บทบรรณาธิการของไทยโพสต์ เขียนได้ครอบคลุมดีครับ ------------------------------------------------------------------------------------------
รัฐบาลหมดความชอบธรรม ประชาชนพึงมีสิทธิขับไล่http://www.thaipost.net/index.asp?bk=thaipost&iDate=27/Aug/2551&news_id=163100&cat_id=10027 สิงหาคม 2551 กองบรรณาธิการ
ปฏิบัติการของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ในการบุกเข้ายึดสถานที่ราชการ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์และศูนย์กลางอำนาจรัฐหลายแห่ง
ไม่ว่าจะเป็นทำเนียบรัฐบาล กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรมประชาสัมพันธ์ และสถานีวิทยุโทรทัศน์ NBT เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 นับเป็นเหตุการณ์ครั้งแรกที่เกิดขึ้นในสังคมการเมืองไทย ด้วยฝีมือของประชาชน ซึ่งปราศจากอาวุธยุทโธปกรณ์ เฉกเช่นการยึดอำนาจรัฐโดยเหล่าคณะทหารเหมือนทุกครั้งที่เคยขึ้นมา
อย่างไรก็ตามการปฏิบัติการครั้งนี้ของพันธมิตรฯ ได้ถูกตั้งคำถามอย่างกว้างขวางจากสังคมถึงความเหมาะสมชอบธรรม โดยเฉพาะกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งประมาณ 80 คน ซึ่งอำพรางใบหน้า แล้วแฝงตัวเข้าไปในสถานีวิทยุโทรทัศน์ NBT ในช่วงเช้าตรู่ของวันดังกล่าว ด้วยท่าทีอันข่มขู่คุกคามการปฏิบัติหน้าที่ของสื่อมวลชน ทั้งยังพบว่าบางคนมีอาวุธติดตัวไปด้วยนั้น ถือว่าเป็นเหตุการณ์ไม่น่าจะเกิดขึ้น และสมควรต้องได้รับการประณามจากทุกฝ่าย ภายใต้สิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชนในระบอบประชาธิปไตย
ที่ผ่านมาเป็นที่ประจักษ์ชัดมาตลอดว่า พันธมิตรฯ ได้ใช้สิทธิเสรีภาพในการชุมนุมอย่างสงบและอหิงสา ภายใต้กรอบของรัฐธรรมนูญอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นจึงมีข้อน่าสังเกตและน่าสงสัยต่อบุคคลที่แฝงตัวเข้าไปในสถานีวิทยุ โทรทัศน์ NBT หลายประการ อาทิเช่น 1.กลุ่มคนเหล่านี้ใช่คนของพันธมิตรฯ จริงหรือไม่ 2.มีบุคคลซึ่งไม่หวังดีแฝงตัวเข้าไปเพื่อสร้างสถานการณ์ ลดความชอบธรรมการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ หรือไม่ 3.การพกพาอาวุธเป็นนโยบายหรือคำสั่งจาก 5 แกนนำพันธมิตรฯ หรือไม่ เหล่านี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องทำความจริงให้ปรากฏอย่างตรงไปตรงมา เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย และหากพบว่าทั้ง 80 กว่าคนเป็นคนของพันธมิตรฯ ทั้งหมด และได้รับคำสั่งมาโดยตรง 5 แกนนำพันธมิตรฯ ก็ไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบได้
แม้ข้อเท็จจริงของเรื่องดังกล่าวยังไม่มีผลสรุปออกมาจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ดูเหมือนว่าสังคมบางกลุ่มตลอดจนสื่อต่างประเทศและสื่อไทยบางสำนัก ได้เชื่อไปแล้วว่าพฤติกรรมของกลุ่มคนกว่า 80 คนได้รับการสั่งการโดยตรงจากแกนนำพันธมิตรฯ ทำให้ความชอบธรรมในการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ ลดลงตามไปด้วย ทั้งนี้น่าตั้งคำถามว่า ความเชื่อดังกล่าวเป็นความเชื่อซึ่งกลบพฤติกรรมความฉ้อฉลของรัฐบาลนาย สมัคร สุนทรเวช ด้วยหรือไม่ และเป็นความเชื่อซึ่งต้องตรึกตรองอย่างถี่ถ้วนถึงต้นสายปลายเหตุที่ทำให้ พันธมิตรฯ บุกยึดสถานีวิทยุโทรทัศน์ NBT หรือไม่อย่างไร
แน่นอนเราขอยืนยันว่า ไม่เห็นด้วยและสมควรที่จะต้องประณามพฤติกรรมการคุกคามสิทธิเสรีภาพสื่อมวลชน ในทุกรูปแบบ ขณะเดียวกัน เราก็ยืนยันเช่นเดียวกันว่า รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช แม้จะอ้างว่ามาจากการเลือกตั้ง แต่พฤติกรรมการบริหารประเทศของรัฐบาลและ ผู้นำประเทศอย่างนายสมัคร ได้หมดความชอบธรรมที่จะบริหารประเทศไปนานแล้ว นับตั้งแต่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำพิพากษาว่า การกระทำกรณีปราสาทเขาพระวิหารนั้นขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 190 สุ่มเสี่ยงต่อการเสียดินแดน แต่รัฐบาลหาได้รับผิดชอบแต่ประการใด ทั้งยังมีอีกหลายพฤติกรรมที่พยายามจะช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ด้วยการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญบางมาตรา เพื่อฟอกความผิดให้กับบุคคลดังกล่าว
นอกจากนี้ นายสมัคร ซึ่งเป็นผู้นำประเทศท่ามกลางการแบ่งเป็นฝักฝ่ายในบ้านเมือง แต่นายสมัครไม่สามารถสร้างความสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นได้แม้แต่น้อย ตรงกันข้าม ในรายการ "สนทนาประสาสมัคร" ทางสถานีโทรทัศน์ NBT หลายต่อหลายครั้งเป็นการตอกลิ่มให้เกิดการเผชิญหน้าและความแตกแยกมากกว่า เดิม มิหนำซ้ำยังให้ท้ายรายการ "ความจริงวันนี้" โดยมีบุคคล 3 คน ซึ่งเป็นอดีตแกนนำ นปก.มาเป็นพิธีกร ผูกขาดโจมตีฝ่ายตรงข้าม ผ่านสถานีวิทยุโทรทัศน์ NBT ทั้งที่สถานีวิทยุโทรทัศน์ดังกล่าว อยู่ได้จนวันนี้ก็เพราะเงินภาษีประชาชน แต่รัฐบาลกลับใช้เป็นกระบอกเสียงในการโจมตีประชาชนที่มีความเห็นแตกต่าง
ดังนั้นประชาชนผู้เสียภาษีอากร แต่ปราศจากอำนาจรัฐ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มพันธมิตรฯ หรือกลุ่มอื่นใดก็ตาม จึงมีสิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญในการชุมนุมเคลื่อนไหวขับไล่รัฐบาลที่หมด ความชอบธรรมแล้ว แต่การชุมนุมเคลื่อนไหว จะต้องอยู่ในขอบเขตของกฎหมาย หากมีการละเมิดกติกา เจ้าหน้าที่ของบ้านเมืองก็จำเป็นต้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างตรงไปตรงมาโดย ไม่มีข้อยกเว้นเช่นกัน ที่สำคัญรัฐบาลจะต้องไม่ใช้ความรุนแรง ไม่ว่ารูปแบบใดก็ตามในการเข้าสลายการชุมนุมของประชาชนโดยเด็ดขาด.
นำมาให้อ่านในแง่มุมหนึ่ง......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า