วันที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2551 เวลา 14:02:30 น. มติชนออนไลน์ อ่านล่าสุด 5777 คน
"สมัคร"ลั่น! ไม่ยอมแพ้อำนาจมืด ขอสู้ต่อไป "ปู่ชัย" ยันกลางสภาไม่เลื่อนโหวตนายกฯ "สมัคร" ไม่ยอมแพ้อำนาจมืด ยืนยันสู้ต่อไป ปธ.สภาลั่นไม่กลืนน้ำลายตัวเอง ไม่เลื่อนโหวตนายกฯ "เลี้ยบ"เผยต้องเสนอชื่อ"สมัคร"เป็นนายกฯ ตามหลักการ "ทรงศักดิ์ -สุทิน"อ้างคุย"สมัคร"ถึงบ้าน ทาบนั่งนายกฯ อีกครั้ง เจ้าตัวตอบรับตกลง แต่ต้องรอความชัดเจนที่สภาพรุ่งนี้ก่อน ไม่กังวลคดีความ-หวังรักษาประชาธิปไตย "จาตุรนต์"โผล่กล่อมด้วย แก้ตัวไม่ได้มีส่วนร่วมตัดสินใจ
หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ 9 ต่อ 0 ว่านายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ขาดคุณสมบัติการเป็นนายกฯ จากการเป็นพิธีกรรายการ "ชิมไปบ่นไป" และรายการ "ยกโขยงหกโมงเช้า"เมื่อวันที่ 9 กันยายนที่ผ่านมา จนกระทั่งวันที่ 10 กันยายน นายสมัครยังไม่ได้ปรากฎตัวผ่านสื่อหรือให้สมัภาษณ์แต่อย่างใดและคงเก็บตัวเงียบ
"สมัคร" ไม่ยอมแพ้อำนาจมืด ยืนยันสู้ต่อไป แหล่งข่าว เปิดเผยเมื่อวันที่ 11 กันยายน ว่า นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน (พปช.) กล่าวกับนายสุทิน คลังแสง รองโฆษกพรรคพลังประชาชน และนายทรงศักดิ์ ทองศรี รักษาการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ขณะไปแจ้งมติพรรคฯ ที่เลือกให้กลับมารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ว่า ยืนยันว่าจะสู้ต่อไป ไม่ยอมถอย และไม่ยอมแพ้ต่ออำนาจมืด
"ปู่ชัย" ประกาศกลางสภา เลื่อนโหวตนนายกฯ ไม่ได้ เมื่อเวลา 13.30 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า วันนี้ นายกฯมีอันเป็นไปแล้ว แต่ตนได้ตั้งกระทู้ถามสด นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รักษาการนายรัฐมนตรีแล้ว ซึ่งได้บรรจุในระเบียบวาระแล้ว หากประธานไม่อนุญาตให้ถาม โดยอ้างว่าครม.พ้นจากตำแหน่ง แต่ทำไมยังมีสิทธิบริหารประเทศได้ ดังนั้นต้องสามารถตอบกระทู้ถามสดได้เพราะกินเงินเดือนประชาชนเหมือนกัน
ร.ต.ท.เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน ลุกขึ้นประท้วงให้ถอนคำว่า "นายกรัฐมนตรีมีอันเป็นไป" ขณะที่นายชัย พยายามไกล่เกลี่ยให้ใช้คำว่า "ให้ไปที่ชอบๆ" ซึ่งทั้ง ร.ต.ท.เชาวริน และนายเทพไท ไม่ติดใจ
จากนั้นนายชัย แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า กระทู้ถามในช่วงที่สมาชิกยื่นในช่วงรัฐบาลรักษาการจะนำมาบรรจุเข้าระเบียบวาระภายหลังจากที่ ครม.ชุดใหม่ แถลงนโยบายต่อรัฐสภาแล้ว
ด้านนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ และประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) อภิปรายว่า ในการตั้งกระทู้ถามสด เป็นการดำเนินการ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา157 ที่ให้หยิบยกเรื่องสำคัญ เร่งด่วน เข้ามาหารือ ดังนั้น การยกเลิกไม่ให้การตั้งกระทู้ถามในสภาฯ จะเป็นบรรทัดฐานต่อไป จึงเสนอว่าไม่ควรให้กระทู้ดังกล่าวตกไป ส่วนที่มีปัญหาไม่สามารถประสานกับรัฐมนตรีให้มาชี้แจงได้ทันก็ขอให้เลื่อนออกไป เพราะหากกระทู้สำคัญๆ ตกไป ประชาชนจะเป็นผู้เสียหาย
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในช่วงการหารือ นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ได้ขอหารือถึงการเลื่อนวันโหวตนายกรัฐมนตรีออกไปเป็นสัปดาห์หน้า แต่นายชัย ยืนยันว่าเลื่อนไม่ได้ เพราะพูดไปแล้วกลืนน้ำลายตัวเองไม่ได้
"เลี้ยบ"ยันต้องเสนอชื่อ"หมัก"เป็นนายกฯ ตามหลักการ เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 11 กันยายน ที่โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ นพ. สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รักษาการรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชาชน(พปช.) กล่าวภายหลังเสร็จสิ้นการแถลงประกาศสัตยาบันร่วมจัดตั้งรัฐบาล 6 พรรค ว่า ขณะนี้พรรคพลังประชาชนยังไม่ได้แจ้งชื่อบุคคลที่พรรคจะเสนอชื่อเป็นนายกฯ ให้พรรคร่วมรัฐบาลรับทราบอย่างเป็นทางการ เพียงแต่แจ้งในหลักการว่า นายสมัคร สุนทรเวช ในฐานะหัวหน้าพปช. ซึ่งเป็นพรรคเสียงข้างมากในสภาฯ ควรได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี ส่วนการตัดสินใจรับตำแหน่งหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของนายสมัคร
ผู้สื่อข่าวถามว่า ปกติการตักบาตรต้องถามพระก่อนหรือ นพ. สุรพงษ์กล่าวว่า "อันนี้ไม่ใช่การตักบาตร เป็นการเสนอชื่อนายกฯ ตามกระบวนการรัฐสภา" เมื่อถามว่า เหตุที่ยังแจ้งชื่อนายกฯ ต่อพรรคร่วมรัฐบาลไม่ได้ เพราะพรรคร่วมไม่เอานายสมัครใช่หรือไม่ เลขาธิการพปช. กล่าวว่า ไม่ทราบ ประเด็นไม่ได้อยู่ที่พรรคร่วม เพราะพรรคร่วมเห็นชอบแล้วว่า พปช.ต้องเสนอชื่อ
เมื่อถามว่า พปช. ไม่ได้สนใจแถลงการณ์นักวิชาการเลยหรือที่บอกว่าหากเสนอชื่อนายสมัครเป็นนายกฯ อีกครั้ง เท่ากับเป็นการตบหน้าตุลาการรัฐธรรมนูญ นพ. สุรพงษ์กล่าวว่า เราฟังเสียงทุกๆ คนทั้งนักวิชาการ สื่อมวลชน และประชาชนที่เลือกเราผ่านส.ส. ต่อข้อซักถามว่า หากหาทางออกร่วมกันไม่ได้ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รักษาการนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ จะประกาศยุบสภาหรือไม่ เพราะสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาชี้ชัดแล้วว่าทำได้ นพ.สุรพงษ์กล่าวว่า ยังไม่ได้คิดถึงตรงนั้น ขอคิดทีละขั้นตอน
"สมัคร"ตอบรับลุ้นหวนนายกฯแล้ว รอสภาชัดเจนพรุ่งนี้ เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 11 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานโดยอ้างคำเปิดเผยของ นายสุทิน คลังแสง รองโฆษกพรรคพลังประชาชน และนายทรงศักดิ์ ทองศรี รักษาการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ภายหลังจากที่พรรคพลังประชาชนมีมติ ที่จะเสนอชื่อนายสมัคร สุนทรเวช ให้กลับมาดำรงตำแหน่งอีกครั้งหนึ่ง หลังถูกตัดสินให้สิ้นสุดสภาพ ไปเมื่อวันที่ 9 ก.ย. ที่ผ่านมานั้น ก็ได้มีการเข้าไปพูดคุยกับนายสมัครถึงบ้านพัก ซ.นวมินทร์ 81 โดยได้ทาบทามนายสมัครให้กลับมาดำรงตำแหน่งนายกฯ อีกครั้ง ซึ่งนายสมัคร ก็ได้ตอบตกลง แต่ทั้งนี้ ต้องรอความชัดเจนจากการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่จะมีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี อีกครั้งหนึ่ง ในวันที่ 12 ก.ย. นี้ นอกจากนี้ นายสุทิน กล่าวว่า นายสมัครไม่กังวลเกี่ยวกับคดีความและระบุจะรักษาประชาธิปไตยต่อไป
