27 สิงหาคม 2551 กองบรรณาธิการใน "เกมกฎหมาย"" พันธมิตรฯ-ผิด แต่ใน "เกมอำนาจ" ชิงบ้าน-ชิงเมือง ปรากฏการณ์ ๒๖ สิงหา รัฐบาลถูก-พันธมิตรฯ ผิด หรือ รัฐบาลผิด-พันธมิตรฯ ถูก เร็วเกินไปที่จะชี้ขาดฝ่ายไหนผิด-ถูก เพราะต้องไม่ลืมว่า ในเกมที่มี "บ้าน-เมือง" เป็นเดิมพัน เรื่องใครผิด-ใครถูก คำตอบขึ้นอยู่กับที่ สุดท้าย..ใครชนะ?
แพ้เป็นกบฏ ชนะก็เป็นรัฐบาล!
ฉะนั้น โดยสัจจะแห่งโมหะและตัณหามนุษย์ ถ้าพันธมิตรฯ "สนธิ-จำลอง-พิภพ-สมศักดิ์-สมเกียรติ" ไม่ประสงค์จะลากโซ่ตรวนขึ้นไปยืนในคอกจำเลย นั่นก็น่ารู้แล้วว่า ลุยป่า-ต้องหาทางออกให้พบ
เพื่อพาตัวเองให้พ้นฐานะกบฏ!?
ฝ่ายรัฐบาลตัวแทนทักษิณก็เช่นกัน "สมัคร-สุรพงษ์-สมชาย-โกวิท" ที่มีกันและกัน อันยืนเป็นแผงประกาศวาทะกร้าวใส่พันธมิตรฯ อยู่ใน "กองบัญชาการกองทัพไทย" เย็นวาน ก็ต้องสู้ทุกวิถีทาง เพื่อไม่ให้ตัวเองถูกผลักไปอยู่ในมุมแพ้
เพราะถ้าไม่ชนะ มิเพียง "ตกเก้าอี้นายกฯ" เท่านั้น แต่มันต้องถูกประทับตรา "ทรราช-ทาสแม้ว" ไปจนตายด้วย
ก็ไม่ผิด อย่างที่นายสมัครพูดคำโตว่า
"ผมจะอยู่ป้องกันบ้านเมืองนี้ ผมไม่มีวันยอมถอยไปไหน ที่จะออกข่าวดักหน้าดักหลังกัน จะคอยจับผมที่นั่น จะจับที่นี่ จะจับนายสมัครไปเซ็นหนังสือลาออก จะจับประธานสภาฯ ทำไม่ได้หรอกในบ้านเมืองนี้ ผมไม่กลัวเกรงคนพวกนี้ด้วย.."
ครับ..สมัครไม่ได้ถอย เพียงแต่หลบไป "ซุกทหาร-สู้" และด้วยบารมี "กองบัญชาการกองทัพไทย" นายสมัครอาศัยเป็น "ฐานบัญชาการ" แทนทำเนียบรัฐบาล เปิดแถลงข่าว "ยึดจอ" ให้เป็นสัญลักษณ์ได้ว่า
รัฐบาลสมัครยังอยู่..รัฐบาลสมัครยังไม่แพ้!
ฉะนั้น ในเกมอำนาจชิงบ้าน-ชิงเมือง ขณะที่ ฝ่ายนายกฯ พเนจรอาศัยชายคาทหารประกาศให้เห็นว่า "รัฐบาลไม่ถอย"
แต่ฝ่ายพันธมิตรฯ มากด้วยมวลชน เคลื่อนพลจากมัฆวานฯ ไปเดินสอยกัลปพฤกษ์กันเต็มลานทำเนียบรัฐบาล และนายสนธิ ๑ ใน ๕ แกนนำประกาศว่า "พันธมิตรฯ ชนะ" แล้ว!
โดยนัยนี้ รัฐบาลก็บอกว่าไม่ถอย พันธมิตรฯ ก็บอกว่าชนะ แต่ฝ่ายที่ไม่ถอย คือรัฐบาล ก็ยังไม่สามารถใช้ "อำนาจรัฐ" ในมือไปควบคุม-จัดการฝ่ายพันธมิตรฯ ให้อยู่ในกรอบกฎหมายได้
ก็เช่นเดียวกัน ฝ่ายพันธมิตรฯ ที่ประกาศชัยชนะ ก็ไม่สามารถแปรชัยชนะนั้นเป็น "อำนาจรัฐ" เพื่อไปควบคุม-จัดการฝ่ายรัฐบาล ที่ฝ่ายตัวเองตั้งข้อหาว่า อยู่ในฐานะผู้ทุจริตคิดร้ายต่อแผ่นดินได้!?
สรุปก็คือ ถึง ณ เวลานี้
ฝ่ายพันธมิตรฯ ก็..ถอยไม่ได้
และฝ่ายรัฐบาลก็..ตีรุกไม่ขึ้น! ฉะนั้น ยังชี้หน้าฝ่ายไหนว่า "ใครผิด-ใครถูก" ในเกมอำนาจอันมีตัวกุญแจไขอยู่แค่ว่า "ชนะเป็นเจ้า-แพ้เป็นโจร" ยังไม่สะเด็ดน้ำนัก!
ก็มีคนในคอการเมืองด้วยกัน ติดตามดูความเป็นไปผ่านจอโทรทัศน์ ต่างแต่ว่าคนละที่ โทรศัพท์มาถามไถ่กันไปตามประสา ยิ่งนายสมัครประกาศหน้าจอด้วยว่า "ท่านทั้งหลายที่เป็นสื่อสารมวลชนต้องใช้วิจารณญาณ มีกฎหมายอะไรรับรองหรือไม่ ผมไม่ยอม ครม.ก็ไม่ยอม ตำรวจและทหารก็ไม่ยอม สื่อมวลชนต้องเลือกว่า 'อยู่ข้างไหน' อยู่ตรงกลางไม่ได้"
ถูกต้องครับ เพราะผมไม่เคยคิดอะไร ทำอะไรแบบ "เหยียบเรือสองแคม" โดยแกว่งตัวอยู่ตรงกลางเลย และในข้อสอบ "ภาคบังคับ" ที่นายสมัครขืนใจให้ "เลือกข้าง"
ผมเลือกแล้วครับ!
แต่อุบไว้ในใจก่อน เพราะท่านไม่ได้บอกว่าต้องให้บอกด้วยนี่ว่า "เลือกข้างไหน?" แต่ถึงอย่างไรก็รับประกันได้ว่า "ไม่เลือกข้างนายสมัคร" แน่นอน!
และพันธมิตรฯ ในปฏิบัติการ "ดับเครื่องชน" อย่างวานนี้ ผมก็ไม่เลือก เห็นคุยว่าตั้งมหาวิทยาลัยราชดำเนิน สอนกลางถนน ๙๓ วัน ๙๓ คืน จบปริญญาเอก แต่ปรากฏว่า ๕ อาจารย์ใหญ่ มีสติปัญญา และความรับผิดชอบ คิดแผน "นำประชาชน" อย่างนี้
ผมรับไม่ได้!
จะไล่สมัคร ไล่รัฐบาลตัวแทนทักษิณ ก็ว่าไป แต่เปิดปฐมบทด้วยการบุกไปไล่ยึดสื่อ จะเป็นโทรทัศน์ NBT หรือสื่ออะไรก็ตามอย่างนั้น จะทำสงครามขับไล่รัฐบาล หรือจะทำสงครามเห่าจอกันแน่?
ทุกผู้ที่มาร่วมปฏิวัติประชาชนนั้น-ผมชื่นชมประชาธิปไตยในหัวใจทุกคน ใครก็ตาม "เห็นภัยแผ่นดิน" จากการดำรงอยู่ของรัฐบาลตัวแทนทักษิณ คนผู้นั้น ผมซาบซึ้ง และพร้อมกราบทุกเท้าของทุกท่านได้
เพราะทุกรอยเท้าท่าน ย่ำมารวมกันเพื่อ "อนาคตประเทศไทย" ด้วยใส-บริสุทธิ์จริงๆ
แต่การชี้นำพาประชาชนไปแบบนี้ เหมือนพาไปโดดหน้าเหว เบาสุด-คายอดไม้ คือคุกตะราง หนักสุด-แหลกเหลวคาก้นเหว!
การต่อต้านรัฐบาลที่มีพฤติกรรมไม่สุจริตในการบริหาร ผมก็สรรเสริญที่พันธมิตรฯ รับภาระชาติใส่บ่าเป็นภาระตน ในขณะที่คนอีกแสน-อีกล้านในสังคมเมินว่า "ธุระข้าไม่ใช่"
ก็น่าเสียดายนะครับที่ "เหล็กเย็น" แล้วเข็นตีให้เป็นดาบ และเอาเข้าจริงในความเป็นตัวนำ ก็ตายน้ำตื้นในคำถามเดิมๆ ที่ว่า
"ยึดทำเนียบฯ ได้แล้ว ทำไงต่อ?"
เหมือนดาวกระจายไปยึดกระทรวงโน้น-กระทรวงนี้ มีความหมายอะไร แถมตอบไม่ได้ด้วยว่า "ยึดไปทำไม?"
ก็ถามกันมาตลอดให้สังวรมิใช่หรือว่า "ไล่รัฐบาลออกไป" นั้น เมื่อรัฐบาลออกไป "แล้วทำไงต่อ?"
ถ้าหาคำตอบให้อยู่ในกรอบกติกาประชาธิปไตยไม่ได้ ทำอะไรนอกกรอบลงไป มันก็เป็นอย่างนี้!
แต่ก็ต้องขอบใจครับ ปรากฏการณ์ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๑ นี้ ถือว่าพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ทำหน้าที่ผู้ทดสอบ "ประเทศไทย" ให้เห็นว่ากร้าวแกร่ง-ตกผลึกใน "ระบอบประชาธิปไตย" ให้ประจักษ์ต่อชาวโลกแล้ว
"จลาจลเมือง" วานนี้ ไม่มีทหารปฏิวัติ!!
การเมือง ต้องแก้ด้วยการเมือง
แต่..การทหารจะเป็น "เครื่องมือ" เพื่อการเมืองหรือไม่ นั่นเป็นอีกประเด็นที่ต้องแยกออกไปดูตามลักษณะสังคมพัฒนาแต่ละประเทศ!?
โอกาสงามๆ อย่างนี้ เป็นแต่ก่อนละก็ ทหาร "ปฏิวัติ" ยึดอำนาจประชาธิปไตย เอาระบบเผด็จการทหารมาใช้แทนไปนานแล้ว
พลเอกบุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผบ.สส.ที่จะเกษียณในเดือนหน้าท่านพูดน่ารักดีครับ คงมีฝ่ายการเมืองไปยุให้ท่านประกาศภาวะฉุกเฉิน เพื่อให้ทหารออกมาปราบประชาชน
ท่านพูดว่าไงรู้ไหมครับ ท่านพูดว่า "มันไม่ฉุกเฉิน ถ้าไปประกาศ ที่ไม่ฉุกเฉินมันก็จะฉุกเฉินเพราะประกาศนี่แหละ"
กองทัพก็พลอยได้อานิสงส์จากเหตุการณ์วานนี้ด้วย เพราะไม่เพียงเป็นเจ้าบ้านอารีย์ ให้รัฐบาลพเนจรมาใช้เป็นทำเนียบฯ ชั่วคราวเท่านั้น การ "ไม่ปฏิวัติ" ครั้งนี้
ถือเป็นการล้างโคลนครหา "ทหารประเทศด้อยพัฒนา" เอะอะก็ใช้เผด็จการแก้ปัญหาประชาธิปไตยอย่างคราวที่แล้ว
โครงสร้างสังคมประเทศไทยเท่าที่ผมเห็น สูตรเป็นอัตรา ๒ ใน ๓ อย่างนี้ครับ
อำนาจทหาร+อำนาจรัฐ+อำนาจประชาชน = ประชาธิปไตยพันธุ์แท้
อำนาจรัฐ คือรัฐบาล ถือเป็นธาตุกลาง บวกกับอะไรเป็นสายพันธุ์ประชาธิปไตยทั้งนั้น
อำนาจรัฐ+อำนาจทหาร เป็นประชาธิปไตยพันทาง
อำนาจรัฐ+อำนาจประชาชน เป็นประชาธิปไตยเบ็ดเสร็จ แต่ "อำนาจประชาชน" กับ "อำนาจทหาร" เอามาบวกกันจะเหมือนดี้กับดี้ ทอมกับทอม ก็อยู่กันได้ แต่พันธุ์นี้ ไข่ไม่มีเชื้อ!
เมื่อคุยถึงตรงนี้ ผมขอย้อนไปรื้อฟื้นทัศนคติเดิมๆ ที่ผมเคยคุยไปหลายครั้งแล้วว่า ประเทศไทยเข้าสู่วงรอบโคจรของดาวพลูโตมาตั้งแต่ปี ๒๕๔๘ โน่นแล้ว พลูโตใหญ่และไกลสุดขอบจักรวาลจนส่องกล้องยังหาขอบแทบไม่เจอ
ขยับกริ๊กหนึ่ง ใช้เวลา ๒๕ ปีครับ!
ประเทศไทยกำลังเข้าสู่วงจรแห่งการลอกคราบครั้งใหญ่ ซึ่งการลอกคราบครั้งนี้จะใช้เวลาประมาณ ๒๕ ปี ฉะนั้น ทุกสิ่ง-ทุกอย่างที่ปรากฏ และเป็นไปในประเทศไทยเราตอนนี้
อย่าไปโทษใครมากนักเลยครับ ให้ถือเสียว่า เหล่านั้นล้วนต่างถูกกำหนดให้เข้ามามีบทบาทประกอบเป็นเงื่อนไข เพื่อผลักจากจุดหนึ่งไปสู่อีกจุดหนึ่ง เหมือนฟันเฟืองจักร แต่ละเฟืองที่หยัก คือตีนจักรผลักพลังงานเคลื่อน
ด้วยตรรกะนี้ ดังที่ผมบอก อำนาจทหาร กับอำนาจประชาชน ผสมกันแล้วไม่มีดอกผลเป็นประชาธิปไตย แต่เหตุการณ์ที่ปรากฏในเมืองไทยวันนี้-ขณะนี้ล่ะ จะแก้กันอย่างไรให้เกิดดอกผล?
ประชาชน คือพันธมิตรฯ กับรัฐ คือรัฐบาล มีแต่ทำให้ ๒ ฝ่ายนี้มานั่งคุยกันเท่านั้น ขั้นตอนการลอกคราบสังคมไทยจึงจะ "ไม่ฆ่ากัน" ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
และคนที่มีศักยภาพเป็นเจ้าภาพใน "สันติภาวะบ้านเมือง" ขณะนี้ คือ "อำนาจทหาร" คนที่เป็นเจ้าบ้านให้รัฐบาลพิงหลังนั่นแหละ
เงื่อนไขที่สามารถทำให้ "ฝ่ายรัฐบาล" ต้องฟังตัวกลางคือทหาร ผมมั่นใจว่ามีอยู่พร้อม แต่ผมคิดว่าไม่เหมาะสมที่จะพูด เพราะประเด็นสำคัญคือ เมื่อสงครามศักดิ์สิทธิ์ของพันธมิตรฯ นี้ ทางชนะคือจะต้องเดินไปให้ถึงจุดหมายแล้ว
ฝ่ายทหารที่ไม่ยึดแนวทางปฏิวัติ แต่ต้องรักษา "ความปกติสุข" ไม่ให้เลือดประชาชนนองบ้าน-นองเมือง ควรจะสนทนาด้วยยื่น "ข้อเสนออะไร?" ให้ฝ่ายผู้นำรัฐบาลที่ไม่สามารถบริหารอำนาจควบคุมฝ่ายพันธมิตรฯ ได้ ได้พิจารณา?
ครับ..ผมถูกบังคับให้เลือกข้าง นี่ก็เลือกแล้ว อย่าเข้าใจว่าผมเลือกทหาร ผมเลือก "บุคคลนิรนาม" อันเป็นบุคคลที่ ๓ ที่ยังไม่ปรากฏตัววันนี้ตะหาก เพราะทั้ง "ทักษิณ-พันธมิตรฯ" ในเกมชิงบ้าน-ชิงเมืองนี้ ทั้งคู่เป็นแค่ "ตัวขับเคลื่อน" ในฉากผ่านเท่านั้น เหมือนตาอิน-ตานา แล้วใครเป็น "ตาอยู่" ต้องรอกลางปีหน้า รับรอง..เห็นแน่.
http://www.thaipost.net/index.asp?bk=thaipost&iDate=27/Aug/2551&news_id=163106&cat_id=200