แต่โจกท์บางคนหนีไปต่างประเทศแล้วนี่ แถมยังปากดีว่าศาลไม่ยุติธรรม จะทำไงต่อ
ก็ต้องรอให้ทักษิณมาให้สัตยาบัน
ไม่งั้นก็คำฟ้องก็กลายเป็นโมฆะ
...แต่ถ้าทักษิณให้สัตยาบันปุ๊บ ทักษิณก็เข้าคุกปั๊บ !!
ที่น่าสนุกกว่านั้นคือบรรดาลิ่วล้อที่ฟ้องร้องแป๊ะลิ้มและ พธม.ไว้มากมาย
เนื่องจากจะเข้าลักษณะ กม. "ฟ้องแกล้ง"
และถ้า - ทันทีที่ศาลมีคำพิพากษาว่าเป็นการ "ฟ้องแกล้ง" เพียงแค่ 1 คดี
...แป๊ะลิ้ม "รวย"
...หุ้นขึ้นหลายสิบเท่าตัวทันที
เพราะแค่เรียกค่าเสียหายจากคู่กรณีแต่ละราย "ในมูลค่าเท่ากัน" กับที่โดนเรียกตอนฟ้องแกล้ง
...คาดว่าแป๊ะลิ้มจะได้รับค่าสินไหมทดแทนประมาณหมื่นกว่าล้านบาท !!
เหอ ๆๆ
การ "ฟ้องกลับ" ในคดี "ฟ้องแกล้ง" ถือเป็นสิทธิเรียกร้องอันไม่เกี่ยวข้องกับการมีอยู่ของคู่กรณีซะด้วย
ถึง "หนี" ไปอยู่ ตปท.หรือตาย เหล่าทายาทและบุพการีของท่าน ๆ เหล่านั้นก็จะต้องถูกเรียกตัวขึ้นศาล
เพื่อรับทราบ "ค่าเสียหาย" ที่บุพการีหรือญาติของตนได้กระทำไว้
...แอบไปถอนฟ้อง ก็ไม่ได้ช่วยทำให้ระงับสิทธิการฟ้องกลับ อีกตะหาก
ใครไม่รู้เรื่อง "ฟ้องแกล้ง" ก็อย่าได้คิดว่า "ฟ้อง ๆ ขู่แม่งไว้ก่อน" ได้เสมอนะครับ
...ความฉิบหาย น่ะ...ตามติดไปถึงลูกหลานทีเดียว
แถมยังซวยซ้ำซากอีก
เพราะจำเลยในคดีฟ้องแกล้ง ร้อยละร้อยจะสูญเสียความน่าเชื่อถือ
เช่น
ทำนิติกรรมกับใครก็ลำบาก ( คู่สัญญาสามารถยกเหตุ "เป็นผู้มีพฤตินิสัยชอบใช้เล่ห์เหลี่ยมทาง กม.เพื่อกลั่นแกล้งผู้อื่น )
ค้ำประกันใครก็ไม่ได้ ( ขาดคุณสมบัติทางด้านความน่าเชื่อถือ )
กู้แบงค์ก็ยาก
เป็นพยานก็ไม่ได้ ( คู่กรณีสามารถขอเพิกถอนพยาน )
ฯลฯ
เรียกว่า "หัวเน่า" ทางนิติธรรมไปตลอดชีวิต