ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
20-04-2024, 01:54
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  ว่าด้วยคำว่า ** พื้นที่ทับซ้อน ** 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
ว่าด้วยคำว่า ** พื้นที่ทับซ้อน **  (อ่าน 3796 ครั้ง)
protecter
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 465


« เมื่อ: 18-07-2008, 08:20 »

คนที่พูดว่า 4.6 ตร กม บนเขาพระวิหาร เป็น  *พื้นที่ทับซ้อน*  คือคนเข้าใจผิด และ ไม่รู้ความหมายที่แท้จริงของคำนี้

จริงๆแล้ว บนบกไม่มีพื้นที่ทับซ้อน มีแต่พื้นที่ต่างอ้างสิทธิ พื้นที่ทับซ้อนมีได้แต่ในน่านน้ำทะเลเท่านั้น

หลักเกณฑ์การแบ่งเขตแดนสากล มี 3 แบบ

1.ถ้าเป็นภูเขาก็ยึดสันปันน้ำ
     คือถ้าฝนตก น้ำจะไหลไปที่ต่ำกว่าทั้ง 2 ด้านของยอดเขา จุดนั้นหละ เรียกว่าสันปันน้ำ หลักสากลจะยึดตรงนี้เป็นเขตแดน
เขาปราสาทพระวิหารก็ยึดถือหลักเกณฑ์นี้ ฉนั้น ตามหลักการแบ่งเขตสากล ภูเขาทั้งลูกเป็นของไทย ศาลโลกพิพากษาเฉพาะตัวปราสาทพระวิหารเป็นของเขมรเท่านั้น(โดยใช้อำนาจอิทธิพล) สรุปคือ เขมรมีกรรมสิทธิ์ในตัวปราสาทพระวิหาร ส่วนพื้นดินเป็นของไทย (ข้อนี้ไม่ต้องมาเถียง ไปอ่านคำแปลคำพิพากษาจะรู้แจ้ง)

2.ถ้าเป็นแม่น้ำก็ยึดร่องน้ำที่ลึกที่สุด
    คือ เอาร่องที่ลึกที่สุดของแม่น้ำเป็นเขตแดน เมื่อหน้าแล้งน้ำลด ในแม่น้ำส่วนที่ลึกที่สุดเท่านั้นที่ยังคงจะมีน้ำเหลืออยู่ นั้นหละ ยึดหลักตรงนี้เขตแดน

3.ถ้าเป็นทะเลก็ยึด 200 ไมล์ทะเลจากชายฝั่ง
    คือ วัดจากชายฝั่งของประเทศนั้นๆ 200 ไมล์ทะเล เป็นเขตเศรษฐกิจของประเทศนั้นๆ
   แต่เนื่องจากประเทศ แต่ละประเทศมักจะอยู่ติดๆกัน เช่น ไทยกับเขมร เมื่อวัดจากฝั่งไทย 200 ไมล์ทะเล จะมีพื้นน้ำทะเลไปทับและซ้อนกับเขมรซึ่งวัดจากชายฝั่งของเขาเช่นกัน  ส่วนนี้หละ เขาถึงเรียกว่า * พื้นที่ทับซ้อน *

วิธีการจัดการของพื้นที่ทับซ้อน ส่วนใหญ่มักจะตกลงร่วมกันพัฒนา แบ่งผลประโยชน์ที่เท่าเทียมกัน เช่น กรณีทะเลด้านภาคใต้ของไทย กับ มาเลเซีย

ฉนั้น จงระมัดระวังในการใช้คำว่า พื้นที่ทับซ้อน...........ถ้าเราคำนี้มาใช้กับ 4.6 ตร กท ของเขาพระวิหาร นั่นก็เท่ากับเราต้องเอาดินแดนของเราแบ่งครึ่งหนึ่งให้เขมร
บันทึกการเข้า
พรรณชมพู
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,073


« ตอบ #1 เมื่อ: 18-07-2008, 10:10 »

คนที่พูดว่า 4.6 ตร กม บนเขาพระวิหาร เป็น  *พื้นที่ทับซ้อน*  คือคนเข้าใจผิด และ ไม่รู้ความหมายที่แท้จริงของคำนี้

จริงๆแล้ว บนบกไม่มีพื้นที่ทับซ้อน มีแต่พื้นที่ต่างอ้างสิทธิ พื้นที่ทับซ้อนมีได้แต่ในน่านน้ำทะเลเท่านั้น

หลักเกณฑ์การแบ่งเขตแดนสากล มี 3 แบบ

1.ถ้าเป็นภูเขาก็ยึดสันปันน้ำ
     คือถ้าฝนตก น้ำจะไหลไปที่ต่ำกว่าทั้ง 2 ด้านของยอดเขา จุดนั้นหละ เรียกว่าสันปันน้ำ หลักสากลจะยึดตรงนี้เป็นเขตแดน
เขาปราสาทพระวิหารก็ยึดถือหลักเกณฑ์นี้ ฉนั้น ตามหลักการแบ่งเขตสากล ภูเขาทั้งลูกเป็นของไทย ศาลโลกพิพากษาเฉพาะตัวปราสาทพระวิหารเป็นของเขมรเท่านั้น(โดยใช้อำนาจอิทธิพล) สรุปคือ เขมรมีกรรมสิทธิ์ในตัวปราสาทพระวิหาร ส่วนพื้นดินเป็นของไทย (ข้อนี้ไม่ต้องมาเถียง ไปอ่านคำแปลคำพิพากษาจะรู้แจ้ง)

2.ถ้าเป็นแม่น้ำก็ยึดร่องน้ำที่ลึกที่สุด
    คือ เอาร่องที่ลึกที่สุดของแม่น้ำเป็นเขตแดน เมื่อหน้าแล้งน้ำลด ในแม่น้ำส่วนที่ลึกที่สุดเท่านั้นที่ยังคงจะมีน้ำเหลืออยู่ นั้นหละ ยึดหลักตรงนี้เขตแดน

3.ถ้าเป็นทะเลก็ยึด 200 ไมล์ทะเลจากชายฝั่ง
    คือ วัดจากชายฝั่งของประเทศนั้นๆ 200 ไมล์ทะเล เป็นเขตเศรษฐกิจของประเทศนั้นๆ
   แต่เนื่องจากประเทศ แต่ละประเทศมักจะอยู่ติดๆกัน เช่น ไทยกับเขมร เมื่อวัดจากฝั่งไทย 200 ไมล์ทะเล จะมีพื้นน้ำทะเลไปทับและซ้อนกับเขมรซึ่งวัดจากชายฝั่งของเขาเช่นกัน  ส่วนนี้หละ เขาถึงเรียกว่า * พื้นที่ทับซ้อน *

วิธีการจัดการของพื้นที่ทับซ้อน ส่วนใหญ่มักจะตกลงร่วมกันพัฒนา แบ่งผลประโยชน์ที่เท่าเทียมกัน เช่น กรณีทะเลด้านภาคใต้ของไทย กับ มาเลเซีย

ฉนั้น จงระมัดระวังในการใช้คำว่า พื้นที่ทับซ้อน...........ถ้าเราคำนี้มาใช้กับ 4.6 ตร กท ของเขาพระวิหาร นั่นก็เท่ากับเราต้องเอาดินแดนของเราแบ่งครึ่งหนึ่งให้เขมร


 

เห็นด้วยกับการตีความคำพิพากษาของศษลโลกนยุคมหาอำนาจรังแกไทย

อ้างถึง
ปราสาทพระวิหารเป็นของเขมรเท่านั้น(โดยใช้อำนาจอิทธิพล) สรุปคือ เขมรมีกรรมสิทธิ์ในตัวปราสาทพระวิหาร ส่วนพื้นดินเป็นของไทย (ข้อนี้ไม่ต้องมาเถียง ไปอ่านคำแปลคำพิพากษาจะรู้แจ้ง)

เพื่อผลประโยชน์ของประเทศ สำหรับในยุคนี้ เราต้องตีความคำตัดสินของศาลโลกไว้เพียงเท่านี้  ไทยรับคำตัดสินของศาลโลก แต่โลกนี้ไม่มีศาลรัฐธรรมนูญโลก หรือศาลปกครองโลก ที่จะตีความปัญหาความเข้าใจของไทย ดังนั้นเรารับตรงนี้ก็เรื่องของเรา

เรื่องนี้คนรักชาติไทยและฉลาด จะเข้าใจได้ดี ส่วนพวกขายชาติ หรือไม่มีปัญญาพอที่จะดูแลผลประโยชน์ของประเทศชาติ ช่างหัวมัน

ตอนนี้ก็รอรัฐบาลที่รักชาติและฉลาดอยู่ค่ะ  แต่หาไม่ได้ในพวกขี้ข้าเหลี่ยม 
บันทึกการเข้า
Karnja
สมาชิกสามัญขั้นที่ 1
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 26


« ตอบ #2 เมื่อ: 18-07-2008, 10:55 »

คำว่าพื้นที่ทับซ้อนถูกสร้างเป็น "วาทกรรม" ไปแล้ว

ได้ยินครั้งแรกจากปากไอ้เหล่ จากนั้นใครๆก็เรียกว่าพื้นที่ทับซ้อนๆๆๆ (รวมทั้งทหารด้วย น่าอนาถ)

จำได้ว่าตอนที่่นพดลเหล่ อ้างว่าพื้นที่ทับซ้อน อภิสิทธิแย้งมาว่า บริเวณนั้น ไม่มีพื้นที่ทับซ้อน เขาพระวิหารทั้งหมดเป็นของไทย 100% เพียงแต่เขมร "อ้างว่า" เป็นพื้นที่ของเขา เพราะเขาถือแผนที่ที่ฝรั่งเศสทำ

ไม่เข้าใจเลย ทำไมคนไทยอยากยกดินแดนให้เขมรเหลือเกิน

เคยไปดูที่พันทิพย์ อะโห มีแต่คนอยากยกพื้ืนที่ให้เขมร ใครบอกว่าพื้นที่นั้นเป็นของไทย หาว่าโง่ โดนเยาะเย้ยถากถาง


เหลือเชื่อว่าเกิดมาชาตินี้จะได้เห็นคนครึ่งประเทศยินดีที่จะขายชาติ
บันทึกการเข้า
วิหค อัสนี
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 946



« ตอบ #3 เมื่อ: 18-07-2008, 11:04 »



เพื่อผลประโยชน์ของประเทศ สำหรับในยุคนี้ เราต้องตีความคำตัดสินของศาลโลกไว้เพียงเท่านี้  ไทยรับคำตัดสินของศาลโลก แต่โลกนี้ไม่มีศาลรัฐธรรมนูญโลก หรือศาลปกครองโลก ที่จะตีความปัญหาความเข้าใจของไทย ดังนั้นเรารับตรงนี้ก็เรื่องของเรา


ต้องหมายเหตุไว้ว่าในประวัติศาสตร์โลกยุคใหม่ ยังไม่เคยมีรัฐบาลโลก ที่จะมีสิทธิอำนาจปกครองเหนือประเทศต่างๆ อย่างแท้จริงนะครับ

แต่ละประเทศ รวมทั้งไทยเราและกัมพูชาด้วย ต่างมีเอกราชและอำนาจอธิปไตยเหนือดินแดนของตนเอง และคนในแต่ละประเทศย่อมต้องการจะรักษาไว้ให้ดีที่สุด

ยกเว้นข้าทาสนักการเมืองระบอบแม้ว ที่อยากจะขายชาติขายแผ่นดินให้เขาจนตัวสั่นอยู่แล้วตอนนี้



บันทึกการเข้า

_______ดังนี้แล
__เปลวไฟจักลุกโชน
___หามีวันดับลงได้
_ตราบที่ในมือพวกสูเจ้า
ยังแต่น้ำมันเตาให้ราดรดไป
อยากประหยัดให้ติดแก๊ส
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,406



« ตอบ #4 เมื่อ: 18-07-2008, 12:24 »

