ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
20-04-2024, 07:18
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  เศรษฐกิจจีนจะโตในระดับนี้ได้อีกกี่ปี 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
เศรษฐกิจจีนจะโตในระดับนี้ได้อีกกี่ปี  (อ่าน 1527 ครั้ง)
สาวก Killer
สมาชิกสามัญขั้นที่ 1
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 43


ยาดีนั้นมีรสขม


« เมื่อ: 11-06-2006, 04:31 »

เท่าที่รู้มาจีนโตเร็วมาก แต่ไม่ทราบว่าฐานแข็งรึเปล่า
ฐานด้านการศึกษาก็ยังอ่อนอยู่และกระจุกตัวอยู่แค่ในเมืองใหญ่ๆอย่างปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้
คนจนในต่างจังหวัดก็มีมาก ช่องว่างทางฐานะต่างกับคนเมืองมาก และถ่างออกไปเรื่อยๆ
ถนนหนทางการขนส่งก็ไม่รู้ว่าปรับปรุงไปถึงไหนแล้ว
รัฐบาลท้องถิ่นก็ไม่รู้ว่ามีส่วนส่งเสริมเศรษฐกิจภาคท้องถิ่นอย่างไรบ้าง
นโยบายรัฐบาลกลางที่กระตุ้นและส่งเสริมเศรษฐกิจที่ค่อนข้างจะทำตัวเลขได้ดี
ก็ไม่รู้จะเป็นปลาวาฬตายน้ำตื้นรึเปล่าก็ไม่รู้

การแข่งขันที่สูงการเปลี่ยนสภาพแวดล้อมเร็วไม่รู้จะดีต่อธุรกิจภาคเอกชนยังไงบ้าง
แต่ที่แน่ๆลดคุณธรรมของประชาชนลงไปมาก
คนจีนรุ่นใหม่ๆค่อนข้างจะชาตินิยม และภูมิใจในการเติบโตของเศรษฐกิจอย่างเดียว
โดยลืมเรื่องการเมืองสังคมวัตนธรรมจริยธรรมว่าต้องพัตนาไปพร้อมๆกัน
ขาดการสร้างระบบให้ประชาชนคิด รัฐบาลเป็นผู้ชี้นำหมด
ซึ่งก็ดีตรงที่ทุกคนมุ่งไปทางเดียวส่งผลให้ก้าวเร็วแบบก้าวกระโดด
แต่ก็ไม่รู้ว่าก้าวเร็วๆจะซ้ำรอยเหมาอีกครั้งรึเปล่า

การที่จีนโตเร็วผมมีความเห็นว่าจีนจะเปลี่ยนเป็นตลาดผู้บริโภคสินค้านำเข้ามากขึ้น
และลดการแข่งขันส่งออกสินค้า low-tech กับนานาชาติ
ซึ่งส่งผลดีต่อไทยซึ่งเป็นผู้ส่งออกภาคเกษตรกรรม และสินค้า low-tech

ประเทศทางยุโรปพยายามเปลี่ยนไปใช้การร่วมมือกันในภูมิภาคมากขึ้น
กีดกันสินค้านำเข้าจากเอเซียมากขึ้น
และขยับหนีไปผลิตสินค้า high-tech แทน

ประเทศอเมริกาก็พยายามกดดันค่าเงินและรักษาดุลการค้าและเศรษฐกิจอย่างสุดชีวิต
ตลาดหุ้นก็ร่วงเพราะทุกอย่างจ้างผลิตนอกประเทศหมดทั้งจีนและอินเดีย
พยายามเล่นเรื่องสิทธิมนุษย์ชนและค่าแรงขั้นต่ำในจีน
และดิสเครดิตรัฐบาลจีน ช่วยญี่ปุ่นสร้างกองทัพใหม่ ช่วยใต้หวันสร้างจุดยืนในการต่อต้าน

ถ้าโตต่อไปเรื่อยๆจีนก็มีทางเลือก 2 ทาง คือรักษาระดับการโตนี้ต่อไป แต่ก็เสี่ยงต่อฟองสบู่แตกเพราะฐานไม่แน่น
หรืออาจจะรักษาระดับการโตให้ลดลง แต่เสริมฐานให้แน่นขึ้น และปรับค่าเงินให้สูงขึ้นเพื่อลดแรงกดดัน


ซึ่งไม่รู้ว่าอนาคตจะมีผลกระทบต่ออุตสาหกรรมในประเทศไทยอย่างไรบ้าง
แต่ผมเชื่อว่าถ้าไม่โตจนฟองสบู่แตกซะก่อน คงไม่ส่งผลลบต่อประเทศไทยแน่นอน
บันทึกการเข้า

ท่าน Killer คือตัวแทนแห่งความซื่อสัตย์
THX
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 569



« ตอบ #1 เมื่อ: 11-06-2006, 05:46 »

