ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
25-04-2024, 11:35
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  วีระ จตุพร ณัฐวุฒิ หมดมุก ล่อ กกต. ปปช. สูตรเดิมๆ 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
วีระ จตุพร ณัฐวุฒิ หมดมุก ล่อ กกต. ปปช. สูตรเดิมๆ  (อ่าน 2280 ครั้ง)
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« เมื่อ: 22-07-2008, 02:06 »

วันอังคาร ที่ 22 กรกฎาคม 2551
วีระ จตุพร ณัฐวุฒิ หมดมุก ล่อ กกต. ปปช. สูตรเดิมๆ
Posted by Canไทเมือง , ผู้อ่าน : 108 , 01:43:54 น.   

โถนึกว่าฝ่ายรัฐบาลจะมีมุกใหม่มาตอบโต้พันธมิตร

อุตส่าห์นั่งรอดูว่าจะมีใคร มีอะไรมาให้ชม จะแก้ข้อกล่าวหาของสังคมยังไงบ้าง

แต่ดันไปเล่นมุกซ้ำๆ กับที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีเปิดเกมเอาไว้ และถูกฝ่ายตุลาการตอบโต้ชี้แจงไปทุกประเด็นแล้ว

เมื่อคืนนี้ ฝ่ายรัฐบาลเปิด NBT ให้กลุ่ม พีทีวี เจ้าเก่า ขาดเพียงนายจักรภพ เพ็ญแข ผู้ต้องหาคดีหมิ่นเบื้องสูงเพียงคนเดียวเท่านั้นมาจ้อแทนรัฐบาลตามที่ได้ประกาศไปแล้ว โดยเสียบแทนรายการ"คนหน้าสี่" ภายใต้การดำเนินการของ "พญาไม้" และเหล่าสหายคอลัมนิสต์อรหันต์ทั้งหลาย

ส่วนตัวนายวีระ มุสิกพงศ์ อดีตนักโทษหมิ่นเบื้องสูง ยังคงมาทำหน้าที่แทนรัฐบาล โดยมีนายณัฐวุฒิ รองโฆษกรัฐบาลและนายจตุพร พรหมพันธุ์ สส. พลังประชาชน แกนนำ นปก.ที่ยังเป็นผู้ต้องหาก่อจราจล หน้าบ้านประธานองคมนตรี มาทำหน้าที่เป็นลูกคู่เช่นเคย

นายวีระ ได้หยิบเอาประเด็นที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช) ว่าได้รับการแต่งตั้งมาจาก พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ขณะที่ดำรงตำแหน่งหัวหน้าคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.)

ซึ่ง กลุ่มพีทีวีอ้างว่า ปัจจุบันพลเอกสนธิได้หมดวาระหน้าที่หรืออำนาจในการบริหารทางการเมืองไปแล้ว

หากพลเอกสนธิ จะลงมาเล่นการเมือง ปปช. จะทำหน้าที่แบบไหน

เหอ...เหอ...

ส่วนคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทางกลุ่มผู้ดำเนินรายการยังเห็นว่ามีที่มาจากการแต่งตั้งของ คปค.เช่นกัน

ดังนั้น 2 องค์กรดังกล่าวจะต้องมีการทบทวนถึงที่มาของการดำรงตำแหน่งและถอดถอนผู้อื่นตามอำนาจทางกฎหมายให้ถูกต้อง เพราะมีที่มาที่ไม่ถูกต้อง ไม่ได้รับการโปรดเกล้าฯ ซึ่งแตกต่างจากรัฐบาลที่ได้รับการเลือกตั้งจากประชาชน

จะว่าไปก็เป็นเหตุผลเดิมๆ ที่นายสมัคร สุนทรเวช ได้กล่าวมาแล้วหลายครั้ง โดยชี้ว่า ผู้ที่จะมาถอดถอนไม่มีความชอบธรรม

แม้มีการชี้แจงจากปปช.แล้วว่า มีหนังสือจากรองราชเลขาธิการแจ้งมาแล้วว่า การเข้าทำงานของ ปปช.ไม่ต้องเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณ

นอกจากนั้น มาตรา 309 ตามรัฐธรรมนูญ 2550 ก็รับรองไว้ชัดเจน

นั่นย่อมสามารถนำเหตุผลเดียวกับเนื้อหาที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยกรณี คตส. ซึ่งแต่งตั้งโดย คปค. เช่นเดียวกันว่า ไม่ขัดกับรัฐธรรมนูญ 2550 การทำงานนั้นย่อมมีผลตามกฎหมาย

จะว่าไป แทนที่พลพรรคพลังประชาชนจะออกมาบ่นในกรณีองค์กรอิสระ น่าจะยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย

หากสงสัยทำไมไม่ยื่นดูล่ะ เพราะ ปปช. และ กกต. ก็ทำงานเกี่ยวข้องเป็นคดีอยู่หลายคดี หากเป็นว่ามาโดยมิชอบก็น่าจะยื่นตรวจสอบได้อยู่แล้ว

ที่สำคัญอย่าลืมว่า กกต. ที่ดูแลการเลือกตั้ง ให้พรรคพลังประชาชนได้เสียงข้างมากในสภามาแล้ว หากยอมรับตรงนั้นได้ ทำไมจะมาร้องเอาตอนนี้

ถ้าคิดว่า กกต. มาโดยไม่ชอบ ก็อย่าไปยอมรับการเลือกตั้งทั่วไปทั้งหมด

ถือซะว่า สส.พรรคพลังประชาชน และรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช มาโดยไม่ชอบตามกฎหมายไปเลยดีมั๊ย

นิสัย 2 มาตรฐาน เอาดีเข้าตัว เอาชั่วให้คนอื่นแบบนี้ เมื่อไหร่จะเลิกเสียที

อย่าคิดว่าประชาชนโง่ไปซะทุกเรื่อง นักการเมืองหน้าโง่มาออกทีวีเรื่อยเจื้อย หากไม่มีข้อมูลเหตุผลที่ดีพอ คิดหรือว่าจะมีคนคล้อยตาม

ยกเว้นพวกกินหญ้ากินแกลบเท่านั้น ที่จะเชื่อโดยไม่ยั้งคิดอันเนื่องมาจากไม่มีข้อมูล

ถ้าคิดว่าออกมาตอบโต้แล้วทำได้แค่นี้ กลับบ้านไปเลี้ยงลูกเลี้ยงเมียดีกว่าครับ เสียเวลาทีวีของประชาชนเปล่าๆปลี้ๆ

ดูผู้อาวุโสหน้าสี่...บางทียังได้ข้อคิดดีๆ มากระตุกสังคมบ้าง

ดีกว่ามาดูเด็กใหม่หัดขับมาเห่าบ๊องๆ แบ๊วๆ ไปตามเรื่องตามราว

เมื่ออาวุโสมันไม่ได้พื้นฐานการเมืองไม่มีซักกระผีก

แค่ขึ้นเวทีด่า คมช. ก่อจราจลในบ้านในเมือง แล้วมาเฟื่องได้เป็นสส.สัดส่วน...แค่นี้...โดยไม่มีคะแนนเสียงส่วนตัวเหมือน สส.เขตอื่นๆ

...อะไรๆ มันก็ไม่น่าเชื่อถือครับ...

เห็นมีข่าวว่า ทีมกฎหมายของพลังประชาชนจะยื่นถอดถอนองค์กรอิสระ 4 องค์กร โดยไปใช้มาตรา 248

หารู้ไม่ว่า 248 นั้น ถอดถอนได้เฉพาะ ปปช. ซึ่งจะต้องพิสูจน์ว่า ปปช.ใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ มิได้ให้อำนาจมายุ่งเกี่ยวกับปัญหาของ "ที่มาของ ปปช." เป็นเรื่องของพฤติกรรมของ ปปช.ล้วน ๆ

ที่สำคัญ จะยื่นถอดถอนองค์กรอื่น ต้องไปใช้มาตรา 270 โน่น..