นายสุทิน กล่าวเพิ่มเติมว่า การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในวันที่ 12 ก.ย.นี้ เป็นเอกสิทธิ์ของส.ส. อย่างไรก็ตาม กล่าวถึงกรณีนายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยร่วมเดินทางมาบ้านพักนายสมัคร เนื่องจากมาให้ข้อมูลเท่านั้น ไม่ได้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า ก่อนหน้านี้นายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎรจะเดินทางมายังบ้านสมัคร เพื่อล็อบบี้ไม่ให้นายสมัครรับตำแหน่ง แต่ในที่สุดนายยงยุทธก็ยอมทำตามมติพรรคเปิดทางให้นายสมัครแล้ว
"สมัคร"โผล่งานศพ ขรก.ทำเนียบอดีตคนขับรถนายกฯเมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 10 กันยายน นายสมัครได้เดินทางไปยังวัดวังทองหลาง เพื่อร่วมงานฌาปนกิจศพ นายสมศักดิ์ บุญครอบ ข้าราชการทำเนียบรัฐบาล ซึ่งเคยทำหน้าที่ขับรถให้กับนายสมัครเมื่อมาดำรงตำแหน่งนายกฯใหม่ๆ โดยได้อยู่ร่วมงานประมาณ 10 นาที ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวได้ติดตามไปเจอ และได้สอบถามนายสมัครถึงการโหวตเลือกนายกฯคนใหม่ในวันที่ 12 กันยายน แต่นายสมัครไม่ตอบ พร้อมขึ้นรถออกไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย
"เรืองไกร"เล็งเอาผิด"สมัคร"ฐานปลอมเอกสารคดีชิมไปฯ ขณะที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา กล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่านายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี พ้นสภาพความเป็นนายกรัฐมนตรี และตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และระบุว่านายสมัครสร้างหลักฐานเท็จ โดยการปลอมแปลงเอกสารย้อนหลัง ว่า จะพิจารณาถึงคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญอย่างละเอียดอีกครั้ง เพราะเรื่องดังกล่าวถือว่ามีความผิดตามกฎหมาย เนื่องจากคำให้การเป็นเท็จและมีการปลอมแปลงเอกสารย้อนหลัง ซึ่งตนจะพิจารณาว่าการกระทำดังกล่าวนี้มีบุคคลใดที่เกี่ยวข้องและร่วมกันกระทำบ้าง และบุคคลใดต้องรับผิดชอบ อย่างไรก็ตาม ตนคงยังไม่เร่งดำเนินการเนื่องจากต้องการให้นายสมัครได้พักผ่อนบ้าง เพราะเจอมรสุมมาเยอะแล้ว แต่คาดว่าจะดำเนินการตามช่องทางกฎหมายได้เร็วๆนี้
"โหรวารินทร์"ทำนายหากชู"สมัคร"นายกฯอีก นองเลือดแน่นายวารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ โหรชื่อดัง จ.เชียงใหม่ หรือ"โหรคมช." ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์การเมือง ภายหลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติให้ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี สิ้นสภาพเป็นนายกรัฐมนตรี ว่า หากดื้อดึงที่จะเลือกนายสมัครขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีรอบ 2 สถานการณ์บ้านเมืองจะยิ่งวุ่นวายกว่าเดิม เพราะดวงบุญของนายสมัครหมดแล้ว หากดื้อดึงจะยิ่งทำให้เกิดความรุนแรง รวมทั้งหากเป็นกลุ่มของพรรคพลังประชาชนขึ้นมาจัดตั้งรัฐบาลก็เหมือนเดิม สถานการณ์จะรุนแรง อาจจะถึงขั้นนองเลือดเหมือนที่ผ่านมา
เมื่อถามว่า หากเปลี่ยนขั้วให้พรรคประชาธิปัตย์มาจัดตั้งรัฐบาลจะสามารถแก้ไขปัญหาวิกฤติได้หรือไม่ นายวารินทร์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์คงอยู่ในการบริหารประเทศได้สักระยะหนึ่ง เนื่องจากดวงของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ สามารถขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีได้ แต่อยู่ได้ไม่นานเหมือนกับนายสมัคร เพราะดวงของนายอภิสิทธิ์ ยังไม่ถึงเวลาของเขา หากขึ้นมาเป็นก็เป็นได้สักระยะหนึ่งเท่านั้น สุดท้ายก็ล้มคว่ำเหมือนเดิม ตอนนี้ทุกฝ่ายจะต้องใช้เวรใช้กรรมไปก่อน ทางออกที่ดีที่สุดตอนนี้ก็ทุกฝ่ายจะต้องจับมือร่วมกันแก้ไขปัญหาด้วยการจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ
ต่อข้อซักถามว่า สมาชิกในพรรคพลังประชาชนมีใครโดดเด่นพอที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรีขัดตาทัพบ้าง นายวารินทร์ กล่าวว่า ที่ชัดเจนไม่มีปรากฎ และตามที่จะผลักดันให้ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรค และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรค ยังไม่มีฐานบุญเพียงพอที่จะขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี แต่สมาชิกพรรคมีการผลักดันขึ้นมาก็จะได้เป็นชั่วครูชั่วยามเท่านั้น
"กรรมบ้านเมืองจะคลี่คลาย และสถานการณ์บ้านเมืองจะดีขึ้นประมาณกลางปี 2552 ตอนนี้อยู่ระหว่างการใช้กรรมอยู่ ดังนั้นรัฐบาลแห่งชาติจะดีที่สุด และควรปรึกษาหารือทางออกร่วมกัน ตอนนี้ไม่ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกัน หากชนก็อย่างเดียวก็จะนำความเสียหายให้กับบ้านเมือง" นายวารินทร์ กล่าว
บิ๊กคมช.ระบุถ้า"สมัคร"ยังดันทุรังอีก ก็ไม่มีใครช่วยได้ พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม ประธานคณะที่ปรึกษากระทรวงกลาโหมและอดีตหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) กล่าวถึงการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่พิพากษาให้นายสมัคร สุนทรเวช พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่า ศาลพิจารณาไปตามข้อเท็จจริง ซึ่งเป็นการเปิดแสงสว่าง ไม่ให้การเมืองถึงทางตัน ดังนั้น ตอนนี้จึงอยู่ที่ฝ่ายการเมือง โดยเฉพาะพรรคการเมืองจะว่ากันอย่างไรต่อไป ขอให้นึกถึงประเทศชาติเป็นหลัก หากเลือกที่จะพวกมากลากไป โดยการเลือกนายสมัครกลับเป็นนายกรัฐมนตรีอีก การเมืองจะถึงทางตัน เพราะหากนักการเมืองยังมุ่งแต่ผลประโยชน์ส่วนตนและพรรคพวก โดยไม่นึกถึงผลประโยน์ของชาติ การเมืองก็จะเข้าสู่ทางตัน
เมื่อถามว่า หากการเมืองเข้าสู่ทางตันจะมีเหตุการณ์ 19 กันยายน 2549 เพื่อจัดระบบใหม่หรือไม่ พล.อ.สมเจตน์ กล่าวว่า ไม่น่าจะก้าวไปสู่เหตุการณ์นั้น อยากให้การเมืองเป็นผู้แก้ปัญหามากกว่า เมื่อเขาหาแสงสว่างให้แล้ว หากยังดื้อดึงก็จะนำเข้าไปสู่ทางตัน ผู้นำประเทศต้องเสียสละแล้วสังคมจะยกย่องว่าทำประโยชน์เพื่อชาติ ไม่มีประโยชน์หากคุณจะเข้ามามีเงิน มีทอง มีอำนาจ บนความล้มเหลว และบนซากปรักหักพังของชาติ
เมื่อถามว่า นายสมัครไม่ควรรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกใช่หรือไม่ พล.อ.สมเจตน์ กล่าวว่า การตัดสินของศาลเป็นการดึงนายสมัครออกมาจากหลุม นายสมัครก็ควรขึ้นจากหลุม หากอยากเอาตัวกลับเข้าไปลงหลุมอีก คงไม่มีใครช่วยได้ ไม่ได้ติเตียนใคร ไม่อยากทับถมใคร แต่อยากให้นักการเมืองคำนึงถึงผลประโยชน์ของชาติเป็นหลักเท่านั้น
เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวว่าพรรคประชาธิปัตย์ให้ พล.อ.วินัย ภัททิยกุล ปลัดกระทรวงกลาโหม และอดีตเลขาธิการ คมช. ช่วยล็อบบี้พรรคร่วมรัฐบาลโหวตนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค เป็นนายกรัฐมนตรี พล.อ.สมเจตน์ กล่าวว่า ไม่น่าจะจริง คงไม่ใช่ แต่ขณะนี้ทุกคนมีความเป็นห่วงประเทศชาติ ดังนั้น ใครที่มาทำตรงนี้ก็เพื่อต้องการให้ประเทศดีขึ้นทั้งนั้น อย่ามุ่งเอาชนะคะค้านกันจนประเทศต้องปรักหักพังลงไป
รอส.ว.ผ่านงบฯ16 ก.ย.ใช้หาเสียงก่อนยุบสภา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการหารือของ แกนนำและส.ส.ฝ่ายรัฐบาล ภายหลังทราบผลการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 9 กันยายนที่ผ่านมา กระทั่งวันที่ 10 กันยายน มีความพยายามในการผลักดันให้ 6 พรรคร่วมรัฐบาลเดิม ยอมรับการเสนอชื่อนายสมัคร สุนทรเวช กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง โดยการเจรจาต่อรอง ให้นำเสนอชื่อขึ้นโหวตวันที่ 12 กันยายน จากนั้น แถลงนโยบายต่อรัฐสภา ในวันที่ 15 กันยายนทันที
ทั้งนี้ เพื่อรองรับให้การพิจารณางบประมาณในขั้นตอนของวุฒิสภา ผ่านพ้นไปก่อน หลังจากพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎรเสร็จสิ้นไปเมื่อวันที่ 5 กันยายน และรัฐบาลรักษาการต้องรอชี้แจงต่อ ส.ว. เพื่อให้การพิจารณาเสร็จสิ้นในวันที่ 16 กันยายน และสามารถนำงบประมาณแผ่นดินไปใช้ได้ ตามที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติไปแล้ว จากนั้น รอดูสถานการณ์หากยังถูกกดดัน และไม่มีทางออก ครม.ชุดใหม่ที่มีรัฐมนตรีหน้าเดิม จะใช้วิธีประกาศยุบสภา เพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่
จี้"ชัย"สอบจริยธรรม"สมัคร" หลังศาลชี้อาจมีหลักฐานเท็จผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อเวลา 14.00 น ว่า ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่รัฐสภา ซึ่งมีนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุม ในช่วงเปิดให้สมาชิกหารือก่อนเข้าสู่วาระการประชุม โดยมีการพูดถึงสถานการณ์การเมืองเล็กน้อย โดย นพ.ประสิทธิ์ ชัยวิรัตนะ ส.ส.ชัยภูมิ พรรคพลังประชาชน หารือว่า เอเอสทีวีออกข่าวสถานการณ์เมืองไทยน่ากลัวมาก ทำให้ต่างชาติไม่กล้ามาเที่ยวเมืองไทย ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลด้วย นอกจากนี้ศาลปกครองมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวมา 2 ปีแล้ว ไม่เข้าใจว่า เหตุใดยังคุ้มครองเจ้าของสถานีที่โดนข้อกล่าวหาว่าเป็นกบฏ และยังมีผู้ชุมนุมไปปิดสนามบินตามแหล่งท่องเที่ยวเป็นอีกปัจจัย ขอให้ประธานสภาแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ไขด้วย
ขณะที่นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ หารือว่า มีประกาศพ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน 1 สัปดาห์ แล้ว นักท่องเที่ยวกลัว ขอให้พิจารณายกเลิก ส่วนการนัดประชุมสภา ในวันที่ 12 กันยายน เพื่อเลือกนายกฯใหม่ เป็นการเร่งรีบ ทั้งที่มีเวลา 30 วัน ขอให้พิจารณาเลื่อนเป็นสัปดาห์หน้า เพื่อให้มีการพุดคุยถึงสถานการณ์ และตอนนี้ยังไม่ได้ฟังนายสมัคร แสดงความรับผิดชอบการไปทำผิดรัฐธรรมนูญเลย
จากนั้น นายชัย ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบ ผลการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญให้นายสมัคร พ้นจากตำแหน่งนายกฯ และให้ครม.ที่มีอยู่รักษาการจนกว่าจะมีนายกฯและครม.ชุดใหม่ต่อไป ทำให้นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ หน้า 17 มีประเด็นเรื่องการปกปิดข้อเท็จจริง และการทำหลักฐานเท็จ ขอให้ประธานวินิจฉัยด้วยเพราะนายสมัคร ยังเป็นส.ส.อยู่ จึงต้องดำเนินการตามประมวลจริยธรรม ปี 42 จากนั้นนายชัย จึงนำเข้าสู่วาระการประชุมต่อไป
อดีตรองประธานส.ส.ร.ชี้รองนายกฯมีอำนาจยุบสภาได้ ที่รัฐสภา นายเสรี สุวรรณภานนท์ อดีตรองประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญ 50 กล่าวว่า เมื่อมีคำวินิจฉัยให้นายกฯ พ้นจากตำแหน่ง รองนายกฯ ก็ต้องมาบริหารแทน และก็ทำหน้าที่ต่อไปปกติ ส่วนการยุบสภา รัฐธรรมนูญบัญญัติให้เป็นพระราชอำนาจ แต่ในทางปฏิบัติพระองค์ไม่ทรงใช้พระราชอำนาจเอง แต่มีนายกฯ เป็นผู้ขอพระบรมราชานุญาตในการที่จะมีพระราชกฤษฎีกายุบสภา ดังนั้นภาวะที่เป็นอยู่ก็สามารถยุบสภา โดยคณะรัฐมนตรีประชุมกันแล้วเสนอให้มีพระราชกฤษฎีกายุบสภาหรือรองนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนเป็นผู้ขอพระบรมราชานุญาต
หลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย โดยรวมสถานการณ์การเมืองดีขึ้น แต่จากปัญหาที่เรื้อรังยืดเยื้อมานาน และข้อเรียกร้องของฝ่ายพันธมิตรก็ยังไม่ยุติ สถานการณ์ก็จะไม่คลี่คลายมากไปกว่านี้ การหานายกฯคนใหม่ แม้ว่าส.ส.ฝ่ายรัฐบาลจะเสนอบุคคลใดเข้ามาเป็นนายกฯก็ตาม ผมยังไม่เห็นทางออกว่า จะยุติปัญหาได้หรือไม่ ดังนั้นสิ่งที่เป็นทางออกที่ดีที่สุดคือ การคืนอำนาจให้ประชาชนคือการยุบสภา ซึ่งทำได้ นายเสรี กล่าว
เมื่อถามว่า การที่นายกฯถูกวินิจฉัยให้ออกจากตำแหน่งรัฐธรรมนูญก็ไม่ได้เขียนระบุชัดว่ากลับมาได้หรือ นายเสรี กล่าวว่า กรณีนี้รัฐธรรมนูญไม่ได้บัญญัติการลงโทษหรือเพิกถอนสิทธิการเลือกตั้ง ดังนั้น เมื่อนายสมัคร สุนทรเวชหลุดจากตำแหน่งนายกฯ ส.ส.เสียงข้างมากก็สามารถเลือกลับมาเป็นนายกฯมาได้ แต่จะมีข้อประท้วงในความชอบธรรมและความเหมาะสม ซึ่งอาจจะเกิดข้อครหาได้ว่า ไม่ปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ และจะเป็นปัญหาต่อต้านตามมาและแก้ไขไม่ได้เหมือนเดิม ทั้งนี้เรื่องความเหมาะสมอยู่ที่พฤติกรรมการกระทำ ซึ่งส.ส.จะต้องพิจารณาในการโหวตให้นายสมัครเข้ามาใหม่ว่าควรหรือไม่
เลขาฯสภาฯคาดได้นายกฯคนใหม่ไม่เกินเที่ยงศุกร์นี้นายพิทูร พุ่มหิรัญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงขั้นตอนการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่วันศุกร์ที่ 12 ก.ย.ว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวน 1 ใน 5 ของ ส.ส.ที่มีอยู่ในปัจจุบัน จะต้องเสนอรายชื่อบุคคลที่ได้รับความเห็นชอบเป็นนายกรัฐมนตรีต่อที่ประชุม กำหนดลงมติโดยการขานชื่อ โดยรัฐธรรมนูญให้สิทธิ์ ส.ส.แต่ละคนในการโหวตเลือกใครก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเลือกตามมติของพรรค อย่างไรก็ตาม คาดว่าไม่เกินเวลา 12.00 น. คงจะทราบว่าใครจะได้เป็นนายกรัฐมนตรี
เลขาธิการสภาฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากนั้นจะนำรายชื่อดังกล่าวขึ้นกราบบังคมทูลฯ เพื่อพิจารณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งตามขั้นตอน ตามด้วยการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี และมีการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาอีกครั้ง คณะรัฐมนตรีชุดเก่าจึงจะพ้นสภาพ
หมักหาย! ไม่กลับบ้าน ลุ้นวันศุกร์โหวตรีเทิร์น? ภายหลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้ นายสมัคร สุนทรเวช ขาดคุณสมบัติการเป็นนายกรัฐมนตรี เนื่องจาก การจัดรายการ ชิมไปบ่นไป และ ยกโขยง 6 โมงเช้า ขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 267 เมื่อวันที่ 9 ก.ย. นั้น
วันที่ 10 ก.ย.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อสอบถามไปยังคนในบ้านพักซ.นวมินทร์ 81 ของนายสมัครนั้น ปรากฎว่า ได้รับการบอกกล่าวว่า นายสมัคร ยังไม่ได้เดินทางกลับจากการประชุม ครม.สัญจร ที่ จ.อุดรธานี ซึ่งตรงกับคำยืนยันของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่รักษาความปลอดภัยบริเวณบ้านพัก ว่า นายสมัคร ยังไม่ได้เดินทางกลับจาก จ.อุดรฯ เช่นกัน ขณะที่การรักษาความปลอดภัย ซ.นวมินทร์ 81 ก็ยังคงเป็นไปอย่างเข้มงวดเช่นเดิม มีเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำการตามจุดสำคัญต่าง ๆ
อย่างไรก็ตาม ต้องจับตาดูว่า การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 12 ก.ย. นี้ ซึ่งจะมีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีขึ้นมาใหม่ว่า พรรคพลังประชาชนและพรรคร่วมรัฐบาลจะสนับสนุนให้นายสมัคร ดำรงตำแหน่ง นายกฯ ต่ออีกหรือไม่
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1221057007&grpid=00&catid=01------------------------------------------------------------------------------------------------------------
อำนาจมืดบิดาหอกหักเหรอคับ??
แล้วมติชนออนไลน์นะ จะมีหมอนี่ Modern Vision ตอบมันทุกกระทู้ทุกข่าวที่จะปกป้องเหลี่ยมและลิ่วล้อ
มันว่างงานขนาดนั้นเชียวหรือ
อ่านดูเหมือนมีเหตุผล แต่ดูดีๆมันมั่ว