ไม่รู้จริงนี่ การเดินทางสามารถนั่งรถไฟฟ้าจากฮ่องกง ตรงถึงกรุงปักกิ่งได้ การกระจุกตัวในปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ก็ไม่จริง แต่ที่เห้นจากทีวี ประชากรจีนดูเยอะ ก็อย่าลืมนะว่าจีนมีประชากรมากเป็นอันดับ 1 ลืมเซิ่นเจิ้นไปรึเปล่า เขตเศรษฐกิจพิเศษ หรืออย่างจงซาน เมืองอุตสาหกรรม สินค้าหลาย ๆ ตัวผลิตที่นี่นะครับ อย่างพกวเครื่องใช้ไฟฟ้า พวกติดแบรนด์ SONY Panasonic อะไรแบบนี้ ถ้ามาที่จงซานแทบอยากจะโยนเครื่องทิ้งเลย ซื้อมาซะแพง แต่มันมาผลิตโรงงานเดียวกับยี่ห้อจีนแดง แม้แต่ Rolex Made in Swiss ก็เหมือนกัน นำเข้าชิ้นส่วนจากกSwiss จริง แต่มาประกอบที่นี่ และมีสินค้าแบรนด์อีกหลายประเภทที่ผลิตที่นี่ ไม่ใช่ Copy นะ ของแท้ ผลิตให้ประเทศแม่ แล้วส่งกลับไปตีตราขายทั่วโลก ถนนหนทาง ถ้าเป็นแถวกุ๋ยหลิน หรือเสฉวน อาจจะเป็นชนบท ไม่ใช่ว่าไม่มีงบทำนะ แต่รัฐบาลจีนเขามองสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติต่างหาก คนแถวนี้ใช้เกวียนเทียมม้าวิ่ง เพื่อรักษาธรรมชาติ ห้ามรถยนต์เข้าในบางพื้นที่ ถ้ามีโอกาส ได้ไป ลองไปดู จงซาน เซิ่นเจิ้น มาเก๊า โทษทีเถอะ กรุงเทพยังอายเลย เจอถนนของเค้าน่ะ แล้วคนอพยพไปกระจุกตัวตามเมืองใหญ่แบบที่คุณว่าก็ไม่มีนะครับ การเดินทางข้ามมณฑล คนจีนจะต้องแสดงPassport ในการข้ามมณฑล แล้วต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ด้วยว่า จะไปมณฑลไหน ไปกี่วัน พักที่ไหน ไม่ใช่อยากจะข้ามก็ข้าม สถานีรถไฟทุกแห่งทั่วประเทศ มีด่านตรวจคนเข้าเมืองทุกจุด เรื่องจะคนจะแห่อพยพไปที่เจริญ ยากมาก ฐานไม่แน่นตรงไหนเหรอ จีนได้ฮ่องกง มาประเทศนึงแล้ว ไต้หวันอีกไม่นานก็ต้องมารวมกัน พูดภาษาเดียวกัน ถึงไม่รวมตอนนี้อีกไม่นานก็รวม ต่อไป จีน ไต้หวัน ฮ่องกง ถ้ารวม 3 ประเทศนี้จะเกิดอะไรขึ้น ลองไปแกะเคสคอมดูนะ แล้วก้มไปมองที่เมนบอร์ด และกราฟฟิกการ์ด ว่า Made in อะไร เทคโนโลยีการทอเสื้อของจีน ไต้หวันเป้นคนสอนนะครับ คนไต้หวันเอง เดี๋ยวนี้ย้ายการลงทุนมาจีนแล้ว แล้วคิดเหรอว่าจะไม่มีโอกาสรวมกันที่ต้องกลัวน่ะ ไม่ใช่จีนต้องกลัว แต่อเมริกา กับอียูต่างหากที่ต้องกลัว ถึงพยายามกดดันสารพัดนักการเมืองจีนไม่มีใครกล้าโกงกินนะครับ เจ้าหน้าที่ระดับท้องถิ่นยักยอกเงิน แค่ 200000 หยวนโดนจับได้ จำคุก 70 ปี  แถมโกงไปก็เอาไปทำอะไรไม่ได้ที่ดินในประเทศ เป็นของรัฐบาล ถ้าใครอยากได้ตรงไหน ไม่มีสิทธิซื้อ แต่รัฐบาลจะเป็นคนให้เช่า เรื่องต่างชาติจะฮุบที่ดินหรือกว้านซื้อ ก็ไม่มีทางทำได้ ได้แค่เช่าเท่านั้น ปกติถ้าเป็นประเทศไทย จะฟอกเงินก็คงซื้อรถ ไม่ก็ที่ดิน แต่ที่จีนทำไม่ได้ ถ้าคุณไปซื้อรถ ถึงจะเป็นประชาชนธรรมดา คุณก็ถูกตรวจสอบทรัพย์สินแหล่งที่มาของเงิน หรือแม้แต่การใช้แคชเชียร์เช็คก็ยังถูกตรวจสอบ ฐานแข็งรเปล่า ผมไม่รู้ แต่สินค้าแบรนด์เนมทั่วโลก แทบทุกจะยี่ห้อ ทำในจีน แล้วส่งไปประเทศแม่เพื่อตีตราออกขาย ผมเคยไปเห้นโรงงานผลิตเครื่องเล่นDVD มาแล้ว จะผลิตออกมาเป้นตัวเปล่า ๆ ไม่ได้ติดยี่ห้อ  แล้วขั้นตอนสุดท้ายอยู่ที่ว่าจะเอามาติดเป็นยี่ห้ออะไร พวกที่ซื้อเครื่องเล่นSONY ผมแนะนำนะว่า ลองเอา SONY ที่คุณคิดว่ามันเป้นของแท้ ไปเทียบกับ Aconatic รูปร่างภายนอกเหมือนกันทุกอย่าง ผิดแต่ยี่ห้อแค่นั้นถ้าแกะภายในมาดูได้ นี่ตัวเดียวกันเลย อะไหล่เอามาแทนกันได้ไม่มีเพี้ยน
บันทึกการเข้า



พวกเรา..เรารู้สึกว่าจะมีสายลับปลอมมาในหมู่ของพวกเราโดยไม่รู้ตัว=__='



( づ ̄ 3 ̄ )づ~~~♡♡♡ ~~
AsianNeocon
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,277


中華萬歲﹗ LONG LIVE CHINA!


เว็บไซต์
« ตอบ #2 เมื่อ: 11-06-2006, 09:09 »

เท่าที่รู้มาจีนโตเร็วมาก แต่ไม่ทราบว่าฐานแข็งรึเปล่า
ต้องยอมรับว่า ยังไม่แข็งครับ โดยเฉพาะภาคธนาคารที่จีนเพิ่งพัฒนามา จากแต่ก่อนที่ปล่อยกู้โดยคำสั่งของรัฐบาล มาเป็นการบริหารแบบธนาคารเอกชน

แต่ถ้าไม่ให้เขาโตเลย คุณลองคิดดูว่า ประชากร 1.3 พันล้าน มีคนวัยเรียนจบการศึกษาไม่ว่าจะระดับมัธยม อุดมศึกษมาปีละเป็นหลักร้อยล้าน เขาต้องโต เพื่อให้มีงานรองรับ มีรายได้ที่กระจายไป ไม่งั้นตายลูกเดียวครับ


ฐานด้านการศึกษาก็ยังอ่อนอยู่และกระจุกตัวอยู่แค่ในเมืองใหญ่ๆอย่างปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้
ก็ไม่เชิงนะครับ ปัจจุบันก็ขยายไปสู่เมืองเอกของทุกมณฑล และพยายามจะขยายออกไปยังเมืองย่อยๆ ผมคิดว่า เปิดประเทศมา 20 ปี ทำได้ขนาดนี้ก็เก่งแล้วนะครับ

คนจนในต่างจังหวัดก็มีมาก ช่องว่างทางฐานะต่างกับคนเมืองมาก และถ่างออกไปเรื่อยๆ
ต้องยอมรับว่า ที่ผ่านมาคนจนของจีนถูกรัฐบาลคอมมิวนิสต์ละเลยไปก็จริง แต่อย่าลืมนะ คนจนจีนไม่มีหนี้เหมือนคนจนในประเทศสาระขัน

อย่ามองจีนแบบที่เรามองประเทศเรานะครับ เพราะที่คุณเห็นในข่าวว่าเป็นทุนนิยมแล้ว จริงๆยังไม่ทุนนิยม 100% เคล็ดลับอยู่ที่ "ที่ดิน" เพราะที่ทำการเกษตรยังถือว่าเป็นของรัฐบาลครับ เวลานี้ฝรั่งมังค่ายุให้จีน "เปิดเสรี" ให้ชาวนาเป็นเจ้าเข้าเจ้าของที่ดิน โดยอ้างว่า ชาวนาจะได้เอาที่ไปจำนองกับธนาคาร ให้ปล่อยกู้ แล้วให้ชาวนาบางส่วนหันไปทำการค้า ฝรั่งบอกว่าจะได้เกิด wealth ........... ลองจินตนาการดูนะครับ ผลลัพธ์จะออกมาเป็นไง กับสังคมที่มีคนเป็นพันล้าน (เพิ่มเติม) "สนามกอล์ฟ" อาจจะผุดเป็นดอกเห็ดแบบในประเทศสาระขันไปแล้วก็ได้ แล้วก็ต้องมาแจก สปก.4-01 อะไรกันต่อ


ถนนหนทางการขนส่งก็ไม่รู้ว่าปรับปรุงไปถึงไหนแล้ว
เคยเห็น motorway ของจีนหรือเปล่าครับ เขาสร้างทั่วประเทศเลย  ยังไม่เสร็จ แต่กำลังขยายให้เป็นใยแมงมุมวัดร้อยเท้าอเมริกา แล้วเก็บค่าใช้แพงๆ เพราะถือว่า มีปัญญาขี่รถ ก็ต้องมีปัญญาจ่าย และทางด่วนมอเตอร์เวย์ที่นั่นก็สร้างอย่างได้มาตรฐานเทียบเท่าญี่ปุ่น ยุโรปไปเลย มีการเจาะอุโมงค์ ฉาบหน้าภูเขากันดินถล่ม

อ้อ แล้วก็จีนสามารถต่อรถไฟได้(แบบอินเดียก็พึ่งตนเอง) เครื่องบินระยะสั้นก็พัฒนาขึ้นใช้เองได้แล้ว อยู่ในระยะทดสอบ ทุกอย่างพึ่งพาตนเองหมดครับ ของไทยเราทำ megaprojects แต่โน่นนี้ก็ต้องซื้อฝรั่งกับญี่ปุ่น