คณะของนายนพดลไปเซ็นต์ให้เป็นพื้นที่ทับซ้อนห้ามบุกรุกให้ใช้ประโยชน์ด้วยกันตั้งแต่ปี 2543 แล้ว
จะหน้าด้านเบี้ยวเขมรดื้อๆ แบบนี้เรอะ บ้ามากไปหรือเปล่า
บันทึกการเข้า
คนไทยคนหนึ่ง
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 744


« ตอบ #5 เมื่อ: 18-07-2008, 12:34 »

จะไปแอบเซ็นไว้เมื่อไร ก็ต้องตามไปยกเลิกทุกฉบับ

เพราะเป็นการทำผิดรัฐธรรมนูญ ทั้งฉบับ 2550 ในมาตรา 190

และ รัฐธรรมนูญ ฉบับ 2540 ในมาตรา 224 ( ข้อความเหมือนกับ มาตรา 190

ในรัฐธรรมนูญ ปี 2550)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-07-2008, 12:53 โดย คนไทยคนหนึ่ง » บันทึกการเข้า
อยากประหยัดให้ติดแก๊ส
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,406



« ตอบ #6 เมื่อ: 18-07-2008, 12:42 »

"ผมยอมรับว่าเป็นในรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์จริง ซึ่งผมได้นำคณะไปเจรจาประกอบด้วย ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร รมช.ต่างประเทศสมัยนั้น ซึ่งก็มีนายนพดล ปัทมะ เลขานุการ รมว.ต่างประเทศไปร่วมเจรจาด้วย นายนพดลซึ่งมีการทำบันทึกช่วยจำทั้งสองฝ่ายห้ามลุกล้ำหรือใช้ประโยชน์ในพื้นที่ทับซ้อน นายนพดลน่าจะนำข้อมูลนี้ให้นายกฯ ดู ว่าเราได้เตรียมป้องกันปัญหาไว้อย่างรอบคอบ"

พอเขมรมาตั้งร้านค้า ทหารไม่ไล่ ดันไปโทษหาว่าการเมืองสั่งเฉย ไหนบอกป้องกันปัญหาอย่างรอบคอบ
แล้วตอนทหารเรืองอำนาจหลัง 2549 ไปมัวหากินที่ไหนอยู่ ไม่ยอมไปไล่ ไอ้ถุยเอ๊ย เป็นแต่โทษคนอื่น
บันทึกการเข้า
คนไทยคนหนึ่ง
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 744


« ตอบ #7 เมื่อ: 18-07-2008, 13:00 »

ทหารได้แจ้งให้รัฐบาลสมัยนั้นทราบแล้ว(รัฐบาลแม้ว) แต่รัฐบาลก็ไม่ได้สั่งการอะไรลงมา

แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าเขมรไม่เคยอ้างสิทธืเหนือพื้นที่ 4.6 ตรกมเลย เพิ่งมาอ้างสิทธ์หลังจาก

มีแถลงการณ์ร่วมไทย-เขมร ที่เหล่ไปเซ็นรับรองแผนที่ฉบับเขมร
บันทึกการเข้า
ล้างโคตรทักษิณ
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 903



« ตอบ #8 เมื่อ: 18-07-2008, 13:01 »

แล้วตอนโคตะระพ่อสุดประเสริฐของเมิงอยู่ มัวไปอมกะ***ไอ้ฮุนเซนที่ไหน  ทำไมไม่ทำห่*อะไร  ไอ้ขี้ข้า

สันดานดีแต่โทษคนอื่น ความชั่วขายชาติของพ่อเอ็งไม่เคยถ่างตาดู
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-07-2008, 13:03 โดย ล้างโคตรทักษิณ » บันทึกการเข้า
เล่าปี๋
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,417


ทำดีได้ดีมีไฉน ทำชั่วได้ดีมีถมไป


« ตอบ #9 เมื่อ: 18-07-2008, 13:32 »

ทหารได้แจ้งให้รัฐบาลสมัยนั้นทราบแล้ว(รัฐบาลแม้ว) แต่รัฐบาลก็ไม่ได้สั่งการอะไรลงมา

แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าเขมรไม่เคยอ้างสิทธืเหนือพื้นที่ 4.6 ตรกมเลย เพิ่งมาอ้างสิทธ์หลังจาก

มีแถลงการณ์ร่วมไทย-เขมร ที่เหล่ไปเซ็นรับรองแผนที่ฉบับเขมร


คงจะมีผลประโยชน์ อยู่เต็มปากเลยพูดไม่ได้...
บันทึกการเข้า

ขงเบ้งดูดาว เฮอะเอ่อเอ้ย เมื่อดาวตก เสียวในหัวอกเมือเห็นดาว
ไม่พราวไสว  หรือว่าตัวเราจะหมดบุญ จึงเป็นไป
ดาวที่สดใสเมื่อก่อนนั้น  พลันมืดมัว....
คนเร่ร่อน
สมาชิกสามัญขั้นที่ 1
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 31


« ตอบ #10 เมื่อ: 19-07-2008, 10:16 »


พื้นที่ทับซ้อน เหรอครับ

สำหรับผม...พื้นที่ส่วนนั้น คือ " แผ่นดินไทย "
ขะเหม็น ออกไป ๆ ๆ

" ลิ้นกระดาษทราย น้ำลายแชลแลค "


บันทึกการเข้า
บักหัวเถิก
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 438



« ตอบ #11 เมื่อ: 19-07-2008, 15:30 »

นั้นมันของไทย ชัดๆๆ

ไม่มีหรอกพื้นที่ทับซ้อนๆๆ
บันทึกการเข้า

DAWN
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 180


« ตอบ #12 เมื่อ: 19-07-2008, 16:16 »

คำว่าพื้นที่ทับซ้อน มันเป็นคำที่ฝ่ายที่ไม่มีสิทธิในพื้นที่
พยายามยกขึ้นมาอ้าง เพื่อจะได้มีสิทธิร่วม ซึ่งไม่ควรมีอยู่จริง
และเมื่อสามารถใช้พื้นที่ร่วมแล้ว ก็จะใช้วิธีซึมลึก หน้ามึน
ยึดเอาเป็นพื้นที่ของตัว เราเป็นผู้มีสิทธิเต็มไม่ควรโอนผ่อน
เพราะถ้ามันเข้าครอบครองแล้ว ไล่ยาก เจรจาให้เด็ดขาดไปเลย
ว่าไม่มีพิ้นที่ทับซ้อน มีแต่แผ่นดินไทย

บันทึกการเข้า

Shr
เพื่อนร่วมชาติ
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 777


« ตอบ #13 เมื่อ: 19-07-2008, 16:53 »

ประเทศไทยทั้งใหญ่กว่า ประชากรเยอะกว่า

ก็ทัพก็ใหญ่กว่า

ยุทโธปกรณ์ก็เหนือกว่า

ที่พูดนี่ไม่ได้หมายความว่าจะให้เราทำตัวเป็นนักเลงโต ไปเอาเปรียบคนอื่น

แต่อยากถามว่า

ถ้าไม่มีนักการเมืองขายชาติอย่างไอ้พวกที่กระเฮี่ยนกระหือรืออยากยกดินแดนให้เขมร

มันจะเป็นไปได้ยังไงที่เขมรจะเอาเปรียบเรา

สมมุติว่าเกิดกรณีพิพาทพรมแดนระหว่าเม็กซิโกกับอเมริกา หรือเวียดนามกับจีน

เป็นไปได้มั้ยที่อเมริกาหรือจีนจะเป็นฝ่ายถูกเอาเปรียบ

รัฐบาลไทยกับทหารไทยนี่โคตรใจดีเลยหวะ
บันทึกการเข้า
ริวเซย์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4,637


Worrior in The Blue Armor


เว็บไซต์
« ตอบ #14 เมื่อ: 19-07-2008, 18:12 »

ทุเรศในความอ่อนแอของทหารไทย

 
บันทึกการเข้า

ถ้ามีแฟนแบบนี้เอาไหมครับ^^


Solidus
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,381



« ตอบ #15 เมื่อ: 20-07-2008, 01:39 »

คนที่พูดว่า 4.6 ตร กม บนเขาพระวิหาร เป็น  *พื้นที่ทับซ้อน*  คือคนเข้าใจผิด และ ไม่รู้ความหมายที่แท้จริงของคำนี้

จริงๆแล้ว บนบกไม่มีพื้นที่ทับซ้อน มีแต่พื้นที่ต่างอ้างสิทธิ พื้นที่ทับซ้อนมีได้แต่ในน่านน้ำทะเลเท่านั้น

หลักเกณฑ์การแบ่งเขตแดนสากล มี 3 แบบ

1.ถ้าเป็นภูเขาก็ยึดสันปันน้ำ
     คือถ้าฝนตก น้ำจะไหลไปที่ต่ำกว่าทั้ง 2 ด้านของยอดเขา จุดนั้นหละ เรียกว่าสันปันน้ำ หลักสากลจะยึดตรงนี้เป็นเขตแดน
เขาปราสาทพระวิหารก็ยึดถือหลักเกณฑ์นี้ ฉนั้น ตามหลักการแบ่งเขตสากล ภูเขาทั้งลูกเป็นของไทย ศาลโลกพิพากษาเฉพาะตัวปราสาทพระวิหารเป็นของเขมรเท่านั้น(โดยใช้อำนาจอิทธิพล) สรุปคือ เขมรมีกรรมสิทธิ์ในตัวปราสาทพระวิหาร ส่วนพื้นดินเป็นของไทย (ข้อนี้ไม่ต้องมาเถียง ไปอ่านคำแปลคำพิพากษาจะรู้แจ้ง)

2.ถ้าเป็นแม่น้ำก็ยึดร่องน้ำที่ลึกที่สุด
    คือ เอาร่องที่ลึกที่สุดของแม่น้ำเป็นเขตแดน เมื่อหน้าแล้งน้ำลด ในแม่น้ำส่วนที่ลึกที่สุดเท่านั้นที่ยังคงจะมีน้ำเหลืออยู่ นั้นหละ ยึดหลักตรงนี้เขตแดน

3.ถ้าเป็นทะเลก็ยึด 200 ไมล์ทะเลจากชายฝั่ง
    คือ วัดจากชายฝั่งของประเทศนั้นๆ 200 ไมล์ทะเล เป็นเขตเศรษฐกิจของประเทศนั้นๆ
   แต่เนื่องจากประเทศ แต่ละประเทศมักจะอยู่ติดๆกัน เช่น ไทยกับเขมร เมื่อวัดจากฝั่งไทย 200 ไมล์ทะเล จะมีพื้นน้ำทะเลไปทับและซ้อนกับเขมรซึ่งวัดจากชายฝั่งของเขาเช่นกัน  ส่วนนี้หละ เขาถึงเรียกว่า * พื้นที่ทับซ้อน *

วิธีการจัดการของพื้นที่ทับซ้อน ส่วนใหญ่มักจะตกลงร่วมกันพัฒนา แบ่งผลประโยชน์ที่เท่าเทียมกัน เช่น กรณีทะเลด้านภาคใต้ของไทย กับ มาเลเซีย

ฉนั้น จงระมัดระวังในการใช้คำว่า พื้นที่ทับซ้อน...........ถ้าเราคำนี้มาใช้กับ 4.6 ตร กท ของเขาพระวิหาร นั่นก็เท่ากับเราต้องเอาดินแดนของเราแบ่งครึ่งหนึ่งให้เขมร

จะว่าไปบนบกก็ใช้คำว่าพื้นที่ทับซ้อนได้นี่ครับ ถ้าพื้นที่ตรงนั้นไม่มีอะไรที่ใช้แบ่งอาณาเขตได้ชัดเจน แต่ไอ้ที่แบ่งชัดเจนอย่างสันปันน้ำแต่ดันบอกว่าเป็นพื้นที่ทับซ้อนนี่แหละที่พิลึก
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
    กระโดดไป: