ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
18-04-2024, 07:40
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  สส.พปช.-พรรคร่วม-ปชป-สว. รวมแล้ว 117 คน รอคิวเชือด...คิดเห็นกันอย่างไร ? 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
สส.พปช.-พรรคร่วม-ปชป-สว. รวมแล้ว 117 คน รอคิวเชือด...คิดเห็นกันอย่างไร ?  (อ่าน 1997 ครั้ง)
Suraphan07
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,128



« เมื่อ: 16-07-2008, 23:07 »

หนุนเรืองไกรทำงาน ตรวจสอบ‘ส.ส.-ส.ว.’ เจ้าตัวไล่ล่าพรรคร่วม รวดเดียวเที่ยวนี้ 57คน

ส.ว.เรืองไกร” ทำหน้าที่ตรวจสอบ “นักการเมือง” ที่ถือหุ้นในบริษัทที่มีสัมปทานกับรัฐ ขณะที่เจ้าตัวเดินหน้าบี้  กกต.อีก คราวนี้ไล่เช็คบิล “ส.ส.พปช.-พรรคร่วมรัฐบาล” อีก 57 คนรวด รวมของเก่าฟากปชป.-ส.ว. เบ็ดเสร็จรอคิวเชือด 117 คน

นายเอกยุทธ อัญชันบุตร ประธานบริหารเครือโอเรียนเต็ล มาร์ท กรุ๊ป ประเทศอังกฤษ เปิดเผยถึงกรณีนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา เดินหน้าตรวจสอบบรรดาส.ส.-ส.ว.ที่ถือหุ้นในบริษัทที่มีสัมปทานกับรัฐว่า เป็นสิ่งที่ดี เพราะนายเรืองไกรเป็นคนแอ็คทีฟ หาข้อมูล-ดูข้อกฎหมาย แล้วพบว่า มีส.ส.-ส.ว. ถือหุ้นในบริษัทที่ไปมีสัมปทานกับรัฐ เกินกว่าครึ่งของสภาฯ โดยเฉพาะที่ระบุว่า อยากให้นักการเมืองตรวจสอบตัวเองก่อน ก่อนจะไปตรวจสอบคนอื่น ถือเป็นเรื่องที่ดี ที่อยากเห็น “การเมืองภิวัฒน์” และพร้อมสนับสนุนเต็มที่

ขณะเดียวกัน ในวันที่ 16 ก.ค. 2551 นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา ก็ได้ทำหนังสือถึงประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้ตรวจสอบสมาชิกภาพของส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล 57 คน ว่าสิ้นสุดลงหรือไม่ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 106(6) เนื่องจากมีหรือถือหุ้นในบริษัทที่มีสัญญาสัมปทานหรือสัญญา ในลักษณะผูกขาดตัดตอนซึ่งมีลักษณะเข้าข่ายการกระทำต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญมาตรา 265(2)  ฯลฯ

http://thaiinsider.info/portal/content/view/9675/12/
////////////////////////

ผมว่า รธน.50 เป็นยาแรงที่ดี ที่ทำให้ "นักเลือกตั้ง" ต้องคิดมากหน่อยก่อนลงสมัคร...
ยังไง ลองใช้ไปสักพักดีกว่า นักการเมืองหรือผู้แทนปวงชนหน้าไหน ใครไม่คุ้น-ปรับตัวไม่ได้ ก็ให้ล้มหายตายจากกันไป.
 
เผื่อคนรุ่นใหม่ ที่มีความสามารถ-ซื่อสัตย์-อยากทำงานเพื่อสังคมจริงๆ แต่ไม่มีเงิน จะได้มีโอกาสได้เกิดบ้าง...
ลุยตรวจสอบกันให้เต็มที่ตามที่ รธน.ให้สิทธิ์ครับ ใครที่จะมาเป็นตัวแทนของปวงชนชาวไทยต้องไม่สันหลังหวะ...

คิดเห็นกันอย่างไรครับ...[/color]
 

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-07-2008, 23:12 โดย Suraphan07 » บันทึกการเข้า
Suraphan07
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,128



« ตอบ #1 เมื่อ: 16-07-2008, 23:29 »

รายชื่อ ส.ส.57 คนที่นายเรืองไกรยื่นให้ กกต.ตรวจสอบมีดังนี้

1.นายมนต์ชัย วิวัฒน์ธนาฒย์
2.นางมลิวัลย์ ธัญญสกุลกิจ
3.นายเกื้อกูล ด่านชัยวิจิตร
4.นางอุไรวรรณ เทียนทอง
5.นายบรรหาร ศิลปอาชา
6.น.ส.กัญจนา ศิลปะอาชา
7.นายสุนัย จุลพงศธร
8.พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร
9.นายสมพล เกยุราพันธุ์
10.นายวัลลภ ไทยเหนือ
11.พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก
12.นายสุขุมพงศ์ โง่นคำ
13.พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย
14.นายสาธิต เทพวงศ์ศิริรัตน์
15.นายวีระพล อดิเรกสาร
16.นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์
17.นายปวีณ แซ่จึง
18.นายอิทธิรัตน์ จันทรสุรินทร์
19.นายอดุลย์ วันไชยธนวงศ์
20.นางปานหทัย เสรีรักษ์
21.นายเอี่ยม ทองใจสด
22.นายไพโรจน์ ตันบรรจง
23.นายนิทัศน์ ศรีนนท์
24.นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์
25.นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์
26.น.ส.ชินณิชา วงศ์สวัสดิ์
27.นายอิทธิเดช แก้วหลวง
28.นายรังสรรค์ วันไชยธนวงศ์
29.น.ส.ตรีนุช เทียนทอง
30.นายเสมอกัน เที่ยงธรรม
31.นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ
32.นายกมล จิระพันธุ์วาณิช
33.นายมานิต นพอมรบดี
34.นายสมชัย ฉัตรพัฒนศิริ
35.นายอนุวัฒน์ วิเศษจินดาวัฒน์
36.นายวรรณรัตน์ ชาญนุกูล
37.ม.ร.ว.กิติวัฒนา (ไชยันต์) ปกมนตรี
38.นายอัศวิน วิภูศิริ
39.นายสมชัย เจริญชัยฤทธิ์
40.นายอิทธิ ศิริลัทธยากร
41.ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช
42.นางดวงแข อรรณนพพร
43.นายภูมิ สาระผล
44.พล.อ.สมชาย วิษณุวงศ์
45.นายสุธา ชันแสง
46.นายวิชาญ มีนชัยนันท์
47.น.ส.กฤษณา สีหลักษณ์
48.นายทรงศักดิ์ ทองศรี
49.นางพงศกร อรรณนพพร
50.นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์
51.ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง 
52.นายประนอม โพธิ์คำ
53.พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์
54.นายเสนาะ เทียนทอง
55.นายยงยุทธ ติยะไพรัช
56.นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์
57.นายชัย ชิดชอบ

              /////////////////////

หุ หุ หุ ...ไล่ไป ไล่มา จะหมดทั้งสภาหรือเปล่าเนี่ยะ...
บันทึกการเข้า
mebeam
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 634


Fear can hold you prisoner. Hope can set you Free.


« ตอบ #2 เมื่อ: 19-07-2008, 11:26 »

สังคมแห่งความวุ่นวาย ...โดย..หมัดเหล็ก...จากคาบลูกคาบดอก...ไทยรัฐวันนี้



ว่ากันว่า การเมืองที่เละเป็นโจ๊กอยู่ในเวลานี้ ส่วนหนึ่งก็มาเพราะความคาดไม่ถึงว่า จะขัดกับรัฐธรรมนูญ อาทิกรณีชิมไปบ่นไปของ คุณสมัคร สุนทรเวช ซึ่งก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องของการทุจริตคอรัปชันอะไร แต่กลับถูกลากเข้าไปเป็นเรื่องจนได้

ดีไม่ดีจะมาตายน้ำตื้น

การถือครองหุ้นของบรรดานักการเมืองในเวลานี้ก็เหมือนกัน เมื่อตรวจสอบกันแล้ว ไม่เฉพาะนักการเมืองฝ่ายรัฐบาลเท่านั้น นักการเมืองฝ่ายค้านก็เยอะไปหมด ตรวจกันไปตรวจกันมา ส.ว.ก็มี ในองค์กรอิสระทั้งหลายก็มี แม้จะถือครองหุ้นที่รัฐมีสัมปทานอยู่ก็ตาม ถือว่าเข้าข่ายของรัฐธรรมนูญทั้งสิ้น

