"และความร่วมมือของเราทั้งสองในปฏิบัติการต่อต้านการก่อการร้ายยังคงมีอยู่ต่อไป"ทำให้ความลับที่ปิดซ่อนมานานถูกเปิดขึ้นแล้วรัฐบาลสหรัฐ
ทำการสนับสนุนเงิน ปีละ 200 ล้านเหรียญ เท่ากับ 8,000 ล้านบาท แก่รัฐบาลไทย
และรับผิดชอบในการสร้างผู้ก่อการร้ายในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้
โดยอยู่ในความรับผิดชอบของ คน 2 คน ซึ่งมีอำนาจอนุมัติเงินเบิกจ่ายงบประมาณลับก้อนนี้
1. พลตำรวจเอกชิดชัย วรรณสถิตย์ รักษาการณ์รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
และรักษาการณ์รองนายกรัฐมนตรี และผู้รับผิดชอบงานด้านความมั่นคงของประเทศไทย
ในการแก้ไขสถานการณ์ความไม่สงบ มีอำนาจในการสั่งการหน่วยงานความมั่นคงทุกหน่วย
โดยเฉพาะ หน่วยงานข่าวกรอง 14 หน่วย ในประเทศไทย
2. พลเอกวินัย ภัททิยกุล เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ
ผู้รับผิดชอบในปฏิบัติการทางทหารเพื่อการแก้ไขสถานการณ์ความไม่สงบ
ร่วมกับทางตำรวจและชิดชัย วรรณสถิตย์
นี่คือ ความอัปยศ ที่คนสองคนสร้างขึ้นภายใต้การเฝ้ามองตลอดเวลา
และนำสถานการณ์มาใช้ประโยชน์ทางการเมือง เพื่อการออกประกาศ พรก.ฉุกเฉิน หรือ ใบอนุญาตฆ่า
ของ ทักษิณ ชินวัตร ที่ทำให้เหตุการณ์ไม่สิ้นสุด และคนที่ตายนับหมื่นศพ
ตลอด 5 ปี ในทุกเหตุการณ์ไม่ว่ากรือเซะ ตากใบ หรืออุ้มฆ่า ตลอดจนที่หายสาบสูญ
การทำงาน ศอ.บต. พตท.43 การปลด ผอ.พลากร สุวรรณรัตน์
(ปัจจุบันท่านเป็นองคมนตรีทำงานถวายพระเจ้าอยู่หัว)
การทำลายแนวป้องกันด้านการข่าวของพลเรือน การสลายกำลังแนวร่วมการข่าวของชาติ
เพื่อเปิดทางสะดวกในทุกปฏิบัติการ
นี่แหล่ะ ตัวตนของการสร้างสถานการณ์ความไม่สงบ เพื่อ สนองรัฐบาลบุช
โดยทักษิณและปฏิบัติการสุดท้ายที่ จะเกิดขึ้นและต่างปะทะกันอย่างรุนแรงที่สุด
โดยที่สื่อสารมวลชนทั่วไปไม่มีทางรับรู้
จะมีก็แต่ เซี่ยงเส้าหลงและผู้เกี่ยวข้องที่สามารถเข้าถึงข้อมูลภายใน
ระดับผู้ใกล้ชิดกับผู้ปฏิบัติการของสำนักพระราชวัง
และบุคคลใกล้ชิดระดับแกนนำพรรคไทยรักไทย เท่านั้นที่จะทราบได้ คือ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คือ เป้าหมายสำคัญสูงสุด ในการลอบปลงพระชนม์โดยทุกวิธีการ
และโดยเฉพาะการทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ยิ่งดีการทำลายพระเกียรติยศ การพยายามปล่อยข่าวลือในทางเสียหายของพระบรมวงศานุวงศ์
การเขียนบทความโจมตีพระราชสถานะของพระเจ้าอยู่หัว ในการสืบราชสมบัติ
การพยายามปิดล้อมอำนาจของทหารของพระองค์
ไม่ให้สามารถลงมือในการควบคุมตัวทักษิณ ชินวัตร
การใช้ตำรวจและฝ่ายปฏิบัติงานของศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.)
ทำการประกบติดและรายงานความเคลื่อนไหว
จากพระราชฐานที่ประทับทุกแห่ง ทุกพระองค์
การสอดแนมด้วยการดักฟังโทรศัพท์ในทุกพระราชฐาน
ทุกพระตำหนักลับ ทุกพระสหาย และการส่งคนติดตามบุคคล VIP
ทั้งหมดอยู่ในขั้นที่สามารถ รับคำสั่งเพื่อการ "ฆ่า" ได้ทันทีเมื่อเวลาเกิดการรบแตกหักด้วยการทุ่มกำลังโจมตีครั้งสุดท้าย
โดยสื่อสารมวลชนที่ไม่อาจทำอะไรได้มากกว่า การปิดตาปิดหูปิดปากตนเอง
(กรณีล่าสุดคือการส่ง จนท. ของศรภ. ลักลอบขึ้นตึกที่ประทับไปถึงชั้น 15 โรงพยาบาลศิริราช
โดยอ้างว่าต้องการลงนามถวายพระพร
แต่ที่ลงนามอยู่ชั้น 1 และเป็นวันที่ทักษิณพยายามขึ้นลิฟท์ เพื่อเข้าเฝ้าฯเป็นพิรุธ
และไม่นานก็ถูกรับตัวกลับหน่วยที่ตั้ง โดยไม่มีการสอบสวน)
และในท่ามกลางสงครามที่ ทักษิณ ชินวัตร จะทำการทุ่มกำลังทั้งหมดนั้นเกิดขึ้น
เราไม่อาจรู้ว่า ผลลัพธ์จะออกมาเป็นเช่นไร? และสำหรับประชาชนที่ไร้กำลังอาวุธ
มีแต่ความจงรักภักดี คงทำได้เพียงหน้าที่ของผู้เฝ้าดูสงครามนี้
ภายใต้การปกป้องดูแลของเหล่าทหารหาญนอกเครื่องแบบ
จากกำลังรบพิเศษป่าหวายแกนนำพันธมิตร
ท่านจะวางยุทธศาสตร์อย่างไร เพื่อนำมวลชนปกป้องพระเจ้าอยู่หัว
ร่วมกับทหารของพระองค์ทุกนาย ร่วมกับผู้แทนพระองค์ทุกคน
ก็เตรียมตัวให้พร้อมให้ดีที่สุดเถิดกราบเรียนทุกท่านที่ได้อ่านและรับรู้เรื่องนี้จากข้าพเจ้า
ขอท่านตัดสินใจเถิดว่าท่านจะนิ่งเฉยอยู่ หรือทำประการใด
เพื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
และท้ายนี้ข้าพเจ้าขอเปิดเผยความลับสุดท้ายของทักษิณ ชินวัตร ทักษิณ ชินวัตร ทำการจัดหาคนที่มีบุคลิกลักษณะคล้ายตนเองขึ้นมาจำนวน 4 คน
และทำการส่งเข้ารับการผ่าตัดใบหน้า เพื่อให้คล้ายคลึงตนเอง
สำหรับใช้เป็นตัวแทนในการไปยังสถานที่ต่างๆ
เพื่อสร้างความสับสนการติดตามของฝ่ายต่างๆ
เพื่อรับประกันว่า หากตัวสำรองถูกทำให้ตายไป แต่ก็ยังมีตัวจริงอยู่
และพร้อมจะสั่งการต่อไปในเรื่องต่างๆ มีการเตรียมเส้นทางหลบหนีไว้อย่างดี
ทั้งทางบก เรือ อากาศ กำลังคนคุ้มกันติดอาวุธพร้อม 24 ชม.
ขอเรียนให้ทราบว่า พลเอกสนธิ บุญรัตนกลิน
ไม่อาจทำหน้าที่ที่ขัดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญใดๆ เพราะการฉีกรัฐธรรมนูญด้วยกำลังทหารก่อน
ถือเป็นความผิดที่นำพาความเสื่อมเสียมาสู่กองทัพของพระเจ้าอยู่หัว
ไม่ใช่เพียงแค่การเสื่อมเสียเฉพาะตัวบุคคลของท่านพลเอกสนธิ
ฉะนั้น หากจะต้องทำการฉีกรัฐธรรมนูญด้วยส่งสูงสุด
ขอท่านแกนนำพันธมิตรและขอปวงชนชาวไทย
จงทำการสร้างธงสัญลักษณ์แห่งมติมหาชน ผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย
ที่ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระปกเกล้าฯ ล้นเกล้ารัชกาลที่ 7
พร้อมลงนามให้กับท่านพลเอกสนธิ อย่างเป็นทางการ
ให้ท่านทำหน้าที่ ปกป้องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ได้ทันที
โดยไม่ต้องสนใจต่อการฉีกรัฐธรรมนูญ เพราะถือว่า มติของมหาชน เป็นไปโดย
"อำนาจของกฎหมายความมั่นคงสูงสุด" และเพื่อเป็นไปโดยความชอบธรรมนั้น
ทหารจะต้องทำหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมายจากมหาชน
และนำพระราชอำนาจนั้นกลับคืนสู่พระมหากษัตริย์
และสลายกำลังรบกลับเข้ากรมกอง
เพื่อเปิดทางให้ประธานศาลฎีกา ทำหน้าที่นำชื่อบุคคลผู้เหมาะสม
นำขึ้นกราบบังคมทูลโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ทำหน้าที่ นายกรัฐมนตรี
ภายใต้ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ คือ ท่านประธานศาลฏีกา
และเร่งกอบกู้หายนะของชาติบ้านเมืองโดยเร็วที่สุด เพราะเรารอให้มากกว่านี้ไม่ได้อีกต่อไป
บันทึก : 5 สิงหาคม 2549
ผู้บันทึก : ธุลีพระบาท ( สุกฤษณ์ อุดมเดชวัฒน์ )
ด้วยจิตคารวะต่อทุกท่านด้วยสำนึกในฐานะของประชาชนคนหนึ่งในชาติด้วยสำนึกต่อทุกผู้ที่เสียสละเพื่อแผ่นดิน
ไทยได้คงอยู่จนถึงวันนี้ขอเกิดและตายบนผืนแผ่นดินไทยวันที่ : 8 ส.ค. 49 เวลา : 6:00:25 PM
จบแล้วค่ะ
สมาชิกคิดอย่างไรกับบทความนี้บ้างคะ มาคุยกัน