Şiłąncē Mőbiuş
|
 |
« เมื่อ: 09-08-2008, 00:55 » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
 “People should not be afraid of their governments. Governments should be afraid of their people.” . “ประชาชนไม่ควรกลัวรัฐบาลของตนเอง รัฐบาลต่างหากที่ควรกลัวประชาชน” .. แวะไปเยี่ยมกันได้ที่ http://silance-mobius.blogspot.com/ นะครับ .
|
|
|
aiwen^mei
|
 |
« ตอบ #1 เมื่อ: 09-08-2008, 13:44 » |
|
เสียดายไม่ได้ดูค่ะ แต่อ่านจากรายงานข่าว เข้าใจว่า ยังกะดูหนังเรื่อง The Hero ของผู้กำกับจางอี้โหมว หรือไม่ก็เรื่อง Crouching Tiger Hidden Dragon แบบนั้นเลย เคยดูสมัยที่จีนเป็นเจ้าภาพเอเชี่ยนเกมส์ จัดพิธีเปิดได้ประทับใจมากในเวลานั้น สื่อมวลชนชมกันเปาะ โดยเฉพาะบรรดาดรุณีน้อยที่แสดงในชุดต่าง ๆ นั้น แต่ละนางล้วนงามงด อ่อนช้อย กระชากใจหนุ่ม ๆ ดีนักแล
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
มารุจัง
|
 |
« ตอบ #3 เมื่อ: 09-08-2008, 15:35 » |
|
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-08-2008, 15:37 โดย มารุจัง »
|
บันทึกการเข้า
|
ประชาธิปไตย มิได้จบอยู่แค่การเลือกตั้งปล.รูปจากเวบ ผจก.
|
|
|
aiwen^mei
|
 |
« ตอบ #4 เมื่อ: 09-08-2008, 15:40 » |
|
พี่เม่ยคะ ดูที่เวบนี้เลยค่ะ http://www.me.in.th/live/เลือกวันที่ 8 เวลาประมาณ 18.00น. กว่า ๆ ค่ะ แหม..ลุงถึกฯ ขา... ถ้าไม่มีสลิง คงต้องฝึกกำลังภายในกันทั้งหมดแทนแล้วค่ะ.. อิอิอิอิ....  โอ๊ะ.. ลืมบอก หนูชอบตอนที่พูดถึงวิวัฒนาการตัวอักษรจีนค่ะ ดูแล้วทึ่งมาก ๆ ว่า คนเยอะขนาดนี้ ยังสามารถสร้างความพร้อมกันได้ขนาดนี้ เจ๋งมาก ๆ เห็นหลายคนนึกว่าเป็น ไฮดรอริค  ขอบคุณน้องมารุจังหลาย ๆ ค่ะ เยี่ยมมากเลย ขอตัวไปดูก่อนนะคะ 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
aiwen^mei
|
 |
« ตอบ #5 เมื่อ: 09-08-2008, 18:24 » |
|
ผู้จุดคบเพลิงไฟโอลิมปิก คือ อดีตยอดนักยิมนาสติกของจีน "หลี่หนิง" จำได้ว่า หลี่หนิงโด่งดังมากเพราะคว้าเหรียญทองหลายเหรียญให้กับจีน เมื่อครั้งเข้าร่วมการแข่งขันยิมนาสติกที่ลอสแอนเจลิส โอลิมปิกเกมส์ 1984
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
aiwen^mei
|
 |
« ตอบ #6 เมื่อ: 09-08-2008, 18:51 » |
|
ดูย้อนหลังจากเว็บที่น้องมารุจังให้แล้วชอบการแสดงหลายชุด แต่ดูจากภาพนิ่งแล้ว จะรู้สึกสวยสดงดงามกว่าอีก  นำคนมาแปรอักษรเป็นสนามรังนกงี้ ชอบมากกกกกก ไม่ว่าจะเป็นรังนก ไข่ (โรงละครแห่งใหม่ของปักกิ่ง) ว่าว ล้วนมีความหมายที่ต้องการสื่อ การแปรอักษรจีน ที่ตอนท้าย ผู้แสดงโผล่หน้าออกมาจากกล่องสี่เหลี่ยมยิ้มทักทายให้ผู้ชมอีก กิ๊บเก๋ซะไม่มี การผูกร้อยเรื่องราวระหว่างจีนกับโลกตะวันตก ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางสายไหม กองทัพเรือของเจิ้งเหอ (ซำปอกง) และการแสดงชุดมวยไท้เก๊ก ที่จำลองเป็นรูปสวรรค์ทรงกลม กลมจริง ๆ แฮะ  ภาพสนามรังนกตอนทดสอบระบบแสงสีเสียงเมื่อ 16-ก.ค.-08
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
aiwen^mei
|
 |
« ตอบ #7 เมื่อ: 12-08-2008, 11:16 » |
|
หนูน้อยชุดแดงนามว่า หลินเมี่ยวเข่อ 林妙可 ผู้รับบทร้องเพลง "บทเพลงแห่งมาตุภูมิ" 《歌唱祖国》 ได้อย่างอบอุ่นไพเราะ
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-08-2008, 09:59 โดย aiwen^mei »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Şiłąncē Mőbiuş
|
 |
« ตอบ #8 เมื่อ: 13-08-2008, 21:11 » |
|
หนูน้อยชุดแดงนามว่า หลินเมี่ยวเข่อ 林妙可 ผู้ขับขาน "บทเพลงแห่งมาตุภูมิ" 《歌唱祖国》 ได้อย่างอบอุ่นไพเราะ จะบอกว่า ผมรักเด็ก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
 “People should not be afraid of their governments. Governments should be afraid of their people.” . “ประชาชนไม่ควรกลัวรัฐบาลของตนเอง รัฐบาลต่างหากที่ควรกลัวประชาชน” .. แวะไปเยี่ยมกันได้ที่ http://silance-mobius.blogspot.com/ นะครับ .
|
|
|
aiwen^mei
|
 |
« ตอบ #9 เมื่อ: 16-08-2008, 09:45 » |
|
จะบอกว่า ผมรักเด็ก
ครับผม หนูน้อยหลินน่ารักค่ะ และหนูน้อยหยางเจ้าของเสียงเพลงตัวจริง ก็น่ารัก เด็ก ๆ น่ารักทุกคน แต่ทำไมยิ่งโตยิ่งไม่น่ารัก  และขอโพสต์มุมมองของนักวิชาการ ดร. อดิสร เตือนตรานนท์ แห่ง เนคเทค กับ "ศุภักษร" มือหนึ่งของไทยในการจัดพิธิเปิดปิด เกี่ยวกับพิธีเปิดโอลิมปิกครั้งนี้
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-08-2008, 21:48 โดย aiwen^mei »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
aiwen^mei
|
 |
« ตอบ #10 เมื่อ: 16-08-2008, 09:54 » |
|
แค่พิธีเปิดจีนก็คว้าเหรียญทองแล้วพิธีเปิดโอลิมปิกเกมส์ที่กรุงปักกิ่งเมื่อวันที่ 8 ส.ค. คือบทพิสูจน์ความยิ่งใหญ่ด้านเทคโนโลยีของจีนกรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์ : เบื้องหลังพิธีเปิดอย่างอลังการคือเทคโนโลยีชั้นสูงที่จีนตั้งใจแสดงศักยภาพอันยิ่งใหญ่ให้โลกประจักษ์ เริ่มจาก หลี่หนิง นักยิมนาสติกผู้เป็นตำนานของจีนลอยไปบนฟ้าด้วยสลิงและวิ่งพาคบเพลิงไปจุดบนกระถางตามหลังด้วยภาพการวิ่งคบเพลิงทั่วโลกที่ฉายลงบนฉากอย่างน่าอัศจรรย์ การแสดงประวัติศาสตร์ของชาติจีนที่ยาวนานกว่าห้าพันปีบนผืนม้วนผ้าบนสนาม ปลาวาฬยักษ์ที่แหวกว่ายในมหาสมุทรที่เกิดจากการฉายลงบนจอยักษ์ภายในสนาม ฉากลูกโลกยักษ์ที่มนุษย์วิ่งวนไปอยู่รอบๆ ผู้แสดงนับพันสวมใส่ชุดที่เปล่งแสงได้ต่อตัวกันจนกลายเป็นสนามรังนกที่เรืองแสงสว่างไสว
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้เพราะเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยทำให้ศิลปะที่เป็นไปไม่ได้ เกิดขึ้นได้ต่อหน้าต่อตาเราทุกคนราวกับภาพมายา นับว่าเทคโนโลยีผสมผสานกับศิลปะได้อย่างลงตัว
เทคโนโลยีหลอดแอลอีดี (LED) หรือ Light Emitting Diode ถูกนำมาติดตั้งมากกว่า 20,000 ตารางเมตรทั่วสนามรังนกเพื่อสร้างบรรยากาศแบบล้ำสมัย จอภาพแอลอีดีขนาดยักษ์ยาวถึง 147 เมตรและกว้างถึง 22 เมตร ถูกวางอยู่กลางสนามเป็นพื้นเวทีของการแสดงซึ่งประกอบด้วยหลอดแอลอีดีมากถึง 44,000 หลอด เพื่อแสดงภาพของสีสันประกอบการแสดง หลอดแอลอีดียังถูกใช้ประดับบนเสื้อผ้าของนักแสดงเพื่อเปล่งแสงอันสว่างไสวตลอดการแสดง
ม้วนผ้าคล้ายเสื่อยักษ์ที่นำมาใช้แสดงรายละเอียดของประวัติศาสตร์จีนอันยาวนานและลูกโลกยักษ์ก็ถูกสร้างด้วยวัสดุพิเศษประเภทโลหะผสมอัลลูมินัม (Aluminum alloy) ซึ่งมีความแข็งแรง ทนทาน และมีน้ำหนักเบา สามารถรับน้ำหนักนักแสดงนับพันคนได้อย่างสบาย
นอกจากนี้ ในการแสดงเองยังแสดงถึงวิทยาการของจีนที่มีต้นกำเนิดมากมายในจีน ตัวอย่างหนึ่งก็คือ การแสดงแท่งพิมพ์ตัวอักษรจีนคล้ายกับคีย์บอร์ดที่เราใช้ในปัจจุบัน ซึ่งนับว่าเป็นหนึ่งในสี่ของวิทยาการที่สุดยอดในยุคจีนโบราณ
นางฟ้าลอยลงมาจากฟากฟ้าสวมใส่ชุดที่เปล่งแสงระยิบระยับคล้ายกับนางฟ้าในภาพเขียนโบราณของจีน และนับเป็นครั้งแรกที่มีการใช้เทคโนโลยี IT เช่น ซอฟต์แวร์และการควบคุมด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ในการควบคุมนักแสดงมากกว่า 18,000 ชีวิตบนสนาม เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดเลย
การควบคุมการแสดงทั้งหมดที่สลับซับซ้อนตลอดทั้งพิธียังถูกควบคุมจากศูนย์ควบคุมแบบเดียวกับที่ใช้ควบคุมการปล่อยจรวด Shenzhou 4000 ที่นำนักบินอวกาศของจีนคนแรกไปบินรอบโลกมาแล้ว
พลุดอกไม้ไฟซึ่งถือว่ามีต้นกำเนิดที่ประเทศจีนก็ถูกนำมาใช้ปิดท้ายพิธีเปิดอย่างน่าดูน่าชมจนแทบไม่กะพริบตา เทคโนโลยีการยิงพลุด้วยแรงอัดคล้ายกระสุนปืนใหญ่และควบคุมตำแหน่งอย่างแม่นยำด้วยคอมพิวเตอร์ทำให้การยิงพลุมากกว่า 40,000 ดอกจากจุดต่างๆ มากกว่า 30 จุดทั่วสนามไม่มีการผิดพลาดเลย และยังใช้พลุแบบพิเศษที่ไม่เกิดควันเพื่อลดมลภาวะในอากาศอีกด้วย
ที่สุดยอดก็คือเทคโนโลยีทุกอย่างที่ใช้เป็นผลงานของบริษัทในประเทศจีนทั้งหมด เรื่องโดย - ดร. อดิสร เตือนตรานนท์http://bangkokbiznews.com/2008/08/15/news_285650.php
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
aiwen^mei
|
 |
« ตอบ #11 เมื่อ: 23-08-2008, 08:08 » |
|
นวัตกรรมที่โอลิมปิกปักกิ่ง [23 ส.ค. 51 - 18:26] วันเสาร์สบายๆ วันนี้มาคุยส่งท้าย โอลิมปิกปักกิ่ง 2008 กันนะครับ วันพรุ่งนี้การแข่งขันก็จะสิ้นสุดลง หลังจากที่แข่งขันกันมา 16 วันเต็ม ท่ามกลางเสียงหัวเราะและน้ำตาของผู้ชนะและผู้แพ้
ความยิ่งใหญ่อลังการของ โอลิมปิกปักกิ่ง ที่จีนสร้างไว้ ได้กลายเป็นตำนานและเป็นการบ้านสำคัญสำหรับ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ที่จะเป็น เจ้าภาพกีฬาโอลิมปิก 2012 ในอีก 4 ปีข้างหน้า
โอลิมปิกปักกิ่ง 2008 นอกจากการทุ่มทุนสร้างมหาศาลกว่า 43,000 ล้านดอลลาร์ กว่า 1.48 ล้านล้านบาทแล้ว ยังเป็นเวทีโชว์ นวัตกรรมใหม่ล่าสุด ของ เทคโนโลยีกีฬา ที่หลากหลาย ทั้งการใช้วิทยาศาสตร์การกีฬาช่วยพัฒนาศักยภาพของนักกีฬา ไปจนถึงนวัตกรรมทางเสื้อผ้านักกีฬา และอุปกรณ์การแข่งขันที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของนักกีฬาด้วย
ทำให้การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่ปักกิ่งครั้งนี้ มีการ ทำลายสถิติโลก มากมายอย่างไม่เคยมีมาก่อน อย่างเช่น ชุดว่ายน้ำ ของนักกีฬาว่ายน้ำที่ช่วยให้ว่ายน้ำได้เร็วขึ้น จนมีการทำลายสถิติโลกเป็นว่าเล่น
ผมเลยขอเก็บเอาบางส่วนมาเล่าสู่กันฟัง
ลูกวอลเลย์บอล ก็ใช้นวัตกรรมจากไฟเบอร์ผลิตแทนหนัง ช่วยให้ นักกีฬาคอนโทรลลูกได้ง่ายขึ้น เพราะผิวลูกบอลจะเรียบและกลมมากขึ้น
จักรยาน ที่นักกีฬาออสเตรเลียนำมาใช้แข่งขัน ผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์แบบหล่อเป็นชิ้นเดียว ทำให้โครงจักรยานแข็งแกร่งมาก แต่น้ำหนักเบาเพียง 15 ปอนด์เท่านั้น โดยวิศวกรบริษัทอากาศยานเป็นผู้ออกแบบ เพื่อให้โครงของจักรยานมีความถ่วงน้อยที่สุดเพื่อเพิ่มความเร็วมากขึ้น
รองเท้าวิ่ง ที่ค่าย อาดิดาส ออกแบบให้กับเจอเรมี วาริเนอร์ นักวิ่งเหรียญทองโอลิมปิกจากเอเธนส์ ปุ่มที่พื้นรองเท้าสองข้างจะไม่เท่ากัน เพราะวาริเนอร์ใช้เท้าขวาในการวิ่งและใช้เท้าซ้ายในการทรงตัว พื้นรองเท้าทำจากคาร์บอนนาโนที่เบาเป็นพิเศษ แต่แข็งแรงมาก หลังจากนี้อาดิดาสจะใช้ดีไซน์นี้ผลิตรองเท้าวิ่งออกขายทั่วไปในไม่ช้านี้
ไม้ปิงปอง ที่ หวังลีจิน นักปิงปองเหรียญทองโอลิมปิก 2 เหรียญใช้ ก็ได้รับการออกแบบให้มีความเบากว่าไม้ปิงปองมาตรฐานเล็กน้อย แต่ยางที่อยู่ หน้าไม้ได้รับการออกแบบพิเศษให้มีทอปสปรินต์มากขึ้น
แว่นตาว่ายน้ำสปีดู ซึ่งเป็นแว่นตาว่ายน้ำยอดนิยมที่ใช้ในการแข่งขันโอลิมปิกครั้งนี้ ก็ได้รับการออกแบบใหม่ ด้านข้างเล็กลงและเอียงมากขึ้น เพื่อลดแรงเสียดทานของน้ำ ช่วยให้น้ำไหลออกได้ง่ายขึ้น และขอบแว่นไม่มียางรองรับ
ระบบสตาร์ตการแข่งขัน โอเมก้าซึ่งเป็นผู้จับเวลาโอลิมปิกปีนี้ ได้พัฒนาปืนสตาร์ตด้วยการเพิ่มลำโพงตามลู่การแข่งขันทุกลู่ เพื่อให้นักวิ่งในลู่ต่างๆ ได้ยินเสียงปืนการแข่งขันเท่ากัน
แม้แต่ บัตรเข้าชม การแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ปีนี้จีนก็นำ เทคโนโลยีคลื่นวิทยุ ที่เรียกว่า RFID มาใช้แทนระบบบาร์โค้ดที่ใช้กันทั่วไปเพื่อป้องกันบัตรปลอม มีการใส่เลขที่นั่ง ประเภทกีฬา และสนามแข่งขัน เข้าไปในชิพที่อยู่ในบัตร เวลาเข้าชมการแข่งขัน ก็ใช้บัตรโบกผ่านเครื่องอ่านวิทยุที่อยู่ในบัตรช่วยให้ตรวจบัตรเร็วขึ้นมาก
ความจริงยังมีนวัตกรรมต่างๆ อีกมาก คงเอามาจาระไนไม่หมด
ที่น่าทึ่งสุดๆ ที่ผมต้องเอามาเล่าส่งท้ายก็คือ การเตรียมอาหารกว่า 3.5 ล้านมื้อ สำหรับนักกีฬาและคณะกรรมการแข่งขันในกีฬาโอลิมปิกครั้งนี้ บริษัทอารามาร์ก ของสหรัฐฯผู้ประมูลได้ ต้องใช้เวลาเตรียมงานล่วงหน้าถึง 2 ปี เพื่อบริการแค่ 16 วัน อาหารแต่ละอย่างต้องใช้ปริมาณมหาศาล เช่น เนื้อไก่ต้องใช้ถึง 7 หมื่นกิโล ไข่ไก่ใช้ 8 แสนฟอง แม้แต่ กล้วย ยังต้องใช้ถึง 9 แสนกว่าใบ หลับตานึกดู ข้าวของอื่นๆ ต้องใช้อีกเท่าไร พูดได้คำเดียวว่า ยอดเยี่ยมจริงๆ.
ลม เปลี่ยนทิศ http://thairath.co.th/news.php?section=society03&content=101553
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
aiwen^mei
|
 |
« ตอบ #12 เมื่อ: 23-08-2008, 13:32 » |
|
 "ศุภักษร" ให้นิยามใหม่กับพิธีเปิดโอลิปิก ณ กรุงปักกิ่งว่า "อารยะนวัตกรรม" ศุภวัฒน์ จงศิริ หรือ "ศุภักษร" ประธานกรรมการ บริษัท คอมอาร์ต โปรดักชั่น ผู้มีประสบการณ์กำกับการแสดงให้พิธีเปิดการแข่งขันกีฬาใหญ่เล็กในเมืองไทยมานับถ้วน แสดงความเห็นต่อพิธีเปิดการแข่งขันปักกิ่งเกมส์ในภาพรวมว่า "ผมให้คะแนนเต็ม 10 ในฐานะชาวเอเชียด้วยกันครับ เพราะถือว่าเป็นพิธีเปิดที่น่าตื่นตาตื่นใจ เต็มไปด้วยจิตวิญญาณ บางอย่างชาวตะวันตกดูแล้วอาจจะไม่เข้าใจ แต่ต้องเข้าใจครับว่ารากฐานประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของโลกตะวันออกและตะวันตกไม่เหมือนกัน ของทางนู้นก็จะคลาสสิคแบบยุโรป ส่วนงานศิลป์ของตะวันออกจะเต็มไปด้วยสีสัน แต่ไม่โฉ่งฉ่าง ผมมองว่านี่เป็น "อารยนวัตกรรม" คือเป็นอารยธรรมที่นำเสนอโดยนวัตกรรมครับ"สำหรับประเด็นที่ถูกโจมตีในเรื่องของการใช้คอมพิวเตอร์กราฟฟิคบางส่วน กับการลิปซิงก์ของหนูน้อยหลินเมี่ยวเข่อ และหยางเพ่ยอี๋ นั้น "ศุภักษร" บอกว่า ด้านศุภักษรไม่ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับประเด็นนี้ แต่กล่าวว่า การมองเนื้องานโดยภาพรวมควรจะมองตั้งแต่ต้นจนจบ เพราะฉะนั้นที่จะพลาดไม่ได้เลยก็คือ พิธีปิดการแข่งขัน คอยดูว่าเขาจะดับไฟอย่างไร จะบอกอะไร จะสื่อสารอย่างไรเพื่อให้ทั่วโลกจดจำจีนในฐานะหน้าหนึ่งของประวัติศาสตร์โอลิมปิคไปอีกนานเท่านานhttp://www.matichon.co.th/matichon/view_news.php?newsid=01spo09140851§ionid=0114&day=2008-08-14ส่วนตัวเห็นว่า จีนพลาดเพียงประเด็นเดียว เรื่องลิปซิงก์ของหนูน้อยหลิน แต่เรื่องอื่นที่สื่อตะวันตกนำมาโจมตีโดยเฉพาะเรื่องหนูน้อยตัวแทน 56 ชนเผ่านั้น บอกได้ว่า เจียะป้าบ่อสื่อ จริง ๆ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
almondflavor
|
 |
« ตอบ #13 เมื่อ: 23-08-2008, 13:55 » |
|
ขอบคุณคุณมารุจังนะคะ เพราะวันนั้นก็ไม่ได้ดูต่อเนื่องเหมือนกัน
มัวแต่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา เลยได้ดูไม่เต็มที่...
เดี๋ยวจะไปดูเต็มๆมั้งแล้วคะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
มารุจัง
|
 |
« ตอบ #14 เมื่อ: 24-08-2008, 16:14 » |
|
วันนี้มีพิธีปิดแล้วนะคะ 19.00น. ระวังพลาดกันอีกนะคะ... อิอิอิ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ประชาธิปไตย มิได้จบอยู่แค่การเลือกตั้งปล.รูปจากเวบ ผจก.
|
|
|
Şiłąncē Mőbiuş
|
 |
« ตอบ #15 เมื่อ: 01-09-2008, 22:42 » |
|
มีใครบันทึกพิธีเปิดกับปิดไว้บ้างไม๊ครับ
รบกวน Write ให้หน่อยยยยย
แบบว่าอยากดูมั่กๆๆๆๆ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
 “People should not be afraid of their governments. Governments should be afraid of their people.” . “ประชาชนไม่ควรกลัวรัฐบาลของตนเอง รัฐบาลต่างหากที่ควรกลัวประชาชน” .. แวะไปเยี่ยมกันได้ที่ http://silance-mobius.blogspot.com/ นะครับ .
|
|
|
|