มีโอกาสตายเพราะหุ้นกันยกพวง

ก็เพราะจุดตายตรงนี้นี่แหละ จะทำให้กระบวนการของฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติติดขัด อาทิ การยื่นถอดถอนนายกฯและครม. ซึ่งจะต้องเป็นอำนาจของ ส.ว.เป็นต้น ถ้าปรากฏว่า ส.ว.มีหุ้นเป็นการขัดกับรัฐธรรมนูญก็จะถูกถอดถอนไปด้วยแล้วใครจะทำหน้าที่ถอดถอนรัฐบาล มั่วกันไปใหญ่ผมขอย้ำว่า นี่คือกับดักของรัฐธรรมนูญ

แล้วจะส่งผลกระทบไปหมด เช่นที่จ่อคิวอยู่ก็คือ งบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ยังคาอยู่ในขั้นของกรรมาธิการ ตามกรอบเวลาแล้ว จะพิจารณาให้เสร็จสิ้นเร็วที่สุดก็ต้องเป็นต้นเดือน ส.ค.โน่น

งบประมาณไม่ผ่านก็จบเห่

แล้วถ้าลามปามไปถึงคณะกรรมการในองค์กรอิสระเข้าข่ายถือครองหุ้นบ้างล่ะ คงวุ่นวายน่าดู สรุปแล้ว คนที่อยู่ในกระบวนการตรวจสอบตามรัฐธรรมนูญ มีชีวิตอยู่บนเส้นด้ายทั้งนั้น

แล้วจะเอาใครมาทำหน้าที่วินิจฉัย ผมว่าอยู่บนความหวาดระแวงและความกลัวกันทั้งหมด แม้แต่การที่จะทำสัมปทานหรือนิติกรรมสัญญากับรัฐ วันหนึ่งเข้าไปประมูลทรัพย์สินของรัฐตามขั้นตอนถูกต้อง

วันดีคืนดีตกเป็นผู้ต้องหาไปฉิบ

หรือไม่ก็ถูกยกเลิกถูกยึดคืน ใครก็ไม่กล้าจะเข้ามาร่วมสังคายนาด้วย แล้วกลายเป็นว่า คนที่จะเข้ามาทำงานด้านบริหารถูกมัดมือมัดเท้าเอาไว้หมด

โดยเฉพาะบุคลากรด้านการเมือง หายากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทร เห็นว่า การปรับ ครม.รุ่นนี้คุณสมัครอยากให้ลบภาพความขี้เหร่ลงบ้าง แต่มาติดปัญหาว่าไม่มีใครกล้าที่จะมาร่วมงานด้วย ยิ่งรัฐบาลเป็นมะเร็งอยู่อย่างนี้ ยิ่งไปกันใหญ่ ไม่มีอนาคต

วุ่นวายไปทั้งเศรษฐกิจ และสังคม สุดท้ายก็จะหาคนทำงานไม่ได้ และท้ายสุดจริงคงต้องไปนิมนต์พระภิกษุสงฆ์ที่บวชตั้งแต่เด็กมาทำหน้าที่บริหารประเทศ เพราะท่านย่อมไม่มีจุดด่างพร้อยแน่นอน.

“หมัดเหล็ก”

http://www.thairath.co.th/news.php?section=society06&content=97360

บันทึกการเข้า
เพื่อนร่วมชาติ
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 777


« ตอบ #3 เมื่อ: 19-07-2008, 11:59 »

สังคมแห่งความวุ่นวาย ...โดย..หมัดเหล็ก...จากคาบลูกคาบดอก...ไทยรัฐวันนี้



ว่ากันว่า การเมืองที่เละเป็นโจ๊กอยู่ในเวลานี้ ส่วนหนึ่งก็มาเพราะความคาดไม่ถึงว่า จะขัดกับรัฐธรรมนูญ อาทิกรณีชิมไปบ่นไปของ คุณสมัคร สุนทรเวช ซึ่งก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องของการทุจริตคอรัปชันอะไร แต่กลับถูกลากเข้าไปเป็นเรื่องจนได้

ดีไม่ดีจะมาตายน้ำตื้น


“หมัดเหล็ก”

http://www.thairath.co.th/news.php?section=society06&content=97360



แค่อ่านย่อหน้าแรกก็รู้แล้วว่าไอ้ตัวหมัดสังคมนี่มีเจตนาจะบิดเบือน แหกตาชาวบ้าน

ถ้าเชื่อตามมันก็แปลว่า

นายกของประเทศนี้จะเป็นพิธีกรประจำของรายการฟรีทีวีให้เอกชนก็ได้

แถมรายการนั้นยังออกทางช่องของรัฐบาล

แล้วในรายการไอ้นายกไร้ยางอายก็ยังเชียร์ผงโน่น ซอสนี่ กะทินั่น

ไม่รู้ไอ้ตัวหมัดสังคมนี่มันโง่จริงหรือแกล้งโง่ ที่ไม่รู้ว่าทั้งแอร์ไทม์ของโทรทัศน์ ทั้งสินค้าอาหารต่าง ๆ มันเป็นเรื่องที่ต้องมีการแข่งขันเชิงธุรกิจกันทั้งนั้น

และถ้านายกมียางอายก็ควรจะรู้ว่าตนเองไม่ควรไปเอื้อประโยชน์ให้เอกชนรายใดรายหนึ่ง


หรือถ้ายังอยากเอื้อประโยชน์ให้เอกชนบางราย ก็อย่าเสรือกมาเป็นนายก

ส่วนเรื่องตรวจสอบการถือหุ้น

เชิญเลยครับ เอาให้เต็มที่ ให้ชัดเจนไปเลย

ประเทศนี้จะมีอะไรโปร่งใสขึ้นมาอีกหนึ่งเรื่อง เผื่อว่าเรื่องอื่น ๆ มันจะได้โปร่งใสตามมา

ส่วนข้ออ้างที่ว่าเดี๋ยวจะไม่มีคนมาทำงาน ผมว่าเป็นตรรกะที่บิดเบือนอย่างน่าเกลียด เป็นเหตุผลวิบัติอย่างหนึ่ง

ยกตัวอย่างง่าย ๆ ถ้านักกีฬาไปโอลิมปิกมันดันโด๊ปยากันซะครึ่งนึง แล้วเขาก็ตรวจเจอตอนเปิดกีฬาไปแล้ว

ว่ากันตามกติกาก็คือต้องตัดสิทธิ์กันเพียบ ให้ลงแข่งไม่ได้

แล้วก็มีไอ้คนอย่างตัวหมัดสังคมนี่ บอกว่า "โห ถ้าตัดสิทธิ์กันหมดแบบนี้ โอลิมปิกกร่อยแน่ เผลอ ๆ บางรายการจะแข่งไม่ได้ ดังนั้นปล่อยให้นักกีฬาพวกนี้แข่ง ๆ ไปเหอะ"

โดยที่ไม่สนว่าการแข่งมันจะโปร่งใส เป็นธรรม  และถูกกติกาหรือไม่อย่างไร

เหตุผลของไอ้หมัดสังคมนี่ ยังเป็นการอ้างเหตุผลแบบใจตุ๊ด ทำเป็นยกประเทศขึ้นมาอ้าง

แต่เหตุผลจริง ๆ ที่อยู่ในใจก็คือ

"กรูกลัวว่านักการเมืองที่กรูชอบ หรือพรรคการเมืองที่กรูชอบจะโดนสอย" แค่นั้นแหละ แต่ดันดัดจริตยกประเทศมาอ้าง

คนไทยเกือบ 70 ล้าน ที่ดีกว่าไอ้รัฐบาลเมถุนนี่ ผมว่ามีซัก 10 ล้านเป็นอย่างน้อย

ไม่ต้องกลัวหรอก

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-07-2008, 12:40 โดย เพื่อนร่วมชาติ » บันทึกการเข้า
moon
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 780


« ตอบ #4 เมื่อ: 19-07-2008, 12:16 »

        ก่อนที่นักกีฬาจะทำการแข่งขัน นักกีฬาจะต้องทำการฝึกซ้อม ทบทวนกฏกติกามารยาทต่างๆ ให้ดีก่อน

เมื่ออยู่ในระหว่างการซ้อมนั้น ผู้ที่ออกกฏอาจจะเปลี่ยนแปลงกฏบางข้อเพื่อให้ทันยุคทันสมัยมากขึ้น

ก็เป็นหน้าที่ของนักกีฬา รวมไปจนถึงผู้ที่เกี่ยวข้องกับการกีฬาจะต้องทำความเข้าใจในกฏนั้นๆ ก่อนเป็นพื้น

กฏกติกาต่างๆ ไม่ได้มีเฉพาะในวงการกีฬาเท่านั้น ในทุกวงการ ทุกองค์กรก็จะต้องมีเหมือนกัน


      ในกรณีการถือครองหุ้นของทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็น สส. สว. และผู้ที่อยู่ในองค์กรอิสระต่างๆ นั้น

จะต้องถือได้ว่าท่านเหล่านั้นเป็นผู้ที่รู้และศึกษากฏกติกาของบ้านเมืองมาเป็นอย่างดี มิฉะนั้นคงจะไม่อาสาเข้ามา

รับใช้บ้านเมืองในขณะนี้ได้ จะมาอ้างว่ากฏกติกาไม่ดีไม่ได้ นักกีฬาที่ได้เหรียญไปแล้วยังถูกริบคืนมีเยอะไป

เมื่อทางคณะกรรมการตรวจพบภายหลังว่ามีการโด๊ปยา หรือกระทำการผิดกติกาอย่างหนึ่งอย่างใด


     ปัญหาทั้งหมดของประเทศไทยในกรณีนี้นั้น มิใช่เพราะกฏกติกา มิใช่จำนวนของผู้ทำผิดกฏ

แต่ทั้งหมดอยู่ที่ตัวที่ทำผิดกฏ อย่าเอาเรื่องการบริหารบ้านเมือง ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาปากท้อง

หรืออื่นๆ มาเป็นเหตุอีกเลย ถ้าจะต้องถูกถอดทั้งหมด ก็ต้องให้เป็นไปตามนั้น ควรจะรักษากฏกติกา

เอาไว้ให้มั่นเพื่อเป็นบรรทัดฐานในการแข่งขันต่อไปในครั้งหน้าดีกว่า


     ทุกอย่างมีทางออกเสมอ ผุ้รุ้ในประเทศไทยมีจำนวนไม่น้อย ท่านเหล่านั้นอยู่ในทุกภาคส่วน

ของเมืองไทย เพียงแต่ประเทศจะต้องสะดุดนิดหน่อย แต่ในระยะยาว เมื่อทุกคนยึดถือตามกฏนี้

มันก็จะไม่เป็นปัญหาอีกต่อไป สังคมจะไม่วุ่นวายถ้าผู้มีอำนาจ ยึดถือกฏกติกาที่ทำให้ตัวเอง

ได้มีอำนาจอยู่ทุกวันนี้ เพราะท่านเหล่านั้นได้ศึกษามาก่อนที่จะลงสนามแล้วม้นจึงไม่ใช่กับดัก

แต่อย่างใด หากแต่มันจะเป็นจุดตายก็ด้วยเพราะความเหลิงอำนาจจ้องจะแก้กฏกติกาอยู่ร่ำไป

    อยากขีด อยากเขียน อยากระบาย moon
บันทึกการเข้า
อยากประหยัดให้ติดแก๊ส
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,406



« ตอบ #5 เมื่อ: 19-07-2008, 12:39 »

รอ ศาลรัฐธรรมนูญ ตีความ ใส่คำว่า อาจ ซักหลายๆ ที่ในคำวินิจฉัย คงจะรอดหมด
แต่บรรทัดฐานการทำงานของศาลรัฐธรรมนูญประเทศไทยคงเน่าไม่เหลือสภาพ ถ้า
ไม่งั้นปล่อยให้เป็นตามตัวหนังสือก็แสดงความ ห่วยแตก ของรัฐธรรมนวยนี้ให้เห็น
อย่างชัดเจน

เรื่องเร่งด่วน คือ การแก้รัฐธรรมนูญ ไม่งั้นรัฐบาลจะบริหารประเทศต่อไม่ได้ เนื่องจาก
ไม่มีรัฐสภา เมื่อไม่มีรัฐสภาเพราะรอเลือกตั้งซ่อม จะไปเซ็นต์เจรจาการค้าอะไรกับต่าง
ประเทศก็ไม่ได้ ศาลปกครองก็จะบอกว่าผิด เพราะมันคือความเฮงซวยของรัฐธรรมนวย
จริงๆ
บันทึกการเข้า
hitman
สมาชิกสามัญขั้นที่ 1
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 24


« ตอบ #6 เมื่อ: 19-07-2008, 16:00 »

หมาบ้าไม่มีใครเอามาเลี้ยงหรอก   



[size=350pt]ต้องฆ่าทิ้งทั้งนั้น[/size]


ฆ่าหมดแล้วก็หาหมาใหม่มาเลี้ยง   เอาหมาดีๆ   พันธุ์ดีๆ     กินข้าวแล้วไม่เนรคุณ    ไม่คาบของเราไปให้โจร
บันทึกการเข้า
ริวเซย์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4,637


Worrior in The Blue Armor


เว็บไซต์
« ตอบ #7 เมื่อ: 19-07-2008, 19:07 »

คนจะมาเป็นสส. นักการเมืองต้องอ่านกฎเกณท์ในการเข้ามาบริหารประเทศอย่างชัดเจน

รัฐธรรมนูญคือหัวใจสำคัญในการปกครองประเทศ กฎเกณท์ระบุไว้ชัดแจ้ง

เมื่อรู้ตัวว่าไม่สามารถปฏิบัติตามกฎหมายได้ ก็ไม่ควรลงเลือกตั้งตั้งแต่แรกแล้ว

แต่พวกหน้าด้านนี้ก็ยังมาลงเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญฉบับนี้แบบหมกเม็ด

ก็แสดงให้เห็นว่าคนกลุ่มนี้มีเจตนาจะกระทำผิดต่อรัฐธรรมนูญชัดเจน

การจะอ้างกฎหมายเฉพาะส่วนที่เป็นคุณนั้นหาได้ไม่ ส่วนที่เป็นโทษก็ต้องรับไปเหมือนกัน
บันทึกการเข้า

ถ้ามีแฟนแบบนี้เอาไหมครับ^^


jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #8 เมื่อ: 19-07-2008, 19:19 »

ดำเนินการส่งวินิจฉัยไปเลยครับว่าเจตนารมน์ของรัฐธรรมนูญจะถือการเล่นหุ้นนิดๆ หน่อยๆ
ทำให้บรรดา ส.ส. และ ส.ว ต้องขาดคุณสมบัติจริงๆ หรือเปล่า จะได้ชัดเจนกันไปเลย

ส่วนตัวผมคิดว่ามันจะกลายเป็นเรื่องจุกจิกหยุมหยิมเกินไป รัฐธรรมนูญน่าจะต้องการป้องกัน
กรณีการเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ที่มีสถานะเป็นเจ้าของกิจการที่ได้สัมปทานรัฐ
..ไม่ใช่แค่ถือหุ้น 5 หมื่นบาท หรือ 1 แสนบาท แล้วกลายเป็นขาดคุณสมบัติ.. 

ถ้ามีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ น่าจะพิจารณาระบุเนื้อหาในส่วนนี้ให้ชัดเจนต่อไป 
บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
RiDKuN
Administrator
ขาประจำขั้นที่ 3
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,015



เว็บไซต์
« ตอบ #9 เมื่อ: 19-07-2008, 20:17 »

กฎหมายข้อห้ามต่างๆ มีเหตุผล มีที่มา ไม่ใช่ออกมาลอยๆ อย่างไร้สาระ
การที่ห้าม ส.ส. ถือหุ้น ก็ชัดเจนว่าป้องกันการขัดกันของผลประโยชน์ ระหว่างความเป็นเจ้าของบริษัท กับสถานภาพ ส.ส.

และการที่มี ส.ส. ที่ส่อว่าจะถือหุ้นโดยขัดกับรัฐธรรมนูญ เป็นจำนวนถึง 100 กว่าคน ไม่ได้แปลว่ากฎหมายผิด
ในทางกลับกัน มันบอกได้ถึงคุณภาพของความเป็นฝ่าย "นิติบัญญัติ" ว่ามีมากน้อยเพียงใด
ก็ขนาดรัฐธรรมนูญฉบับเดียว ยังปฏิบัติตามให้ครบถ้วนไม่ได้
แล้วจะให้คนแบบนี้ มายกมือออกกฎหมาย ให้ประชาชนไทย 70 กว่าล้านทำตามหรือ?

แล้วจะมาอ้างว่า กฎหมายผิด กฎหมายไม่ดี แล้วบรรทัดฐานอยู่ที่ไหน ว่าอะไรดีหรือไม่ดี
งั้นต่อไปผมขับไปโทรมือถือไป แล้วอ้างกับตำรวจว่า กฎหมายนี้มันเฮงซวย เพราะผมไม่เห็นด้วย ได้หรือเปล่าละ
บันทึกการเข้า

คนไม่มี "อุดมคติ" ไม่ใช่ "นักการเมือง"
1ktip
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,457



« ตอบ #10 เมื่อ: 19-07-2008, 21:01 »

ถ้าผิดจริงก็ควรยอมรับ ยอมถอยเพื่อสร้างบรรทัดฐาน

และถ้าเห็นว่าบทบัญญัติรุนแรงไป ก็เป็นเรื่องของการดำเนินการแก้ไขในอนาคต

อย่าให้การยึดติดเพียงชั่วครู่ ทำให้อนาคตทางการเมืองที่เหลือต้องมัวหมองเลย
บันทึกการเข้า
อยากประหยัดให้ติดแก๊ส
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,406



« ตอบ #11 เมื่อ: 19-07-2008, 21:29 »

กฎหมายข้อห้ามต่างๆ มีเหตุผล มีที่มา ไม่ใช่ออกมาลอยๆ อย่างไร้สาระ
การที่ห้าม ส.ส. ถือหุ้น ก็ชัดเจนว่าป้องกันการขัดกันของผลประโยชน์ ระหว่างความเป็นเจ้าของบริษัท กับสถานภาพ ส.ส.

และการที่มี ส.ส. ที่ส่อว่าจะถือหุ้นโดยขัดกับรัฐธรรมนูญ เป็นจำนวนถึง 100 กว่าคน ไม่ได้แปลว่ากฎหมายผิด
ในทางกลับกัน มันบอกได้ถึงคุณภาพของความเป็นฝ่าย "นิติบัญญัติ" ว่ามีมากน้อยเพียงใด
ก็ขนาดรัฐธรรมนูญฉบับเดียว ยังปฏิบัติตามให้ครบถ้วนไม่ได้
แล้วจะให้คนแบบนี้ มายกมือออกกฎหมาย ให้ประชาชนไทย 70 กว่าล้านทำตามหรือ?

แล้วจะมาอ้างว่า กฎหมายผิด กฎหมายไม่ดี แล้วบรรทัดฐานอยู่ที่ไหน ว่าอะไรดีหรือไม่ดี
งั้นต่อไปผมขับไปโทรมือถือไป แล้วอ้างกับตำรวจว่า กฎหมายนี้มันเฮงซวย เพราะผมไม่เห็นด้วย ได้หรือเปล่าละ

ความชัดเจนของกฎหมายห้ามโทร.มือถือขณะขับรถ ยังมากกว่า ห้ามส.ส. ส.ว. นักการเมืองท้องถิ่นถือหุ้น...
รวมทั้งทางอ้อม คนออกกฎหมายห้ามโทร.มือถือยังดูดีมีความสามารถสูงกว่ากฎหมายยัดเยียดรัฐธรรมนวยนี่
อีก อย่าบอกซ้ำซากนะว่าผ่านประชามติ คนพวกนึงเค้าเชื่อคำไอ้พวกบ้าที่ไหนไม่รู้บอกให้รับไปก่อนแล้วค่อย
ไปแก้ข้อเห่ยๆ ทีหลัง เพื่อบ้านเมืองจะได้ไปได้ แต่ตอนนี้ไอ้พวกบ้านั่นเลียน้ำลายตัวเองกินกันอย่างสนุกสนาน
บันทึกการเข้า
RiDKuN
Administrator
ขาประจำขั้นที่ 3
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,015



เว็บไซต์
« ตอบ #12 เมื่อ: 19-07-2008, 22:20 »

ความชัดเจนของกฎหมายห้ามโทร.มือถือขณะขับรถ ยังมากกว่า ห้ามส.ส. ส.ว. นักการเมืองท้องถิ่นถือหุ้น...
รวมทั้งทางอ้อม คนออกกฎหมายห้ามโทร.มือถือยังดูดีมีความสามารถสูงกว่ากฎหมายยัดเยียดรัฐธรรมนวยนี่
อีก อย่าบอกซ้ำซากนะว่าผ่านประชามติ คนพวกนึงเค้าเชื่อคำไอ้พวกบ้าที่ไหนไม่รู้บอกให้รับไปก่อนแล้วค่อย
ไปแก้ข้อเห่ยๆ ทีหลัง เพื่อบ้านเมืองจะได้ไปได้ แต่ตอนนี้ไอ้พวกบ้านั่นเลียน้ำลายตัวเองกินกันอย่างสนุกสนาน

เหตุผลมีทั้งสองอย่าง แต่แค่เหตุผลของการห้ามโทรฯ เข้าใจง่ายกว่าเหตุผลเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน
ความชัดเจนอยู่ที่ความเข้าใจของคน คนที่ไม่เข้าใจ หรือไม่พยายามเข้าใจ จะมีเหตุผลยังไงมันก็บอกว่าไม่ชัดเจนอยู่ดี

คนเห็นชอบกฎหมายห้ามโทร. ไม่ใช่ใครอื่นไกล รัฐบาลเต่าฤาษีนี่เอง เพิ่งรู้ว่าแก๊สเห็นว่ามีความสามารถสูง

ส่วน "ไอ้พวกบ้า" ที่ออกมาพูดว่าให้รับไปก่อน ก็เป็นแค่คำพูดของคนกลุ่มเล็กๆ ที่พ่นออกมา
ถามว่ามีหลักฐานอะไรว่าคนที่ลงประชามติรับ รับเพราะเชื่อไอ้คำพูดของ "ไอ้พวกบ้า" พวกนั้น
บันทึกการเข้า

คนไม่มี "อุดมคติ" ไม่ใช่ "นักการเมือง"
moon
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 780


« ตอบ #13 เมื่อ: 19-07-2008, 22:46 »

ไม่ว่าที่มาของกฏกติกานั้นจะเป็นอย่างไร
ไม่ว่ากฏกติกาจะเขียนโดยใคร
ไม่ว่ากฏกติกาจะเขียนไว้อย่างไร

มันก็ไม่สำคัญเท่าผุ้เล่น ที่จะต้องพร้อมใจกันเคารพและรักษากฏกติกานั้น

มันคือ สปิริต ซึ่งผู้เล่นทุกคนจะต้องมีเป็นพื้นฐาน

บันทึกการเข้า
bangkaa
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 407



« ตอบ #14 เมื่อ: 20-07-2008, 01:39 »

รธน 2550 มีบทบัญญัติที่ละเอียดมาก...เข้มงวดมาก...

เป็นที่ถกเถียงกันว่า...บางอย่างมันมากไปหรือเปล่า... เพราะอะไรที่พอดี ที่เหมาะสมน่าจะดีกว่า...

ยกตัวอย่าง
เรื่องหุ้นบริษัทที่เกี่ยวข้องสัมปทานของรัฐก็ถือไม่ได้...ก็อาจจะเป็นการจำกัดสิทธิของนักการเมืองมากไป...
แต่หากจะโอนให้นิติบุคคลที่กฎหมายรองรับถือให้ ก็เป็นทางออกทางหนึ่ง... นักการเมืองเองก็น่าจะศึกษากฎหมายให้ดี...ถ้าบอกว่าไม่รู้เรื่องแล้วตายน้ำตื้นก็อ้างอะไรไม่ได้เหมือนกัน

เรื่องมาตรา 190 เอง... หากการเซ็นสัญญากับต่างประเทศต้องเข้าสภาทุกครั้ง มันจุกจิกไปหรือไม่... แต่ว่าประเทศพัฒนาอื่นๆก็มีกฎหมายแบบนี้ มันอยู่ที่วิธีการปฏิบัติว่าจะทำอย่างไรให้มีประสิทธิภาพที่สุด

เรื่อง มาตรา 237 เรื่องยุบพรรค...ก็เป็นกฎหมายที่ แรงมาก... ดูไม่ค่อยยุติธรรม...แต่ก็อาจจะแฟร์แล้วก็ได้ถ้าเทียบกับความหน้าด้านของนักการเมืองไทยที่ทำมาตลอด...
บันทึกการเข้า

มาทำหน้าที่... ใช้หนี้แผ่นดิน...และมาทำบุญ...
หน้า: [1]
    กระโดดไป: