ทำไมนิติธรรมจึงถือหลัก "ยอมปล่อยคนทำผิดร้อยคน ดีกว่าลงโทษคนไม่ผิดคนเดียว" นั่นเป็นเพราะการยกเว้นไม่ลงโทษคนทำผิด เป็นเรื่องที่ยอมรับได้ด้วยหลักของการให้อภัย ซึ่งเป็นทานชั้นสูง แต่การลงโทษคนไม่ผิดนั้นไม่มีหลักการอะไรมารองรับนอกจากหลักของ "อธรรม" คือความเห็นแก่ตัวของผู้ออกกฎ ที่ขี้เกียจทำหน้าที่คอยไล่จับคนทำผิด ก็เลยออกกฎลงโทษแบบเหมารวม เพื่อ "บีบคั้น" ให้คนอื่นมาช่วยป้องกัน คือถ้าไม่มาช่วยป้องกันก็จะต้องถูกลงโทษไปด้วย
ตรงนี้ถ้าเป็นกรณีกฎหมายบ้านเมืองทั่วๆ ไป ก็เห็นด้วยครับ
ตัวอย่างเช่น หมู่บ้านๆ หนึ่ง มีบ้านหนึ่งเป็นโจร ถูกจับได้ แล้วจะให้คนอื่นๆ ในหมู่บ้านรับโทษอาญาไปด้วยย่อมไม่ถูกต้อง (เว้นแต่จะมีหลักฐานว่ามีเจตนาช่วยปกปิด หลบซ่อน หรือรู้เห็นเป็นใจ สมประโยชน์กันในหมู่บ้านนั้น ก็สมควรที่จะถูกประณามว่าเป็น "หมู่บ้านโจร")
แต่ ธรรมชาติของเหตุการณ์แบบนี้ มันไม่เหมือนกันกับกรณียุบพรรค
- ปกติแล้ว ถ้ามีคนบ้านหนึ่งไปปล้นเขามา ก็ไม่ได้ทำให้หมู่บ้านนั้นได้รับผลประโยชน์โดยตรงทันที แต่การซื้อเสียงโดยสมาชิกพรรคผู้ใดก็ตาม ย่อมเป็นผลประโยชน์กับพรรคไปด้วยทันที
- การอยู่ร่วมกันเป็นสังคม ชุมชน ถูกบีบคั้นด้วย "ความจำเป็น" และ คนเราแต่ละคน ในช่วงเวลาหนึ่งๆ เลือกได้ยากว่าจะอยู่ที่ไหน จะย้ายที่อยู่ก็ไม่ใช่ง่ายๆ (สมมติว่ามีสุจริตชนดีๆ ไปตั้งรกรากอยู่ในหมู่บ้านหนึ่ง แล้ววันนึงเกิดไปรู้ว่าผู้ใหญ่บ้านกับพรรคพวกเป็นโจร สมคบกันไปปล้นหมู่บ้านอื่นเอาเงินมาบำรุงหมู่บ้านตัวเองอยู่เป็นประจำ เขาก็อาจยังจำใจต้องอยู่ต่อไปด้วยเหตุผลหลายๆ อย่าง)
แล้วยิ่งกว่านั้น ฐานะของพรรคการเมือง ไม่ใช่เป็นบริษัทหรือร้านโชวห่วย หรือตลาดนัดนะครับ ...แต่เป็นผู้ที่จะเข้ามามีส่วนร่วมในการถืออำนาจในบ้านเมือง ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ มีเดิมพันสูงมหาศาล และมีความเสี่ยงที่จะตกแก่ประชาชนทุกคนในที่สุด เราจึงควรจะคาดหวังได้โดยธรรมชาติว่าคนที่จะเข้ามาตรงนี้ ต้องมีวุฒิภาวะ มีความกล้าหาญ มีจุดยืนเป็นของตนเอง และเต็มใจมาเข้าร่วมกับกลุ่มคนที่มีแนวคิด อุดมการณ์ทางการเมืองตรงกันเพื่อเสนอตัวทำงานรับใช้บ้านเมือง รับใช้ประชาชนด้วยความจริงใจเท่านั้น โดยเฉพาะผู้ที่เป็นถึงกรรมการบริหารพรรค ยิ่งต้องมีความจริงใจและพร้อมรับผิดชอบยิ่งกว่าสมาชิกทั่วๆ ไปของพรรคมากแม้แต่บริษัทหากำไรทั่วๆ ไป ถ้าต้องการจะเข้าไปในตลาดหลักทรัพย์ เพื่อเป็นบริษัท "มหาชน" ก็จะต้องมีมาตรฐานที่สูงขึ้น ซึ่งจะเรียกว่าจริยธรรม ธรรมาภิบาล หรืออะไรก็แล้วแต่ อาจจะมีข้อยุ่งยากจุกจิกมากมาย แต่ทุกคนก็ยอมรับ เพราะมาตรฐานและมาตรการส่วนใหญ่กำหนดไว้ตามหลักเหตุผล เพื่อปกป้องอันตราย ความบิดเบือน ความฉ้อฉลที่จะเกิดขึ้นกับกลไกตลาดที่มีความเสี่ยงสูงขึ้น และระบบเศรษฐกิจที่มีขอบเขตกว้างขวางขึ้นนั่นเอง
ดังนั้นการที่กฎหมายสูงสุดของประเทศ เรียกร้อง "มาตรฐาน" ที่สูงขึ้นจากชาวบ้านทั่วไป ให้นักการเมืองและพรรคการเมืองที่จะเสนอตัวเข้ามาใช้อำนาจรัฐ ต้องเผชิญการตรวจสอบที่เข้มงวดมากขึ้น และต้องมีความรับผิดชอบต่ออุดมการณ์ของพรรค ต่อความคาดหวังของประชาชนมากขึ้นแบบนี้ ก็เป็นไปเพื่อปกป้องสิทธิของปวงชนจากการใช้อำนาจรัฐเยี่ยงทรราชในอนาคตอันใกล้นั่นเอง จะถือว่า "ไม่มีหลักการใดรองรับนอกจากอธรรม" ได้อย่างไร?