ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
28-03-2024, 21:44
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  ความมั่นคงของรัฐ !!! 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
ความมั่นคงของรัฐ !!!  (อ่าน 2900 ครั้ง)
ผู้ทำลาย
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,496


lynnicky


เว็บไซต์
« เมื่อ: 14-06-2006, 11:07 »

   
 

 
วันที่ 5 มีนาคม 2549

           เริ่มมีคำถามมากขึ้นว่า กิจการโทรศัพท์มือถือ กิจการดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศ เป็นกิจการที่มีความสำคัญกับความมั่นคงของรัฐมากน้อยแค่ไหน?

ตามมาด้วยคำถามที่ว่า ถ้าเจ้าของกิจการเหล่านี้เปลี่ยนมือจากคนไทยเป็นรัฐบาลต่างชาติ จะเสี่ยงต่อความมั่นคงของประเทศหรือไม่?

 จึงมีคำถามสุดท้ายว่า การเปลี่ยนมือเจ้าของกิจการหรือผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในกรณีดังกล่าว  จำเป็นต้องได้รับอนุญาตจากหน่วยราชการหรือไม่

 ผมตอบแทนได้ว่า ถ้ารัฐบาลทำหน้าที่รักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติอย่างแท้จริง รัฐบาลต้องยืนยันว่าต้องขออนุญาต

 ต้องเข้าสู่ขบวนการขออนุญาตในฐานะคู่สัญญาสัมปทานกับรัฐ

 ส่วนจะอนุญาตหรือไม่  หรืออนุญาตแต่มีข้อแม้ประการใด  ย่อมทำได้

อย่าคิดว่าเรื่องนี้ไม่สำคัญ สำคัญที่สุดเลยครับ

 มองดูประเทศพัฒนาแล้ว เช่น ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นตัวอย่าง

 บริษัทที่ผมจะกล่าวถึง ชื่อ Global Crossing  เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ของสหรัฐที่มีบริษัทในเครือจำนวนมาก    เปรียบเทียบเหมือนบริษัทชิน ที่มีบริษัทในเครือเช่น เอไอเอส หรือ ชินแซท เป็นต้น

 บริษัทในเครือของ Global Crossing ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการวางเคเบิ้ลใต้น้ำทั่วโลกและให้บริการกิจการด้านโทรคมนาคม เช่น บริการอินเตอร์เน็ต บริการรับส่งสัญญาณที่เป็นทั้ง ข้อมูล  เสียง  และภาพเป็นต้น

 ใบอนุญาตดำเนินกิจการดังกล่าวออกโดย FCC คือ Federal Communication Commission ของสหรัฐ   ซึ่งเป็นองค์กรกำกับธุรกิจกิจการโทรคมนาคม  ไม่ต่างกับ กทช. (คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ)  ของไทย     

 ที่น่าสนใจคือ บริษัท Global Crossing เกิดปัญหาล้มละลายครับ

ต้องเปลี่ยนเจ้าของ  ได้เจ้าของใหม่ ไม่ใช่ใครอื่น Temasek ของรัฐบาลสิงค์โปร์นั่นเอง     Temasek ใช้บริษัทในเครือ คือ S.T. Telemedia ซื้อหุ้นของ Global Crossing จำนวนร้อยละ 61.5

 ไม่ต่างนักกับการที่บริษัทชินเปลี่ยนเจ้าของจากครอบครัวชินวัตรและครอบครัวดามาพงษ์ โดยการขายหุ้นให้ Temasek ผ่านบริษัทนอมินีทั้งหลาย    ตามที่เราทราบกันอยู่แหละครับ

แต่ที่ต่างกันมีอยู่อย่างหนึ่งครับ

 FCC ในฐานะผู้ออกใบอนุญาตประกอบกิจการของบริษัทในเครือ Global Crossing เข้ามามีบทบาทครับ   FCC ไม่ปล่อยให้บริษัท Global Crossing ทำอะไรได้ตามอำเภอใจ   โดยเฉพาะเรื่องการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นรายใหญ่

 ต้องนำสู่ขบวนการขออนุมัติ    FCC พิจารณา 3 ประเด็นหลัก ก่อนจะอนุญาตให้เปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นได้ เริ่มตั้งแต่ประเด็นที่เกี่ยวกับการแข่งขัน (Competition Factors)   ประเด็นที่เกี่ยวกับการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ (Foreign Investments) และท้ายสุดคือประเด็น ความมั่นคงของประเทศ (National Security)

หลังการพิจารณาแล้ว FCC อนุญาตให้เปลี่ยนเจ้าของกิจการได้ แต่เป็นการอนุญาตที่มีเงื่อนไขครับ เงื่อนไขกำหนดว่าเจ้าของใหม่ต้องลงนามข้อตกลงที่เรียกว่า Network Security Agreement คือข้อตกลงด้านความมั่นคงของระบบเครือข่าย

 ที่สำคัญกว่านั้นคือ หน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐตั้งแต่กระทรวงยุติธรรม (DOJ) เอฟบีไอ (FBI)  กระทรวงกลาโหม (DOD)และกระทรวงความมั่นคงภายใน (DHS )   มีบทบาทในการเจรจาหาข้อยุติเพื่อนำไปสู่ข้อตกลงกับบริษัท Global Crossing ก่อนการเปลี่ยนเจ้าของเป็นรัฐบาลสิงค์โปร์
     
 กลับมาดูที่บ้านของเราบ้างซิครับ  FCC ของไทยคือ กทช. ไม่แสดงบทบาทใดๆ ทั้งสิ้น  องค์การโทรศัพท์ เจ้าของสัญญาสัมปทานที่เป็นคู่สัญญากับบริษัทเอไอเอส เงียบเฉย

ไม่นับถึงหน่วยงานของรัฐอีกหลายแห่งเช่นกัน เป็นเพราะว่าผู้ขายคือครอบครัวของนายกรัฐมนตรี ทุกคนเลยเป็นใบ้กันไปหมด   หรือว่าความรู้น้อย จึงทำอะไรไม่ค่อยถูก  หรือว่า ธุระไม่ใช่!

 หรือว่า " ความมั่นคงของชาติ   ไม่ใช่ความมั่นคงของฉัน "

 สุดจะเดาครับ     

 พูดกันจริงแล้ว ถึงวันนี้ ก็ยังไม่สายเกินไป  เชิญ Temasek มานั่งโต๊ะเจรจาได้นะครับ   วางหลักเกณฑ์ เรื่องความมั่นคงของชาติ   ถ้าไม่ทำตามที่เราเห็นว่าเหมาะสม  ยกเลิกสัมปทานเสียเลย

  สัญญาสัมปทาน ข้อ 2 วรรค 2 เขียนไว้ชัดเจน

“บริษัทต้องดำเนินการบริการให้เป็น ไปตามที่กำหนดไว้ในสัญญานี้ และโดยถูกต้องตามกฎหมาย  ห้ามบริษัทรับบริการเพื่อประโยชน์อื่นใด นอกเหนือจากที่กำหนดไว้ในสัญญานี้ หรือที่อาจก่อให้เกิดภยันตรายต่อสังคม หรือความมั่นคงของรัฐ  หากบริษัทไม่ปฏิบัติตามสัญญานี้ ทศท. มีสิทธิ์บอกเลิกสัญญาและเรียกร้องข้อเสียหายได้”

 ท่านผู้อ่านบางท่าน กำลังคิดว่า ผมเตะหมูเข้าปาก***หรือเปล่า ไม่หรอกครับ ข้าราชการดีๆของเรามีอยู่มากครับ  เพียงแต่เราต้องเห็นใจและให้โอกาสเขา

 คุณทักษิณชี้แจงว่าทุกอย่างยังคงเป็นของคนไทยหัวดำๆนั้น    บอกได้เลย ผมไม่เชื่อคำพูดของคุณทักษิณ   ผมต้องการให้มีข้อตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับ Temasek คือรัฐบาลสิงค์โปร์



ท่านผู้อ่านเห็นด้วยไหมครับ


(สนใจอ่านรายละเอียดเกี่ยวกับ :  Global Crossing เป็นภาษาอังกฤษ คลิกที่นี่)


กอร์ปศักดิ์ สภาวสุ
www.korbsak.com

 
บันทึกการเข้า

แสนยานุภาพผู้ยิ่งใหญ่เสมอฟ้าดิน
พรรณชมพู
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,073


« ตอบ #1 เมื่อ: 14-06-2006, 14:53 »

ในอดีตที่ผ่านมา แม้แต่กระดาษ น้ำตาลทราย ไม้ขีดไฟ ก็ถือเป็นความมั่นคงของรัฐ ในยามสงคราม รัฐต้องเข้าไปควบคุมกิจการเหล่านี้ เพราะมันเกี่ยวพันถึงความมั่นคงของชาติ

ประเทศไทยมีหน่วยงานความมั่นคง ที่มีหน้าที่เพียงรักษาความปลอดภัยให้บุคคลสำคัญ ส่วนความมั่นคงอื่นๆนั้น เห็นจะได้แค่ดูเสาไฟไม่ให้ล้มทับท่านผู้นำ หรือไล่นกไล่กาไม่ให้มาถ่ายรดหัวท่านผูนำ

เราไม่เหลือสำนึกของความมั่นคงแห่งรัฐแล้ว  ทั่วกรุงเทพมหานคร มีชาวต่าสงชาติต่างภาษาอยู่กันเต็มไปหมด  ไม่ใช่นักท่องเที่ยว  ไม่ใช่แขกของประเทศ  แต่เป็นพวกเร่ร่อนมาหากิน  ใครอยู่ในกรุงเทพคงเห็นกันดี คุ้นตากับภาพคนต่างชาติมากมาย ที่เข้ามาพักอาศัยและประกอบธุรกิจผิดกฎหมายต่างๆ

จะไปนับประสาอะไรกับกิจการใหญ่อย่างโทรคมนาคม ที่มีครอบครัวท่านผู้นำเคยเป็นเจ้าของ และถึงขายไปแล้วก็คงจะมีข้อผูกพันอะไร ที่จะต้องอุดหนุนจุนเจือดูแลให้ผู้ซื้อ กอบโกยประโยชน์กลับประเทศเขาได้

ความมั่นคงของรัฐ ไม่สำคัญเท่าความมั่งคั่งของท่านผู้นำ หรอกค่ะ
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
    กระโดดไป: