ใบกระท่อม ยาระงับปวดหรือยาเสพติด
เรียบเรียงโดย ผศ.ดร. นิวัติ แก้วประดับ
1. ข้อมูลทั่วไป
กระท่อม (Kratom) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Mitragyna speciosa Korth. อยู่ในวงศ์ Rubiaceae เป็นไม้
ยืนต้นขนาดกลางสูง 10-15 เมตร ใบเป็นใบเดี่ยวเรียงตัวเป็นคู่ตรงข้ามและมีหูใบ 1 คู่ (interpetiolar
stipules) ใบมีรสขมเฝื่อน แผ่นใบสีเขียว เป็นรูปไข่รีแกมขอบขนาน ปลายแหลมมีขนาด กว้าง x ยาว
ประมาณ 5-10 x 8-14 ซม. ปลายใบแหลม ขอบใบเรียบ ฐานใบมน ก้านใบออกจากฐานใบ มีความ
ยาวประมาณ 2-4 ซม. เส้นใบเรียงตัวแบบขนนก เส้นกลางใบ
และเส้นแขนงใบมีสีแดงเรื่อ มีขนอ่อนสั้นๆ บริเวณเส้นใบที่อยู่
ด้านท้องใบ มีเส้นแขนงใบ 10-15 คู่ ดอกออกเป็นช่อตุ้มกลม
(head) ขนาด 3-5 ซม. ใน 1 ช่อประกอบด้วยดอกย่อยขนาด
เล็กสีขาวอมเหลืองจํ านวนมาก ดอกย่อยสมบูรณ์เพศ ผลเป็นรูป
ไข่ขนาดเล็กประมาณ 5-7 มม. กระท่อมพบได้ในบางจังหวัด
ของภาคกลาง เช่น ปทุมธานี แต่จะพบมากในป่าธรรมชาติ
บริเวณภาคใต้ เช่น สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ตรัง สตูล
พัทลุง สงขลา ยะลา ปัตตานี นราธิวาส และตอนบนของ
ประเทศมาเลเซีย กระท่อมเป็นพืชเสพติดให้โทษประเภท 5 ตาม
พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522
2. ประโยชน์ทางยา
ใบกระท่อมมีรสขมเฝื่อนเมา ใช้เป็นยาแก้ปวดท้อง แก้บิด ท้องเสีย แก้ปวดเมื่อยร่างกาย ระงับประสาท
ช่วยให้ทํ างานทนไม่หิวง่าย วิธีใช้ให้นํ าใบสด 3-4 ใบ มาลอกเอาก้านใบและเส้นใบออก เคี้ยวให้
ละเอียด ดื่มนํ้ าอุ่นกลั้วกลืนลงไป หรือนํ าใบมาตากแดดให้แห้งบดเป็นผง รับประทานกับนํ้ าอุ่นครั้งละ 1
ช้อนกาแฟพูนๆ แก้ท้องเสีย บรรเทาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ และทํ าให้เกิดอาการเคลิบเคลิ้มสบาย
ตัวได้นานประมาณ 4-5 ชั่วโมง การรับประทานใบกระท่อมช่วยให้ทํ างานได้ทนเวลามีแสงแดดจัด แต่
จะเกิดอาการหนาวสั่นเวลาอากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝน (เสงี่ยม พงษ์บุญรอด, 2514)
3. องค์ประกอบทางเคมี
ใบกระท่อมเป็นแหล่งของอินโดลแอลคาลอยด์ เช่น mitragynine, paynantheine, isopaynantheine,
speciofoline, isospeciofoline, speciogynine, mitraciliatine, ajmalicine, 3-isoajmalicine,
rhynchophylline, isorhynchophylline, tetrahydroalstonine, isopteropodine, isomitraphylline,
mitraphylline, rotundifoline, isorotundifoline, mitrafoline, isomitrafoline, isocorynantheidine,
corynantheidine, speciophylline, speciociliatine, corynoxine, corynoxine B, corynoxeine,
isospecionoxeine, specionoxeine, mitrajavine, 3-dehydromitragynine, javaphylline,
akuammigine (Beckett et al., 1965a, 1965b, 1966a, 1966b; Shellard et al., 1978a, 1978b;
Houghton et al., 1986; Keawpradub, 1990)
