อนุสรณ์ ธรรมใจ เป็นไอ้ห่วย
ประเภทอ่านมากและ "เชื่อว่าตัวเองเก่งจากการอ่านมาก" นั้น
ไม่ต่างจากอีเพ็ญ โกร่ง หมาหางแดง ( ขัตติยะ ) หรือแม้แต่ไอ้ดุก
ถึงขนาดบางทีก็ยึดมั่นถือมั่นว่าความคิดของตนนั้น "ถูกต้องที่สุด - ฉลาดที่สุด"
( อาจมีแก้ขวยเขินนิดหน่อยด้วย "ของมรึงก็ไม่ผิดหรอก...แต่ยังไม่ถูกต้องเท่าของกรู" เป็นบางครั้งบางหน
)
พฤติกรรม
1. ซุกตัวอยู่ใน "ระบบ" ( เพื่อให้ "ระบบ" ทำหน้าที่เป็นเกราะปกป้อง )
+
2. เกาะเกี่ยวอยู่กับ "หลัก" ( เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือหรือเพิ่มภาษีให้ตัวเอง )
จากนั้นก็
3. ถ่มถุยน้ำลายออกมา
ตัวอย่างก็คือ หลบอยู่หลังระบบ "เศรษฐกิจทุนนิยมเสรี" และ "หลักผู้ชนะเลือกตั้งคือทำอะไรก็ถูกต้องทั้งหมด ( ประชาธิปไตยแบบเปลือก ๆ )"
ในขณะที่พ่นฝอยน้ำลายที่ชื่อ "หลักธรรมาภิบาล" หรือ "โลกาภิวัฒน์" จนปากเบี้ยว ๆ แฉะฉ่ำ
ส่วน "ธรรม" ของอนุสรณ์ก็คือ
1 "คนรวยและผู้ชนะในการแข่งขันคือผู้กำหนดสัจจธรรมให้แผ่นดิน ( The Winner Takes it All )"
และ
2 "ผู้มีอำนาจมีสิทธิชอบธรรมที่จะรักษาอำนาจของตนไว้" ตราบใดที่ยังไม่มีใครพิสูจน์ได้ว่าเขาทำตัวละเมิดหลักธรรมาภิบาล ( ธรรมาภิบาลของอนุสรณ์เป็น "ศีล" ไม่ใช่ "จิตสำนึก" )
และ...แถม
3 "ถ้ามีความขัดแย้งระหว่างคนไทยกับชาวต่างชาติ ให้ถือว่าต่างชาติถูกเสมอ"
หากศึกษาปราชญ์ในอดีต จะพบว่าคนอย่างอนุสรณ์คล้ายคลึงกับ "หานเฟยจื่อ"
คือเน้นความแข็งแกร่ง + แข็งกร้าว + เด็ดขาดของผู้ปกครอง
โดย "ถือเอา" ว่า
"หากผู้ปกครองมีอำนาจศักดามหาเดชะยิ่งยวดแล้ว ศรัทธาบารมีก็จะตามมาเอง แล้วหลังจากนั้นหลักธรรมาภิบาลก็จะฉานฉายทั่วอาณาจักรโดยอัตโนมัติ" รวมทั้ง
"คนเป็นเพียงองค์ประกอบของระบบ โดยถ้าทำให้ระบบดีแล้ว คนในระบบก็จะดีไปเอง - มีความสุขและอิ่มเอมกับสิทธิเสรีภาพอันเท่าเทียมกันไปเองนั่นล่ะ ( โว้ย )" ทั้ง ๆ ที่จากการอ่านมากของเขา เขาได้พบว่า "ทรราชย์" ปรากฎตัวขึ้นเป็นนิจสินในประวัติศาสตร์
แต่เขาก็ยินดีที่จะ "หาข้ออ้าง" มาอธิบายการปรากฎขึ้นของทรราชย์เหล่านั้น ในลักษณะ "ปกป้องอัตตา ( ตัวบุคคล / ตัวของทรราชย์ ) + โยนบาปให้สังคม"
เหมือนพวกนักจิตวิทยาที่ชอบอ้างว่้า เด็กเลวเพราะผู้ใหญ่ไม่ดี - ขาดการอบรม ทุกกรณีไป
ทั้ง ๆ ที่เด็กเลวคนนั้นก็มาจากพ่อแม่เดียวกัน - โรงเรียนเดียวกัน - สังคมเดียวกันกับเด็กคนอื่น ๆ
เป็นนักบริหารจำพวกชอบชี้นำแต่ขลาดเขลาที่จะลงแรงสำแดงแบบอย่าง
เป็นอลัชชีที่สร้างทรราชย์และปกป้องทรราชย์ เยี่ยงเดียวกับเทวทัตและอชาตบุตร
เป็นปราชญ์ที่ใช้น้ำลายล้างมือล้างตีนให้คนชั่วที่เลี้ยงดูอุปถัมป์ตน
เป็นเมธีที่หลอกลวงบริวารของคนฉ้อฉลให้จมปลักอยู่กับกลโกงอย่างหัวปักหัวปำ
เป็นคนยำยำที่อาศัย "สัจจธรรมสากล ( Truth )" เพื่อปกป้อง "อัตตาทิฐิ" ของผู้จ้างวาน
หลัง ๆ มานี้พ่นพล่ามอะไรออกมาแต่ละอย่าง ในที่สุดแล้วก็ "ว่างเปล่า"
เพราะไม่ได้สำแดงความคิดเห็นนั้น ๆ ด้วยบริสุทธิคุณ ( สูญสิ้นพุทธบารมี )
อันเกิดจากวิจารณญาณต่าง ๆ ถูกเจือแต่งไว้ด้วยโมหจริต จนถึงจิตฉ้อฉล
บ้างก็แอบแฝง บ้างก็แสดงเด่นชัด บ้างก็ขัดกันทางตรรก
จึงเป็นเพียง Commentator ผู้มีความหักงอทางสติปัญญา พิกลพิการทางนัยสัมพันธ์ ดันทุรังในเจตนารมณ์
เคยเป็นดาบคม แต่ตอนนี้เป็นเพียงหอกหัก
สักแต่ว่าหาอะไรมาส่งเสียงให้ชาวบ้านฟังไปวันหนึ่ง ๆ
จากนักวิเคราะห์แบบ "คาดการณ์ล่วงหน้า" กลายเป็น "นักสรรหาข้อแก้ตัวในภายหลัง"
...Priceless