เห็นทีมกฎหมายหน่อมแน้มแบบนี้แล้วขำ ๆ ก็ยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย มันก็จบตรงนั้น สำหรับปัญหา"ที่มาขององค์กร" และกรรมการต่างๆ

มีทีมกฎหมายห่วยแตกแบบนี้ จะไปสู้อะไรกับ ทีมกฎหมายพันธมิตร ที่รุกไล่จนรัฐบาลสะเทือนมาหลายกรณี...

หนงเกี๊ยะบ่ถั่งจือ...ทั้งนั้น ฮ่า ฮ่า

แคน ไทเมือง


http://www.oknation.net/blog/canthai/2008/07/22/entry-1
 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-07-2008, 16:19 โดย CanCan » บันทึกการเข้า

บักหัวเถิก
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 438



« ตอบ #1 เมื่อ: 22-07-2008, 02:44 »

กกต. ชุดนี้ใช่หรือเปล่านะที่ทำงานตอนลงประชามติ ถ้าแบบนั้นรัฐธรรมนูณที่ใช้เลือกพวกท่ามาก็ไม่ชอบว่างั้น
บันทึกการเข้า

Cherub Rock
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,183


น้องๆ ช่วยไปบอกผู้หญิงคนนั้นที ว่าเลิกมองผมได้แล้ว


« ตอบ #2 เมื่อ: 22-07-2008, 04:11 »

 
สนทนาประสาสุนัข พีทีวี
และไอ้รายการ NBT ของเอกชน(ภายใต้คำสั่งรัฐบาล)

มีวัตถุประสงค์เดียวกัน
คือปลุกระดมคนมาชนกับพันธมิตร



เท่านั้นเอง Twisted Evil




ยิ่งสั่งตำรวจให้เอาหูไปนาเอาตาไปไร่
ไม่ดำเนินการกับผู้ใช้ความรุนแรง

ภายใต้ รบ. หมักคือระบอบเผด็จการทมิฬย่ำยีประชาชนของแท้ (แบบเนียนๆ)



มีคลิปย้อนหลังดูได้ครับ
mms://202.43.34.236/MeArch/11/21-07-2008T22.asf

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-07-2008, 04:24 โดย Cherub Rock » บันทึกการเข้า

"นายกรัฐมนตรีกำลังใช้รัฐสภาประกอบพิธีกรรมสถาปนาอำนาจของตนเองโดยเห็นรัฐสภาเป็นเพียงแค่ตรายาง และปล่อยให้มีการทำร้ายประชาชนถือว่าหมดความชอบธรรมแล้ว" รสนา โตสิตระกูล
justy
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1,250



« ตอบ #3 เมื่อ: 22-07-2008, 04:30 »

ลุงๆจ๋า....

สมัยพฤษภาทมิฬ มีทั้งคนสนับสนุนและต่อต้านรัฐบาลเหมือนปัจจุบันหรือเปล่าค่ะ ...หนูเกิดมะทันค่ะ

แต่เคยดูวีซีดี ดูแล้วก็งง เพราะบางส่วนก็เป็นประชาชนทำร้าย(ฆ่า)กันเอง

หนูเห็นตรงศพประชาชนที่ตายแล้วโดนผูกคอแล้วแขวนไว้ ประชาชนอีกกลุ่มก็มาซ้ำเติม ทุบตีด้วยไม้หน้าสาม จนศพเละตุ้มเป๊ะน่ะค่ะ
บันทึกการเข้า

พรรคไทยรักไทยมิได้ให้ความสำคัญหรือเห็นคุณค่าของสิทธิเลือกตั้งของประชาชน อันเป็นรากฐานสำคัญของการปกครองระบอบประชาธิปไตย นอกจากนี้ยังแสดงถึงการไม่เคารพยำเกรงต่อกฎหมายบ้านเมือง ทั้งที่พรรคไทยรักไทยเป็นพรรคการเมืองที่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนสูงสุดในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอันเป็นการเลือกตั้งทั่วไปก่อนหน้านี้ 2 ครั้ง ควรต้องสร้างความยั่งยืนให้แก่การปกครองระบอบประชาธิปไตย โดยมั่นคงกับหลักการที่ว่า กฎหมายต้องอยู่เหนือสิ่งอื่นใด ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นข้อบ่งชี้ด้วยว่า พรรคไทยรักไทย มิได้มีอุดมการณ์ทางการเมืองที่มุ่งพัฒนาประเทศชาติเพื่อให้คนในชาติมีความสุขทั่วหน้าดังที่ได้รณรงค์หาเสียงไว้ต่อประชาชนอย่างแท้จริง หากแต่มุ่งประสงค์เพียงดำเนินการในทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศ นอกเหนือจากครรลองที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศตลอดจนบทกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องที่หาอุดมการณ์อันแท้จริงของพรรคให้เกิดความมั่นใจแก่ประชาชนโดยรวมว่า เมื่อเป็นรัฐบาลมีอำนาจบริหารราชการแผ่นดินแล้ว จะดำเนินการปกครองโดยสุจริต ไม่ประพฤติมิชอบหรือบริหารราชการแผ่นดินโดยแอบแฝงไว้ซึ่งผลประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อ
Caocao
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 557



« ตอบ #4 เมื่อ: 22-07-2008, 06:05 »

เอาเอกสารมาตบหน้าผู้ดีแถวนี้หน่อย ขออภัยถ้าทำให้แก๊งอีทั้งหลายไม่พอใจ


* 551000009282601.jpg (127.74 KB, 500x709 - ดู 287 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า

หลับเถิดทหารกล้า ปวงประชาจะคุ้มครอง
Caocao
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 557



« ตอบ #5 เมื่อ: 22-07-2008, 06:09 »

 หนังสือ ฉบับที่ 1
       
       เรื่อง ขอส่งเรื่องการขอพระราชทานโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติคืน
       
       เรียน เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
       
       อ้างถึง หนังสือสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ด่วนมากที่ ปช 0016/221 ลงวันที่ 3 พฤศจิกายน 2549
       
       สิ่งที่ส่งมาด้วย หนังสือตามอ้างถึง
       
       ตามที่ได้ขอให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาโปรดเกล้าฯแต่งตั้งประธานและกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 6 ตุลาคม 2549 เป็นต้นไป ความละเอียดแจ้งแล้ว นั้น
       
       สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้ขอให้สำนักราชเลขาธิการนำความกราบบังคมทูลพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งต่อไปแล้ว บัดนี้ ได้รับแจ้งความเห็นว่า คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติที่คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขได้มีประกาศฉบับที่ 19 แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งแล้วนั้น ย่อมถือได้ว่ามีผลสมบูรณ์ที่สามารถบังคับใช้ได้ตามกฎหมายเนื่องจากขณะนั้น คณะปฏิรูปการปกครองฯ มีฐานะเป็น "รัฏฐาธิปัตย์" มีอำนาจเด็ดขาดแต่เพียงผู้เดียวประกาศหรือคำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองต่างๆ ย่อมมีผลบังคับใช้ได้โดยชอบมาตั้งแต่ต้น จึงส่งเรื่องคืนสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อดำเนินการต่อไป ซึ่งสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้กราบเรียนนายกรัฐมนตรีพิจารณาแล้วเห็นชอบให้ส่งเรื่องคืนสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
       
       จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ และได้ส่งเรื่องคืนมาพร้อมนี้ด้วยแล้ว
       
                                      ขอแสดงความนับถือ
       
                                     นายรองพล เจริญพันธุ์
                                     เลขาธิการคณะรัฐมนตรี
       -----------------------
       
                                         หนังสือ ฉบับที่ 2
       
       เรื่อง การนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งประธานกรรมการและ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
       
       เรียน เลขาธิการคณะรัฐมนตรี
       
       สิ่งที่ส่งมาด้วย
       1.สำเนาหนังสือสำนักงาน ป.ป.ช.ที่ ปช 0012.02/098 ลงวันที่ 26 กันยายน 2549
       2.สำเนาหนังสือสำนักเลขาธิการคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหา กษัตริย์ทรงเป็นประมุข ด่วนที่สุด ที่ คปค.0002/87 ลงวันที่ 30 กันยายน 2549
       3.สำเนาประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็น ประมุข ฉบับที่ 19 ลงวันที่ 22 กันยายน 2549
       
       ด้วยสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ได้มีหนังสือตามสิ่งที่ส่งมาด้วย 1.สอบถามประเด็นปัญหาประการหนึ่งไปยังสำนักเลขาธิการคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ว่า เมื่อประธานกรรมการและกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ตามประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ฉบับที่ 19 ลงวันที่ 22 กันยายน 2549 ได้ดำเนินการตามมาตรา 11 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 แล้วก่อนเริ่มปฏิบัติหน้าที่จะต้องมีการดำเนินการนำความกราบบังคับทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งหรือไม่ และมีผลให้เป็นการดำรงตำแหน่งตั้งแต่วันใด ซึ่งสำนักเลขาธิการคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขได้มีหนังสือตามสิ่งที่ส่งมาด้วย 2.ชี้แจงว่า การดำเนินการนำความกราบบังคับทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง และการมีผลให้เป็นการดำรงตำแหน่งนั้นเมื่อมีคณะรัฐมนตรีชุดใหม่เข้ารับหน้าที่แล้ว ควรให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอรายชื่อบุคคลผู้ได้รับแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเพื่อนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 ต่อไป ทั้งนี้ ได้แจ้งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีทราบด้วยแล้ว
       
       สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ขอเรียนว่า บุคคลผู้ได้รับแต่งตั้งเป็นประธานกรรมการและกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ตามประกาศคณะปฏิรูปฯ ฉบับที่ 19 ดังกล่าวได้ดำเนินการตามมาตรา 11 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 แล้ว กล่าวคือ ได้ลาออกจากการเป็นข้าราชการพนักงาน หรือลูกจ้างของหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือราชการส่วนท้องถิ่น หรือกรรมการ หรือที่ปรึกษาของรัฐวิสาหกิจหรือหน่วยงานของรัฐ หรือตำแหน่งใดในห้างหุ้นส่วน บริษัทหรือองค์การที่ดำเนินธุรกิจโดยมุ่งหาผลกำไรหรือรายได้มาแบ่งปันกัน หรือลูกจ้างของบุคคลใด รวมทั้งเลิกประกอบวิชาชีพอิสระอื่นใดตั้งแต่วันที่ 6 ตุลาคม 2549
       
       จึงเรียนมาเพื่อโปรดนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง
       
       1.นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ เป็นประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
       2.นายกล้านรงค์ จันทิก เป็นกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
       3.นายใจเด็ด พรไชยา เป็นกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
       4.นายประสาท พงษ์ศิวาภัย เป็นกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
       5.ศาสตราจารย์ ภักดี โพธิศิริ เป็นกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
       6.ศาสตราจารย์ เมธี ครองแก้ว เป็นกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
       7.นายวิชา มหาคุณ เป็นกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
       8.นายวิชัย วิวิตเสวี เป็นกรรมการป้องกันแลปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
       9.นางสาวสมลักษณ์ จัดกระบวนพล เป็นกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
       
       ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 6 ตุลาคม 2549 เป็นต้นไปด้วยจักขอบคุณยิ่ง
       
                                   ขอแสดงความนับถือ
                                 นายศราวุธ เมนะเศวต
         เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ

 
 
 
 
 
 
หวังว่าชะนี อีแอบ อีไข่ใบเดียวทั้งหลาย คงไม่ชักดิ้นชักงอตายไปซะก่อน
บันทึกการเข้า

หลับเถิดทหารกล้า ปวงประชาจะคุ้มครอง
Cherub Rock
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,183


น้องๆ ช่วยไปบอกผู้หญิงคนนั้นที ว่าเลิกมองผมได้แล้ว


« ตอบ #6 เมื่อ: 22-07-2008, 06:38 »

 
ถึงมันจะรู้อยู่แต่แรกว่าส่งศาล รธน. แล้วจะแพ้

มันก็ยังคงสะกดจิตชาวบ้านผ่านสื่อของรัฐอยู่ดี

เพื่อมันจะได้ดิสเครดิตศาลเพื่อกดดัน ล้มคดี หรือก่อจราจล ไปจนถึงปฏิวัติ

บันทึกการเข้า

"นายกรัฐมนตรีกำลังใช้รัฐสภาประกอบพิธีกรรมสถาปนาอำนาจของตนเองโดยเห็นรัฐสภาเป็นเพียงแค่ตรายาง และปล่อยให้มีการทำร้ายประชาชนถือว่าหมดความชอบธรรมแล้ว" รสนา โตสิตระกูล
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #7 เมื่อ: 22-07-2008, 08:57 »

ทีมกฎหมายขี้หมาของพรรคพลังประชาชน

จะไปเล่นงาน กกต. เรื่อง ปัญหาที่มาขององค์กร

มันโง่ขนาดไม่รู้ว่า กกต.ชุดนี้ ผ่านการยอมรับมาจาก วุฒิสภา เมื่อวันที่ 12 ก.ย. 2549

ปฏวัติ 19 ก.ย. 2549

มีพระบรมราชโองการแต่งตั้ง กกต. วันที่ 20 ก.ย. 49 ประมาณนั้น

ถ้ามีทีมกฎหมายขี้หมาแบบนี้ คนจ้างคงเข้าคุกกันเป็นแถว
บันทึกการเข้า

ริวเซย์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4,637


Worrior in The Blue Armor


เว็บไซต์
« ตอบ #8 เมื่อ: 22-07-2008, 11:32 »

ยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความไปก็เท่านั้น หน้าแตกเปล่าๆ

ทำได้อย่างมากก็คือยืดเวลา ซื้อเวลาออกไปอีกหน่อยเท่านั้นแหละ

 
บันทึกการเข้า

ถ้ามีแฟนแบบนี้เอาไหมครับ^^


55555
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,263



« ตอบ #9 เมื่อ: 22-07-2008, 11:38 »

ยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความไปก็เท่านั้น หน้าแตกเปล่าๆ

ทำได้อย่างมากก็คือยืดเวลา ซื้อเวลาออกไปอีกหน่อยเท่านั้นแหละ

 

ดีครับ ยื่นไปก็ดีแล้ว .......

คนยื่น มันคงนึกว่า ฉลาดซะเหลือเกินแล้ว....


 
บันทึกการเข้า
นีโอคอมมิวนิสต์
สมาชิกสามัญขั้นที่ 1
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 44


« ตอบ #10 เมื่อ: 22-07-2008, 12:07 »

เห็นด้วยอย่างยิ่งกับลุง แคน ครับ เซ็งเป็ดเลยกับไอ้พวกสองมาตรฐาน เอาดีเข้าตัวเอาชั่วให้คนอื่น

รบกวนขอถามลุง แคน หน่อยครับว่า ในเมื่อ ปปช มีมาตรา 309 รับรองอยู่ ถ้าลุงหมัก จะใช้เป็นข้ออ้างในการ แก้ มาตรา 309 เพื่อให้ประชาชนเห็นด้วย โดยอ้างเรื่องพระราชอำนาจ นี้

แล้วถ้าแก้มาตรา 309  กกต ก็จะต้องยุติหน้าที่ แล้วเรื่อที่ กกต รับรองไปก็ต้องถือเป็นโมฆะ ด้วยใช่ไหมครับ สส. กับ สว. ก็ต้องล้มไปตามๆกันด้วยรึปล่าวครับ

ถ้าเป็นแบบนี้จริง ก็เหมือนกับกินไม่เข้าคายไม่ออก อยากแก้ก็แก้ไม่ได้รึปล่าวครับ ถ้าเป็นอย่างนั้น ต้องตั้ง สสร อย่างเดียว

รึไม่แก้เสร็จเลือกตั้งใหม่ อย่างที่ลุงหมักเคยพูดไว้ครับ
บันทึกการเข้า
Grimmy
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 118



« ตอบ #11 เมื่อ: 22-07-2008, 12:37 »


ถึงมันจะรู้อยู่แต่แรกว่าส่งศาล รธน. แล้วจะแพ้

มันก็ยังคงสะกดจิตชาวบ้านผ่านสื่อของรัฐอยู่ดี

เพื่อมันจะได้ดิสเครดิตศาลเพื่อกดดัน ล้มคดี หรือก่อจราจล ไปจนถึงปฏิวัติ

เห็นด้วยครับ ผมว่ามันต้องการสะกดจืตหมู่ ปชช. มากกว่า
บันทึกการเข้า
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #12 เมื่อ: 22-07-2008, 13:31 »

ผมมองว่าการมาออก NBT เป็นส่วนหนึ่งของแผนการปลุกระดมมวลชนต่อต้าน ปปช.
เพราะคนที่ดูทีวี อาจไม่ได้รับข้อมูลเพิ่มเติมจากแหล่งอื่นอีก และหลงเชื่อ นปก. ก็ได้

ทั้งหมดที่ออกมาในรายการก็คือเรื่องที่พูดที่สนามหลวง และประเด็นสำคัญที่ไม่ยอมพูด
ก็คือรัฐธรรมนูญ 49 รับรองประกาศ คปค.ทั้งหมด และตราขึ้นตามพระบรมราชโองการ

ต่อมารัฐธรรมนูญ 50 รับรองรัฐธรรมนูญ 49 ทั้งหมดและตราขึ้นตามพระบรมราชโองการ
โดยได้ผ่านการลงประชามติ ได้รับความเห็นชอบ

พล.อ.สนธิ ก็ได้รับพระบรมราชโองการแต่งตั้งมาตั้งแต่วันที่ 20 กันยา ว่าให้ทุกฝ่าย
ฟังคำสั่งของ พล.อ.สนธิ และในวันที่ 22 กันยา พล.อ.สนธิ ก็ประกาศแต่งตั้ง ปปช.

ก่อนหน้านี้การแต่งตั้ง ปปช. ได้ทำเรื่องเพื่อทูลเกล้าฯ แล้ว และก็ได้รับการรับรองจาก
สำนักราชเลขาธิการฯ ว่าไม่ต้องมีพระบรมราชโองการแต่งตั้งซ้ำอีก

ประเด็นไม่มีพระบรมราชโองการแต่งตั้ง จึงอธิบายได้ไม่ยากถ้าให้ข้อมูลอย่างครบถ้วน
แต่รัฐบาลสมัครจงใจให้ นปก. ออกมาบิดเบือนข้อมูลทาง NBT

เท่ากับส่งเสริมการปลุกระดมมวลชนให้ต่อต้าน ปปช. เพื่อหนีการถูกดำเนินคดีเท่านั้น 
บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #13 เมื่อ: 22-07-2008, 16:06 »

กกต. มาโดย รัฐธรรมนูญ 2540 ครับ มีพระบรมราชโองการยอมรับแล้ว ในวันที่ 20 ก.ย. 49

สามหนาห้าห่วง ติดคุกไปหมด เพราะทุจริตต่อหน้าที่ทำให้ต้องสรรหาใหม่ในกลางปี 2549

วุฒิสมาชิกก่อนปฏิวัติสรรหาได้ครบ วันที่ 12 ทูนเกล้าฯในทันที มีพระบรมราชโองการถูกต้อง

ส่วน มาตา 299 ของรัฐธรรมนูญ 2550 ให้กกต.ชุดนี้ ทำหน้าที่ต่อไป

ให้ ปปช. ทำหน้าที่ต่อไป

ให้สมาชิกสภาที่ปรึกษาฯ ทำหน้าที่ต่อไป

ให้ ผู้ตรวจการรัฐสภา ทำหน้าที่ต่อไป

ให้กรรมการสิทธิ์ ฯ ทำหน้าที่ต่อไป

มาตรา 300...ให้ตุลาการรัฐธรรมนูญ ซึ่งมาจากรัฐธรรมนูญ 2549 ทำหน้าที่ต่อไป

มาตรา 301 ให้สรรหา คตง. ภายใน 120 วัน หลังจากมีประธานรัฐสภา

ดังนั้น หากจะคิดฟ้องเรื่องที่มาขององค์กรอิสระ น่าจะไม่ได้ผล

เพราะรัฐธรรมนูญ 2550 ให้การรับรองไว้หมดแล้ว

ไม่นับการกระทำทั้งหมด ในมาตรา 309

ดังนั้น ตราบใดที่ยังไม่มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หากส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย

ก็คงออกแนวเดียวกับการวินิจฉัย กรณี คตส. ครับ


คือไม่ขัดรัฐธรรมนูญ และมีอำนาจตามรัฐธรรมนูญ
บันทึกการเข้า

jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #14 เมื่อ: 22-07-2008, 16:39 »

ตอนนี้คือคุณสมัคร และกลุ่ม นปก. (ที่มาได้ดีในรัฐบาลสมัคร กลายเป็นพวกเดียวกันสายตรง)
ออกมาชูประเด็น ละเมิดพระราชอำนาจ มากกว่าประเด็น ขัดรัฐธรรมนูญ

เพราะประเด็นขัดรัฐธรรมนูญ ยังไงก็แถไม่ออกแน่นอน ถึงส่งตีความก็ได้ผลเหมือน คตส. แน่ๆ

ตอนนี้ถ้าจะนำเสนอข้อมูลหักล้างประเด็นของฝ่ายคุณสมัคร และ นปก. จึงต้องเลือกนำเสนอ
ข้อมูลเกี่ยวกับการมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ เกี่ยวกับ ปปช. ตลอดเวลาที่ผ่านมา


หากอธิบายได้อย่างชัดเจนว่าการแต่งตั้ง ปปช. ไม่ได้ละเมิดพระราชอำนาจ เรื่องนี้ก็จบครับ
เพราะเรื่องอื่น เช่นการขัดกันในข้อกฎหมายอย่างกรณี พรบ.เงินเดือน ก็แค่ประเด็นปลีกย่อย
อย่างไรก็ตามผมถือว่าฝ่ายรัฐบาลทำสำเร็จในการชูเรื่องนี้มากลบเรื่องปราสาทพระวิหาร 
บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
พรรณชมพู
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,073


« ตอบ #15 เมื่อ: 22-07-2008, 18:16 »

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?id=42053&catid=1

อ้างถึง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  ทีมกองบรรณาธิการ รายการข่าวหน้า 4 จัดรายการข่าวออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที ในช่วงเวลา 22.00-23.00 น. ออกแถลงการณ์ชี้แจงว่า ทางสถานีไม่ได้แจ้งให้ทราบล่วงหน้าว่าจะมีการถอดรายการออกจากผังอย่างกระทันหัน ขณะที่  นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จัดรายการทางสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที 'ความจริงวันนี้'ออกอากาศในเวลาเดียวกันเมื่อวานนี้ (21ก.ค.)

ออกข่าวเอาตัวรอดไว้ก่อนแล้ว เพราะอยู่ดีๆไปจัดรายการทับรายการเขา อ้างว่าเขาเปลี่ยนผังรายการให้ เจ้าของรายการนั้นต้องรับผิดชอบหากรายการนั้นมีปัญหา  อยู่ดีๆเอาตารางมายัดให้ ขอออกตัวไว้ก่อน 

คืนนี้รอดูต่อ มันจะเล่นเรื่องอะไร แต่รับรอง ไม่พูดถึง ดา ตอปิโด 
บันทึกการเข้า
นีโอคอมมิวนิสต์
สมาชิกสามัญขั้นที่ 1
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 44


« ตอบ #16 เมื่อ: 22-07-2008, 19:34 »

ขอบคุณครับ ลุงแคน แสดงว่าทำได้แค่ดิสเครดิต ปปช ได้อย่างเดียว ถอดถอนไม่เป็นผล 
บันทึกการเข้า
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #17 เมื่อ: 22-07-2008, 21:55 »

คำชี้แจงของ ปปช.

คณะกรรมการ ป.ป.ช. ขอเรียนชี้แจงว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. ตระหนักถึงสิทธิของบุคคลที่สามารถจะตรวจสอบการดำเนินการขององค์กรต่าง ๆ ได้ ตามที่รัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย

บัญญัติไว้ แต่เพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้รับทราบถึงข้อเท็จจริงที่ถูกต้องเกี่ยวกับขัน้ ตอนการปฏิบัติในเรื่องนี้ จึงขอแถลงให้ทราบ ดังนี้

1. กรณีที่ยังมิได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง คณะกรรมการ ป.ป.ช. นั้น ขอเรียนว่า เมื่อได้มีประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.)ฉบับที่ 19 เรื่อง ให้ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญบางฉบับมีผลใช้บังคับต่อไป ลงวันที่ 22 กันยายน 2549 แต่งตั้ง คณะกรรมการ ป.ป.ช. แล้วนั้น

สำนักงาน ป.ป.ช.ได้ดำเนินการ ดังนี้

1.1 ได้มีหนังสือลงวันที่ 26 กันยายน 2549 ถึงเลขาธิการ คปค. เพื่อสอบถามประเด็นปัญหาต่าง ๆที่เกิดขึน้ รวมถึงการดำเนินการนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งคณะกรรมการ ป.ป.ช. ด้วย

1.2 สำนักเลขาธิการ คปค. ได้มีหนังสือลงวันที่ 30 กันยายน2549 แจ้งมาสรุปความได้ว่า การนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งคณะกรรมการ ป.ป.ช. และการมีผลให้เป็นการดำรงตำแหน่ง นัน้ เห็นว่า เมื่อมีคณะรัฐมนตรีชุดใหม่เข้ารับหน้าที่แล้ว ควรให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอรายชื่อบุคคลผู้ได้รับแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการ ป.ป.ช. ตามประกาศ คปค. ฉบับที่ 19เพื่อนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ต่อไป

1.3 ต่อมาเมื่อคณะรัฐมนตรีในรัฐบาล พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ เข้ารับหน้าที่ในเดือนตุลาคม 2549 สำนักงาน ป.ป.ช. จึงได้มีหนังสือลงวันที่ 3 พฤศจิกายน 2549 ถึงเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อขอให้นำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการ ป.ป.ช. ที่ คปค.แต่งตัง้ ดังกล่าว

1.4 สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้มีหนังสือลงวันที่ 20 ธันวาคม 2549แจ้งว่า ได้ขอให้สำนักราชเลขาธิการ นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง แล้วได้รับแจ้งว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่ คปค. ได้มีประกาศฉบับที่ 19 แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งแล้วนั้น ย่อมถือได้ว่า มีผลสมบูรณ์ที่สามารถบังคับใช้ได้ตามกฎหมาย เนื่องจากขณะนั้น คปค. มีฐานะเป็ น “รัฏฐาธิปัตย์” มีอำนาจเด็ดขาดแต่เพียงผู้เดียวประกาศหรือคำสั่งงของ คปค. ต่าง ๆ ย่อมมีผลบังคับใช้ได้โดยชอบมาตั้งแต่ต้น

2. คณะกรรมการ ป.ป.ช. ชุดนี้ เป็นองค์กรตามรัฐธรรมนูญที่มาจากการแต่งตั้งโดยชอบด้วยกฎหมายมาตัง้ แต่ต้น ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้

2.1 แนวคำพิพากษาฎีกาที่ 45/2496 , 1662/2505 และ 6411/2534 ได้วินิจฉัยว่า การที่คณะรัฐประหารยึดอำนาจการปกครองได้สำเร็จนัน้ คณะรัฐประหารย่อมมีอำนาจที่จะเปลี่ยนแปลง แก้ไข ยกเลิก และออกกฎหมายตามระบบแห่งการปฏิวัติ เพื่อบริหารประเทศชาติต่อไปได้ มิฉะนัน้ ประเทศชาติจะตัง้ อยู่ในความสงบไม่ได้, หัวหน้าคณะปฏิวัติย่อมมีอำนาจออกประกาศหรือคำสั่ง อันถือเป็นกฎหมายที่ใช้บังคับแก่ประชาชนได้

จากแนวคำพิพากษาฎีกาดังกล่าวจึงเป็นการวางบรรทัดฐานเกี่ยวกับสถานะทางกฎหมายของประกาศหรือคำสั่งของหัวหน้าคณะปฏิวัติหรือหัวหน้าคณะรัฐประหารที่ได้ยึดอำนาจการปกครองได้สำเร็จว่า เป็นกฎหมายที่ใช้บังคับแก่ประชาชนได้ แม้ต่อมาคณะปฏิวัติหรือคณะรัฐประหารจะสลายตัวไป โดยมีรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยออกใช้บังคับก็ตาม หากไม่มีกฎหมายยกเลิกประกาศหรือคำสั่งดังกล่าวแล้ว ประกาศหรือคำสั่งนัน้ ยังคงเป็นกฎหมายใช้บังคับได้โดยชอบต่อไป ทัง้ นี ้ตามแนวคำพิพากษาฎีกาที่ 1234/2523

2.2 ประกาศ คปค. ฉบับที่ 31 เรื่อง การดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ ป.ป.ช.ลงวันที่ 30 กันยายน 2549 ข้อ 1 ได้บัญญัติว่า การยกเลิกรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยมิให้กระทบกระเทือนการบังคับใช้ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้ องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 โดย พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้ องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 ยังคงใช้บังคับต่อไป จนกว่าจะมีกฎหมายแก้ไขเพิ่มเติมหรือยกเลิก และให้ถือว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช.ซึ่งได้รับแต่งตั้ง ตามประกาศ คปค.ฉบับที่ 19 ลงวันที่ 22 กันยายน 2549 ได้รับการสรรหาและแต่งตั้งโดยชอบตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้ องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542

นอกจากนี้ ประกาศ คปค. ฉบับนี้ยังได้ระบุไว้ในข้อ 8 ด้วยว่า บรรดาบทบัญญัติใดของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้ องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 ที่ขัดหรือแย้งกับประกาศฉบับนี้ให้ใช้ประกาศฉบับนี้แทน

2.3 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2549มาตรา 36 ได้บัญญัติว่า บรรดาประกาศและคำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองฯ หรือคำสั่งของหัวหน้า คปค. ที่ได้ประกาศหรือสั่งในระหว่างวันที่ 19 กันยายน 2549 จนถึงวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี ้ ไม่ว่าจะเป็นในรูปใดและไม่ว่าจะประกาศหรือสั่งให้มีผลบังคับในทางนิติบัญญัติ ในทางบริหาร หรือในทางตุลาการ ให้มีผลใช้บังคับต่อไปและให้ถือว่าประกาศหรือคำสั่งตลอดจนการปฏิบัติตามประกาศหรือคำสั่งนั้น ไม่ว่าการปฏิบัติตามประกาศหรือคำสั่งนั้นจะกระทำก่อนหรือหลังวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้ป็นประกาศหรือคำสั่งหรือการปฏิบัติที่ชอบด้วยกฎหมายและชอบด้วยรัฐธรรมนูญ

2.4 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 309 บัญญัติว่าบรรดาการใด ๆ ที่ได้รับรองไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2549
ว่าเป็นการชอบด้วยกฎหมายและรัฐธรรมนูญ รวมทัง้ การกระทำที่เกี่ยวเนื่องกับกรณีดังกล่าวไม่ว่าก่อนหรือหลังวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนีให้ถือว่า การนั้นและการกระทำนั้น ชอบด้วยรัฐธรรมนูญนี้

2.5 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 299 ได้บัญญัติให้กรรมการ ป.ป.ช.ซึ่งดำรงตำแหน่งอยู่ในวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้คงดำรงตำแหน่งต่อไปจนกว่าจะสิน้ สุดวาระ โดยให้เริ่มนับวาระตั้ง แต่วันที่ได้รับแต่งตั้ง

ดังนั้น จึงแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. ชุดนี้เป็นองค์กรตามรัฐธรรมนูญที่ได้รับการแต่งตั้งโดยชอบด้วยกฎหมายมาตั้ง แต่ต้น

ส่วนกรณีที่ระบุว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ล่วงละเมิดพระราชอำนาจ โดยปฏิบัติงานก่อนที่จะมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนั้น

คณะกรรมการ ป.ป.ช. ขอเรียนว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. ทุกท่านมีความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณมาโดยตลอด ไม่เคยกระทำหรือแม้แต่จะคิดล่วงละเมิดพระราช
อำนาจแต่อย่างใดทั้งสิ้น

ดังจะเห็นได้จากการที่มีหนังสือถึงสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อขอให้นำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตัง้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ตามที่กล่าวไว้แล้วในตอนต้น

นอกจากนี ้ใคร่ขอเรียนเพิ่มเติมว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต เที่ยงธรรม และเทิดทูนไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์มาโดยตลอด ดังจะเห็นได้จากปณิธานที่ได้ประกาศแล้วว่า“ล้างทุจริตให้สิ้นแผ่นดินไทย เพื่อเทิดไท้องค์ราชันย์”

http://www.matichon.co.th/news_title.php?id=2548
บันทึกการเข้า

Solidus
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,381



« ตอบ #18 เมื่อ: 22-07-2008, 22:46 »

คำชี้แจงของ ปปช.

คณะกรรมการ ป.ป.ช. ขอเรียนชี้แจงว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. ตระหนักถึงสิทธิของบุคคลที่สามารถจะตรวจสอบการดำเนินการขององค์กรต่าง ๆ ได้ ตามที่รัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย

บัญญัติไว้ แต่เพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้รับทราบถึงข้อเท็จจริงที่ถูกต้องเกี่ยวกับขัน้ ตอนการปฏิบัติในเรื่องนี้ จึงขอแถลงให้ทราบ ดังนี้

1. กรณีที่ยังมิได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง คณะกรรมการ ป.ป.ช. นั้น ขอเรียนว่า เมื่อได้มีประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.)ฉบับที่ 19 เรื่อง ให้ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญบางฉบับมีผลใช้บังคับต่อไป ลงวันที่ 22 กันยายน 2549 แต่งตั้ง คณะกรรมการ ป.ป.ช. แล้วนั้น

สำนักงาน ป.ป.ช.ได้ดำเนินการ ดังนี้

1.1 ได้มีหนังสือลงวันที่ 26 กันยายน 2549 ถึงเลขาธิการ คปค. เพื่อสอบถามประเด็นปัญหาต่าง ๆที่เกิดขึน้ รวมถึงการดำเนินการนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งคณะกรรมการ ป.ป.ช. ด้วย

1.2 สำนักเลขาธิการ คปค. ได้มีหนังสือลงวันที่ 30 กันยายน2549 แจ้งมาสรุปความได้ว่า การนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งคณะกรรมการ ป.ป.ช. และการมีผลให้เป็นการดำรงตำแหน่ง นัน้ เห็นว่า เมื่อมีคณะรัฐมนตรีชุดใหม่เข้ารับหน้าที่แล้ว ควรให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอรายชื่อบุคคลผู้ได้รับแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการ ป.ป.ช. ตามประกาศ คปค. ฉบับที่ 19เพื่อนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ต่อไป

1.3 ต่อมาเมื่อคณะรัฐมนตรีในรัฐบาล พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ เข้ารับหน้าที่ในเดือนตุลาคม 2549 สำนักงาน ป.ป.ช. จึงได้มีหนังสือลงวันที่ 3 พฤศจิกายน 2549 ถึงเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อขอให้นำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการ ป.ป.ช. ที่ คปค.แต่งตัง้ ดังกล่าว

1.4 สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้มีหนังสือลงวันที่ 20 ธันวาคม 2549แจ้งว่า ได้ขอให้สำนักราชเลขาธิการ นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง แล้วได้รับแจ้งว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่ คปค. ได้มีประกาศฉบับที่ 19 แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งแล้วนั้น ย่อมถือได้ว่า มีผลสมบูรณ์ที่สามารถบังคับใช้ได้ตามกฎหมาย เนื่องจากขณะนั้น คปค. มีฐานะเป็ น “รัฏฐาธิปัตย์” มีอำนาจเด็ดขาดแต่เพียงผู้เดียวประกาศหรือคำสั่งงของ คปค. ต่าง ๆ ย่อมมีผลบังคับใช้ได้โดยชอบมาตั้งแต่ต้น

2. คณะกรรมการ ป.ป.ช. ชุดนี้ เป็นองค์กรตามรัฐธรรมนูญที่มาจากการแต่งตั้งโดยชอบด้วยกฎหมายมาตัง้ แต่ต้น ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้

2.1 แนวคำพิพากษาฎีกาที่ 45/2496 , 1662/2505 และ 6411/2534 ได้วินิจฉัยว่า การที่คณะรัฐประหารยึดอำนาจการปกครองได้สำเร็จนัน้ คณะรัฐประหารย่อมมีอำนาจที่จะเปลี่ยนแปลง แก้ไข ยกเลิก และออกกฎหมายตามระบบแห่งการปฏิวัติ เพื่อบริหารประเทศชาติต่อไปได้ มิฉะนัน้ ประเทศชาติจะตัง้ อยู่ในความสงบไม่ได้, หัวหน้าคณะปฏิวัติย่อมมีอำนาจออกประกาศหรือคำสั่ง อันถือเป็นกฎหมายที่ใช้บังคับแก่ประชาชนได้

จากแนวคำพิพากษาฎีกาดังกล่าวจึงเป็นการวางบรรทัดฐานเกี่ยวกับสถานะทางกฎหมายของประกาศหรือคำสั่งของหัวหน้าคณะปฏิวัติหรือหัวหน้าคณะรัฐประหารที่ได้ยึดอำนาจการปกครองได้สำเร็จว่า เป็นกฎหมายที่ใช้บังคับแก่ประชาชนได้ แม้ต่อมาคณะปฏิวัติหรือคณะรัฐประหารจะสลายตัวไป โดยมีรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยออกใช้บังคับก็ตาม หากไม่มีกฎหมายยกเลิกประกาศหรือคำสั่งดังกล่าวแล้ว ประกาศหรือคำสั่งนัน้ ยังคงเป็นกฎหมายใช้บังคับได้โดยชอบต่อไป ทัง้ นี ้ตามแนวคำพิพากษาฎีกาที่ 1234/2523

2.2 ประกาศ คปค. ฉบับที่ 31 เรื่อง การดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ ป.ป.ช.ลงวันที่ 30 กันยายน 2549 ข้อ 1 ได้บัญญัติว่า การยกเลิกรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยมิให้กระทบกระเทือนการบังคับใช้ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้ องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 โดย พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้ องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 ยังคงใช้บังคับต่อไป จนกว่าจะมีกฎหมายแก้ไขเพิ่มเติมหรือยกเลิก และให้ถือว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช.ซึ่งได้รับแต่งตั้ง ตามประกาศ คปค.ฉบับที่ 19 ลงวันที่ 22 กันยายน 2549 ได้รับการสรรหาและแต่งตั้งโดยชอบตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้ องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542

นอกจากนี้ ประกาศ คปค. ฉบับนี้ยังได้ระบุไว้ในข้อ 8 ด้วยว่า บรรดาบทบัญญัติใดของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้ องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 ที่ขัดหรือแย้งกับประกาศฉบับนี้ให้ใช้ประกาศฉบับนี้แทน

2.3 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2549มาตรา 36 ได้บัญญัติว่า บรรดาประกาศและคำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองฯ หรือคำสั่งของหัวหน้า คปค. ที่ได้ประกาศหรือสั่งในระหว่างวันที่ 19 กันยายน 2549 จนถึงวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี ้ ไม่ว่าจะเป็นในรูปใดและไม่ว่าจะประกาศหรือสั่งให้มีผลบังคับในทางนิติบัญญัติ ในทางบริหาร หรือในทางตุลาการ ให้มีผลใช้บังคับต่อไปและให้ถือว่าประกาศหรือคำสั่งตลอดจนการปฏิบัติตามประกาศหรือคำสั่งนั้น ไม่ว่าการปฏิบัติตามประกาศหรือคำสั่งนั้นจะกระทำก่อนหรือหลังวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้ป็นประกาศหรือคำสั่งหรือการปฏิบัติที่ชอบด้วยกฎหมายและชอบด้วยรัฐธรรมนูญ

2.4 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 309 บัญญัติว่าบรรดาการใด ๆ ที่ได้รับรองไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2549
ว่าเป็นการชอบด้วยกฎหมายและรัฐธรรมนูญ รวมทัง้ การกระทำที่เกี่ยวเนื่องกับกรณีดังกล่าวไม่ว่าก่อนหรือหลังวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนีให้ถือว่า การนั้นและการกระทำนั้น ชอบด้วยรัฐธรรมนูญนี้

2.5 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 299 ได้บัญญัติให้กรรมการ ป.ป.ช.ซึ่งดำรงตำแหน่งอยู่ในวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้คงดำรงตำแหน่งต่อไปจนกว่าจะสิน้ สุดวาระ โดยให้เริ่มนับวาระตั้ง แต่วันที่ได้รับแต่งตั้ง

ดังนั้น จึงแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. ชุดนี้เป็นองค์กรตามรัฐธรรมนูญที่ได้รับการแต่งตั้งโดยชอบด้วยกฎหมายมาตั้ง แต่ต้น

ส่วนกรณีที่ระบุว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ล่วงละเมิดพระราชอำนาจ โดยปฏิบัติงานก่อนที่จะมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนั้น

คณะกรรมการ ป.ป.ช. ขอเรียนว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. ทุกท่านมีความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณมาโดยตลอด ไม่เคยกระทำหรือแม้แต่จะคิดล่วงละเมิดพระราช
อำนาจแต่อย่างใดทั้งสิ้น

ดังจะเห็นได้จากการที่มีหนังสือถึงสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อขอให้นำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตัง้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ตามที่กล่าวไว้แล้วในตอนต้น

นอกจากนี ้ใคร่ขอเรียนเพิ่มเติมว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต เที่ยงธรรม และเทิดทูนไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์มาโดยตลอด ดังจะเห็นได้จากปณิธานที่ได้ประกาศแล้วว่า“ล้างทุจริตให้สิ้นแผ่นดินไทย เพื่อเทิดไท้องค์ราชันย์”

http://www.matichon.co.th/news_title.php?id=2548

ถ้าจะจัดการ ปปช ชุดนี้ล่ะก่อนไม่ยาก ก่อนอื่นต้องแก้รัฐธรรมนูญ มาตรา 299 ก่อน เพราะเป็นการรับรองสถานะ ปปช ชุดนี้ เพราะก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะมีคุณสมบัติหรือไม่แต่ถ้าดำรงตำแหน่งจนถึงรัฐธรรมนูญนี้ประกาศใช้ ก็ต่ออายุจนถึงครบวาระ จะเอาเรื่องที่ขาดคุณสมบัตินเวลาก่อนที่รัฐธรรมนูญนี้ประกาศใช้มาอ้างไม่ได้เนื่องจากรัฐธรรมนูญได้รับรองสถานะไว้แล้วแถมวรรคยังระบุไว้ด้วยว่า "ให้บุคคลตามมาตรานี้ปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย
ที่เกี่ยวข้องที่ใช้บังคับอยู่ในวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้ต่อไป จนกว่าจะมีการตราพระราชบัญญัติ
ประกอบรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายเพื่อให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญนี้ขึ้นใช้บังคับ เว้นแต่บทบัญญัติใด
ขัดหรือแย้งกับบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้ให้ใช้บทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้แทน" เลยกลายเป็นว่ารัฐธรรมนูญนี้แต่งตั้ง ปปช ซ้ำ

หากจะแก้เฉพาะมาตรา 299 ก็ยังไม่พอต้องแก้มาตรา 309 อีกเนื่องจากรัฐธรรมนูญฉบับก่อนได้รับรองสถานะของ ปปช ตามมาตรา 36 ซึ่งได้ให้ประกาศ คปค ชอบด้วยกฎหมายและชอบด้วยรัฐธรรมนูญ และรัฐธรรมนูญฉบับปััจจุบันก็รับรองรัฐธรรมนูญฉบับก่อนโดยให้การกระทำนั้นชอบด้วยรัฐธรรมนูญนี้ เลยกลายเป็นว่ารัฐธรรมนูญนี้รับรองสถานะ ปปช ย้ำอีกครั้ง

หากแก้รัฐธรรมนูญสองมาตรานั้นแล้วยังไม่พอ ยังต้องออกพระราชบัญญัติยกเลิกประกาศ คปค เนื่องจากประกาศ คปค มีศักดิ์เทียบเท่าพระราชบัญญัติ หากไม่ออกพระราชบัญัติมายกเลิกก็ยังคงมีผลบังคับใช้อยู่ แต่จะออกพระราชบัญญัติยกเลิกประกาศ คปค ไม่ได้หากไม่แก้รัฐธรรมนูญที่ยกประกาศ คปค มาเป็นบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ ไม่งั้นจะกลายเป็นว่าพระราชบัญญัติใหญ่กว่ารัฐธรรมนูญซะอีก

กลายเป็นว่าจะเล่นเรื่องคุณสมบัติของ ปปช ชุดนี้ต้องแก้กฎหมายที่คุ้มครองสถานภาพก่อน
บันทึกการเข้า
the messiah
น้องใหม่
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2


« ตอบ #19 เมื่อ: 23-07-2008, 02:24 »

มาเหนื่อเมฆ  กะยิงนัดเดียวได้นกสองตัว  สังเกตครับว่าพวกนี้พยายามเล่นประเด็นนี้กันนัก   ทั้งลดความชอบธรรมขององค์กร และโยงถึงเรื่องพระราชอำนาจ 
บันทึกการเข้า
กลายใต้
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 56



« ตอบ #20 เมื่อ: 23-07-2008, 02:56 »

เด็กมันเกิดมาแล้ว  ใยจะไปฆ่ามันให้ตาย  ไปทำให้เสมือนว่าไม่ได้เกิด ... คงไม่ได้

เหมือนรัฐบาลชุดนี้ เป็นรัฐบาลที่โฆมะตั้งแต่ตอนมา เป็นรัฐบาลที่ไม่ถูกกฎหมาย เนื่องจากเป็นตัวแทนของไทยรักไทย ..

แต่เมื่อในที่สุดแล้ว เกิดมาแล้ว ... ก็ต้องดูว่ามีชีวิตไปตามครรลองคลองธรรมหรือไม่ ถ้าไม่ก็ต้องให้มันไปอย่างครรลองคลองธรรม แล้วหามาใหม่




สรุป คือ เกิด มาจากไหนไม่สำคัญ  ขึ้นอยู่กับว่า เมืออยู่แล้ว  ได้ทำหน้าที่อย่างครรลองคลองธรรมหรือไม่ เท่านั้นเอง ..
บันทึกการเข้า
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #21 เมื่อ: 23-07-2008, 03:05 »

'เสรี' ชี้ถอดป.ป.ช.ขึ้นอยู่กับวุฒิสภา

นายเสรี สุวรรณภานนท์ อดีตรองประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญ 2550 กล่าวว่า รัฐธรรมนูญกำหนดช่องทางการตรวจสอบ ป.ป.ช.ไว้ 2 ทาง คือมาตรา 248 เมื่อ ส.ส. 1 ใน 4 หรือประชาชน 20,000 คน เข้าชื่อมาแล้ว ประธานวุฒิสภาจะนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมวุฒิสภาเพื่อให้พิจารณา โดยการตรวจสอบหาหลักฐาน ขึ้นกับที่ประชุมวุฒิสภาจะมีมติตั้งกรรมาธิการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริงหรือไม่ จากนั้นจึงให้ที่ประชุมวุฒิสภาพิจารณา ใช้เสียง 3 ใน 4 เพื่อถอดถอน หากวุฒิสภาเห็นว่าการแต่งตั้ง ป.ป.ช.ถูกต้องแล้ว แต่ยังมีคนสงสัยจะยื่นศาลรัฐธรรมนูญก็อาจทำได้ แต่คงไม่ง่าย เพราะถือว่าวุฒิสภาเป็นองค์กรที่มีอำนาจชี้ขาดในกรณีดังกล่าวตามรัฐธรรมนูญแล้ว

นายเสรีกล่าวว่า ส่วนตรวจสอบ ป.ป.ช.อีกทางหนึ่งคือ ผ่านมาตรา 249 ซึ่งเป็นความรับผิดทางกฎหมาย โดยกรณีนี้ ส.ส. ส.ว. หรือ ส.ส. และ ส.ว. เข้าชื่อ 1 ใน 5 ส่งประธานวุฒิสภา และประธานจะส่งเรื่องให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิจารณา

พปช.ยื่นกมธ.สอบป.ป.ช.ละเว้น

ที่รัฐสภา นายศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกพรรคพลังประชาชน (พปช.) ยื่นหนังสือต่อนายสุทิน คลังแสง ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) กิจการองค์กรตามรัฐธรรมนูญ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชนและกองทุน สภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้ตรวจสอบกรณี ป.ป.ช.กระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ เนื่องจากไม่ตรวจสอบและเอาผิดกับ ส.ส.และ ส.ว.ที่มีหุ้นอยู่ในบริษัทที่ถือสัมปทานผูกขาดของรัฐ โดยนายศุภชัยกล่าวว่า จากการยื่นเรื่องให้สอบ ส.ส. และ ส.ว. ในกรณีดังกล่าว แต่จนถึงวันนี้ทาง ป.ป.ช.ยังไม่ได้ดำเนินการตรวจสอบ ถือเป็นการละเว้นปฏิบัติหน้าที่ มีความผิดทางอาญา

นายสุทินกล่าวว่า ได้รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับ ป.ป.ช.รวมแล้ว 3 เรื่อง นอกจากเรื่องของนายศุภชัยแล้ว ยังมีการให้ตรวจสอบ ป.ป.ช.เนื่องจากมีที่มาโดยไม่ชอบ ไม่ผ่านการโปรดเกล้าฯ ทำผิดด้วยการขึ้นเงินเดือนเลขานุการ และที่ปรึกษาทั้งที่ไม่มีอำนาจ และให้ตรวจสอบกรณีการรับเงินเดือนของ ป.ป.ช.เป็นไปโดยมิชอบ ดังนั้น ในวันที่ 24 กรกฎาคม จะเชิญเลขาธิการ ป.ป.ช. อธิบดีกรมบัญชีกลาง ตัวแทนคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักกฎหมายของสภาผู้แทนราษฎรและผู้ร้องเข้าชี้แจง

'จะทำหนังสือถึงสำนักเลขาธิการ ครม. เพื่อขอหนังสือกรณีที่ระบุว่าสำนักราชเลขาธิการแจ้งว่า ป.ป.ช.ชุดนี้ไม่ต้องผ่านการโปรดเกล้าฯ ถือว่าเป็นกุญแจสำคัญที่จะคลี่คลายเหตุการณ์ได้ทั้งหมด หากพบว่า ป.ป.ช.มีความผิดจริง ผมสามารถใช้เอกสิทธิ์ของ ส.ส.เข้าชื่อไม่น้อยกว่า 1 ใน 5 ยื่นต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ทันที โดยไม่ต้องผ่านความเห็นชอบจากประธานสภา เนื่องจากไม่ได้ยื่นในฐานะกรรมาธิการ' นายสุทินกล่าว

พปช.รับเรื่องยากถอดถอนป.ป.ช.

นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ ส.ส.นครราชสีมา พรรค พปช. กล่าวว่า รวบรวมรายชื่อได้ครบ 1 ใน 4 ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 248 แล้ว สามารถยื่นต่อประธานวุฒิสภาได้ภายในสัปดาห์นี้ จึงขอเรียกร้องไปยัง ป.ป.ช.ว่าเมื่ออ่านกฎหมายแล้วรู้ตัวก็ควรพิจารณาตัวเองเพื่อให้เกิดความสง่างาม และเมื่อ ส.ส.ส่งรายชื่อให้ประธานวุฒิสภาแล้ว จากนั้นจะตรวจสอบคุณสมบัติ เพื่อนำเข้าสู่การประชุมของวุฒิสภาเพื่อลงมติให้ ป.ป.ช.พ้นจากตำแหน่ง ซึ่งจะต้องมีเสียงไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของจำนวนวุฒิสภาทั้งหมด จากนี้ไปก็ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของวุฒิสภาว่าเห็นอย่างไร ยอมรับว่าเป็นเรื่องยากที่จะสามารถถอดถอน ป.ป.ช.ได้เนื่องจากมีวุฒิสภาที่มาจากการสรรหาถึง 74 คน

นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ป.ป.ช.สามารถอ้างได้ว่าแต่งตั้งมาโดยประกาศของ คปค.ซึ่งเป็นองค์รัฏฐาธิปัตย์ แต่อยากถามว่าถูกต้องตามประเพณีการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขหรือไม่ การที่ ป.ป.ช.ได้รับการแต่งตั้งโดยคนเดียวๆ และรับรองตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 299 แต่ไม่สนกฎหมายของ ป.ป.ช.เองเป็นเรื่องเหมาะสมหรือไม่ หมายความว่าต้องเว้นวรรคการใช้กฎหมาย ป.ป.ช.ในเรื่องการสรรหาไปถึง 9 ปี

'การที่ ส.ส.พรรคพลังประชาชนยื่นถอดถอน ป.ป.ช.ผมก็ยังงงอยู่ว่าจะถอดถอนได้หรือไม่ เพราะหากยื่นเรื่องไปที่ประธานวุฒิสภาแล้ว สุดท้ายก็ต้องส่งเรื่องไปที่ ป.ป.ช.อยู่ดี เป็นเรื่องที่ซับซ้อนซ่อนเงื่อนอยู่' นายชูศักดิ์กล่าว

ยันไม่คิดละเมิดพระราชอำนาจ

นายกล้านรงค์กล่าวว่า สาเหตุที่ประกาศของ คปค.ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากแนวคำพิพากษาของศาลฎีกาที่ 45/2496 1662/2505 และ 6411/2534 เคยมีคำวินิจฉัยว่า เมื่อคณะรัฐประหารกระทำการสำเร็จ ย่อมมีอำนาจในการเปลี่ยนแปลง แก้ไข ยกเลิก และออกกฎหมายตามระบบแห่งการปฏิวัติ เพื่อบริหารประเทศต่อไปได้ มิเช่นนั้นประเทศจะตกอยู่ในความไม่สงบ ซึ่งเป็นแนวคำพิพากษาที่เป็นบรรทัดฐานเกี่ยวกับสถานะของประกาศหรือคำสั่งคณะปฏิวัติว่าเป็นกฎหมายที่ใช้ได้ถูกต้อง แม้คณะดังกล่าวจะสลายไปแล้ว จนกว่าจะมีการออกกฎหมายมายกเลิกในภายหลัง

'นอกจากนี้ ประกาศ คปค.ฉบับที่ 31 ยังระบุว่าให้กฎหมาย ป.ป.ช.ปี 2542 ใช้ได้ต่อไป และถือว่าประกาศ คปค.ฉบับที่ 19 แต่งตั้งและสรรหา ป.ป.ช.ทั้ง 9 คนโดยชอบแล้ว นอกจากนี้รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว 2549 มาตรา 36 และรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 299 และมาตรา 309 ยังรับรองให้ดำรงตำแหน่งต่อไปจนครบวาระ แสดงให้เห็นว่า ป.ป.ช.ชุดนี้เป็นองค์กรตามรัฐธรรมนูญที่ได้รับการแต่งตั้งโดยชอบด้วยกฎหมายมาตั้งแต่ต้น ทั้งนี้ ป.ป.ช.ทุกคนยืนยันว่าไม่เคยคิดล่วงละเมิดพระราชอำนาจ และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์มาโดยตลอด' นายกล้านรงค์กล่าว
บันทึกการเข้า

หน้า: [1]
    กระโดดไป: