ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
25-04-2024, 11:24
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  ผมได้ยินมาจริงๆว่า พล.ต.เจีย เคียว อ้างพื้นที่ทับซ้อนเป็นดินแดนกัมพูชา..... 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
ผมได้ยินมาจริงๆว่า พล.ต.เจีย เคียว อ้างพื้นที่ทับซ้อนเป็นดินแดนกัมพูชา.....  (อ่าน 2050 ครั้ง)
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« เมื่อ: 20-07-2008, 10:21 »

"พล.ต.เจีย เคียวอ้างพื้นที่ทับซ้อนเป็นดินแดนกัมพูชา"

ผู้บัญชาการกองทัพบกจ.พระวิหาร"ระบุพื้นที่ทับซ้อนเป็นดินแดนของประเทศกัมพูชา ก่อนทั้งไทย-กัมพูชาจะเปิดประชุมเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ตึงเครียดในวันจันทร์นี้ (21ก.ค.)

กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์ : หลังจากที่เมื่อวานนี้ นายกรัฐมนตรีสมัคร สุนทรเวช ได้ส่งจดหมายตอบกลับนายกรัฐมนตรี ฮุนเซน ของกัมพูชา โดยยืนยันว่าพื้นที่ทับซ้อนปราสาทพระวิหารเป็นดินแดนไทย และสิ่งปลูกสร้างรวมถึงทหารกัมพูชาที่อยู่ในพื้นที่ละเมิดอธิปไตยของไทยนั้น พลตรีเจีย เคียว ผู้บัญชาการกองทัพบกจังหวัดพระวิหาร กล่าวว่า หากดูตามแผนที่แล้ว พื้นที่ดังกล่าวเป็นของกัมพูชา




แม้สถานการณ์ในพื้นที่วันนี้จะยังสงบเรียบร้อย แต่พลตรีเจีย เคียว กล่าวว่าทั้งสองฝ่ายยังคงเสริมกำลังพลเข้าไปในพื้นที่ โดยกัมพูชาได้ส่งทหารเข้าประจำการกว่า 1,000 นาย ส่วนฝ่ายไทยนั้น มีทหารเกือบ400 นายบริเวณเชิงเขา และไม่แน่ใจว่ายังมีอีกกี่นายที่อยู่ตามป่า

ก่อนหน้านี้ ทางการกัมพูชาปฏิเสธที่จะเปิดตัวเลขกำลังทหารของตนที่ประจำการบริเวณพรมแดน แต่สื่อต่างชาติรายงานว่ามีการเคลื่อนกำลังพลหลายร้อยนายเข้าไปเสริมทหาร 1,000 นายฝั่งกัมพูชา ส่วนไทยเอง มีการส่งทหาร 100 นายไปเพิ่มจากที่ประจำการอยู่ในพื้นที่แล้วตอนนี้ 400 นาย ก่อนที่สองฝ่ายจะเปิดการประชุมเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ตึงเครียดในวันจันทร์นี้ (21ก.ค.)

http://www.bangkokbiznews.com/


ผมได้ยินมาแล้ว ฝ่ายเขมรอย่างน้อย 3 คน คือ สมเด็จฮุนเซน สหายของนักธุรกิจการเมืองแม๊วๆ รองนายกฯ/รัฐมนตรีต่างประเทศเขมร และ นายพลเจีย เคียว ยืนยันว่าพื้นที่'ทับซ้อน' บริเวณรอบปราสาทเขาพระวิหารเป็นพื้นที่ของเขมร.....

ก่อนหน้านี้ผมยังไม่ได้ยินว่านายกฯนอมินี รมว.กต. ลูกกรอก และนายพลไทย บอกว่าพื้นที่ทับซ้อนนั้นเป็นของประเทศไทย.....!!!


ปล. ผมได้ยินว่านายกฯไร้วุฒิภาวะอารมณ์ของไทย ยืนยันว่าคนไทย(บ้า) 3 คนบุกรุกดินแดนเขมร.......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-07-2008, 10:24 โดย ปุถุชน » บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
ริวเซย์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4,637


Worrior in The Blue Armor


เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: 20-07-2008, 10:46 »

เขมรมันฉลาดกว่าคนไทยเยอะ อย่างน้อยสำนึกในการรักชาติ หวงแหนแผ่นดินก็มีอยู่เต็มเปี่ยม แม้จะแกมโกงก็ตาม

คนไทยกลุ่มหนึ่งนอกจากไม่รักชาติแล้ว ยังขัดขวางคนรักชาติที่พยายามเรียกร้องเขาพระวิหารและพื้นที่ทับซ้อนคืนอีกด้วย

แบบนี้จะเรียกคนกลุ่มนี้ว่าอะไรดี
บันทึกการเข้า

ถ้ามีแฟนแบบนี้เอาไหมครับ^^


bangkaa
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 407



« ตอบ #2 เมื่อ: 20-07-2008, 10:53 »

เขมรมันเห็นแก่ตัวโดยไม่เห็นหัวไทยครับ

จะเอาทุกอย่าง ไม่ค่อยสนใจ มิตรภาพเท่าใด
ถือว่ามีแบ็กดี...เอาทรัพยากรที่มีเช่น แหล่งพลังงาน ทั้งที่เป็นของมัน และยังไม่ใช่ของมัน ต่อรองแบ่งให้ฝรั่ง มหาอำนาจ...

ประเทศไทยเราเองก็ควรจะใช้สิ่งที่เรามีต่อรองกับฝรั่ง มหาอำนาจด้วยเช่นกัน... แต่ไม่ทำอาจเพราะ แม้ว อยากฮุบเป็นของตัวเอง...

เรื่องนี่เป็นบทพิสูจน์ รัฐบาลหอกหัก ว่าจะแก้ปัญหายังไง...



 
บันทึกการเข้า

มาทำหน้าที่... ใช้หนี้แผ่นดิน...และมาทำบุญ...
อิรวันชาห์ IrWanSyah
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 870



« ตอบ #3 เมื่อ: 20-07-2008, 10:57 »

ปี 46 ก็อย่างนี้แหละ มีคนเขมรออกมาบอกว่าได้ยินชัดที่อีกบ-สุวนันท์ด่าเขมร
บันทึกการเข้า

ริวเซย์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4,637


Worrior in The Blue Armor


เว็บไซต์
« ตอบ #4 เมื่อ: 20-07-2008, 11:07 »

ปี 46 ก็อย่างนี้แหละ มีคนเขมรออกมาบอกว่าได้ยินชัดที่อีกบ-สุวนันท์ด่าเขมร

รู้อย่างนี้แล้ว มะแอบังมุสลิมเขมรก็ยังเชียร์พวกมันอยู่เนอะ

เหรี้ย ถึงใจจริงๆนะคุณ
บันทึกการเข้า

ถ้ามีแฟนแบบนี้เอาไหมครับ^^


คนไทยคนหนึ่ง
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 744


« ตอบ #5 เมื่อ: 20-07-2008, 11:30 »

http://mil.news.sina.com.cn/2008-07-18/1351511958.html

ขอยกมาบางตอน

泰国总理沙玛则指责,三名泰国示威者因非法进入柬埔寨境内,才会把事情闹大。他对记者说:“就是这三个精神有问题的人越境才会引发问题,引起两方的军队对峙。三名越境的泰国示威者是一个和尚及一对男女,他们是在周二企图进入柏威夏古寺。
แปลได้ดังนี้

นายกประเทศไทยนายกสมัคร ประณามผู้ประท้วงคนไทย 3 คน ทำผิดกฏหมายรุกล้ำาเข้าไปในเขตแดนเขมร ทำให้เรื่องขยายใหญ่ขึ้น
เขา( นายสมัคร)พูดกับนักข่าวว่า * 3 คนนี้สติไม่ดี ข้ามไปทำให้เกิดเรื่อง เป็นเหตุให้เกิดการประจานหน้าของทหารทั้ง 2 ฝ่าย*
3 คนไทยประกอบด้วยพระรูปหนึ่ง และชายหญิงอีกอย่างละคน

ผมเข้าใจว่าสื่อต่างชาติหลายภาษาเสนอข่าวนี้ทั้งนั้น

เป็นไงล่ะ ทั่วโลกต่างเข้าใจว่าประเทศไทยรุกล้ำดินแดนของเขมร เพราะ นายก ประเทศไทยพูดเอง
 

ถ้าเขมรฟ้องศาลโลก ไทยแพ้แน่นอน ก็แค่เอาเทปเสียงนายกไทยมายืนยันก็คงน่าจะเพียงพอ แถมเขมรอาจเชิญนายสมัครไปเป็นพยายฝ่ายเขมรก็เป็นไปได้
ฮ่อ..........




ขนาด นาย ก. หอกหัก ก็ยังยอมรับว่าพื้นที่ตรงนั้นเป็นของเขมร

จนสำนักข่าวต่างชาติเอาไปอ้างอิง อย่างนี้ไม่เรียกว่า ขายชาติ ยกแผ่นดินให้เขมร แล้วจะเรียกว่าอะไร

ส่วนฝ่ายเขมรนะพอเข้าใจ ว่าเขาทำเพื่อผลประโยชน์สูงสุดของประเทศเขมร

คราวที่แล้วก็ทำแบบนี้จนชนะคดีปราสาทพระวิหาร อย่าให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอีกละ


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-07-2008, 11:55 โดย คนไทยคนหนึ่ง » บันทึกการเข้า
p
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,264


« ตอบ #6 เมื่อ: 20-07-2008, 11:40 »

ขนาด นาย ก. หอกหัก ก็ยังยอมรับว่าพื้นที่ตรงนั้นเป็นของเขมร

สมัครขายชาติ
สมัครขายชาติ
สมัครขายชาติ


 
บันทึกการเข้า

ถ้ามัวคิดแต่จะโกงและเอาเปรียบคนอื่น จะสอนลูกหลานให้เป็นคนดีได้อย่างไร
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #7 เมื่อ: 20-07-2008, 13:57 »

ปี 46 ก็อย่างนี้แหละ มีคนเขมรออกมาบอกว่าได้ยินชัดที่อีกบ-สุวนันท์ด่าเขมร


'มะแอ ไม่ถึงสองหมื่น' เปรียบเทียบความเชื่อถือชาวบ้านเขมรเท่ากับนายกฯสมเด็จฮุนเซน รองนายกฯ และ นายพลเขมร.... 

'หมัก เมถุน'นายกฯไร้วุฒิภาวะ และ รมว.ทนายหน้าหอเชื่อถือ'ใบบอก'ของพรรคฯ ยืนยันว่าประเทศไทยไม่เสียดินแดนให้เขมร...
ชาวบ้านและพระไทยจึงพิสูจน์ ประจานรัฐบาลลูกกรอกโกหก ปลิ้นปล้อน หลอกลวงประชาชน ให้รับรู้ว่าคนไทยมีรัฐบาลนำโดย'เฒ่าเลี้ยงแกะ'......

วันนี้ยังไม่ถึงเวลาพวกบัตรเติมเงิน'รู้ทัน'รัฐบาลลูกกรอกอีกหรือ........ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-07-2008, 14:00 โดย ปุถุชน » บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #8 เมื่อ: 20-07-2008, 22:11 »

  'เขมร'ขู่หากเจรจากับไทยไม่ได้ผลส่ง'ศาลโลก'แน่ ปลัดกต.ซัด'กัมพูชา'ทำข้ามขั้นตอน 
 
 
     
ปลัด กต. ซัดกัมพูชาทำข้ามขั้นตอน นักวิชาการชี้ 'ฮุน เซน' ฉลาดในการดึงคะแนนนิยม อดีตทูตชี้ทำไม่ได้หากไทยไม่ยินยอม โฆษกกัมพูชาอ้างไม่ได้หวังให้สหประชาชาติเข้าแทรกแซง เชื่อสถานการณ์ไม่เลวร้ายแม้การเจรจาจะล้มเหลว โวยเหนือไทยทั้งการทูต-กม.


  'ปลัดบัวแก้ว' พร้อมแจงทุกเวที

ความคืบหน้ากรณีปราสาทพระวิหาร หลังถูกประกาศให้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก แต่กลับสร้างปัญหาบานปลาย แถวบริเวณพื้นที่ชายแดนของไทยกับกัมพูชา ไม่ว่าจะเป็นปัญหาที่คนไทยทะเลาะกันเอง หรือความตึงเครียด ของทหารทั้ง 2 ประเทศ กระทั่งทางการกัมพูชาได้ส่งหนังสือถึงองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เรียกร้องให้ส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาดูแลปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างไทยกับกัมพูชา

นายวีระศักดิ์ ฟูตระกูล ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) กล่าวเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม ว่า เป็นสิทธิของกัมพูชาที่จะยื่นหนังสือถึงยูเอ็น แต่ต้องดูในแง่ความเหมาะสม เพราะควรต้องหารือในกลไกทวิภาคีก่อน ถ้าการหารือสองประเทศไม่สำเร็จ ก็ไปสู่กลไกระดับภูมิภาคคืออาเซียน แต่ถ้าไม่สำเร็จอีกจึงค่อยไปถึงยูเอ็น แต่อันนี้กระโดดไปขั้นสามเลย

"ในแง่ของไทยซึ่งกำลังจะเป็นประธานอาเซียน เราไม่อยากให้ชื่อเสียงของอาเซียนถูกกระทบกระเทือนว่า ทำไมเรื่องแค่นี้หาทางออกไม่ได้ ไปโพนทะนาให้คนอื่นฟัง เรื่องนี้เราควรหาทางแก้ไขกันเอง ควรเจรจากันได้ภายใต้กลไกที่มีอยู่ แต่ไทยก็พร้อมจะชี้แจงในทุกเวทีที่เขาไปหยิบยก" นายวีระศักดิ์กล่าว

นายสุรพงษ์ ชัยนาม อดีตเอกอัครราชทูต  กล่าวว่า ตามปกติความขัดแย้งของ 2 ประเทศ ยูเอ็นจะไม่แทรกแซงหากประเทศใดประเทศหนึ่งไม่ยินยอม การที่เขมรไปร้องต่อยูเอ็น เพื่อให้เข้ามาดูแลความขัดแย้งจึงทำไม่ได้ เพราะไทยไม่ยินยอมและไม่เกิดประโยชน์อะไร โดยเชื่อว่ายูเอ็นจะไม่เข้ามาแทรกแซงการภายในของไทย เพราะตามหลักการแล้วความขัดแย้งระหว่างสองประเทศจะต้องให้ประเทศที่เกิดขึ้นพิพาทแก้ไขปัญหาด้วยตัวเอง แต่การที่กัมพูชายื่นเรื่องไปยูเอ็นนี้เป็นไปเพื่อกดดันทางการไทยมากกว่า

ชี้ 'ฮุน เซน' ได้คะแนนนิยมอื้อ

ด้านนายปณิธาน วัฒนายากร อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า  การส่งหนังสือถึงยูเอ็นถือเป็นความฉลาดของนายฮุน เซน ผู้นำกัมพูชา ที่เพิ่มอำนาจในการต่อรองกับไทยในเวทีจีบีซีที่จะมีขึ้น และได้คะแนนนิยมจากประชาชนมากทีเดียว จึงหวังว่า ผบ.สส.จะสามารถพลิกเกมการเจรจาให้มีทางออกและไทยไม่เสียเปรียบ และควรเปิดช่องทางการสื่อสารทางตรงระหว่างผู้นำกองทัพไทยกับผู้นำกองทัพกัมพูชาไว้เผื่อเหตุฉุกเฉินที่อาจคาดไม่ถึง เช่น ทหารหนุ่มที่เลือดร้อนอาจจะเหนี่ยวไกโดยไม่มีคำสั่งจากผู้นำที่อาจเป็นชนวนเหตุให้เหตุการณ์บานปลายได้

"กัมพูชาใช้เวทีระหว่างประเทศกดดัน เพื่อเพิ่มอำนาจการต่อรองและป้องกันความเสียเปรียบในการเจรจากับฝ่ายไทย เพราะโดยสภาพแล้วกัมพูชาถือว่า ความสามารถทางการทหารเสียเปรียบไทย ดังนั้นการช่วงชิงการนำในเวทีระหว่างประเทศจึงเป็นการช่วงชิงการนำและเพื่อนานาชาติเห็นใจ" นายปณิธานกล่าว

  'กองกำลังบูรพา' ประชุมรับมือ

ด้าน พล.ต.วลิต โรจนภักดี ผู้บัญชาการกองกำลังบูรพา พร้อม พล.ต.ต.อิทธิพล พิริยะภิญโญ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว ประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่กว่า 30 นาย ที่กองกำลังบูรพา อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว เพื่อกำหนดมาตรการป้องกัน และอารักขาการประชุมร่วมไทย-กัมพูชา ที่โรงแรมอินโดจีน อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว วันที่ 20 กรกฎาคมนี้ ใช้เวลาหารือกว่า 2 ชั่วโมง และไม่มีใครให้สัมภาษณ์ภายหลังการหารือ

นายอัมรินทร์ ยี่เฮง เลขาธิการองค์กรประชาธิปไตยภาคประชาชน จ.สระแก้ว และแกนนำพันธมิตรสระแก้ว กล่าวว่า กลุ่มพันธมิตรสระแก้ว หารือกันแล้วว่าจะไม่มีการเคลื่อนไหว แต่จะส่งสารให้กำลังใจ พล.อ.บุญสร้าง ให้ทวงอธิปไตยของไทยกลับคืนมา เนื่องจากพื้นที่ส่วนหนึ่งบนเขาพระวิหารเป็นพื้นที่ของประเทศไทย รวมทั้งส่วนอื่นของประเทศไทยที่กัมพูชารุกล้ำด้วย

'เขมร' โวย 'ไทย' ขนปืนใหญ่ขู่

สำนักข่าวเอเอฟพีระบุว่า พลจัตวา เจีย เกียว ผู้บัญชาการทหารกัมพูชา เปิดเผยว่า การเจรจาของฝ่ายกัมพูชา-ไทย วันที่ 21 กรกฎาคมนี้ มีความหวังเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้นที่จะสามารถแก้ไขสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้ เพราะรัฐบาลไทยได้ส่งจดหมายถึงนายกรัฐมนตรีของกัมพูชาบอกว่าดินแดนที่ทหารไทยตั้งอยู่ในเวลานี้เป็นดินแดนของไทย และสถานการณ์ยังลุกลามกรณีทหารไทยเคลื่อนย้ายเอาปืนใหญ่มาประจำการไว้บริเวณจุดที่ห่างจากปราสาทพระวิหารไปทางตะวันออกเฉียงเหนือราว 1 กิโลเมตร ก่อนหน้าที่จะมีการเจรจากันดังกล่าว

"เราต้องตื่นตัวเตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลา แต่ในขณะเดียวกันเราก็ย้ำคำสั่งกับทหารของเราอยู่ตลอดให้อดทนและเลี่ยงไม่ให้ถูกตำหนิได้ว่าเป็นผู้เริ่มต้นสงคราม" พลจัตวา เจีย เกียว กล่าว

โฆษกกัมพูชา เผยส่งจ.ม.ร้องยูเอ็น2ฉบับ

ด้านนายเขียว กันนะริด โฆษกรัฐบาลกัมพูชาออกมาแถลงยืนยันว่า ทางการกัมพูชาได้มอบหมายให้เอกอัครราชทูตถาวรของกัมพูชาประจำสหประชาชาติ (ยูเอ็น) จัดส่งจดหมาย 2 ฉบับ ฉบับแรกส่งถึงคณะมนตรีความมั่นคงของยูเอ็น อีกฉบับส่งถึงประธานสมัชชาใหญ่ยูเอ็น ทั้งนี้ เพื่อเรียกร้องให้ยูเอ็นให้ความสนใจต่อกรณีที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม นายเขียว กันนะริด กล่าวกับเอพีว่า การส่งจดหมายดังกล่าวไม่ได้เป็นการร้องขอให้ยูเอ็นเข้ามาแทรกแซงในกรณีนี้ เพราะทางการกัมพูชายังคงยึดมั่นอยู่กับคำสั่งของสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ที่ให้พยายามหาทางแก้ปัญหานี้ด้วยสันติวิธีอยู่ต่อไป

แต่ในขณะเดียวกัน นายเขียว กันนะริด กล่าวกับผู้สื่อข่าวของรอยเตอร์ว่า แม้การเจรจาที่จะมีขึ้นนี้ล้มเหลวลง สถานการณ์ก็คงไม่บานปลายออกไปมากมายอย่างที่หลายคนคาดคิด เพราะกรณีที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะพิจารณาในเชิงของทางการทูตหรือในแง่มุมของกฎหมายแล้ว กัมพูชาสามารถเอาชนะไทยทั้งทางการทูตและทางกฎหมายได้อย่างแน่นอน

"ถ้าหากการเจรจาล้มเหลว เราจะยื่นเรื่องต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ศาลโลก) อีก" นายเขียว กันนะริด กล่าว
 
......................................................................................................................................
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?id=41678&catid=1



ลองศึกษาคำพูด ความคิดเห็นของเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลที่คิดว่าดินแดนบริเวณนั้นเป็นของประเทศของเขา....
และเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลที่คิดว่าดินแดนบริเวณนั้นไม่ได้เป็นของประเทศของคนอื่น มีความคิดเห็นแตกต่างกันอย่างใด.....

ถ้าหมัก เมถุน นายกฯไร้วุฒิภาวะอารมณ์ อดีต รมว. กต.ทนายเหล่ เจ้าหน้าที่ระดับสูงของทหารเกี่ยวกับแผนที่ และเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงการต่างประเทศไทย และ แกนนำพรรค พปช. ที่เคยยืนยันว่าประเทศไทยจะไม่เสียดินแดนให้เขมร แม้แต่หนึ่งตารางนิ้ว มีโอกาสให้สัมภาษณ์แก่สื่อฯไทยอีก จะยืนยัน เป็นพยานให้ฝ่ายเขมรอีกไหม..... Question


ปล. พวกที่ได้รับ'บัตรเติมเงิน'จากนักธุรกิจการเมืองแม๊วๆ ในเวบเสรีไทยยังยืนว่าที่ดินบริเวณนั้นเป็นของเขมร ตราบที่ได้รับ'บัตรเติมเงิน'ต่อเนื่อง.....

คอยติดตามดูว่า ใครยังได้รับบัตรเติมเงิน ต่อเนื่อง.....ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า

 
 
 
 
 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-07-2008, 22:13 โดย ปุถุชน » บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #9 เมื่อ: 22-07-2008, 22:23 »

  'ฮุนเซน'รุกหมักยัน'วัดแก้วสิขเรศวร'เป็นของเขมร/'จีบีซี'เหลว!


22 กรกฎาคม 2551    กองบรรณาธิการ

"ฮุน เซน" รุกหนักทำหนังสือตอบ "หมัก" เพื่อนรัก ชูแผนที่ฝรั่งเศส-สนธิสัญญา 2450 ยืนกรานพื้นที่บริเวณวัดแก้วสิขเรศวรเป็นของกัมพูชา กินแดนเกือบกิโลเมตร


อ้างศาลโลกตัดสินแล้ว ขณะที่  2 ฝ่ายเสริมกำลัง เขมรเอาจริงขนรถถัง 8 คันประชิดหันปากกระบอกมาฝั่งไทย ส่วนที่ประชุมร่วมล้มเหลว ถกนาน 8 ชั่วโมงติดข้อกฎหมายถือแผนที่คนละฉบับ "เตีย บัณห์" ยอมรับสุดวิสัยที่จะหาทางออกได้  ต่างฝ่ายยืนกรานไม่ถอนกำลังกลับ  อาเซียนติงกัมพูชาฟ้องยูเอ็น ไม่สบายใจที่ถูกทำให้กลายเป็นเวทีระหว่างประเทศ


การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป ไทย-กัมพูชา วาระพิเศษ ซึ่งจัดขึ้นที่โรงแรมอินโดจีน  อำเภออรัญประเทศ  จังหวัดสระแก้ว  เพื่อเจรจาลดข้อพิพาทบริเวณเขาพระวิหาร ถูกจับตามองอย่างกว้างขวางจากประชาชนของทั้ง 2  ประเทศ  รวมทั้งนานาชาติ โดยเฉพาะประเทศสมาชิกกลุ่มอาเซียน ที่ต้องการให้เรื่องนี้ยุติลงอย่างสันติ

การประชุมในครั้งนี้   พล.อ.บุญสร้าง  เนียมประดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นตัวแทนฝ่ายไทย  โดยมี   พล.อ.เตีย   บัณห์  รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชา เป็นประธานการประชุมฝ่ายกัมพูชา

ทั้งนี้ ฝ่ายไทยที่เข้าร่วมการประชุมประกอบด้วย  พล.อ.อนุพงษ์  เผ่าจินดา  ผบ.ทบ. พล.ต.ท.นิพนธ์   ศิริวงศ์ ผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน เป็นผู้แทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นายพงศ์โพยม วาศภูติ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายวีรศักดิ์ ฟูตระกูล พล.อ.ทรงกิตติ  จักกาบาตร์  เสธ.ทหาร พล.ท.สุรพล  เผื่อนอัยกา  เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ  พล.ท.นิพัทธ์  ทองเล็ก เจ้ากรมกิจการชายแดนทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย  พล.ท.ประยุทธ์  จันทร์โอชา  แม่ทัพภาคที่  1 พล.ท.สุจิตร สิทธิประภา แม่ทัพภาคที่   2   นายพิษณุ สุวรรณชฏ รองอธิบดีกรมเอเชียตะวันออก กระทรวงการต่างประเทศ นายทรงชัย   ชัยประดิยุทธ   ผู้แทนกองเขตแดน  กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย นายสุรพล ทัดพิทักษ์กุล ผู้ว่าราชการ จ.สระแก้ว

ทั้งนี้ รอบๆ โรงแรมอินโดจีนมีการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด   โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก  สภ.สระแก้ว   เจ้าหน้าที่สารวัตรทหารบกจากกองกำลังบูรพา  และเจ้าหน้าที่ทหารพราน กรมทหารพรานที่  12-13 โดยมีรถจักรยานยนต์เคลื่อนที่เร็วและรถฮัมวีติดอาวุธปืนลาดตระเวนรักษาความสงบอย่างเข้มงวด

ทันทีที่  พล.อ.เตีย  บัณห์  เดินทางถึงโรงแรมเวลา 10.00 น. การหารือก็เปิดฉากขึ้นทันที  โดยเป็นการหารือส่วนตัวกับ พล.อ.บูญสร้าง  และคณะกรรมการฝ่ายไทยจำนวน   4   คน คือ พล.อ.อนุพงษ์ พล.ท.นิพัทธ์  พล.อ.ทรงกิตติ นายวีรศักดิ์ ฟูตระกูล ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ และฝ่ายกัมพูชา 4 คน  คือ พล.อ.เนียง พาด รมช.กลาโหมกัมพูชา  นายลอง  วิสาโล  รมช.ต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศ  นายวาร์  กิม  ฮอง รมว.อาวุโส/ที่ปรึกษารัฐบาลกัมพูชา ประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมฝ่ายกัมพูชา  พล.อ.พอล  ซาเรือน  รอง ผบ.ทหารสูงสุด/เสนาธิการทหารแห่งชาติกองทัพกัมพูชา  จนกระทั่งเวลา 13.15 น . ที่ประชุมได้หยุดหารือชั่วคราวเพื่อมารับประทานอาหาร จากนั้นได้ประชุมต่อในเวลา 14.00 น.

สำหรับบรรยากาศการหารือกันนอกรอบนั้น ในช่วงเช้าใช้เวลาเกือบ 3 ชั่วโมง และในช่วงบ่ายเริ่มประชุมเหลือฝ่ายละ  3  คน ประกอบด้วย พล.อ.บุญสร้าง พล.อ.อนุพงษ์ และนายวีรศักดิ์  ส่วนฝ่ายกัมพูชาคือ พล.อ.เตีย  บัณห์  พล.อ.เนียง พาด นายลอง วิสาโล ซึ่งทำให้การประชุมต้องยืดเยื้อออกไปเพราะยังไม่ได้ข้อสรุปที่แน่ชัด

รายงานข่าวแจ้งว่า   ในที่ประประชุมได้มีการหารือโดยได้เสนอในที่ประชุม  3  ประเด็น  คือ 1.ห้ามยิง 2.ห้ามเพิ่มกำลังทหารทั้ง 2 ฝ่าย 3.ห้ามนำผลการประชุมไปเป็นประเด็นการเมือง


ขนอาวุธหนักประชิดชายแดน

ในขณะที่การเจรจาเป็นไปอย่างเข้มข้นนั้น    บริเวณชายแดนบริเวณอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร  ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เส้นทางเข้าสู่เขาพระวิหาร ชายแดนไทย-กัมพูชา  ยังตกอยู่ในสภาวะตึงเครียด  มีรถทหารสังกัดกรมทหารราบที่  23  พัน  4 บรรทุกกำลังทหารชุดลายพรางเต็มคันรถกว่า  12  คัน พร้อมลากปืนใหญ่อีกราว 3 กระบอกขึ้นไปยังบนอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร  ซึ่งเป็นการเข้าเสริมกำลังเพิ่มเติมที่เชิงเขาพระวิหาร  ร่วมกับทหารจากกองพลทหารราบที่ 6 (พล.ร.6) จ.ร้อยเอ็ด,  กองกำลังทหารพรานของหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่  23  และหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่  26  จ.บุรีรัมย์  ที่ได้ทยอยมาตรึงกำลังอยู่ก่อนหน้านี้เต็มบริเวณพื้นที่เชิงเขาพระวิหาร ตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค.ที่ผ่านมา หลังเกิดเหตุการณ์ฝ่ายกัมพูชาจับกุม 3 คนไทยไปและปล่อยตัวมา

ส่วนฝ่ายทหารกัมพูชามีความเคลื่อนไหวไม่แพ้กัน   มีการเสริมกำลัง   และนำเอาอาวุธหนัก  โดยเฉพาะอย่างยิ่งปืนอาร์พีจีเข้ามาตรึงกำลังบริเวณชายแดนเขาพระวิหาร เพิ่มเป็นจำนวนมากเช่นกัน

ยังมีรายงานแจ้งว่า  กัมพูชานำรถถัง  8 คันมาเตรียมพร้อมอยู่ที่บ้านโกมุย และบ้านสวายจรุม  หมู่บ้านชายแดนด้านหลังเขาพระวิหารฝั่งประเทศกัมพูชา  โดยหันปลายกระบอกปืนรถถังเข้ามายังผามออีแดง และบริเวณเชิงเขาพระวิหาร จุดที่ทหารไทยตรึงกำลังอยู่

ขณะที่การประชุมที่โรงแรมอินโดจีนยังไม่มีข้อยุตินั้น  อีกด้านหนึ่งที่ประเทศสิงคโปร์ สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า  ที่ประชุมรัฐมนตรีอาเซียนได้เรียกร้องให้ประเทศไทยกับกัมพูชาแสดงความอดกลั้นและความระมัดระวังอย่างถึงที่สุดต่อปัญหาการเผชิญหน้าที่แนวพรมแดนของประเทศทั้งสอง พร้อมกับเสนอที่จะยื่นมือเข้าช่วยหาทางออกต่อปัญหาที่เกิดขึ้น

นายสุรินทร์   พิศสุวรรณ  เลขาธิการสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  หรืออาเซียน  เผยว่า   กัมพูชาได้ชี้แจงว่ากัมพูชาไม่ได้ร้องเรียนหรือขอให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเข้าแทรกแซงต่อปัญหาข้อพิพาทดินแดนบริเวณปราสาทพระวิหาร  กัมพูชาเพียงแต่แจ้งเรื่องที่เกิดขึ้นให้คณะมนตรีความมั่นคงทราบเท่านั้น

นายลี  เซียน  ลุง นายกรัฐมนตรีของสิงคโปร์ กล่าวว่า สถานการณ์ได้บานปลายออกไปอย่างน่าอันตราย   กองกำลังจากทั้งสองประเทศได้เผชิญหน้ากันในพื้นที่พิพาทใกล้กับปราสาทพระวิหาร  อาเซียนไม่สามารถนิ่งเฉยโดยไม่สูญเสียความน่าเชื่อถือ  อย่างไรก็ดี เขาบอกว่า บรรดารัฐมนตรีต่างประเทศของอาเซียนได้รับคำยืนยันว่า   ไทยกับกัมพูชาจะใช้ความอดกลั้นอย่างถึงที่สุดเพื่อหลีกเลี่ยงการต่อสู้กันในเรื่องข้อพิพาทพรมแดน

อาเซียนติงกัมพูชา

ที่น่าสนใจคือนายฮัสซัน วิรายุดา  รัฐมนตรีต่างประเทศอินโดนีเซีย กล่าวว่า การเคลื่อนไหวของกัมพูชาที่ทำหนังสือไปถึงยูเอ็น  กลายเป็นประเด็นในเวทีระหว่างประเทศ  ทำให้อาเซียนรู้สึกไม่สบายใจ    และอาเซียนได้ออกแถลงการณ์ร่วม หวังว่าทั้งสองฝ่ายจะหาข้อยุติได้ในการเจรจาที่อรัญประเทศ

นายจอร์จ   เยียว   รมต.ต่างประเทศสิงคโปร์ ในฐานะประธานที่ประชุมฯ ได้อ่านแถลงการณ์ว่า    อาเซียนขอให้ไทยและกัมพูชาใช้ความอดกลั้นและแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างฉันมิตร    และหวังว่าการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป  (GBC)  ไทย-กัมพูชา และการหารือในกรอบทวิภาคีอื่นๆ  ที่เกี่ยวข้องจะช่วยคลี่คลายสถานการณ์ให้ดีขึ้น  ทั้งนี้  อาเซียนพร้อมที่จะอำนวยความสะดวกทางด้านต่างๆ  แก่ไทยและกัมพูชา หากทั้งสองฝ่ายต้องการ

นายธฤต  จรุงวัฒน์  อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า สิ่งที่ประเทศกัมพูชายื่นไปยังคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ  เป็นเพียงการแจ้งให้ทราบ     โดยไม่ได้เรียกร้องให้ทำอะไร  ซึ่งเราก็ได้อธิบายกับประธานคณะมนตรีความมั่นคงฯ ไปแล้วในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตาม   ในทางปฏิบัติการระหว่างประเทศโดยทั่วไป ไม่เฉพาะแต่กรณีปราสาทพระวิหารระหว่างไทยกับกัมพูชาเท่านั้น  หลายๆ ข้อพิพาทระหว่างประเทศก็ไม่ได้ถูกนำเข้าที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ เพราะมีกลไกในการเจรจากันทั้งในระดับทวิภาคีระหว่างประเทศคู่กรณี

การเจรจา   2 ฝ่ายไม่ง่ายอย่างที่คิด เมื่อสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีของกัมพูชา  ได้มีหนังสือลงวันที่ 19 กรกฎาคม ตอบจดหมายของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีไทย  ซึ่งลงวันที่ 18 กรกฎาคม  โดยมีใจความสำคัญว่า พื้นที่บริเวณวัดแก้วสิขเรศวรนั้น  ตาม  "แผนที่ผนวก 1" ซึ่งศาลโลกได้ใช้ในการพิจารณาคดีปราสาทพระวิหารเมื่อปี   2505   ถือว่าตั้งอยู่ภายในดินแดนของกัมพูชาในระยะประมาณ 700  เมตรโดยชอบด้วยกฎหมาย  แผนที่ผนวก 1 ฉบับนี้ เขียนขึ้นเมื่อปี 2451 อันเป็นผลจากการปักปันเขตแดนของคณะกรรมการกำหนดเขตแดนระหว่างอินโดจีนกับสยาม   ซึ่งตั้งขึ้นตามข้อตกลงปี  2447 และสนธิสัญญาปี  2450  ระหว่างฝรั่งเศสกับสยาม ซึ่งได้รับการยอมรับจากราชอาณาจักรสยาม

จดหมายจากผู้นำของกัมพูชาระบุด้วยว่า   ในคำวินิจฉัยของศาลโลกนั้น ศาลโลกได้ระบุไว้อย่างชัดแจ้งถึงความชอบด้วยกฎหมายของแนวเส้นเขตแดนตามแผนที่ผนวก   1 อย่างไรก็ดี ตนมีความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมว่า   ความพยายามร่วมกันของเราทั้งสองจะบรรลุถึงซึ่งทางออกที่น่าพึงพอใจของทั้งสองฝ่ายต่อปัญหาที่กำลังเกิดขึ้น

พลจัตวาเจีย   เกียว   ผู้บัญชาการทหารในพื้นที่ปราสาทพระวิหาร  เปิดเผยว่า คุน คิม  รองผู้บัญชาการทหารบกของกัมพูชาได้ไปตรวจเยี่ยมพื้นที่บริเวณปราสาทพระวิหารในวันจันทร์ และได้บอกกับกำลังพลให้มีความอดทน และให้รัฐบาลเป็นผู้แก้ไขปัญหา

ทั้งนี้  คำพิพากษาของศาลโลกที่มีการรับรู้ในฝ่ายไทย    คือศาลโลกตัดสินเฉพาะตัวปราสาทเท่านั้นที่เป็นของกัมพูชา   แต่ไม่ได้ตัดสินเขตแดนระหว่าง  2  ประเทศ  อีกทั้งแผนที่ที่กัมพูชาใช้ขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกก็ไม่ได้ผนวกเอาพื้นที่บริเวณวัดแก้วสิขเรศวรเข้าไปด้วย และไทยถือว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นของไทย

ยังมีรายงานว่าภาคเอกชนของกัมพูชาส่งอีเมล์กระจายไปถึงกลุ่มเอ็นจีโอทั้งในสหรัฐ  สหภาพยุโรป  ขอบริจาคอาหารและหยูกยาไปช่วยเหลือทหารเขมรที่ประจำการอยู่บริเวณปราสาทพระวิหารเป็นการด่วน  ในอีเมล์มีการตีพิมพ์ภาพทหารเขมรที่ปราสาทพระวิหารด้วย

สรุปผลประชุมไร้ข้อตกลง

ที่โรงแรมอินโดจีน การประชุมย่อย 2 ฝ่ายได้เสร็จสิ้นลงในเวลา 18.30 น. หลังใช้เวลาหารือกันอย่างยาวนานถึง  8  ชั่วโมง ทำให้การประชุมใหญ่ร่วมกันของทั้ง 2 ฝ่ายที่เตรียมไว้ต้องยกเลิกไป  เนื่องจากเวลาไม่พอ   เพราะการประชุมจะต้องยุติก่อนเวลา 20.00 น. ที่จุดผ่านแดนจะปิด ทั้งนี้ สำหรับการแถลงข่าวร่วมกันของทั้ง 2 ฝ่าย ได้ใช้ผลการประชุมส่วนตัวมาแถลงข่าวร่วมกัน

พล.อ.บุญสร้างแถลงข่าวถึงผลการประชุมว่า  การประชุมวันนี้เป็นเรื่องไม่ง่าย ดังนั้นการประชุมจริงยังไม่เกิด  มีแต่การประชุมวงเล็กด้วยบรรยากาศที่ดีตลอด  8  ชม  แต่ทั้งนี้ยังติดขัดในข้อกฎหมายที่มีปัญหา   จึงต้องให้หน่วยเหนือขึ้นไปตัดสินใจ  เราจะนำข้อเสนอแนะที่เหมาะสมให้รัฐบาลนำไปแก้ปัญหาเพื่อหาทางออกที่เหมาะสม   โดยทั้ง  2  ฝ่ายต้องนำผลไปรายงานรัฐบาลในปัญหาข้อกฎหมาย แต่ที่เราทำได้โดยไม่ขัดต่อกฎหมายคือทั้ง  2 ฝ่ายจะไปสั่งการทหารที่เผชิญหน้าให้อยู่ในความสงบไม่ให้มีเหตุรุนแรง

ด้าน  พล.อ.เตีย  บัณห์ แถลงว่า การประชุมครั้งนี้เราพยายามทำเต็มที่ ขอย้ำว่าที่ พล.อ.บุญสร้างเรียนมาเป็นสิ่งที่เราทำมา  ทุกอย่างถือว่าเป็นสิ่งที่ก้าวหน้าอย่างดี  แต่มาขัดต่อกฎหมายบางอย่างจึงทำให้การปฏิบัติเป็นรูปธรรมต้องเอาไว้ก่อน เพราะเรายังปฏิบัติไม่ได้ ตอนนี้จึงได้มาแค่นี้ สิ่งที่เราเข้าใจกันลึกซึ้งคือหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าไม่ให้เกิดความรุนแรง   แต่สิ่งที่ลดอุณหภูมิแห่งความตึงเครียด   ขอเรียนว่ายังไม่มีการลดลง   เพราะอย่างที่ทราบคือที่ผ่านมามีอุณหภูมิขึ้นมา  ทำให้เราเป็นห่วง  เราจึงอยากลดอุณหภูมิคือการเผชิญหน้ากัน   แต่ถึงติดอยู่ที่ข้อกฎหมายทำให้ผลงานที่หารือกันก่อนที่ประชุมเป็นทางการ  ก็เลยยังเปิดไม่ได้ จึงหารือนอกรอบนี้ก่อนและนำเรื่องนี้ไปอีกสู่ระดับหนึ่ง เป็นสิ่งที่ได้ปฏิบัติมาในวันนี้

ผู้สื่อข่าวถามว่าข้อกฎหมายที่ติดขัดคืออะไร และจะมีการถอนทหารหรือไม่   พล.อ.บุญสร้างตอบว่า ตอนนี้ไม่ทำอะไร  เพราะติดข้อกฎหมายซึ่งซับซ้อนมาก เราจึงนำนักกฎหมายของแต่ละคณะมา ส่วนข้อกฎหมายที่เป็นอุปสรรคคงต้องไปถามนักกฎหมาย  ส่วนทหารจะถอนหรือไม่นั้นตอนนี้จะให้ตรึงกับที่ไว้ก่อน แต่อยู่ในความสงบไม่ให้เกิดความรุนแรง   การจะไม่ยิงกัน    และไม่มีการเสริมกำลังทั้งอยู่กับที่ไม่ให้ใช้ความรุนแรง และไม่มีการเสริมกำลังของทั้ง  2 ฝ่าย การหารือไม่ถือว่าล้มเหลว เพราะประชุมมา 8 ชม. ได้อะไรมาเยอะ แต่อาจจะไม่มีข้อสรุปให้รัฐบาล   แต่ตอนนี้ต่างคนต่างทราบว่าจุดยืนแต่ละฝ่ายมีอย่างไร  และสิ่งที่เป็นรูปธรรมในการเจรจาครั้งนื้คือให้ทุกคนอยู่ในความสงบ  และในที่ประชุมไม่ได้นำการที่สมเด็จฮุน เซน ส่งจดหมายไปที่ยูเอ็นมาหารือกัน   เพราะตอนนี้พยายามจะลดปัญหาการเผชิญหน้าเป็นหลัก ซึ่งเรายังพูดอะไรไม่ได้  ตั้งใจว่าจะประชุมอีกครั้งหลังจากแต่ละฝ่ายนำประเด็นไปสู่ระดับสูง ซึ่งอาจจะประชุมหลังเลือกตั้ง

พล.อ.เตีย  บัณห์ บอกว่า ตอนนี้ถือว่าสุดวิสัยที่เราจะหาทางออกได้ เราก็ต้องไปตามทางที่เราจะไปได้  การประชุมนี้เป็นการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป ส่วนปัญหาพื้นที่เรามีหน่วยงานที่ดูแลและต้องทำกันทั้ง 2 ฝ่ายว่าเป็นอย่างไรที่ทับซ้อนและไม่ทับซ้อนอย่างไร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการแถลงข่าวทางเจ้าหน้าที่ได้ตัดบทผู้สื่อข่าวที่จะซักถามต่อ  โดยอ้างว่า พล.อ.เตีย บัณห์ จะต้องรีบเดินทางกลับก่อนที่ด่านจะปิด

จากนั้น  พล.อ.บุญสร้างให้สัมภาษณ์ถึงการติดขัดข้อกฎหมายว่า เราถือแผนที่คนละฉบับ เรื่องพื้นฐานก็มีแค่นั้น ส่วนจะเกี่ยวกับข้อกฎหมายอย่างไรต้องไปถามนายวีระชัย และการประชุมครั้งต่อไปจะเป็นเมื่อไหร่ยังไม่รู้   คงอีกสักระยะหนึ่ง  ซึ่งคณะกฎหมายคงประสานงานกัน ส่วนจะสามารถลงเอยกันได้หรือไม่  ถ้าลงเอยกันได้ก็มาประชุม แต่ถ้าลงเอยไม่ได้มาประชุมก็เสียเงินเปล่า

เมื่อถามว่าจะนำรายงานให้นายกรัฐมนตรีทราบอย่างไร ผบ.สส.ตอบว่า ทางกระทรวงการต่างประเทศจะเป็นผู้ทำ เพราะเขาเชี่ยวชาญเรื่องกฎหมาย   และเขาจะรู้รายละเอียดเยอะ  อย่าไปคิดว่าการประชุมล้มเหลว

ซักว่าที่ประชุมมีการเรียกร้องให้ชาวกัมพูชาถอนตัวออกจากพื้นที่ทับซ้อนหรือไม่   พล.อ.บุญสร้างตอบว่า ถ้าการประชุมไม่ลงเอยสิ่งเหล่านี้ก็ออกมาไม่ได้ การประชุมวันนี้เราจะทำเฉพาะในข้อเสนอแนะเท่านั้น ซึ่งสิ่งที่เสนอแนะจะนำไปสู่รัฐบาล แต่เมื่อกฎหมายไม่ลงตัวก็ยังทำอะไรต่อไม่ได้

พล.อ.บุญสร้างกล่าวถึงแนวโน้มการถอนทหารออกจากพื้นที่ว่า เราคงยอมไม่ได้ เพราะเกี่ยวกับอธิปไตยและดินแดนของประเทศ   ขณะนี้ทหารเหนื่อยอยู่และวางกำลังอยู่  มานั่งเจรจาให้ถอนกำลังคงทำไม่ได้  หลังจากนี้จะร่างข้อเจรจาทั้งหมดให้นายกรัฐมนตรีและทีมงานได้พิจารณา  และจะมีการนัดหารือในระดับใดเมื่อไหร่ก็ดูว่าจะเป็นระดับกองทัพ รัฐบาลหรือจีบีซี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างการหารือเมื่อเวลา  17.00 น. นายสมัคร  สุนทรเวช  นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม  ได้โทรศัพท์เข้ามาสอบถามผลการหารือกับ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. โดย ผบ.ทบ.ได้รายงานผลแก่นายกฯ ประมาณ  15  นาที จากนั้น ผบ.ทบ.ได้เรียกแม่ทัพภาคที่ 2 และแม่ทัพภาคที่ 1  มาสั่งการถึงกรณีการตรึงกำลังทหารบริเวณแนวชายแดนที่มีปัญหา  โดยได้ย้ำถึงมาตรการให้ทุกฝ่ายอยู่ในความสงบ ทั้งนี้ ผบ.ทบ.มีสีหน้าเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด ไม่ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวแต่อย่างใด นอกจากนี้ พล.อ.เตีย บัณห์ ได้โทรศัพท์ไปหาสมเด็จฮุน เซน ด้วย

พล.ท.นิพัทธ์  ทองเล็ก  เจ้ากรมกิจการชายแดนทหาร เปิดเผยว่า ในการเจรจาได้เริ่มตั้งแต่จุดแรก แต่พอถึงข้อสุดท้ายปรากฏว่าไม่สามารถไปต่อได้ เพราะติดขัดข้อกฎหมาย  ทั้ง พล.อ.บุญสร้าง และ พล.อ.เตีย บัณห์ จึงโทรศัพท์ไปหานายกฯ 2 ฝ่าย และก็ให้รอการประชุมครั้งหน้าที่น่าจะมีขึ้นหลังวันเลือกตั้งกัมพูชา  อย่างไรก็ตาม ไม่สามารถบอกได้ว่าข้อกฎหมายที่ติดขัดคืออะไร เอาเป็นว่าถ้าพูดกฎหมายนี้จะไปเกี่ยวถึงกฎหมายโน้น  มีผลต่อข้อนี้ ซึ่งมันก็เริ่มมาตั้งแต่เรื่องเอ็มโอยู

ที่พรรคประชาธิปัตย์   นายอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ  ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร  และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์   กล่าวว่า   แม้จะไม่สามารถหาข้อยุติเกี่ยวกับข้อพิพาทที่เกิดขึ้นในกรณีปราสาทพระวิหารได้  แต่อย่างน้อยก็ทำให้ปัญหาถูกนำขึ้นสู่โต๊ะเจรจา และทำความเข้าใจร่วมกันเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความรุนแรงและลุกลามต่อไป  ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง จึงอยากเอาใจช่วยทุกฝ่ายที่ทำงานในเรื่องนี้ และต้องการให้ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี

"ขณะนี้มีการตรึงกำลังทั้ง 2 ฝ่าย  เป็นไปอย่างที่พรรคประชาธิปัตย์เคยเตือน   ว่าหากกรรมการมรดกโลกไปอนุมัติให้มีการขึ้นทะเบียนฝ่ายเดียว  ก็จะมีคนเข้าไปในพื้นที่แน่นอน การบริหารจัดการก็จะเกิดการโต้แย้ง ที่ผมเสนอก็อยากให้ทุกอย่างอยู่บนโต๊ะเจรจา โดยยึดหลักว่าพื้นที่ตรงนั้นยังไม่มีการปักปันเขตแดน  และไม่ควรมีใครไปทำอะไรส่งผลกระทบกับพื้นที่นั้น  และการจัดการร่วมกันก็ต้องไม่กระทบสิทธิ์ซึ่งกันและกัน"

ไม่ยอมรับแถลงการณ์ร่วม

ถามว่า  ขณะนี้กัมพูชาเดินหน้ามากกว่าการเจรจาในระดับทวิภาคี แต่มีการร้องเรียนไปยังองค์การสหประชาชาติด้วย  กระทรวงการต่างประเทศควรดำเนินการอย่างไร  นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ไทยควรเดินหน้าในเชิงรุกอย่างที่ตนเคยเสนอไปตั้งแต่ต้นว่า   ไทยไม่ยอมรับในแถลงการณ์ร่วมดังกล่าว   และต้องทำความเข้าใจกับคณะกรรมการมรดกโลก  โดยไม่ควรเพิกเฉยในเรื่องนี้  เพราะมีหลายประเทศที่สนใจในเรื่องเหล่านี้อยู่   จึงต้องทำความเข้าใจในมุมของเราด้วย  เพราะกัมพูชาเดินหน้าในเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง

"ให้ชาวโลกทราบว่าไม่มีใครรังแกใคร   แต่เป็นเรื่องสิทธิและมีการโต้แย้งกันอยู่   ซึ่งเราสามารถพูดคุยและตกลงกันได้ในฐานะเพื่อนบ้านกัน   การประชุมอาเซียนไทยก็ต้องแสดงท่าทีว่าเราไม่มีเจตนาละเมิดสิทธิ์ใคร  เพียงแต่ไทยต้องรักษาสิทธิ์ของตัวเอง และสนับสนุนแนวทางสันติวิธีเพื่อแก้ไขปัญหา ซึ่งไม่มีอะไรดีไปกว่าการนั่งเจรจากัน และถ้ามีโอกาสต้องแสดงข้อคิดเห็นกันว่าตั้งแต่ต้นทำไมเราจึงคิดว่าพื้นที่ตรงนั้นเป็นของเรา และทำไมจึงมีการเสนอให้ขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกร่วมกัน จะเป็นการแก้ปัญหาที่ดีที่สุด" นายอภิสิทธิ์กล่าว

นายอัษฎา   ชัยนาม   อดีตเอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรประจำสหประชาชาติ หรือยูเอ็น เชื่อว่าไม่มีการเผชิญหน้าเด็ดขาด  น่าจะทำความเข้าใจกันได้  ส่วนเรื่องเขตแดนที่ยังไม่มีการตกลงกัน ร้องขอว่าอย่าเข้าไปยุ่ง ขอให้เจ้าหน้าที่คณะกรรมการปักปันเขตแดนดำเนินการจะได้ลดความขัดแย้งในเรื่องนี้ลง

ส่วนที่นายสมัครออกมาตำหนิคนไทย   3  คนว่าเป็นคนบ้านั้น  ดูแล้วไม่เหมาะสมนักในฐานะนายกรัฐมนตรี  อย่างไรก็ตาม เรื่องที่เป็นปัญหาก่อนหน้านี้คือ  การยอมรับแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา ที่กรุงปารีสนั้น  ถือเป็นข้อผิดพลาดทางการทูตของนายนพดล ปัทมะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ

เขายังมองว่าการที่กัมพูชาทำหนังสือถึงยูเอ็น  แสดงถึงความไม่บริสุทธิ์ใจ แต่ถือว่าเขาใช้วิธีการแจ้งก่อน  ส่วนยูเอ็นจะเข้ามาประสานรอยร้าวกับข้อพิพาทนี้หรือไม่นั้น  ตนมองว่าคงไม่แน่ เพราะนายฮุน เซน  ให้ทูตทำหนังสือแจ้งสมัชชาใหญ่ที่มีสมาชิก 190 ประเทศ คล้ายกับสภาเป็นเพียงการแจ้งให้ทราบเฉยๆ   ทำเหมือนหนังสือเวียน   ในกรณีนี้ไม่น่าหนักใจ แต่เป็นเหมือนการประจานประเทศไทยของเรา   เพื่อเรียกร้องให้ประเทศสมาชิกประณามไทย  เหมือนกรณีที่เวียดนามบุกเขมร 

สำหรับการหารือที่โรงแรมอินโดจีน   กลุ่มธรรมยาตราหรือกลุ่มคณะกรรมการแห่งชาติกอบกู้รักษาอธิปไตยของชาติด้วยอำนาจอธิปไตยของปวงชนชาวไทย จำนวน   7   คน  นำโดยนายสมาน  ศรีงาม เลขาธิการกลุ่ม  ได้มายื่นหนังสือเรียกร้อง  4  ข้อให้กับ พล.อ.บุญสร้าง โดยมี พล.ต.วลิต โรจนภักดี ผบ.พล.ร.2/ผบ.กกล.บูรพา  เป็นผู้รับหนังสือดังกล่าว สำหรับข้อเรียกร้องคือ 1.ให้รุกกลับทางการเมือง  2.รุกทางกฎหมายระหว่างประเทศ   โดยยึดถืออนุสัญญากรุงโตเกียว ค.ศ.1941 เพราะสนธิสัญญาสยาม  ฝรั่งเศส ค.ศ.1904-1907 ถูกยกเลิกไปแล้วและข้อตกลงไทย-ฝรั่งเศสเป็นโมฆะ และคำตัดสินของศาลโลกต้องเป็นโมฆะ 3.การรุกทางทหาร 4.การรุกด้วยการเจรจา เป็นการเจรจาไปรุกไป.

อ่านข่าวย้อนหลัง

http://www.thaipost.net/index.asp?bk=thaipost&iDate=22/Jul/2551&news_id=161383&cat_id=501



นายกฯไร้วุฒิภาวะอารมณ์และอดีตรมว.กต.ทนายหน้าหอของนักธุรกิจการเมืองแม๊วๆ เคยยืนว่า เขมรต้องการปราสาทเขาวิหารเท่านั้น ส่วนดินแดนรอบข้างไม่เกี่ยว....

สองแกนนำพรรคพลังประชาชนยืนยันกับคนไทยว่าจะไม่ให้ประเทศไทยเสียดินแดนแม้แต่หนึ่งตารางนิ้ว  วันนี้ประชาชน พวกเราได้รับรู้ว่าสองแกนนำพรรคพลังประชาชน โกหกพกลมอย่างไร้ยางอาย ตลบแตลง ปลิ้นปล้อน พูดดำเป็นขาว มาตลอด.....



'ฮุนเซน'รุกหมักยัน'วัดแก้วสิขเรศวร'เป็นของเขมร!
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-07-2008, 22:26 โดย ปุถุชน » บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
อิรวันชาห์ IrWanSyah
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 870



« ตอบ #10 เมื่อ: 22-07-2008, 22:30 »

อ้างถึง
'มะแอ ไม่ถึงสองหมื่น'


เอ้า....ต่อให้อีกห้าพันก็ได้ เพราะวันนั้น CNN บอกว่า MOB กุ๊ยข้างถนนมีไม่เกิน 25,000
   
บันทึกการเข้า

ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #11 เมื่อ: 22-07-2008, 22:54 »

  ฝ่าเปลวไฟ สุนันท์ ศรีจันทรา


22 กรกฎาคม 2551    กองบรรณาธิการ

  ไส้ศึกเขมร


  พื้นที่ทับซ้อนบริเวณเขาพระวิหารกลายเป็นปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทยและกับพูชาขึ้นแล้ว โดยไม่อาจประเมินสถานการณ์ได้ว่าจะลุกลามบานปลายไปอย่างไร

ปัญหาเขาพระวิหารกำลังปลุกให้คนไทยทั้งประเทศตื่นตัว กำลังทำให้คนไทยหันมาสนใจค้นหาข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น  และตั้งคำถามว่า  รัฐบาลนายสมัคร  สุนทรเวช ไปทำอะไรไว้หรือไม่ จนเขมรเหิมเกริม รุกคืบที่จะครอบครองพื้นที่ทับซ้อน 4.3 ตารางกิโลเมตรอย่างหน้าตาเฉย

ปัญหาเขาพระวิหารถูกขุดคุ้ยขึ้นมาหลายเดือนแล้ว  โดยเริ่มต้นจากกระแสข่าวความเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่จะเข้าไปพัฒนาเกาะกง สำรวจก๊าซและน้ำมันในกัมพูชา

แต่ความเคลื่อนไหวการเจรจาเข้าไปตักตวงผลประโยชน์ในกัมพูชาของ พ.ต.ท.ทักษิณถูกเปิดโปงขึ้น เมื่อมีข่าวการทำข้อตกลงเซ็นแถลงการณ์ร่วมระหว่างไทย-กัมพูชา  เพื่อเสนอขอนำปราสาทพระวิหารไปขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก  และมีกระแสข่าวว่าการเซ็นแถลงการณ์ร่วม โดยนายนพดล  ปัทมะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นเงื่อนไขในการขอสัมปทานธุรกิจในเขมร

รัฐบาลนายสมัครพยายามบิดเบือน  เบี่ยงเบนประเด็นเขาพระวิหารมาตลอด  โดยยืนยันว่าประเทศไทยจะไม่สูญเสียดินแดนแม้แต่ตารางนิ้วเดียว

นายสมัครยืนกระต่ายขาเดียวว่า  เขาพระวิหารเป็นของกัมพูชามากกว่า  46  ปีแล้ว ตามคำตัดสินของศาลโลก และยืนกรานว่าไทยจะไม่สูญเสียอธิปไตยจากแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้คือ ทหารเขมรได้ยึดครองพื้นที่ทับซ้อนไปแล้ว และอ้างว่าเป็นดินแดนของเขมร


กลุ่มประชาชนที่มีความเป็นห่วงอธิปไตยของประเทศไทย  ห่วงดินแดนที่จะเสียไป  และออกมาเคลื่อนไหวเปิดโปงผลประโยชน์ทับซ้อนของกลุ่มนักการเมืองในการออกแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา

กลุ่มประชาชนที่ต่อต้านการออกแถลงการณ์ร่วมฯ  และเคลื่อนไหวประท้วงการลุกล้ำดินแดนของฝ่ายเขมร  รวมทั้ง  3 คนไทยที่เดินทางเข้าไปในพื้นที่ทับซ้อน และถูกทหารเขมรควบคุมตัวเมื่อสัปดาห์ก่อน ถูกนายสมัครและนักการเมืองพรรคพลังประชาชนโจมตีว่า

เป็นผู้ที่ยั่วยุให้เกิดความรุนแรง  3  คนไทย ที่เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายเพื่อปกป้องดินแดงประเทศไทย ถูกนายสมัครด่ากราดว่าเป็นไอ้บ้าไอ้บอที่จะก่อชนวนสงคราม

แต่ย้อนเวลาช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา  ถ้าไม่มีคนไทยที่หวงแหนแผ่นดิน  นำข้อมูลการออกแถลงการณ์ร่วมขึ้นทะเบียนปราสาทเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ของคนไทยที่ขายชาติมาเปิดโปง  ถ้าสื่อมวลชนไม่ตีแผ่ข้อเท็จจริง  และถ้าไม่มีกลุ่มประชาชนที่ลุกฮือขึ้นมาปกป้องอธิปไตยของไทยแล้ว

ใครจะบอกได้ว่า  สถานการณ์เขาพระวิหารเป็นอย่างไร ใครจะบอกได้หรือไม่ว่า กองทัพไทยจะตื่นตัวลุกขึ้นมาปกป้องอธิปไตยของชาติหรือไม่

และใครจะบอกได้ว่า  นายสมัครจะทำเป็นกระ***นกระหือรือ  ทำท่าจะเป็นคนรักชาติกับเขาขึ้นมา โดยยื่นหนังสือถือนายฮุน เซน นายกรัฐมนตรีเขมร แจ้งว่าทหารเขมรลุกล้ำเขตแดนไทยหรือไม่

วันนี้คนไทยส่วนใหญ่หูตาสว่างขึ้นแล้ว  รู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไร  และเชื่อแล้วว่าการออกแถลงการณ์ร่วมขอขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกนั้น รัฐบาลนายสมัครมีลับลมคมใน

แม้ว่านายสมัครจะทำเป็นกระ***นกระหือรือรักชาติ  และกลับลำมายอมรับว่าเขมรกำลังรุกล้ำเพื่อครอบครองแผ่นดินไทย แต่จะไว้ใจอะไรกับรัฐบาลนายสมัครได้

จะเชื่อใจได้อย่างไรว่า  นายสมัครจะต่อสู้เพื่อทวงดินแดนคืนอย่างจริงจัง  และจะเชื่อความสามารถในการแก้ปัญหาเขาพระวิหารของรัฐบาลนายสมัครได้หรือ  ในเมื่อขณะนี้ยุทธศาสตร์ทางการต่อสู้และการทูตของไทยเป็นรองเขมรอยู่หลายขุม

เขมรยื่นคำร้ององค์กรสหประชาชาติไปแล้วว่าไทยลุกล้ำดินแดน  แต่กระทรวงการต่างประเทศของไทยไม่รู้หายหัวไปไหน และแทบไม่มีบทบาทใดเลยในยามที่ประเทศต้องแสดงบทบาทต่อนานาประเทศ

พื้นที่ทับซ้อนบริเวณรอบปราสาทพระวิหารถูกเขมรครอบครองไปแล้ว  โดยไม่รู้ว่าจะทวงคืนกลับมาได้หรือไม่  เพราะการต่อสู้ทวงคืนอธิปไตยของไทยเป็นไปอย่างไร้เอกภาพ แตกต่างจากเขมรซึ่งประชาชนและรัฐบาลพูดจาภาษาเดียวกัน มีเจตนารมณ์เดียวกันเพื่อยึดเขาพระวิหาร

แต่รัฐบาลนายสมัครกับประชาชนกลับพูดจาคนละภาษา  และมีระดับความรักชาติที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

ประชาชนยอมเอาชีวิตเป็นเดิมพันเพื่อรักษาอธิปไตยของชาติ  แต่รัฐบาลนายสมัครกลับด่ากราดกลุ่มประชาชนที่พยายามต่อสู้ปกป้องเขาพระวิหาร

ถ้าต้องสูญเสียดินแดนเขาพระวิหารไป  ประเทศไทยยามนี้คงไม่แตกต่างจากเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง โดยมีคนไทยที่เป็น "ไส้ศึก" ให้เขมร.

http://www.thaipost.net/index.asp?bk=thaipost&iDate=22/Jul/2551&news_id=161377&cat_id=600


ประชาชนยอมเอาชีวิตเป็นเดิมพันเพื่อรักษาอธิปไตยของชาติ  แต่รัฐบาลนายสมัครกลับด่ากราดกลุ่มประชาชนที่พยายามต่อสู้ปกป้องเขาพระวิหาร

ถ้าต้องสูญเสียดินแดนเขาพระวิหารไป  ประเทศไทยยามนี้คงไม่แตกต่างจากเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง โดยมีคนไทยที่เป็น "ไส้ศึก" ให้เขมร.


ถ้าประเทศไทยต้องสูญเสียดินแดนเขาพระวิหารตลอดไป ประชาชนต้องจดจำไว้ว่านายสมัคร นายกฯนอมินี อดีตรมว.กต.นพดล และนักธุรกิจการเมืองแม๊วๆ  เป็นผู้จัดการยกดินแดนให้เขมร เพื่อหวังผลประโยชน์ทางธุรกิจที่พวกเขาจะได้รับร่วมกันเป็นการส่วนตัว....!!!

บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
หน้า: [1]
    กระโดดไป: