น้องเขาให้สัมภาษณ์เอาไว้ในเว็บผู้จัดการแล้วนะครับว่า
เขาได้ไปแจ้งความที่ สน.มีนบุรี และแจ้งในอินเตอร์เน็ต
ขอให้คนที่มีคลิปหรือภาพที่มาจากคลิปนั้น ช่วยเอาออก
หรือลบทิ้งด้วย
สรุปว่าประเด็นเรื่องคลิป น้องเขาพูดชัดเจนแล้วนะครับถือโอกาสนำบทความมาลงในกระทู้นี้ให้เลยก็แล้วกัน -----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
"พริก กานต์ชนิต" สลัดภาพเซ็กซี่ โผล่ร่วมกู้ชาติ สมัครเป็นพยาบาลอาสาดูแลผู้ชุมนุมที่เจ็บป่วย
บอกเป็นความสุขที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนในชีวิต เจ้าตัวยันไม่ได้มาเพื่อสร้างภาพ พร้อมเผย ควักกระเป๋า
ทุ่มเงินหลักหมื่นทำเข็มกลัดกู้ชาติขาย เพื่อนำเงินไปซื้อจานเอเอสทีวีบริจาคชุมชนที่ขาดแคลน
หวังเปิดหูเปิดตาชาวบ้านให้ได้รับข้อมูลข่าวสาร
เป็นอีกหนึ่งนักแสดงที่เข้าร่วมกู้ชาติกับผู้ชุมนุมพันธมิตรอย่างเปิดเผย สำหรับ "พริก กานต์ชนิต ซำมะกุล"
นักแสดงสาวภาพลักษณ์เซ็กซี่จากภาพยนตร์เรื่อง จ.เจี๊ยวจ๊าว และเคยแจ้งเกิดจากการที่มีคลิปหลุดนุ่งบรา
โชว์เซ็กซี่เพื่อโปรโมตหนังสือ MEMO แถมล่าสุดเจ้าตัวได้ไปเป็นพยาบาลอาสา ช่วยแจกยาและดูแลผู้ชุมนุม
ที่เจ็บไข้ได้ป่วย อยู่ที่หน่วยพยาบาลของพันธมิตร โดยสาวพริกเปิดเผยว่า ได้ติดตามข่าวสารบ้านเมืองมา
ตั้งแต่มีการชุมนุมที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ครั้ง แรก บอกทนไม่ได้ที่รัฐบาลทำลายชาติแล้วยังหมิ่นเบื้องสูง
เป็นเหตุให้อยากเป็นส่วนหนึ่งในการปกป้องชาติร่วมกับพี่น้องคนไทย
ทั้งนี้เจ้าตัวยังถือโอกาสชี้แจง หลังถูกครหาใช้เวทีนี้สร้างภาพว่าไม่เป็นความจริง ยันอยากมีส่วน
ช่วยบ้านเมืองด้วยความบริสุทธิ์ใจ ก่อนเผยถึงความรู้สึกส่วนลึกให้ฟังว่า การต้องมาทำความดีครั้งนี้
อาจจะเป็นการชดใช้ที่อดีตเคยเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีของเยาวชนก็เป็นได้
"ตอนแรกหนูดูทีวี เปลี่ยนช่องมาเจอเอเอสทีวีเพราะที่บ้านติดจานเอเอสทีวีอยู่แล้ว ตอนนั้นคุณยาย
อารมณ์ มีชัย กำลังขึ้นพูดบนเวทีพอดี แล้วภาพที่เห็นคือเป็นคนแก่คนหนึ่งที่โพกผ้าเขียนว่ากู้ชาติ พูดเกี่ยวกับ
ประเทศไทยและชักชวนคนให้มาเยอะๆ ความรู้สึกนั้นคืออยากจะถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย และ
ทำไมคนแก่ขนาดนี้ต้องออกมากู้ชาติ ฟังมาเรื่อยๆ จากที่ไม่เคยรับรู้เรื่องการเมือง ไม่เคยสนใจเรื่องอะไรเลย
คือมันเหมือนจะซึมไปเองว่าเป็นเสมือนหน้าที่ เป็นเรื่องที่ทุกคนต้องรู้"
"หนูฟังเอเอสทีวีอยู่ที่บ้านประมาณหนึ่งอาทิตย์ ฟังทุกวัน ฟังจนติดไปเลย ขนาดนอนเราก็ยังเปิดฟัง
ตื่นมาก็ฟัง ให้มันเข้าหัว พอเริ่มเข้าใจเรื่องนั้นเรื่องนี้เราก็เริ่มติดตาม แล้วคุณยายอารมณ์บอกว่า ถ้าเค้ายัง
ไม่ตายเค้าจะกลับมาใหม่เพราะเค้าต้องทำคีโม แล้วเวลาก็ผ่านไปคุณยายก็กลับมา ทีนี้มันต้องมาแล้วล่ะ
เพราะคุณยายยังมาเลย ก็เลยมาที่นี่มาฟังด้วยตัวเอง หนูมาตั้งแต่ม็อบมัฆวานฯครั้งแรก ตอนบุกไปทำเนียบ
เราก็ไปลุยกับเค้า แล้วก็ไปนางเลิ้ง วันที่ไปนางเลิ้งก็ไปนอนกลางถนนมาด้วย ก็อยากลองดู คุณลุงจำลอง
ก็บอกว่าให้ลองดูที่นอนบนพื้นถนนเป็นเตียงขนาดใหญ่ มีผ้าห่มเป็นท้องฟ้าเป็นยังไง เราก็เลยลองดูได้
บรรยากาศดี ก็สนุกดีนะคะ หลังจากนั้นก็มาฟังเรื่อยๆ จนมาอยู่ที่นี่คะ (หน่วยพยาบาล)"
" บอกเลยว่าตอนแรกที่ฟังแกนนำฯพูด หนูก็ไม่เชื่อ คือเราคิดว่าตอนนี้สื่อมันเปิดกว้าง ทุกคนเค้า
มีความคิด ตัดสินใจได้ ไม่ใช่แบบแกนนำพูดปุ๊ป เราต้องเชื่อเลย ไม่จริงนะ พอฟังแกนนำพูดแล้วเราต้อง
พิจารณาว่า เกิดไรขึ้น ดูช่องฟรีทีวีด้วยแล้วเปรียบเทียบ อันไหนที่ถูกต้องเราก็เลือกอันนั้นล่ะค่ะ อย่างหนู
ดูข่าวเป็นอาทิตย์กว่าจะออกมา จริงๆ ก็ไม่อยากยุ่ง แต่เราอยากรู้ว่าอะไรคือความจริง ฟังแล้วมีความรู้สึก
อยากรู้ว่า...มันเรื่องจริงเหรอ ในฐานะที่เราเป็นประชาชนคนไทยเรามีหน้าที่อะไรบ้าง แล้วจะช่วยอะไร
ได้บ้าง พอพิจารณาแล้วว่ามันเป็นสิ่งที่คนไทยทุกคนจะต้องทำ เพราะมันเป็นหน้าที่ที่ต้องช่วยเหลือ
ประเทศชาติ ช่วยเหลือพระมหากษัตริย์ของเราด้วย"
" ความรู้สึกที่ต้องออกมามันรวมไปถึงทุกเรื่อง คือทุกสิ่งทุกอย่างที่รัฐบาลทำให้ประเทศไทยต้อง
สูญเสีย ทำให้พระมหากษัตริย์หม่นหมองคือสิ่งที่ผิด เพราะในหลวงของเราเปรียบเสมือนเทพ ท่านทำเพื่อ
ประชาชนเพื่อประเทศชาติ ท่านไม่ใช่คนที่ไม่ดี ถ้าใครทำร้ายท่าน คนนั้นคือคนที่ผิด"
"คนที่พูดว่าเราคลั่งชาติ หนูว่ามันก็ดีกว่าขายชาตินะ คลั่งชาติมันไม่ดีตรงไหน อยากจะบอกว่า
ประเทศไทยขาดการคลั่งชาติมานานมากแล้ว คนไทยอะไรก็กระแสต่างชาติ อะไรก็ต่างชาติ อยากจะ
บอกว่าสิ่งที่สำคัญที่สุด คือคนไทย ทรัพยากรไทย และก็ประเทศไทย คืออยากจะให้เริ่มจากของของเรา
มากกว่า ดูอย่างญี่ปุ่นทุกวันนี้ที่เค้าเจริญได้เพราะเค้าคลั่งชาติ คลั่งชาติมันแยกได้ว่า คลั่งชาติไปในทาง
ที่ดีหรือไม่ดี แต่ถามว่าเราคลั่งชาติแบบมีอารยะ ถามว่าไม่ดีหรือคะ"
" คำพูดที่บอกว่า รถติด หรือทำให้การเมืองวุ่นวาย จริงๆ ไม่ใช่ปัญหาแต่เป็นคำพูดที่ต้องการ
ให้เกิดปัญหามากกว่า มนุษย์ต้องมีสิทธิแสดงความคิดเห็น ประชาชนที่มีความเป็นประชาธิปไตยต้อง
มีสิทธิแสดงความคิดเห็น ต้องมีสิทธิแสดงออก เราชุมนุมโดยสงบ เป็นการชุมนุมโดยอารยะ แกนนำ
บอกว่าจะไม่เข้าไปเหยียบแม้แต่ต้นหญ้าของทำเนียบฯ ไม่ทะเลาะเบาะแว้ง เราจะมีวินัย และผู้ชุมนุม
ก็ยึดหลักนั้นมาตลอด หนูไม่เห็นด้วยกับคำพูดพวกนี้ เราเชื่อว่าหลายๆ คน และไม่จำเป็นจะต้องเรียนสูง
ทุกคนมีวิจารณญาณพอว่าอะไรเป็นสิ่งที่ควร อะไรที่ไม่ควร อะไรที่ถูกต้องไม่ถูกต้อง คนที่มาไม่ใช่คนขี้เมา
โอเคอาจจะไม่สามารถวัดได้ว่ามีการศึกษาหรือเป็นเจ้าของกิจการ แต่ดูสีหน้าที่มุ่งมั่น หรือที่แกนนำ
พยายามให้ความรู้ดีกว่า นั่นคือความจริงที่เวทีนี้มีนะคะ"
ยัน ไม่ได้มาเพื่อสร้างภาพ บอกรู้ตัวดีว่าภาพลักษณ์ในอดีตไม่สวยงามเพราะมีเรื่องคลิปภาพแนว
เซ็กซี่หลุด แพร่กระจายตามอินเตอร์เน็ตจนกลายเป็นตราบาปติดตัว เจ้าตัวเชื่อ การต้องมาเป็นอาสาสมัคร
ที่หน่วยพยาบาล อาจจะเป็นการทำความดีเพื่อชดใช้ที่ในอดีตเคยเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีก็เป็นได้
"อยากจะบอกว่ามันไม่ใช่เรื่องง่าย หนูอยู่เต้นท์พยาบาล ช่วยงานเบื้องหลัง ส่วนเวทีอยู่โน่น
ไม่เคยไปเฉียดใกล้เวทีเลย แล้วการอยู่เต้นท์พยาบาลหนูก็ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร ไปเดินแจกยาหนูก็ไม่รู้ว่า
ประชาชนที่มาเป็นใครบ้าง อย่างเมื่อกี้มีราชนิกุลมาซื้อเข็มกลัดไป 10 อัน พี่ๆ เค้าก็มาสะกิดบอกว่า
เธอรู้รึเปล่าว่าคนนั้นเป็นถึงราชนิกุลเลยนะ เค้าเห็นเธอร้องเพลงบนเวทีเค้าเลยอยากช่วย หนูก็เหรอ...
หนูไม่รู้ คือมันเป็นเรื่องยากนะถ้าจะมาทำๆ เพื่อให้ทุกคนเห็น มันอยู่คนละส่วน ตัวหนูเองก็มานั่งฟังแกนนำฯ
ตั้งแต่เวทีมัฆวานฯครั้งแรก กระทั่งอาสามาช่วยแจกยาเพราะคนขาด ฉะนั้นมันเป็นไปไม่ได้ที่จะมาหวัง
ผลประโยชน์ตรงนี้"
" ไม่ได้คิดว่าหนูจะต้องมาเปิดตัวหรือขึ้นไปยืนบนเวที คิดแค่ว่าหนูต้องมาเป็นส่วนหนึ่งต้องมาช่วย
อะไรก็ได้ที่เราทำได้เราก็จะช่วยให้เยอะที่สุด จุดมุ่งหมายคือไม่ได้มาเพื่อขึ้นเวทีหรือประกาศว่าฉันมานะ
มันไม่ใช่ค่ะ จริงๆ แล้วอยากจะบอกว่าสิทธิความเป็นมนุษย์ มันย่อมมีความเป็นอิสระทั้งร่างกายและ
จิตวิญญาณ จริงๆ เราแคร์คนอื่นมากจนลืมแคร์ความต้องการของตัวเอง และในตอนนี้มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับ
ประเทศชาติของเรา ใครรักชาติก็จงออกมา มันเกิดจากความรู้สึกเสียใจที่คนคนนึงจะขายชาติ คนคนนึง
จะทำร้ายในหลวง พูดถึงเราก็อยากจะร้องไห้ เพราะเราก็ไม่มีอำนาจพอ หรือมีพาวเวอร์พอที่จะช่วยได้
สิ่งที่ช่วยได้คือการออกมารวมตัวกันเป็นอารยะ ว่าเราไม่เห็นด้วยมันเป็นวิธีเดียวที่จะปกป้องชาติ ศาสน์
กษัตริย์เราได้"
" หนูบอกเลยว่าหนูประวัติไม่ดี เรื่องที่เกิดขึ้นมันเป็นความผิดพลาดในชีวิต หนูรู้ตัวว่าตัวเองประวัติ
ไม่ดีมาก วันแรกที่มาเหยียบที่นี่หนูไม่ได้ทำตัวเป็นดารา มาฟังปราศรัยกับคนอื่นๆ ตอนเดินแจกยาก็ไม่ได้
ไปอะไรกับใคร แล้ววันนึงมีพี่ที่เอเอสทีวีมาขอยา เพราะไม่สบาย เค้าก็เอ๊ะ..คุ้นๆ หน้าเรานะ แต่ตอนนั้น
หนูก็ไม่ได้บอกอะไร แต่คิดว่าคงพูดกันปากต่อปากมั้งคะ หลังจากนั้นพี่เค้าก็มาดึงหนูไปขึ้นเวที แต่หนูก็บอก
ไปว่าไม่ดีกว่า เพราะหนูมีปัญหาเรื่องคลิปไม่อยากให้พันธมิตรมัวหมอง เพราะหนูก็รู้ว่าตัวเองระดับไหน
แต่แค่อยากช่วยเท่าที่หนูจะช่วยได้ดีกว่า แต่หลังๆ มันไปของมันเองเพราะตอนแรกยาบางตัวขาด พี่ๆ เค้า
ก็เลยให้หนูไปขอรับบริจาคบนเวทีให้หน่อย ไหนๆ ก็ช่วยแล้วก็เลยโอเคๆ"
"หลายๆ คนมองว่าการที่หนูออกมาครั้งนี้เพราะต้องการสร้างกระแส หรือสร้างภาพให้ตัวเองหรือเปล่า
เพราะตัวเองก็มีภาพที่เซ็กซี่มาตลอดเลย จริงๆ มันเป็นรูปแบบงาน เป็นเรื่องการทำงานมากกว่า เป็นช่วง
เวลานึงที่เราสามารถทำได้ และเราก็เลือกที่จะเป็น แต่ถ้าเรามีทางเลือกที่ดีกว่าบอกได้เลยว่าไม่อยากเป็น
แต่ถ้ามีโอกาสมา ณ ตรงนี้ เค้าบอกว่าเราต้องเป็นแบบนี้ๆ เราก็ไม่อยากทิ้ง แต่ถ้ามีทางเลือกที่ดีกว่าก็อาจ
จะไม่ทำ คือต่อจากนี้ก็จะไม่ถ่ายบิกินี จะไม่ถ่ายชุดว่ายน้ำแล้ว คือถ่ายเซ็กซี่ได้ แต่ไม่บิกินี ไม่ชุดว่ายน้ำ
หนูเต็มที่กับมันไปแล้ว เราได้ลองทำและก็รู้แล้วว่ามันเป็นยังไง ก็คือพอ (สีหน้าจริงจัง)"
"ก่อนหน้าที่จะมาที่นี่หนูได้ไปแจ้งความที่ สน.มีนบุรี และกระจายข่าวในอินเตอร์เน็ต เพื่อขอให้ใคร
ที่มีคลิปหรือภาพที่มาจากคลิปนั้น ช่วยเอาออกหรือลบทิ้งให้หน่อย ที่ผ่านมาหนูได้รับผลกระทบที่แย่ๆ
มากพอแล้ว หนูอยากให้เรื่องนี้จบสักที คิดซะว่าหนูได้ชดใช้กรรมในสิ่งที่หนูผิดพลาดแล้ว หนูไม่อยาก
เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีอีกต่อไปแล้ว การมาเป็นอาสาสมัครที่นี่ หนูก็ไม่ได้คิดว่ามันช่วยลบภาพที่ผ่านมา
ของหนูได้ เพราะคนเรามักจะจำอะไรที่เป็นภาพแรก และเป็นเรื่องเป็นราว ตัวหนูก็ไม่ได้หวังว่าใครจะมาเข้าใจ"