รัฐบาลท้องถิ่นก็ไม่รู้ว่ามีส่วนส่งเสริมเศรษฐกิจภาคท้องถิ่นอย่างไรบ้าง
นโยบายรัฐบาลกลางที่กระตุ้นและส่งเสริมเศรษฐกิจที่ค่อนข้างจะทำตัวเลขได้ดี
ก็ไม่รู้จะเป็นปลาวาฬตายน้ำตื้นรึเปล่าก็ไม่รู้
ตรงนี้น่าสนใจ เพราะว่าเรามองเขาเป็นคอมมิวนิสต์ แต่เขาก็กระจายอำนาจ คือให้แต่ละท้องถิ่นแข่งขันกันดูดเงินลงทุน ซึ่งมันแข่งกันจริง แต่บางครั้งก็มีการสร้างสาธารณูโภค หรือสร้างเมืองใหม่กันจนล้นเกิน ยังเป็นคำถามอยู่



เดี๋ยวประเด็นอื่นจะมาแสดงความคิดเห็นใหม่

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-06-2006, 12:46 โดย ThaiTruth » บันทึกการเข้า

tom
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 156



« ตอบ #3 เมื่อ: 11-06-2006, 09:18 »

เอาอีกๆ
ขอความเห็นเยอะๆหน่อยครับ

เอาแบบมี "สัมมาทิฐิ" เพื่อการให้ความรู้กันและกัน นะครับ
บันทึกการเข้า
THX
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 569



« ตอบ #4 เมื่อ: 11-06-2006, 10:07 »

เซิ่นเจิ้น 26 ปีที่แล้ว นี่ยังเป็นหมู่บ้านชาวประมงนะครับ คนจีนบางคนว่ายน้ำข้ามไปฝั่งฮ่องกง เพื่อหนีความกันดาร หนีไปได้บ้าง โดนจับบ้าง  จมน้ำตายบ้าง ปัจจุบันนี้คนฮ่องกง อยากจะว่ายน้ำข้ามมาอยู่แทน

การลงทุนในจีน มีเงื่อนไขแค่ไม่กี่ข้อ
1.ถ้าคุณลงทุนในพื้นที่ที่ห่างไกลความเจริญ คุณได้รับการยกเว้นภาษี
2.ถ้าการลงทุนไม่กระทบต่อสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติคุณจะได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาล

ลองคิดดูแค่นี้ ทำไมประเทศไทยคิดไม่ได้ คนต่างจังหวัดแห่เข้ากรุงเทพกันหมด เพราะการลงทุนมันไปกระจุกตัวที่เดียว กลายเป็นเมืองแออัดไป แล้วถ้าเร่งสร้างทางคมนาคม  ให้มีรถไฟฟ้าเชื่อมโยงได้ทั่วประเทศ จะกระจายความเจริญได้ดีแค่ไหน คนจะเข้ากรุงเทพ นั่งรถไฟฟ้าเข้ามารถก็ไม่ติด

กรุงปักกิ่ง ถ้าใครขับรถยนต์เข้าไป เครื่องยนต์ห้ามเกิน 800 ซีซี เขามองที่สภาพแวดล้อมและทรัพยากรน้ำมันที่มีน้อย รถซีซีสูง มันเปลืองน้ำมัน และในเมืองไม่ได้ใช้ความเร็วที่มากขนาดนั้น
บันทึกการเข้า



พวกเรา..เรารู้สึกว่าจะมีสายลับปลอมมาในหมู่ของพวกเราโดยไม่รู้ตัว=__='



( づ ̄ 3 ̄ )づ~~~♡♡♡ ~~
ภูพาน
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 671


« ตอบ #5 เมื่อ: 11-06-2006, 10:10 »

..ประเทศจีนค่อยๆ ผ่อนคลายประเทศ  เพื่อปรับตัวเข้ากับทุนนิยม
อาจจากกระแสทุนนิยมของโลก  ที่ตอบสนองกับความต้องการมนุษย์ที่ไม่จบสิ้น
ประชากรในประเทศที่มีมาก  ทำให้ที่มี 'แรงงาน' ราคาถูกจำนวนมาก
ทั่วโลกต่างหลั่งไหลเข้าไปลงทุน 

ประเทศจีนเองพยายามพัฒนา 'เทคโนโลยี่' 
จนขณะนี้จีนเป็นฐานผลิตสินค้าอุตสาหกรรมที่สำคัญต่อโลกไปแล้ว
สินค้าเกษตรที่ผลิตได้มีราคาถูก  สามารถส่งไปขายแข่งยังต่างประเทศได้
สินค้าทั้ง 2 ด้านคือ  สินค้าอุตสาหกรรม  และสินค้าการเกษตร  สามารถตอบสนองกับความต้องการ
ทั้งในประเทศ อีกทั้งสามารถนำไปขายเอากำไรเข้าประเทศ  จึงเป็นความมั่นคงอย่างหนึ่งของจีน

ด้านปัญหาเรื่องสังคม  ศาสนา  สิทธิมนุษย์ชน  น่าจะเป็นปัญหาใหญ่ในสังคมจีน
เป็นปัญหาของคนในชาติด้านจิตใจ ความรู้สึก
เหมือนกับสังคมหลายแห่ง  ที่ต้องการความเข้าใจ  และปรับตัวเข้าหากัน
กฏเหล็กบางครั้งอาจไม่ได้ผล   มีแต่ความรอมชอม 
อย่าลืมว่าคนเมื่อกินอิ่ม นอนหลับ มีปัจจัย 4  แล้ว
ยังต้องการ "ความใฝ่ฝัน"  (เสรี มั่นคง ปลอดภัย)
ประเทศจีนน่าจะพัฒนาด้านเศรษฐกิจมาถูกทาง  และจะเติบโตไปอีกนาน
้...ถ้าไม่สดุดขาตัวเองในปัญหาด้านสังคม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-06-2006, 12:54 โดย ภูพาน » บันทึกการเข้า

ขอกันข้าให้ไกลห่างจากคนที่กล่าวว่า "ข้าเป็นดวงเทียนที่นำความสว่างให้หนทางของประชาชน"
หากแต่ผู้ที่แสวงหาหนทางของตนจากแสงแห่งประชาชนนั้น  ขอจงนำข้าเข้าไปใกล้ชิดด้วยเถิด
~ คาลิล ยิบราน
55555
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,263



« ตอบ #6 เมื่อ: 11-06-2006, 11:49 »

ก็หวังว่าจะไม่โตระเบิดเถิดเทิงแบบหลายปีที่ผ่านมาคับ.......เพราะตอนนี้ น้ำมัน โลหะเกือบทุกชนิด แพงหูฉี่เลย...ดีอยู่อย่างเดียว คือ ราคายางดีขึ้น คนไทยได้ประโยชน์
บันทึกการเข้า
AsianNeocon
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,277


中華萬歲﹗ LONG LIVE CHINA!


เว็บไซต์
« ตอบ #7 เมื่อ: 11-06-2006, 13:08 »

การแข่งขันที่สูงการเปลี่ยนสภาพแวดล้อมเร็วไม่รู้จะดีต่อธุรกิจภาคเอกชนยังไงบ้าง
แต่ที่แน่ๆลดคุณธรรมของประชาชนลงไปมาก
คนจีนรุ่นใหม่ๆค่อนข้างจะชาตินิยม
เรื่องชาตินิยมผมว่าดีนะครับ ประเทศจะรุ่งเรืองจะต้องชาตินิยมก่อน พวกเกาหลีกับอเมริกันจอมชาตินิยมเลย แต่ต้องไม่ใช่ผู้นำเอาชาตินิยมมาบังหน้าในขณะที่ตัวเองบ้าฝรั่งแบบบางประเทศ แบบนี้ก็ซวยหน่อย

และภูมิใจในการเติบโตของเศรษฐกิจอย่างเดียว
โดยลืมเรื่องการเมืองสังคมวัตนธรรมจริยธรรมว่าต้องพัตนาไปพร้อมๆกัน
เรื่องนี้ก็พูดยากนะครับ แต่ผมรู้สึกว่า คนจีนยิ้มแย้มอัธยาศัยดีขึ้น คือต้อนรับแขกเหรื่อมากขึ้น คงเพราะเขารู้จักทำการค้า บรรยากาศมันดีขึ้น ผมไป Shenzhen & Guangzhou ครั้งแรกสมัยเด็กๆ 10 กว่าปีแล้ว จำได้ว่าไปไหนก็มีแต่คนหน้าบึ้งบุญไม่รับ 10 ปีให้หลังเปลี่ยนแบบพลิก ยิ้มแย้ม ต้อนรับดีขึ้นคนละเรื่องเลย เรื่องเห็นแก่ตัวมีมากขึ้นจริง


ขาดการสร้างระบบให้ประชาชนคิด รัฐบาลเป็นผู้ชี้นำหมด
ซึ่งก็ดีตรงที่ทุกคนมุ่งไปทางเดียวส่งผลให้ก้าวเร็วแบบก้าวกระโดด
แต่ก็ไม่รู้ว่าก้าวเร็วๆจะซ้ำรอยเหมาอีกครั้งรึเปล่า
ระบบคอมมิวนิสต์สร้างให้คนคิดเองยาก แต่ขณะเดียวกันไปปล่อยให้เสรีเกินไปก็จะเกิดปัญหาคุมไม่อยู่(คนเป็นพันล้านคน) แต่ว่าการซ้ำร้อยเหมา คงไม่เกิดแล้วแน่นอนฟันธง เพราะสมัยที่เหมาปฏิวัติวัฒนธรรมนั้น ตอนนั้นเหมาเป็นโรคจิตไปแล้ว จีนคงไม่มีผู้นำแบบนั้นอีกต่อไปแล้ว

การที่จีนโตเร็วผมมีความเห็นว่าจีนจะเปลี่ยนเป็นตลาดผู้บริโภคสินค้านำเข้ามากขึ้น
และลดการแข่งขันส่งออกสินค้า low-tech กับนานาชาติ
ซึ่งส่งผลดีต่อไทยซึ่งเป็นผู้ส่งออกภาคเกษตรกรรม และสินค้า low-tech
ก็ไม่แน่นะครับ เพราะว่าเขาเลี้ยงตัวเองได้ทุกด้านเลย เรื่องสินค้าเกษตรส่งออกไปก็คงไม่ได้ทำอะไรได้ เพราะมูลค่าเพิ่มนิดเดียว

ประเทศทางยุโรปพยายามเปลี่ยนไปใช้การร่วมมือกันในภูมิภาคมากขึ้น
กีดกันสินค้านำเข้าจากเอเซียมากขึ้น
และขยับหนีไปผลิตสินค้า high-tech แทน
คิดว่ายุโรปก็ขาดเอเชียไม่ได้หรอก ถึงจะมียุโรปตะวันออกคอยเป็นแหล่งแรงงานราคาถูกให้

ประเทศอเมริกาก็พยายามกดดันค่าเงินและรักษาดุลการค้าและเศรษฐกิจอย่างสุดชีวิต
ตลาดหุ้นก็ร่วงเพราะทุกอย่างจ้างผลิตนอกประเทศหมดทั้งจีนและอินเดีย
พยายามเล่นเรื่องสิทธิมนุษย์ชนและค่าแรงขั้นต่ำในจีน
และดิสเครดิตรัฐบาลจีน ช่วยญี่ปุ่นสร้างกองทัพใหม่ ช่วยใต้หวันสร้างจุดยืนในการต่อต้าน
จริงครับ ถ้าจีนอ่อนแอ และปล่อยไต้หวันแยกตัวเป็นทางการได้เมื่อไร คุณจะเห็น "ฐานทัพอเมริกา" มาตั้งบนไต้หวันทันที

ถ้าโตต่อไปเรื่อยๆจีนก็มีทางเลือก 2 ทาง คือรักษาระดับการโตนี้ต่อไป แต่ก็เสี่ยงต่อฟองสบู่แตกเพราะฐานไม่แน่น
หรืออาจจะรักษาระดับการโตให้ลดลง แต่เสริมฐานให้แน่นขึ้น และปรับค่าเงินให้สูงขึ้นเพื่อลดแรงกดดัน
คงน่าจะทำแบบค่อยเป็นค่อยไปครับ


ซึ่งไม่รู้ว่าอนาคตจะมีผลกระทบต่ออุตสาหกรรมในประเทศไทยอย่างไรบ้าง
แต่ผมเชื่อว่าถ้าไม่โตจนฟองสบู่แตกซะก่อน คงไม่ส่งผลลบต่อประเทศไทยแน่นอน
"เศรษฐกิจพอเพียง" นั่นแหละสำคัญที่สุด อย่าไปบ้าเงินลงทุนต่างชาติมากเกินไปจนไม่ได้กรองเลยว่ามันเอาอะไรเข้ามาบ้าง และคนไทยได้อะไรบ้าง แล้วก็จ้องจะซื้อเทคโนโลยีเขาท่าเดียวแต่ไม่ต่อยอด การศึกษาก็ทำแบบขอไปที มีแต่จำนวนปริญญาบัตรอะไรแบบนี้ ทรัพยากรธรรมชาติก็จะต้องถูกผลาญไปเรื่อยๆ แล้วก็จนลงเรื่อยๆ แต่คุณจะมีเศรษฐกิจพอเพียงไม่ได้ถ้ามีผู้นำประเทศโลภมาก แถมเจ้าเล่ห์ซะอีก

บันทึกการเข้า

นทร์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,441



เว็บไซต์
« ตอบ #8 เมื่อ: 11-06-2006, 14:37 »

"เท่าที่รู้มาจีนโตเร็วมาก แต่ไม่ทราบว่าฐานแข็งรึเปล่า"

บริษัทใหญ่ๆของโลก ย้ายฐานไปผลิตที่จีนกันหมด

ต้นทุนสินค้าต่ำ อันตราการบริโภคภายในประเทศที่สูงขึ้นตามรายได้

สิ้นค้าจากทั่วโลกล้วนมาจากจีน

ทิศทางการบริหารทางเศรษฐกิจไปได้สวยงาม


โตเร็ว และ แข็งมากๆ

เข้าใจว่ากำลังมีความพยายามในการควบคุมระดับตัวเลขอยู่...


อเมริกาต่างหากที่ น่าเป็นห่วง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-06-2006, 14:43 โดย นทร์ » บันทึกการเข้า

"ประชาชน อย่าทิ้งประเทศชาติ"
tom
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 156



« ตอบ #9 เมื่อ: 13-06-2006, 11:32 »

ผมเชื่อว่า หนังทุกเรื่องมีตอนจบ
แล้ว เศรษฐกิจจีน จะมีวันลงหรือเปล่าครับ
แล้ว ประเทศใหนจะเป็นรายต่อไป ในการสร้าง โมเมนตัม ให้กับเศรษฐกิจโลกแบบจีนได้อีก
จะใช่ อินเดียหรือเปล่าครับ
หรือ ต่อไปหน้าตาเศรฐกิจโลกจะเป็นยังไง

ถามมากไปเปล่า Shocked
บันทึกการเข้า
AsianNeocon
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,277


中華萬歲﹗ LONG LIVE CHINA!


เว็บไซต์
« ตอบ #10 เมื่อ: 13-06-2006, 11:45 »

ตอนนี้เขากำลังหาทางลงอยู่ครับ

อยากรู้เรื่องภาพลึกเศรษฐกิจจีน มีหนังสือ "จีน:เศรษฐกิจการเงินการธนาคาร" ของดร.สมภพ มานะรังสรรค์ มาอ่านปูพื้นดู ศูนย์หนังสือจุฬาฯ SE-ED อะไรก็มีครับ เล่มละ 180-200 บาท ขึ้นอยู่กับส่วนลด จะให้ภาพจนถึงปี 2004 เท่านั้น รอท่านดร.อัพเดตเนื้อหา


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-06-2006, 12:53 โดย ThaiTruth » บันทึกการเข้า

นทร์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,441



เว็บไซต์
« ตอบ #11 เมื่อ: 13-06-2006, 14:52 »

เกินดุลการค้าจีนทำสถิติสูงสุด

ปักกิ่ง - กรมศุลากรจีนเผยตัวเลขได้เปรียบดุลการค้าต่างประเทศเดือนพค. เพิ่มขึ้นเป็น 13,000 ล้านดอลลาร์ ถือเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ จาก 9,000 ล้านดอลลาร์ในช่วงเดียวกันปีก่อน ผลจากยอดส่งออกพุ่งขึ้นถึง 25.1% จากช่วงเดียวกันปีก่อน เป็น 73,100 ล้านดอลลาร์ ขณะตัวเลขนำเข้าขยับขึ้น 21.7% เป็น 60,100 ล้านดอลลาร์


12 มิถุนายน 2549 เวลา 14:19:07

http://www.bangkokbiznews.com/nws/scripts/hotnewskt.php?lang=th&newsid=198810&type=ktbu
บันทึกการเข้า

"ประชาชน อย่าทิ้งประเทศชาติ"
พริก
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 149



« ตอบ #12 เมื่อ: 13-06-2006, 15:11 »

โห...สาวก..ชวนคุยเรื่องเศรษฐกิจจีนเลยเร่อะ  อะอะ...ม่ายทำมะดา...

ตอบคำถามก่อนละกัน...เศรษฐกิจจีนจะโตในระดับนี้ได้กี่ปี ? คำถามนี้ต้องไปถาม ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ หรือ ดร.ทนง ลำไย จึงจะถูกต้อง.. หรือให้ดีต้องถาม"หูจินเทา"  ถ้าถามในนี้..ขอโทษ..ช่างศรีษะมันเถอะ // บ้านตัวเองจะวายป่วงอยู่แล้ว กลับไม่เสวนา ?

ขยันจริง //  Innocent
 
บันทึกการเข้า
นทร์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,441



เว็บไซต์
« ตอบ #13 เมื่อ: 13-06-2006, 16:21 »

จีน..ยึดแหล่งน้ำมันในคาซัคสถาน 
 
เมื่อหลายวันก่อนมีข่าวออกมา ว่า ซิติก (CITIC: China International Trust and Investment Corp) ใกล้จะบรรลุข้อตกลงในการซื้อกิจการบริษัท เนชั่น อีเนอร์ยี่ บริษัทสัญชาติแคนาดาที่ดำเนินธุรกิจน้ำมันในประเทศคาซัคสถาน คิดเป็นมูลค่า 2,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ปัจจุบันเนชั่นย อิเนอร์ยี่ ผลิตน้ำมันในคาซัคสถานวันละ 41,000 บาร์เรล และยังได้สิทธิ์ในการสำรวจแหล่งน้ำมันในประเทศอาเซอร์ไบจัน

ทั้งคาซัคสถาน และอาเซอร์ไบจัน ล้วนเป็นประเทศตั้งอยู่ในภูมิภาคเอเชียกลาง ส่วน ซิติก ก็เป็นบริษัทลงทุนระดับโลกของรัฐบาลจีน แต่ไม่ได้มีประสพการณ์ในการบริหารธุรกิจน้ำมันมากนัก เพียงแต่ว่า เนชั่น อีเนอร์ยี่ได้พยายามขายกิจการของตัวเองมานานเป็นปี แม้ธุรกิจในระยะ 10 เดือนแรกปี 2548 จะทำกำไร 179 ล้านดอลลาร์


ขณะนี้ บลูมเบิร์ก กล่าวว่า การซื้อกิจการเนชั่น อีเนอร์ยี่ ของ ซิติก ครั้งนี้ ได้จับมือเป็นพันธมิตร กับ ออย แอนด์ เนชั่วรัล แก๊ส คอร์ป จากอินเดีย เพื่อหลีกเลี่ยงการแข่งขันกันเอง โดยจะชิงชัยกับ เชฟรอน บริษัทน้ำมันรายใหญ่ของสหรัฐที่เข้าไปลงทุนในคาซัคสถาน และ โอเอโอ ลุคออยจากรัสเซีย แทน


อย่างไรก็ตาม การซื้อกิจการ เนชั่น อีเนอร์ยีของ ซิติก ได้รับอนุมัติจากรัฐบาลจีนแล้ว ซึ่งหากสำเร็จจะเป็นการเทคโอเวอร์กิจการในต่างประเทศที่มีขนาดใหญ่อันดับสามของจีน และสะท้อนให้เห็นถึงการยึดแหล่งน้ำมันในต่างประเทศเพื่อสำรองไว้ รองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจ และสร้างเสถียรภาพด้านน้ำมันสำรองให้กับประเทศจีน


นอกจากซิติกแล้ว ยังมี ซิโนเปค กรุ๊ป บริษัทน้ำมันรายใหญ่อันดับสองของจีน ใกล้จะบรรลุข้อเสนอซื้อ ส่วนธุรกิจน้ำมันของ บีพี (TNK-BP’s Udmurtneft) มูลค่า 3,000 ล้านดอลลาร์ โดยอาจับมือเป็นพันธมิตรกับRosneft บริษัทน้ำมันของรัฐบาลรัสเซีย


ก่อนหน้านี้ ไชน่า เนชั่นแนล ปิโตรเลียม คอร์ป หรือCNPC ได้ซื้อกิจการน้ำมัน ปิโตรคาซัคสถาน มูลค่า 4,200 ล้านดอลลาร์ นับเป็นการเทคโอเวอร์กิจการในต่างแดนครั้งใหญ่สุดของจีน รวมทั้งซีนุก (CNOOC) บริษัทเชี่ยวชาญแหล่งน้ำมันในทะเลรายใหญ่ ได้ลงนามซื้อแหล่งน้ำมันน้ำลึกในไนจีเรีย มูลค่า 2,700 ล้านดอลลาร์


ด้านผู้นำจีนก็กังวลกับสถานการณ์น้ำมัน ด้วยราคาน้ำมันที่ไร้เสถียรภาพ เป็นเสมือนภัยคุกคามการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ นอกจากนี้ระยะ 4 ปีที่ผ่านมาจีนมีความต้องการใช้น้ำมันคิดเป็นสัดส่วน 40% ของความต้องการน้ำมันทั่วโลก สาเหตุหลักมาจาก ครอบครัวจีนที่เป็นเศรษฐีใหม่หันมาซื้อรถยนต์ใช้กันจำนวนมาก ขณะที่โรงงานอุตสาหกรรมในจีนส่วนใหญ่ยังด้อยประสิทธิภาพจึงต้องใช้น้ำมันมาก และสุดท้ายผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมทำให้จีนสิ้นโอกาสในการใช้พลังงานจากถ่านหิน จึงจำเป็นต้องลงทุนซื้อแหล่งน้ำมันในต่างประเทศแทน แม้จะต้องทุ่มซื้อด้วยราคาที่สูงก็ตาม


นักวิเคราะห์บางคนมองว่า การ เนชั่น อีเนอร์ยี่ เป็นยุทธศาสตร์ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับจีน เพราะขณะนี้คาซัคสถานเริ่มซัพพลายน้ำมันให้กับจีนผ่านทางท่อ ความยาว 962.2 กิโลเมตร จาก Atasu ในคาซัคสถานมายัง Alataw Pass ในเมืองซินเจียง มูลค่า 700 ล้านดอลลาร์ ซึ่งสร้างเสร็จเมื่อพฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยออกแบบให้ส่งน้ำมันได้ 20 ล้านตันต่อปี ขณะที่ตัวเลขปี 2548 จีนนำเข้าน้ำมันดิบจากคาซัคสถาน 1.3 ล้านตัน ปีนี้คาดว่าจะพุ่งสูงถึง 4.75 ล้านตันและ ปี 2550 ที่ประมาณ 8 ล้านตัน ผ่านทางท่อน้ำมันนี้แทนการขนส่งผ่านทางช่องแคบมะละกา

ประเทศในเอเชียกลาง ซึ่งรวมถึงคาซัคสาถน ถือเป็นแหล่งสำรองน้ำมันมากถึง 35,000 ล้านบาร์เรล หรือมีขนาดใหญ่กว่าแหล่งสำรองน้ำมันในทะเลเหนือถึงสองเท่า คาดการณ์ว่าในระยะ 10 ปีข้างหน้านี้การผลิตน้ำมันในเอเชียกลางจะเพิ่มขึ้นเป็นสามเท่าจากปัจจุบัน หรือมากกว่าที่เวเนซูเอล่าปั้มน้ำมันดิบอยู่ในขณะนี้

การลงทุนในคาซัคสถาน จึงถือเป็นยุทธศาสตร์ยึดแหล่งน้ำมันของจีน อย่างน้อยก็เบียดคู่แข่งอย่างเช่นสหรัฐอเมริกาได้
 
http://www.thannews.th.com/detialNews.php?id=T1021218&issue=2121

ข้อมูลการยึด แหล่งน้ำมันของจีน
บันทึกการเข้า

"ประชาชน อย่าทิ้งประเทศชาติ"
หน้า: [1]
    กระโดดไป: