ปลายเดือนที่แล้ว คุณสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ เคยสรุปเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนนี้เอาไว้
โดยพูดเป็นลำดับขั้นตอนดีมาก มีการกล่าวถึงการไปตีกอล์ฟตามรูปข้างบนไว้ด้วย
เก็บมาให้คนที่ยังไม่ได้อ่าน ลองอ่านพิจารณาดูนะครับ -------------------------------------------------------------------------------------------------------------
“สมเกียรติ” แฉเส้นทางโกง! “แม้ว-ลิ่วล้อ” ย่ำยีเขาพระวิหาร!!โดย ผู้จัดการออนไลน์ 21 มิถุนายน 2551 03:18 น.
http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9510000072844“สมเกียรติ” แฉเส้นทางโกง หลัง “แม้ว-ลิ่วล้อ” เดินเกมแลก “ปราสาทพระวิหาร” กับ “บ่อแก๊สธรรมชาติ”
ซึ่งเป็นพื้นที่ทับซ้อนในอ่าวไทย ปูดซ้ำ “ทักษิณ” จับมือนักธุรกิจต่างชาติยื่น 4 หมื่นล้าน แลกกับ “เกาะกง”
อัดยับถือเป็นพวกขายชาติ-เนรคุณแผ่นดิน
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ปราศรัย วันนี้ (21 มิ.ย.) นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรประชานเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงกรณีที่พันธมิตรฯ
เตรียมยื่นศาลปกครองไต่สวนฉุกเฉินมติ ครม.ปราสาทพระวิหารว่า ถ้าศาลมีคำสั่งว่ามติ ครม.ดังกล่าว ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
จะต้องรับผิดชอบด้วยการลาออกสถานเดียว เพราะรัฐบาลหุ่นเชิดใช้วิชามาร โดยเริ่มจากเมื่อวันที่ 2 เม.ย.2548
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เปลี่ยนตัว รมว.ต่างประเทศ จากนายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย ไปเป็น
นายกันตธีร์ ศุภมงคล หลังจากที่นายกันตธีร์รับตำแหน่งเพียงไม่กี่วันได้ไปเยือนประเทศกัมพูชา แล้วเห็นชอบ
ให้กัมพูชาดันเรื่องปราสาทพระวิหารขึ้นเป็นมรดกโลก
“หลังจากนั้นอีก 1 ปี พันธมิตรฯ ได้ทำการขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ตั้งแต่วันที่ 4 ก.พ.49 จนเป็นเหตุให้มีการยุบสภา
เมื่อวันที่ 22 ก.พ.49 แล้วเลือกตั้งเป็นโมฆะในวันที่ 2 เม.ย.49 จากนั้นจึงมีการตั้งรัฐบาลรักษาการขึ้นมา ในระหว่างนั้น
รัฐบาลชุดดังกล่าวไปเยือนประเทศเขมรวันที่ 10 ส.ค.49 แล้วมาออกรายการนายกฯ ทักษิณ พบประชาชน โดยระบุ
ในตอนหนึ่งว่า ประเทศไทยกับกัมพูชามีเขตทับซ้อนทางทะเล ซึ่งมีก๊าซธรรมชาติ และน้ำมัน จึงอ้างว่าประเทศกัมพูชา
และเรา จึงผู้มาขอสัมปทาน ซึ่งก็คือ พ.ต.ท.ทักษิณ นั่นเอง ที่สำคัญหนังสือพิมพ์กัมพูชา รายงานข้อมูลออกมาว่า
เขตทับซ้อนทางทะเลดังกล่าวนั้น เป็นบ่อแก๊สธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย จากนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ให้กัมพูชา
กู้ยืมเงินดอกเบี้ยต่ำเพื่อสร้างถนน แล้วให้กลุ่มนักการเมืองเขมรเอาไปกินกัน” นายสมเกียตริ กล่าว
นายสมเกียรติ กล่าวอีกว่า ต่อมาอีกเพียง 1 เดือน คมช.เข้ามายึดอำนาจ รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ จึงหมดอำนาจลง
เรื่องบ่อแก๊ส แต่หลังการเลือกตั้ง พรรคพลังประชาชนได้รับเสียงข้างมาก ทำให้ระบอบทักษิณ ฟื้นคืนชีพ จนกระทั่งวันที่
22 ก.พ.51 นายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศ ได้ทำการหารือ 2 ฝ่าย หรือทวิภาค คือ กฎหมายระหว่างประเทศไทย
กับประเทศกัมพูชา โดยมีนายวีระชัย พลาศัย อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมายระหว่างประเทศ เป็นผู้ดูแล จากนั้นวันที่
3-4 มี.ค.51 นายสมัคร สุนทรเวช นายกฯ ได้เยือนประเทศกัมพูชา โดยระบุว่าจะช่วยทำถนนสาย 68 วงเงิน 1,400 ล้านบาท
จากช่องจอมสุรินทร์ไปเสียมเรียบ และทำถนนสาย 48 จากเกาะกงไปสะแลอามเปิน จากนั้นกัมพูชาก็จะอนุมัติให้มีการ
สร้างโรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหินที่เกาะกง มูลค่า 1 แสนล้าน แล้วจะเอาไฟฟ้ามาขายให้กับประเทศไทย เพราะเมืองไทย
ต่อต้านการสร้างโรงไฟฟ้า
“พอนายสมัครทำงานได้ผลกลับมา วันที่ 5-6 เม.ย.51 พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ไปตีกอล์ฟกับฮุนเซน ที่ประเทศกัมพูชา
แล้ว พ.ต.ท.ทักษิณ ก็สถาปนาตัวว่าเป็นตัวแทนกลุ่มนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก มาเจรจาขอเช่าเกาะกง 99 ปี
เพื่อพัฒนาเป็นเมืองท่องเที่ยวแห่งใหม่ ซึ่งจะใช้เงินถึง 4 หมื่นล้านบาท เพื่อจะให้เทียบเท่ากับฮ่องกง หรือมาเก๊า
หลังจากนั้นเพียง 1 วัน เพราะในวันที่ 8 เม.ย.51 รัฐบาลสมัคร ได้สั่งย้ายเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาตินอกฤดูกาล
โดยตั้ง พล.ท.สุรพล ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมรุ่นกับ พ.ต.ท.ทักษิณ” นายสมเกียตริ ระบุ
แกนนำพันธมิตรฯ เปิดเผยอีกว่า จากนั้นอีกเพียง 2 วัน คือวันที่ 11 เม.ย.51 รัฐบาลได้สั่งปลดอธิบดีกรมสัญญา
และกฎหมาย เนื่องจากไปเชิญเอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทยมาประท้วง เนื่องจากชาวกัมพูชาบุกรุกดเข้ามา
สร้างบ้าน และร้านค้ากว่า 500 หลังคาเรือน แล้วก็บอกว่าเป็นการละเมิดข้อตกลง จนกระทั่งในวันที่ 6 พ.ค.51 รัฐบาล
ได้ตั้งนายกฤษ ไกรจิตติ ขึ้นเป็นอธิบดีกรมสัญญาฯ ทำให้กัมพูชาออกมาแถลงข่าวว่าทหารกัมพูชาไม่เคยรุกล้ำเข้ามา
ในดินแดนไทยใกล้ เขาพระวิหาร
“ต่อมาอีกเพียง 1 วัน นายทหารชั้นผู้ใหญ่เห็นว่า มีการสร้างหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่เป็นเท็จ เพื่อสร้างประโยชน์
ให้กับฝ่ายกัมพูชา ดังนั้นฝ่ายทหารไทยจึงเห็นว่า
1.รัฐบาลควรประท้วงกัมพูชาอย่างเป็นทางการ
2.ให้ประณามการกระทำของกัมพูชา
3.รัฐบาลต้องให้ความสำคัญเร่งด่วนเป็นวาระแห่งชาติ
ซึ่งเมื่อทหารออกโรงตอบโต้ ทำให้ทางฝ่ายกัมพูชาเสียงอ่อย โดย รมว.พาณิชย์ ออกมาระบุว่า ประเทศไทยเป็นฝ่าย
ที่พยายามโยงเอง กรณีพื้นที่ทับซ้อนบริเวณเขาพระวิหารกับผลประโยชน์ทางทะเลในอ่าวไทยขึ้น เจรจากับกัมพูชา
โดยฝ่ายกัมพูชาไม่เห็นด้วย นั่นหมายความว่านายนพดล และนายสมัคร วางแผนเพื่อที่จะใช้ผลประโยชน์ทางทะเล
เพราะเมื่อวันที่ 5-6 เม.ย.นั้น พ.ต.ท.ทักษิณ บินไปตีกอล์ฟกับฮุนเซน” นายสมเกียตริ กล่าว
นายสมเกียรติ ยังเปิดเผยอีกว่า หนังสือพิมพ์เดอะเนชั่น อ้างแหล่งข่าวทางทหาร เปิดเผยว่า ความพยายามของ
ประเทศไทยที่จะสกัดกั้นการเสนอชื่อเขาพระวิหารขึ้นเป็นมรดกโลก นั้น อาจล้มเหลว เนื่องจากประเทศกัมพูชาได้ทำการ
ล็อบบี้เสียงสนับสนุนจากประเทศมหาอำนาจได้ ถึง 21 ประเทศเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเท่ากับไทยแพ้ เพราะ รมว.ต่างประเทศ
ขายแผ่นดิน ต่อมา 9 พ.ค.51 หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ ซึ่งเดิมทีอยู่ฝ่าย พ.ต.ท.ทักษิณ ทนไม่ได้ ออกมาเปิดเผยว่า
กำลังจับตาการเคลื่อนไหวของอดีตนักการเมืองคนสำคัญของประเทศไทย ที่ร่วมมือกับนักธุรกิจต่างชาติ ขอสัมปทาน
เข้าไปสำรวจแหล่งพลังงานในบริเวณรอยต่อของไทยกับกัมพูชา เพื่อลงทุนด้านพลังงานในพื้นที่ที่มีผลประโยชน์ทับซ้อน
ทางทะเลระหว่าง 2 ประเทศ
“และหลังจากที่ทหารไทยออกโรง นายนพดลได้ออกมาสั่งให้ทหารไทยกว่า 2 แสนนาย ให้หุบปาก อีก 4 วันต่อมา
คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้คำแถลงการณ์ร่วมสนับสนุนประเทศกัมพูชาให้ขึ้นทะเบียน เขาพระวิหารเป็นมรดกโลกแต่เพียงฝ่ายเดียว
นั่นหมายถึงความเสียหายของชาติ ดังนั้นจะเห็นว่ามีการวางแผนมาตั้งแต่ปี 2548 จนกระทั่งถึงปี 2551 นี่คือการปล้นชาติ
ขายแผ่นดิน แต่คนเหล่านั้นกลับเนรคุณแผ่นดิน” นายสมเกียรติ ระบุ