4. รายงานวิจัยทางเภสัชวิทยาและพิษวิทยา
จากการทดลองในหนูขาวและหนูตะเภาพบว่า mitragynine ซึ่งเป็นแอลคาลอยด์สํ าคัญที่แยกได้จาก
ใบกระท่อม มีฤทธิ์ระงับปวดในลักษณะเดียวกับแอลคาลอยด์ที่ได้จากยางฝิ่น เช่น มอร์ฟีน (opiate-like
action) โดยออกฤทธิ์ต่อ opioid receptors (agonistic effects) แต่มีความแรงน้อยกว่ามอร์ฟีน
ประมาณ 10 เท่า (Tohda et al., 1997; Watanabe et al., 1997; Thongpradichote et al., 1998;
Yamamoto et al., 1999) และยังพบว่า mitragynine ในขนาด 5-30 มก./กก. (i.p.) แสดงฤทธิ์กดการ
ทํ างานของ 5-HT2A receptor ในหนูขาวที่ถูกเหนี่ยวนํ าด้วย 5-methoxy-N,N-dimethyltryptamine
(16 มก./กก., i.p.) (Matsumoto et al., 1997) แอลคาลอยด์ mitragynine ทํ าให้คนเกิดอาการ
เคลิบเคลิ้ม คล้ายฤทธิ์ของ cocaine (Grewal, 1932) และยังพบว่าในคนที่ได้รับ mitragynine acetate
ขนาด 50 มก. จะเกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน (Jansen et al., 1988) จากการสังเกตอาสาสมัคร 6 คน mitragynine
ที่รับประทาน mitragynine acetate ครั้งละ 50-100 มก. หรือผงใบกระท่อมขนาด 650-1300 มก. พบ
ว่าช่วยให้ทํ างานได้นานขึ้น ทนแดด ผิวหนังแดงเพราะเลือดไปเลี้ยงผิวหนังมากขึ้น (Marcan, 1934)
กระท่อมจัดเป็นพืชเสพติดให้โทษ ถ้ารับประทานใบกระท่อมในปริมาณมากๆ จะทํ าให้มึนงง และ
คลื่นไส้อาเจียน (เมากระท่อม) ในบางรายรับประทานเพียง 3 ใบ ก็ทํ าให้เมาได้ และถ้าหากรับประทาน
ติดต่อกันนานๆ จะทํ าให้ปากแห้งคอแห้ง ปัสสาวะบ่อย ท้องผูก อุจจาระแข็งเป็นก้อนเล็กๆ นอนไม่หลับ
นํ้ าหนักลด ผิวหนังดํ าเกรียมโดยเฉพาะบริเวณโหนกแก้มทั้ง 2 ข้าง บางรายอาจมีสภาพจิตสับสน และ
ถ้าหยุดรับประทานใบกระท่อมจะเกิดอาการถอนยา คือ นํ้ าตาไหล นํ้ ามูกไหล ก้าวร้าว ปวดเมื่อยตาม
ตัว และกล้ามเนื้อแขนขากระตุก (Suwanlert, 1975) นอกจากนี้ยังมีรายงานว่าเมื่อฉีด mitragynine
ขนาด 3-30 ไมโครกรัมเข้าโพรงสมองที่ 4 (the fourth cerebroventricle) ของหนู rat ที่ถูกวางยาสลบ
จะสามารถยับยั้งการหลั่งของกรดในกระเพาะอาหารได้เช่นเดียวกับมอร์ฟีน (Tsuchiya et al., 2002)
ซึ่งอาจเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทํ าให้ผู้ที่รับประทานใบกระท่อมไม่รู้สึกหิว (ไม่อยากอาหาร) จึงทํ างานได้นาน
ขึ้น และส่งผลให้นํ้ าหนักตัวลดลง เกิดภาวะร่างกายผอมเกร็งได้
จึงเห็นได้ว่าใบกระท่อมเป็นพืชสมุนไพรที่มีฤทธิ์ระงับปวดได้พอสมควร แต่อาจทํ าให้เสพติดได้
เนื่องจากมีฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาคล้ายคลึงกับมอร์ฟีน จึงควรศึกษาเพิ่มเติมในสัตว์ทดลองด้านพิษวิทยา
อาการข้างเคียงและการเสพติด เพื่อให้ทราบถึงศักยภาพในการเป็นยาระงับปวดของใบกระท่อมรวมทั้ง
ความปลอดภัยและความเป็นไปได้ในการนํ าใบกระท่อมมาใช้ประโยชน์ทางยาในอนาคต
ที่มา : คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์