นายกฯสั่งสอบวินัย ปฐมพงษ์ อีกเรื่องหนึ่ง ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 14.00น. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้ลงนามคำสั่งที่ กห.0100/4 ลงวันที่ 10 ก.ค.2551 ตามที่ พล.อ.อุดมชัย องคสิงห เลขานุการ รมว.กลาโหม เสนอให้กรมพระธรรมนูญ กรมเสมียนตรา และกองบัญชาการกองทัพไทย ดำเนินการสอบสวนกรณี พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ ประธานคณะกรรมการที่ปรึกษากองบัญชาการทหารสูงสุด แต่งเครื่องแบบทหารขึ้นเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยโจมตีรัฐบาล เนื่องจากพฤติกรรมของ พล.อ.ปฐมพงษ์มีผลเสียหายร้ายแรงต่อภาพลักษณ์จุดยืน ความสามัคคีของกองทัพ และอาจทำให้สังคมสับสนขาดความเชื่อมั่นต่อบทบาทในการปกป้องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ จึงสมควรตรวจสอบว่าการกระทำดังกล่าวขัดต่อรัฐธรรมนูญ ธรรมเนียมและข้อบังคับของกระทรวงกลาโหม และกองบัญชาการกองทัพไทยหรือไม่ รวมทั้งชี้แจงทำความเข้าใจให้ส่วนราชการในกระทรวงกลาโหมยึดถือเป็นแนวทางปฏิบัติ พร้อมประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบ โดยให้ดำเนินการเร่งด่วนและรายงานผลให้ รมว.กลาโหมรับทราบ คาดว่าจะใช้เวลาสอบ 1 สัปดาห์
ระบุชัดทำผิดข้อบังคับกลาโหม นายณัฐวุฒิกล่าวว่า พฤติกรรมของ พล.อ.ปฐมพงษ์เป็นการขัดกับข้อบังคับกระทรวงกลาโหม ว่าด้วยข้าราชการกลาโหมกับการเมือง พ.ศ.2499 ข้อ 8 ที่ระบุห้ามข้าราชการกระทรวงกลาโหมวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล หรือแต่งเครื่องแบบที่ราชการกำหนดไว้ร่วมประชุมพรรคการเมือง หรือร่วมประชุมในที่สาธารณะที่มีลักษณะทางการเมือง อยากฝากถึง พล.อ.ปฐมพงษ์ว่า การแต่งเครื่องแบบทหารไปขึ้นเวทีพันธมิตรฯ ไม่ใช่เครื่องแสดงออกถึงการรักชาติเพียงอย่างเดียว เพราะจุดยืนการรักชาติอยู่ในจิตวิญญาณของประชาชนทุกคนและทุกอาชีพ แต่การแต่งเครื่องแบบทหารไปปิดถนนขึ้นเวทีไล่รัฐบาลเหมาะสมหรือไม่ อย่ามาตอกลิ่มสร้างความขัดแย้งให้คนในชาติ และความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา ด้วยข้อความอันคลาดเคลื่อนต่อข้อเท็จจริง หาก พล.อ.ปฐมพงษ์ลืมข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ ไปให้หาโอกาสดูรายการ ถ้าคุณแน่อย่าแพ้ป.4 ส่วนบทลงโทษกรณีนี้เบื้องต้นคงเป็นการว่ากล่าวตักเตือน แต่หากยังขืนปฏิบัติอยู่อีกจะนำเข้าสู่การพิจารณาตามประมวลกฎหมายอาญาทหาร ฐานขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา
บุญสร้าง ชี้โทษสูงสุดแค่ตักเตือน ที่ท่าอากาศยานทหาร กองบิน 6 (บน.6) พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผบ.ทหารสูงสุด ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายกฯและ รมว.กลาโหมสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนเพื่อลงโทษทางวินัยร้ายแรงกับ พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ ว่า การพิจารณาโทษทางวินัยสำหรับนายทหารที่มียศอัตราจอมพล มีอยู่อย่างเดียวคือการว่ากล่าวตักเตือน เพราะถือว่าเป็นผู้ใหญ่ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่แล้ว และบทลงโทษทางวินัยทหารมีแค่นั้น แต่จะย้าย พล.อ.ปฐมพงษ์ ไปอยู่ตำแหน่งประจำไม่ได้ เพราะห้ามจอมพลไปอยู่ตำแหน่งประจำ ส่วนการพิจารณาลงโทษอื่นก็แล้วแต่ระดับกระทรวง โดยมอบหมายให้ พล.อ.อ.วีรวิท คงศักดิ์ รอง ผบ.ทหารสูงสุด ดูแลปัญหา และทางกองทัพไทยก็จำเป็นต้องทำหนังสือชี้แจงไปยังระดับกระทรวงว่าได้ทำอะไรไปบ้าง ทั้งนี้ พล.อ.ปฐมพงษ์ไม่ได้ชี้แจงอะไร แต่ พล.อ.อ.วีรวิท ได้พูดคุยตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมาแล้ว
ล็อบบี้ ปฐมพงษ์ หยุดขึ้นเวทีชั่วคราว เมื่อถามว่า กระทรวงกลาโหมจะให้กรมพระธรรมนูญเข้าไปตรวจสอบ พล.อ.บุญสร้างตอบว่า คงทำได้ โดยมีทั้งจเรทหารทั่วไปหรือกรมพระธรรมนูญตรวจสอบ แต่ในระดับหน่วยที่ขึ้นตรงกับ บก.ทหารสูงสุด และอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของตนโดยปกติจะลงโทษทางวินัย ทั้งนี้การตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนก็ทำเพื่อหาข้อเท็จจริงเท่านั้น เมื่อถามว่า เบื้องต้นจะต้องหยุดขึ้นเวทีหรือไม่ พล.อ.บุญสร้างตอบว่า พล.อ.อ.วีรวิทได้ติดต่อประสานกับ พล.อ.ปฐมพงษ์ เชื่อว่าอาจจะให้หยุดขึ้นเวทีก่อน ซึ่งพันธมิตรฯคงเข้าใจ เพราะปกติจะไม่มีนายทหารแต่งเครื่องแบบขึ้นเวที และเชื่อว่าจะไม่มีกรณีนี้เกิดขึ้นอีก เมื่อถามย้ำว่า หากไม่เชื่อและยังแต่งกายขึ้นเวทีอีกจะมีบทลงโทษทางวินัยอย่างไร พล.อ.บุญสร้างตอบว่า ก็ต้องเรียกมาตักเตือน แต่จะไม่มีการลงโทษทางวินัยหนักกว่านี้ เพราะทหารชั้นจอมพลจะเป็นผู้ที่ไม่ สมควรถูกลงโทษ
ชี้นายกฯมาสั่งปลดจอมพลไม่ได้ พล.อ.บุญสร้างกล่าวว่า ความคิดเรื่องประชาธิปไตย สามารถคิดได้ แต่ถ้ามีความคิดแล้วไปชักชวนคนใน กองทัพให้ทำโน่นทำนี่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เมื่อถามว่า การตั้งคณะกรรมการสอบสวนจะทำให้ทหารเกิดการแบ่งแยกเป็น 2 ขั้วหรือไม่ พล.อ.บุญสร้างตอบว่า ทหารทั่วไปเข้าใจดี และไม่ค่อยมีเวลามาก ซึ่งตนจะรายงานต่อนายกฯเป็นลายลักษณ์อักษร เมื่อถามว่า นายกฯสามารถใช้อำนาจรมว.กลาโหมสั่งปลดออกจากตำแหน่งได้หรือไม่ ผบ.ทหารสูงสุดตอบว่า เป็นจอมพลปลดไม่ได้ และหากจะย้ายก็ต้องมีตำแหน่งย้าย จะย้ายไปตำแหน่งประจำไม่ได้
.....................................................................................................
โฆษก กห.โต้ ผบ.สูงสุดดูระเบียบไม่ครบ ด้าน พล.ท.พีระพงษ์ มานะกิจ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ยังไม่เห็นตัวคำสั่งตั้งคณะกรรมการสอบ พล.อ.ปฐมพงษ์ คงให้กองบัญชาการกองทัพไทยซึ่งเป็นหน่วยบังคับบัญชาเป็นผู้ตรวจสอบ ส่วนกรณีที่ ผบ. ทหารสูงสุดให้สัมภาษณ์ว่า ลงโทษผู้ที่มีอัตราจอมพลได้ เพียงการตักเตือนเท่านั้น เพราะท่านอาจมองเพียงว่าเป็นการแต่งเครื่องแบบทหารขึ้นเวที แต่อาจไม่ได้ฟังคำพูดปราศรัยของ พล.อ.ปฐมพงษ์ ที่กล่าวให้ร้ายรัฐบาลที่ถือเป็นองค์กรของตนเอง ซึ่งทหารทั่วโลกไม่กระทำกัน เพราะ ทหารต้องมีความอดกลั้นเหนือปุถุชนทั่วไป อีกทั้งข้าราชการทหารต้องวางตัวเป็นกลางและรักองค์กร
ยันเป็น ก.ม.ใช้กับทหารทุกระดับ ความผิดนี้ถือว่าเข้าข่ายประมวลกฎหมายอาญาทหาร มาตรา 33 ที่ระบุว่า ผู้ใดเป็นทหารขัดขืนมิกระทำการตามข้อบังคับใดๆ ให้ลงโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ซึ่งระเบียบคำสั่งมีไว้ คือห้ามทหารไปวิจารณ์รัฐบาล ทั้งนี้กฎหมายอาญาทหารใช้กับทหารทุกระดับ การขึ้นไปกล่าวโจมตีรัฐบาลและกล่าวหารัฐบาล ถึงขั้นมีการพูดจาชักชวนให้ทหารมาทำเหมือนตนเอง ที่สำคัญยังอ้างว่ามีการขออนุญาตจากองคมนตรีแล้ว ซึ่งผมเชื่อว่าองคมนตรีท่านอยู่ในฐานะเป็นกลางทางการเมือง ซึ่งโทษนี้เป็นโทษอาญาและมีความรุนแรง ไม่ใช่โทษทางวินัยที่แต่งเครื่องแบบขึ้นเวที ทหารถือเป็นข้าราชการประจำ ไม่มีหน้าที่วิจารณ์รัฐบาล การสั่งให้ตั้งคณะกรรมการของ รมว.กลาโหมนั้นคิดรอบคอบแล้ว และการกระทำครั้งนี้เป็นการดำเนินไปตามระเบียบข้อกฎหมายทุกอย่าง โฆษกกระทรวงกลาโหมกล่าว
http://www.thairath.co.th/news.php?section=politics&content=96715นายกฯนอมินีของผู้ต้องคดีทุจริตของคณะกรรมการ คตส.และ ศาลยุติธรรม ให้ความสนใจ'สั่งสอบ'พล.อ.ปฐมพงษ์ ขึ้นเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเปิดโปงพฤติกรรมของอดีตรมว.'นพด๊วย' ยกเขาพระวิหารและบริเวณให้เขมรด้วยความเต็มใจ เพื่อให้'นายผู้ชาย'ได้สมานฉันท์กับสมเด็จฮุนเซนของเขมร....
นายกฯนอมินี ไร้วุฒิภาวะ ไร้ความรับผิดชอบ ไม่สอบสวน อดีต รมว.ต่างประเทศใช้'อำนาจเป็นธรรม' ยกเขาพระวิหารให้เขมรโดยพละการ โดยไม่ขอมติจากรัฐสภาไทย รัฐบาลไทย....
ถ้านายกฯนอมินี ไม่รู้ว่า รมว.'นพด๊วย' รับคำสั่งโดยตรงจากนักธุรกิจการเมืองแม๊ว จะนิ่งเฉย ไม่ลงโทษอดีต รมว.คนนี้ แต่พาลหาเรื่องกับพล.อ.ปฐมพงษ์อย่างนี้ไหม