลบแตลง หลอกลวงประชาชนอีกว่า ตำรวจไปกับเจ้าหน้าที่กรมบังคับคดี เพื่อช่วยปิดหมายศาลเท่านั้น.....!!!
ตุลาการภิวัฒน์คงนึกไม่ถึงว่า'ไอ้หอกหัก' มท.1 ผู้สั่งการเหนือรัฐตำรวจจะมีพฤติกรรมเลวทรามต่ำช้า ละเมิดคำสั่งศาลฯ บิดเบือนคำสั่งศาลฯ อย่างนั้นในกรุงเทพมหานคร ใกล้สายตา ใกล้ความยุติธรรม.......!!!
ถ้าการละเมิดคำสั่งศาลฯ บิดเบือนคำสั่งศาลฯในชนบทห่างไกล ไกลหู ไกลตา น่าจะมีประชาชนผู้บริสุทธิ์ต้องสังเวยชีวิตจำนวนหนึ่ง....!!!
เหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างนี้แล้ว หวังว่าศาลอุทธรณ์จะนำเหตุการณ์นี้ประกอบการพิจารณาการอุทธรณ์ของ'พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย' เพื่อไม่ให้รัฐบาลหอกหัก และตำรวจของรัฐตำรวจทำร้ายประชาชน ทำลายทรัพย์สินประชาชน และ ละเมิดสิทธิเสรีภาพ การชุมนุมของประชาชนได้อีก....!!!ปล. สุจริตชนที่คิดว่า มท.1 คนใหม่นี้จะมีพฤติกรรม สันดานดีกว่า มท.1 โอเค ซิกกาแลต โคลา ต้องเสียใจ ผิดหวังอย่างแน่นอนแล้ว...ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮา ศาลระบุว่าจำเลยทั้ง 6 ออกจากทำเนียบ แต่รัฐบาลหมักเมถุนกลับไล่ประชาชนที่ไม่ได้เป็นจำเลยตามคำสั่งศาลโดยใช้ความรุนแรง เท่ากับว่ารัฐบาลหมักเมถุนละเมิดสิทธิมนุษยชน และละเมิดศาลอีก