ศาลสั่งจำคุก"พจมาน -บรรณพจน์"3 ปี เลี่ยงภาษีหุ้นชิน
(31ก.ค.)เวลา09.00น.ที่ห้องพิจารณาคดี 704 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นายปราโมทย์ พิพัทธ์ปราโมทย์ พร้อมองค์คณะ ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาคดี เลี่ยงภาษีหุ้นชินคอร์ปฯ คดีหมายเลขดำที่ อ.1149/2550 ที่อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายบรรณพจน์ ดามาพงษ์ อายุ 59 ปี อดีตประธานกรรมการบริหารชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) พี่ชายบุญธรรมคุณหญิงพจมาน, คุณหญิงพจมาน ชินวัตร อายุ 51 ปี ภริยา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และนางกาญจนาภา หงษ์เหิน อายุ 51 ปี เลขานุการส่วนตัว เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานร่วมกันโดยความเท็จ โดยฉ้อโกงหรืออุบาย หรือโดยวิธีการอื่นใดทำนองเดียวกัน หลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากร และโดยรู้อยู่แล้ว หรือโดยจงใจ ร่วมกันแจ้งข้อความเท็จ หรือให้ถ้อยคำเท็จ หรือตอบคำถามด้วยถ้อยคำอันเป็นเท็จ หรือนำพยานหลักฐานเท็จมาแสดง เพื่อหลีกเลี่ยงการชำระภาษีอากรหุ้นบริษัทชินวัตรคอมพิวเตอร์ แอนด์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) มูลค่าหุ้น 738 ล้านบาท และภาษีที่หลีกเลี่ยงจำนวน 546 ล้านบาท อันเป็นความผิดตามประมวลรัษฎากร มาตรา 37 (1) (2) และประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 และ 91
..................................................................................................................................................................................
ในส่วนของศาลยุติธรรมเป็นคนกลาง มีหน้าที่พิจารณาคดีในระบอบประชาธิปไตย จึงขอให้ทุกฝ่ายวางใจ และวางมือว่าศาลยุติธรรมพิจารณาคดีตามอำนาจและตามกฎหมายและอำนวยความยุติธรรมให้กับทุกฝ่ายตามรัฐธรรมนูญ โดยไม่มีอคติ ไม่พิพากษาตามกระแส คดีนี้ศาลให้โอกาสคู่ความทั้งสองฝ่ายนำสืบพยานหลักฐานต่อสู้คดีจนเป็นที่พอใจแล้ว หากคำตัดสินของศาลไม่เป็นที่พอใจของฝ่ายใด ก็ให้ใช้สิทธิยื่นอุทธรณ์ - ฎีกาตามตามสิทธิทางกฎหมาย เพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อยในบ้านเมืองที่เราพูดถึงกันอยู่ในขณะนี้
....................................................................................................................................................................................
ส่วนที่จำเลยทั้งสามนำสืบว่าคณะกรรมการตรวจสอบใช้อำนาจของ ป.ป.ช. ดังนั้นจะต้องเป็นบุคคลที่เป็นกลางเช่นเดียวกับ ป.ป.ช. แต่กรรมการตรวจสอบบางคนไม่มีความเป็นกลางเคยมีพฤติกรรมที่เป็นปฏิปักษ์ต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ มาก่อน ศาลเห็นว่าเนื่องจากไม่มีบทบัญญัติของกฎหมายกำหนดคุณสมบัติคณะกรรมการตรวจสอบไว้เช่นเดียวกับคุณสมบัติของ ป.ป.ช.อีกทั้งการทำหน้าที่ของคณะกรรมการตรวจสอบ ก็ไม่ได้หมายความว่าคณะกรรมการตรวจสอบคนใดกระทำการอย่างใดที่ส่อไปในทางที่ไม่เป็นกลาง หรือกลั่นแกล้งปรักปรำจำเลยทั้งสาม โดยคณะกรรมการตรวจสอบมีจำนวนมากถึง 12 คนซึ่งล้วนแต่มีคุณวุฒิ วัยวุฒิ ประสบการณ์ และตำแหน่งหน้าที่การงานสูง ไม่น่าจะสามารถโน้มน้าว ครอบงำให้คณะกรรมการตรวจสอบทั้งหมดมาร่วมกระทำการใดที่ไม่เป็นกลางต่อการตรวจสอบคดีนี้ เพราะจะกระทบต่อตำแหน่งหน้าที่การงาน ความน่าเชื่อถือ และเสี่ยงต่อการมีความผิดตามกฎหมาย โดยที่สำคัญพยานหลักฐานการกระทำผิดตามฟ้องในคดีนี้เกิดขึ้นและมีอยู่ก่อนที่จะมีการจัดตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ ซึ่งจัดทำโดย ป.ป.ช. ศาลรัฐธรรมนูญ และกรมสรรพากรเกือบทั้งหมด ซึ่งจำเลยทั้งสามก็ไม่ได้ปฏิเสธการมีอยู่ของหลักฐานนั้น คดีจึงฟังไม่ได้ว่าคณะกรรมการตรวจสอบทำหน้าที่ในคดีนี้โดยไม่เป็นกลาง
......................................................................................................................................................................................
จำเลยทั้งสามเป็นผู้มีฐานะทางเศรษฐกิจและสังคมสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งขณะกระทำผิดฐานให้ถ้อยคำการเป็นเท็จเพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษีจำเลยที่ 2 เป็นภริยาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองระดับผู้บริหารประเทศ ซึ่งจำเลยทั้งสามนอกจากมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตนเยี่ยงพลเมืองดีทั่วๆไปแล้ว ยังควรดำรงตนให้เป็นตัวอย่างที่ดีสมฐานะทางเศรษฐกิจและสังคมด้วย แต่จำเลยทั้งสามกลับร่วมกันทำการหลีกเลี่ยงภาษีอันเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ไม่เป็นธรรมต่อสังคมและระบบภาษี ทั้งที่จำนวนค่าภาษีที่จำเลยที่ 1 จะต้องชำระตามกฎหมายเทียบไม่ได้กับจำนวนทรัพย์สินที่จำเลยที่ 2 และครอบครัวมีอยู่ในขณะนั้น การที่จำเลยที่ 1 จะชำระภาษีอากรไปตามกฎหมายเช่นพลเมืองทุกคนจึงไม่ได้มีผลกระทบต่อฐานะจำเลยที่ 2 แต่อย่างใด การกระทำความผิดของจำเลยทั้งสามจึงร้ายแรง...................................................................................................................................................................................
ขณะที่ บรรยากาศบริเวณหน้าศาล ขณะที่มีการอ่านคำพิพากษานั้น ปรากฏว่ามีกลุ่มสตรีประชาธิไตยประมาณ 20 คน ใส่เสื้อสีแดง เดินมาที่บันไดศาลพร้อมกับพยายามกางป้ายผ้า เจ้าหน้าที่ศาลจึงเดินเข้าไปห้ามปราม แล้วสั่งให้เก็บป้ายผ้านั้น จนเกิดการโต้เถียงกันขึ้นกระทั่ง พ.ต.อ.เจริญ ศรีศลักษณ์ รอง ผบก.น.2 ได้เข้าไประงับเหตุและตักเตือนให้กลุ่มดังกล่าวไปยืนอยู่ข้างๆบันไดศาล ขณะเดียวกันกลุ่มสนับสนุนที่อยู่ตรงบริเวณลานจอดรถหน้าศาลได้ชูภาพถ่ายของ พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน เจ้าหน้าที่ศาลจึงสั่งให้เอาภาพลง นอกจากนี้ตำรวจสืบสวนบก.น.2 ได้เข้าตรวจค้นขอดูบัตรประชาชนกลุ่มชายฉกรรจ์ ชุดดำ ประมาณ 20 คน ที่ยืนอยู่บริเวณดังกล่าว ซึ่งผู้สื่อข่าวจดจำได้ว่าเป็นกลุ่มรักษาความปลอดภัยของ แกนนำ นปก.
......................................................................................................................................................................................
http://special.bangkokbiznews.com/detail.php?id=3232&username=thot1ถ้าต้องการอ่านรายละเอียด ขอให้เข้าไปในเวบกรุงเทพธุรกิจเอาเอง.....
ผลจากการพิพากษาของศาลยุติธรรม ศาลอาญาชั้นต้น จะส่งผลต่อคดีทุจริตอื่นๆของอดีตนายกฯทักษิณ ครอบครัว และ บริวาร โดยเฉพาะคำวินิจฉ้ย... จำเลยทั้งสามเป็นผู้มีฐานะทางเศรษฐกิจและสังคมสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งขณะกระทำผิดฐานให้ถ้อยคำการเป็นเท็จเพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษีจำเลยที่ 2 เป็นภริยาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองระดับผู้บริหารประเทศ ซึ่งจำเลยทั้งสามนอกจากมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตนเยี่ยงพลเมืองดีทั่วๆไปแล้ว ยังควรดำรงตนให้เป็นตัวอย่างที่ดีสมฐานะทางเศรษฐกิจและสังคมด้วย แต่จำเลยทั้งสามกลับร่วมกันทำการหลีกเลี่ยงภาษีอันเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ไม่เป็นธรรมต่อสังคมและระบบภาษี ทั้งที่จำนวนค่าภาษีที่จำเลยที่ 1 จะต้องชำระตามกฎหมายเทียบไม่ได้กับจำนวนทรัพย์สินที่จำเลยที่ 2 และครอบครัวมีอยู่ในขณะนั้น การที่จำเลยที่ 1 จะชำระภาษีอากรไปตามกฎหมายเช่นพลเมืองทุกคนจึงไม่ได้มีผลกระทบต่อฐานะจำเลยที่ 2 แต่อย่างใด การกระทำความผิดของจำเลยทั้งสามจึงร้ายแรง
ประชาชนในกลุ่มพันธมิตรประชาธิปไตย ประชาชนที่รักความเป็นธรรม สุจริตชน จะรู้สึกสบายใจว่าประชาชนที่เรียกร้องความเป็นธรรม ต้องการให้นักการเมืองและผู้กระทำผิดนั้น พึ่งพาศาลยุติธรรมไทยได้ ไม่ได้เป็นดั่งการกล่าวหา การบิดเบือน การเบี่ยงเบนของกลุ่มอำนาจเก่าได้บอกเล่าไว้หลายปีที่ผ่านมา.....จะต้องติดตามพวก'บัตรเติมเงิน'ในเวบเสรีไทยจะบิดเบือน เบี่ยงเบนข้อกล่าวหาทุจริตของอดีตนายกฯ หัวหน้ากลุ่มอำนาจเก่า ครอบครัว และบริวารอย่างไร......
จะมี'บัตรเติมเงิน'ลูกหลานชั่วของ'ศรีธนชัย' ตะแบงว่าคดียังไม่สิ้นสุด ยังต่อสู้ได้อีก สองศาลฯ....!!!
ยังถือว่าเจ้าของ'บัตรเติมเงิน'และภรรยา เป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ไหม