การเงิน/การคลัง สามชายรุมโทรมหนึ่งหญิง "ธปท." เธอจะต้านแรงชายได้ซักกี่น้ำ

อัพเดทไว้หน่อย

'เรืองไกร'ยื่นปธ.วุฒิฯส่งศาลรธน.สอบคุณสมบัติ'เลี้ยบ'
มติชน วันที่ 08 สิงหาคม 2551 - เวลา 15:16:49 น.

นายเรืองไกร แถลงความคืบหน้ากรณีการรวบรวมรายชื่อ ส.ว. 1 ใน 10 ของจำนวน ส.ว.ทั้งหมด หรือประมาณ 15 คน เพื่อยื่นเรื่องต่อประธานวุฒิสภาเพื่อส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย กรณี นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและนางปราณี ภรรยา อาจเข้าข่ายมีการกระทำต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 269 เนื่องจากถือหุ้นเกินร้อยละ 5 มากกว่าที่กฎหมายกำหนด ว่า ขณะนี้ได้รวบรวมรายชื่อ ส.ว.ได้ 18 คนครบแล้ว และได้ยื่นให้นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา เพื่อยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคุณสมบัติความเป็นรัฐมนตรีต่อไปแล้ว

ปชป.แฉ!มีธงปลด 'ผู้ว่าฯ ธปท.' 'โกร่ง'ยันไม่คิดกอบโกย เล็งเป็นกาวให้'คลัง-แบงก์ชาติ'
มติชน วันที่ 08 สิงหาคม 2551 - เวลา 21:44:02 น.

'ดร.โกร่ง'ปัดข่าวปลดผู้ว่าฯ'ธปท.'เล็งเสนอ นายกฯ อาสากาวใจ 'คลัง-แบงก์ชาติ' ถกเศรษฐกิจทิศทางเดียวกัน ลบภาพขัดแย้งผ่านสื่อ ยัน'ป๋าเปรม'ให้ทำงานที่เป็นประโยชน์กับบ้านเมือง วางกรอบดูแล 4 เรื่องด่วนเศรษฐกิจ 'เลี้ยบ'ยก'อีโคโนมิสต์' ขย่มแบงก์ชาติต่อ ระบุผลสำรวจหลาย ปท.ยุโรปขึ้น ดบ.ฉุดเศรษฐกิจชะลอ

คลิกอ่าน แก๊งออฟโฟร์ยึด'หัวใจ'ตลาดเงิน-ตลาดทุน?..โดย ประสงค์ วิสุทธิ์
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?id=44851&catid=16

นายวีรพงษ์ รามางกูร ประธานคณะที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านเศรษฐกิจของนายกรัฐมนตรี เปิดใจเป็นครั้งแรกหลังประชุมคณะที่ปรึกษาฯ นัดแรก เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล ยืนยันว่า คณะที่ปรึกษาฯชุดนี้จะไม่มีการนำประโยชน์ไปเอื้อธุรกิจเอกชน หรือพวกพ้องอย่างแน่นอน แต่จะยังคงเข้าประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในฐานะผู้ชี้แจงข้อมูลเหมือนตัวแทนหน่วยงานราชการทั่วไป พร้อมวางกรอบการดูแลเศรษฐกิจ 4 ด้าน ส่วนปัญหาระหว่างธนาคารแห่งประเทศไทย และกระทรวงการคลังนั้น จะเสนอให้นายกรัฐมนตรีเชิญทั้ง 2 ฝ่ายมาหารือร่วมกันเพื่อให้มองภาพรวมเศรษฐกิจในทิศทางเดียวกัน

'โกร่ง'ยันไม่หาผลประโยชน์

นายวีรพงษ์กล่าวว่า คณะที่ปรึกษาฯจะมีการนัดประชุมกันทุกวันพฤหัสบดี เวลา 15.00 น. เพื่อจะได้ช่วยดูวาระการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในเรื่องเศรษฐกิจ เพื่อเสนอเป็นข้อมูลให้นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี พิจาณา

"ไม่อยากให้ทุกฝ่ายกังวลใจ เรื่องการเข้ามาหาผลประโยชน์ ไม่เคยมีอยู่ในหัวใจของคณะที่ปรึกษาชุดนี้ ยืนยันได้จากประวัติการทำงานของผมที่เข้ามาเกี่ยวข้องในแวดวงราชการกว่า 25 ปี ไม่เคยมีปัญหาเรื่องนี้ และที่ผ่านมานายกรัฐมนตรี ทุกคนเคยเรียกตนเข้าไปปรึกษาหรืออยู่แล้ว เพียงแต่เป็นข่าวบ้างไม่เป็นข่าวบ้างเท่านั้น" นายวีรพงษ์กล่าว

ถามว่า เมื่อคิดว่าเข้ามาทำงานนี้ เป็นการเสียสละเพื่อชาติก็ควรที่จะสละหยุดทำงานในบริษัทเอกชนไว้ก่อน นายวีรพงษ์กล่าวว่า "พูดแบบนี้ก็เกินไป ผมเป็นคนมีครอบครัวที่ต้องดูแล ถ้าจะให้ลาออกจากตำแหน่งในบริษัทเอกชน ผมลาออกจากตำแหน่งนี้ไม่ดีกว่าหรือ"

เร่งมือ4เรื่องดูแลเศรษฐกิจ

นายวีรพงษ์กล่าวว่า เบื้องต้นจะทำความเห็นเสนอนายกฯ พิจารณา 1.ศึกษาและเสนอแนะภาพรวมเศรษฐกิจในครึ่งปีหลัง ซึ่งต้องทำเร่งด่วน 2.การเตรียมการประชุมอาเซียน ที่จะต้องมีรัฐมนตรีเศรษฐกิจเข้าร่วมประชุมด้วย แต่ยังไม่ได้มีการเตรียมการอะไร จึงอยากเสนอเรื่องให้นายกฯ ตัดสินใจเร่งด่วน 3.นโยบายด้านพลังงาน และปัญหาการลงทุน รวมทั้งนโยบายเศรษฐกิจมหภาคที่ยังไม่เป็นทิศทางเดียวกัน

"เรื่องนโยบายเศรษฐกิจคงมีการประสานหน่วยงานที่รับผิดชอบประสานข้อมูลให้เป็นเรื่องเดียวกัน เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน ทั้งข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คาดว่า จะทำความเห็นเสนอนายกฯให้พิจารณาได้ภายในสัปดาห์หน้า" นายวีรพงษ์กล่าว

เล็งเสนอนายกฯกาวใจ'คลัง-ธปท.'

ส่วนความขัดแย้งระหว่างกระทรวงการคลังและ ธปท. จำเป็นต้องมีคนกลางเข้าไปประสาน ซึ่งคณะที่ปรึกษาจะเข้าไปช่วยดู โดยจะเสนอให้นายกฯเชิญผู้แทน 2 ฝ่ายมาหรือร่วมกัน จะได้ไม่ต้องมีข่าวความขัดแย้งผ่านสื่อมวลชนอีก ส่วนจะเป็นกาวใจอย่างไร ขอให้คอยดู เป็นเรื่องศิลปะ อย่างไรก็ตาม เมื่อถามว่ามองการทำงานของนางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการ ธปท. อย่างไร นายวีรพงษ์กล่าวว่า หน้าที่ของที่ปรึกษาจะดูเรื่องนโยบาย เรื่องการปฏิบัติจะไม่เข้าไปยุ่ง

"ยืนยันว่า ที่มีการมองกันว่าเข้ามาทำงานนี้เพื่อจะปลดผู้ว่าการ ธปท. ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ทีมปรึกษาไม่ได้มีอำนาจอะไร" นายวีรพงษ์กล่าว

ถามว่า จะเป็นกาวใจให้บ้านสี่เสาเทเวศน์กับทำเนียบด้วยหรือไม่ นายวีรพงษ์กล่าวว่า ไม่ทราบ แต่ก่อนหน้านี้ ได้มีโอกาสพูดคุยกับ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี ก็บอกว่าดีเสียอีก เพราะเป็นงานบ้านงานเมืองเป็นประโยชน์แก่ประชาชนไม่ใช่ประโยชน์ของคนใดคนหนึ่ง

'ณรงค์ชัย'ไม่ลาออกจากเอกชน

นายณรงค์ชัย อัครเศรณี ที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิของนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ เปิดเผยว่า สถานะของที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจของนายกรัฐมนตรีไม่มีอำนาจเบ็ดเสร็จในการดำเนินนโยบายเอง ทำให้ตำแหน่งที่ปรึกษาไม่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ จึงไม่จำเป็นต้องลาออกจากหน่วยงานที่ดำรงอยู่ในปัจจุบันที่ส่วนใหญ่เป็นหน่วยงานราชการ หรือเกี่ยวข้องกับการตรวสอบที่ไม่เกี่ยวกับผลประโยชน์แน่นอน เพราะการดำรงตำแหน่งเอกชนกว่า 30 แห่งนั้นส่วนใหญ่ปิดกิจการไปกว่าครึ่ง ที่เหลือจะเน้นประธานกรรมการ กรรมการอิสระ กรรมการตรวจสอบ ซึ่งไม่สามารถเพิ่มหรือรับผลประโยชน์

"ส่วนเรื่องเร่งด่วนทางเศรษฐกิจที่ต้องการแก้ไข คือเรื่องพลังงานและปัจจัยที่บีบการลงทุน รวมถึงการบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายของผู้มีรายได้น้อย โดยปัจจัยที่บีบการลงทุนคือ อัตราดอกเบี้ยที่ไม่ควรสูงเกินไปและการดูแลให้สภาพคล่องมีเพียงพอ รวมถึงดูแลค่าเงินบาทให้มีเสถียรภาพ ซึ่งผมมองว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ ธปท.ในปัจจุบันยังอยู่ในระดับที่ดี ใกล้เคียงกับอัตราดอกเบี้ยในต่างประเทศ ผมมองว่าการใช้ดอกเบี้ยเพื่อแก้ไขเงินเฟ้อไม่ได้ผลในขณะนี้ ควรเป็นการใช้อัตราดอกเบี้ยในการรักษาสมดุลให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมจะเป็นการดีกว่า"นายณรงค์ชัยกล่าว

'เลี้ยบ' ยกสื่อนอกอัดขึ้น 'ดบ.'

นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวปาฐกถาพิเศษ "พลิกวิกฤต สร้างโอกาส ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย" ในงานสัมมนา "ทางรอดประเทศไทย ภายใต้ความผันผวนของเศรษฐกิจโลก" จัดโดยนิตยสาร Stock Focus เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม ตอนหนึ่งระบุว่า สถานการณ์เงินเฟ้อ ขณะนี้มีทิศทางชะลอตัวลงทุน และคงไม่ปรับขึ้นเป็นเลข 2 หลัก เนื่องจากเริ่มคาดการณ์ว่าราคาน้ำมันจะเฉลี่ยอยู่ที่ 90-110 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และการเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายคงเป็นไปได้ยาก เนื่องจากนิตยสารอีโคโนมิสต์ตีพิมพ์รายงานวิเคราะห์การแก้ไขเงินเฟ้อ 2 โมเดล ในหลายประเทศพบว่า ประเทศยุโรปที่ขึ้นดอกเบี้ยแก้เงินเฟ้อ กำลังประสบปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัว ขณะที่สหรัฐตัดสินใจไม่เพิ่มอัตราดอกเบี้ย แม้ทำให้เศรษฐกิจขยายตัวต่ำกว่าที่คาด แต่ก็ขยายตัวดีกว่าไตรมาสแรกปีนี้ ดังนั้นการแก้ปัญหาเงินเฟ้อจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงได้รับการพิสูจน์ในระยะสั้นแล้ว

ย้ำให้ผู้ว่าการ'ธปท.'ต้องรับผิดชอบ

"ผมอยู่ในฝั่งที่เชื่อว่าอัตราเเงินเฟ้อครึ่งปีหลังจะขยายตัวไม่ถึง 2 หลัก ซึ่งหลังจากที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยนโยบายไปแล้ว กระทรวงการคลังก็สามารถพูดได้ว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย" นพ.สุรพงษ์กล่าว และว่า ตนต้องยึดคำขวัญตอนหนึ่งในภาพยนตร์เรื่องสไปเดอร์แมนที่บอกว่าอำนาจที่ยิ่งใหญ่ต้องมาพร้อมความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ คือ ต้องแสดงความรับผิดชอบต่อสิ่งที่ตัดสินใจด้วย เพื่อให้รู้จักใช้อำนาจให้ถูกต้อง

นพ.สุรพงษ์กล่าวว่า การที่ระบุว่า ผู้บริหารจะต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ตัดสินใจ ไม่ได้หมายความว่านางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะต้องรับผิดชอบ แต่เป็นการพูดแบบทั่วไป เพื่อเตือนใจตัวเองและผู้ที่มีอำนาจหน้าที่ว่าความรับผิดชอบจะต้องมาพร้อมกับการตัดสินใจ ดังนั้น เมื่อจะดำเนินการใดๆ จำเป็นจะต้องทำทุกอย่างให้รอบคอบและต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ตัดสินใจลงไปด้วย นอกจากนี้ ได้สั่งการให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ติดตามและประเมินผลที่เกิดจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ ธปท.อย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นข้อมูลในการดูแลเศรษฐกิจของประเทศ

แย้มถ้าปลดไม่ใช่เพราะเห็นต่าง

ส่วนที่นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ออกมาระบุว่าเรื่องนโยบายการเงินการคลังที่ไม่สอดคล้องกันจำเป็นจะต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งถอย นพ.สุรพงษ์มองว่า ถ้าถึงจุดหนึ่งที่ความคิดเห็นเกิดแตกต่างกันมาก ก็คงต้องตัดสินใจว่าฝ่ายใดจะเป็นผู้เดินหน้า ส่วนการปลดผู้ว่าการ ธปท.ขอยืนยันว่าไม่ได้มาจากความเห็นแตกต่างแน่นอน เพราะขณะนี้คนเห็นแตกต่างกันมาก แต่ไม่ใช่การมีวิวาทะกัน เพราะถ้าเป็นวิวาทะก็อันตราย เนื่องจากประชาธิปไตยไม่เกิด แต่การให้ความคิดเห็นที่แตกต่างเป็นการรับฟังความคิดเห็นของอีกฝ่ายหนึ่งที่ต้องพึงสังวร

ให้สศช.จัดสัมมนาตีปี๊บศก.

ทั้งนี้ นพ.สุพงษ์คาดว่าเงินเฟ้อครึ่งปีแรกประมาณ 7% และทั้งปีเฉลี่ย 7-8% ส่วนเศรษฐกิจครึ่งปีแรกขยายตัวได้ 6% ทั้งปีขยายตัว 6% โดยนโยบายครึ่งปีหลังจะเป็นลักษณะยันเศรษฐกิจไว้ ก่อนจะรุกในช่วงต้นปี 2552 ด้วยการลงทุนขนาดใหญ่ (เมกะโปรเจ็คต์) ที่ประเมินว่าปี 2550 จะมีเม็ดเงินไม่ต่ำกว่า 2 แสนล้าน โดยระหว่างวันที่ 12-14 กันยายน 2551 สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) จะจัดสัมมนาครั้งใหญ่ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุน นอกจากนี้จะมีการลงทุนด้านชลประทาน เพื่อให้เกษตรกรผลิตได้ 3 ครั้งต่อปี รวมทั้งมีแนวคิดสร้างไซโลเก็บผลผลิตการเกษตรเพื่อจะได้ไม่ต้องรีบขายในช่วงราคาตก

"ผมยืนยันว่า รัฐบาลมีแนวคิดแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในระยะยาว ไม่ใช่แค่ระยะสั้น เหมือนกับกรณีการออก 6 มาตรการ 6 เดือน ที่ถูกโจมตีว่าหาเสียงเพื่อเตรียมการยุบสภาในช่วงหลังจากนี้ แต่ในความเป็นจริงไม่มีรัฐบาลชุดใดอยากบริหารประเทศแค่ระยะสั้น โดยรัฐบาลนี้ก็ไม่ได้ต้องการกลับไปสู่การเลือกตั้งในเวลาที่เร็ว เพราะ ส.ส.จะเหนื่อย และรัฐบาลก็ต้องการดำเนินนโยบายอย่างต่อเนื่องด้วย" นายแพทย์สุรพงษ์กล่าว

'กรณ์'เตือน'สุชาติ'ระวังปาก

ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลัง (เงา) กล่าวถึงกรณีที่นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ระบุว่าหากรัฐบาลกับ ธปท.เห็นไม่ตรงกัน ตกลงกันไม่ได้ ผู้ว่าการ ธปท.ก็ต้องออกว่า นายสุชาติต้องระมัดระวังในการแสดงความคิดเห็นที่สร้างความแตกแยกในหน่วยงานสำคัญๆ ในการบริหารเศรษฐกิจ ทั้งนี้ ธปท.เป็นหน่วยงานที่สำคัญของรัฐ มี พ.ร.บ.ธนาคารแห่งประเทศไทยดูแลโดยตรง การแสดงความเห็นดังกล่าวเป็นการบั่นทอนความเชื่อมั่นในการบริหารเศรษฐกิจโดยรวม ซึ่งไม่เป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจไทย

"ผมไม่ติดใจกับนายสุชาติที่เพิ่งมาเข้ารับตำแหน่ง เพราะคงต้องการสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเอง" นายกรณ์ระบุ

อัด'เลี้ยบ'ไม่เป็นลูกผู้ชาย

นายกรณ์กล่าวอีกว่า มีความกังวลในบทบาทของ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รัฐมนตรีคลัง ที่มีข้อครหาหลายเรื่อง ทั้งความชอบธรรมในการดำรงตำแหน่งและความพยายามแทรกแซง ธปท.ในการแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหาคณะกรรมการ ธปท.และการปล่อยให้รัฐมนตรีช่วยคลังออกมาแสดงจุดยืนที่ท้าทายต่อ ธปท.และสาธารณะอย่างไม่จำเป็นในลักษณะสร้างความแตกแยก

"การทำงานของ นพ.สุรพงษ์สะท้อนถึงความไม่เป็นลูกผู้ชาย โดยเฉพาะการต่อกรกับผู้ว่าการ ธปท.ที่เป็นสุภาพสตรี อยากถามว่า รัฐมนตรีคลังมีจุดยืนอย่างไรในเรื่องนี้ ไม่ควรแอบอยู่หลังตัวแทนของท่านในกรณีต่างๆ รัฐมนตรีคลังควรพูดจากับผู้ว่าการ ธปท.โดยตรง เพื่อประโยชน์ของส่วนรวมในแง่การสร้างความเชื่อมั่นในการบริหารเศรษฐกิจ จึงขอให้รัฐมนตรีช่วยคลัง และโดยเฉพาะรัฐมนตรีคลังทบทวนบทบาทและวิธีการแสดงความคิดเห็นที่อาจจะมีความแตกต่างบ้าง" นายกรณ์กล่าว

'จุติ'ชี้มีธงปลดผู้ว่าการ'ธปท.'

นายจุติ ไกรฤกษ์ ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคลัง (เงา) กล่าวว่า การที่นายสุชาติออกมาระบุให้ให้นางธาริษา ผู้ว่าการการ ธปท.ลาออกจากตำแหน่งนั้น เป็นการสร้างสถานการณ์ เพื่อปูทางปลดผู้ว่าการ ธปท. ซึ่งรัฐบาลตั้งธงมานานแล้ว เมื่อมีการปรับ ครม.จึงได้นำเสนอนักวิชาการที่ใกล้ชิด นพ.สุรพงษ์เข้ามาดำรงตำแหน่ง เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ แต่ความจริงแล้วกลับสร้างความไม่มั่นใจให้กับต่างประเทศ รวมทั้งการแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหาคณะกรรมการบริหาร ธปท.ก็ถูกมองว่ารัฐบาลพยายามแทรกแซง ธปท. ทำให้ขาดความน่าเชื่อมั่นและขาดธรรมาภิบาล

"ไม่ได้มองว่าเป็นการรังแกผู้ว่าการ ธปท. แต่เป็นเพราะรัฐบาลได้ตั้งธงไว้ตั้งแต่ต้นแล้ว" นายจุติระบุ

น้ำมันโลกร่วงต่ำ118เหรียญ

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ราคาน้ำมันดิบไลต์สวีทซื้อขายในเอเชียวันที่ 8 สิงหาคม ลดลง 23 เซ็นต์ ไปอยู่ที่ 119.79 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากปรับขึ้นไป 1.44 ดอลลาร์ ปิดตลาดที่ 120.02 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลที่ตลาดนิวยอร์กในวันก่อนหน้า ต่อมาในการซื้อขายที่ตลาดลอนดอนในช่วงเช้า ราคาน้ำมันลดลงอีก 2 ดอลลาร์ ไปอยู่ที่ 117.96 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากมีรายงานว่าท่อส่งน้ำมันหลักที่มีเส้นทางผ่านตุรกีซึ่งลำเลียงน้ำมันจากเอเชียไปยังตะวันตกที่ถูกกลุ่มกบฏโจมตี จะกลับมาใช้งานตามปกติเร็วกว่ากำหนดคือภายในไม่เกิน 10 วัน จากเดิมที่คาดว่าจะใช้เวลาซ่อมแซมประมาณ 1-2 สัปดาห์