ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
29-03-2024, 19:30
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  ชายคาพักใจ  |  คนบ้าผู้กล้าเปลี่ยน เรื่อง : ว.วชิรเมธี 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
คนบ้าผู้กล้าเปลี่ยน เรื่อง : ว.วชิรเมธี  (อ่าน 1865 ครั้ง)
นักปฏิวัติ
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 330



« เมื่อ: 08-07-2008, 22:57 »

คนบ้าผู้กล้าเปลี่ยน
เรื่อง : ว.วชิรเมธี


เชื่อหรือไม่ว่า ที่โลกของเราก้าวหน้ามาถึงทุกวันนี้ได้ก็เพราะอาศัย “คนบ้า” เสียเป็นส่วนใหญ่ คนปกติ มีส่วนทำให้โลกพัฒนาอยู่บ้าง แต่เมื่อเทียบอัตราส่วนแล้ว ดูจะน้อยกว่าคนบ้า ในอินเดียสมัยโบราณ คนยุคนั้นมีความคิดกันว่า ทางที่จะทำให้บรรลุสู่ความดับทุกข์มีเพียงสองทาง หนึ่ง คือ ทางทรมานตน (ทุนิยม) และสองคือทางตามใจตน (สุขนิยม) ต่อมาเจ้าชายสิทธัตถะ ทรง “บ้า” กว่าคนในยุคนั้น คิดไม่เหมือนใครว่า ต้องมีทางสายอื่นที่ดีกว่าสองทางนี้อย่างแน่นอน แล้วก็ทรงแสวงหาทางเลือกใหม่ตามตรรกะที่ทรงตั้งสมมติฐานไว้ ทรงบ้าอยู่ได้ตั้ง 6 ปี ผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ถึงกระนั้นก็ไม่ทรงล้มเลิก
 
ใครบางคนเคยกล่าวว่า “ไม่มีใครล้มเหลว หากเขาไม่ยอมล้มเลิก”
คำกล่าวนี้ นับว่าใช้ได้กับกรณีของเจ้าชายสิทธัตถะ เพราะหลังจากทรงบ้าทดลองแสวงหาทางดับทุกข์มาทุกวิถีทางกินเวลากว่า 6 ปี ในที่สุดก็ทรงสมปรารถนา ทรงค้นพบมรรคาแห่งความสำเร็จในคืนวันเพ็ญเดือนวิสาขะ นับแต่นั้น พระองค์ทรงเปลี่ยนสถานภาพเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
โลกยังคงจัดงานเฉลิมฉลองวันแห่งความสำเร็จของพระองค์มาจนถึงทุกวันนี้
.........
หลังจากผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดังนาม “อั้งลี่” สำเร็จการศึกษาจากมหานครนิวยอร์กแล้ว เขามีความฝันว่า สักวันหนึ่ง โลกจะต้องจดจำเขาในฐานะผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อก้องให้จงได้ แต่จนแล้วจดรอด ฝันของเขาก็ไม่เคยเป็นจริง แทนที่สำเร็จการศึกษากลับมาแล้ว อั้งลี่ จะได้เป็นผู้กำกับสมใจ เขากลับกลายเป็นพ่อครัวอยู่ในร้านอาหาร เขาช่วยภรรยาทำกับข้าวอยู่ในร้านอาหาร จนภรรยาเริ่มเซ็ง และถามว่า “เมื่อไหร่ คุณจะได้เป็นผู้กำกับเสียที”

ในขณะที่คนรอบข้างมองไม่เห็นว่า อั้งลี่ จะเป็นผู้กำกับหนังได้อย่างไรนั้น ตัวเขากลับคิดอีกอย่างหนึ่ง
เขาคิดว่า ความสำเร็จต้องเป็นของเขาแน่นอน เพียงแต่ว่า ในการเดินทางมาหาเขานั้น ความสำเร็จต้องใช้เวลาทำวีซ่านานหน่อยก็แค่นั้น

เมื่อได้ตั้งปณิธานบ้าๆ ว่า ผู้กำกับเอเชียจะโกอินเตอร์ให้ได้แล้ว อั้งลี่ ไม่เคยอยู่เงียบๆ เขาซุ่มเขียนบทภาพยนตร์มากมาย และเพียรส่งให้กูรูด้านภาพยนตร์ทั่วโลกพิจารณา และในที่สุด หลังการรอคอยอันยาวนานถึง 6 ปีเต็ม โอกาสก็เดินทางมาถึงเขา และไม่นานหลังจากนั้น วีซ่าแห่งความสำเร็จก็ได้รับการอนุมัติอย่างเป็นทางการ เขากลายเป็นผู้กำกับภาพยนตร์จากเอเชียที่บุกตะลุยไปถึงรางวัลออสการ์อันทรงเกียรติเป็นผลสำเร็จเป็นคนแรก จากผลงาน “หุบเขาเร้นรัก” หรือ Brokeback Mountain นับแต่นั้นเป็นต้นมา อั้งลี่ ไม่ใช่พ่อครัวปรุงอาหารกายอีกต่อไป แต่เขากลายเป็นพ่อครัวผู้ปรุงอาหารใจหล่อเลี้ยงคนทั้งโลก

ใครบางคนเคยกล่าวว่า “สำหรับผู้รู้จักอดทนและรอคอยอย่างใจเย็น ความสำเร็จต้องเป็นของเขาไม่เร็วก็ช้า”
คำกล่าวนี้ นับว่าใช้ได้สำหรับกรณีของอั้งลี่
.........
นานหลายร้อยปีมาแล้ว มีนักเดินเรือคนหนึ่ง เกิดมีความคิดบ้าๆ อยากรู้ว่า โลกกลมหรือโลกแบนอย่างที่เขาเล่าลือกันหรือไม่ เขาเริ่มท้าทายแนวคิดที่ว่าโลกกลม จนถูกสังคมต่อต้าน ระหว่างหาทางพิสูจน์ทฤษฎี เขาหายไปจากสังคมนานกว่า 4 ปี แล้วต่อมาเขาก็กลับมามีตัวตนอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้ เขาไปหาพระเจ้าแผ่นดินของสเปน ขอรับพระบรมราชูปถัมภ์ เพื่อไปค้นหาโลกใหม่ที่ปลายสุดของมหาสมุทร แต่จริงๆ เขาต้องการทราบว่า โลกกลมหรือแบน ด้วยลูกบ้าที่กล้าคิดและทำแหกคอกไม่เหมือนใคร ในที่สุดชายคนนี้ก็ค้นพบทวีปอเมริกา
แต่กว่าจะค้นพบ เขาต้องฝ่าฟันอุปสรรคนับไม่ถ้วน วันหนึ่งระหว่างเรือแล่นไปกลางมหาสมุทร ลูกเรืออยากกลับบ้าน จึงพากันฟันเสากระโดงเรือ แต่เขาก็ไม่เลิกบ้า สั่งให้ซ่อม แล้วเดินทางต่อ อีกครั้งหนึ่งลูกเรือลุกขึ้นประท้วง เจาะเรือจนรั่ว เพื่อหาเหตุขอให้เขาพากลับบ้านเกิด นักเดินเรือบ้าคนนั้นใช้กุศโลบายหมุนเข็มทิศเปลี่ยนทิศทางพลางบอกลูกน้องว่า เรากำลังบ่ายหน้ากลับบ้าน แต่แท้ที่จริงเรือยังคงมุ่งไปข้างหน้า เมื่อบ้าจนได้ที่แล้ว วันหนึ่ง คณะของนักสำรวจเลือดบ้าคนนี้ ก็ค้นพบทวีปใหม่ ซึ่งต่อมาก็คือ สหรัฐอเมริกา และนั่นจึงทำให้เขาได้รับเกียรติ นำเอาชื่อของเขามาเป็นชื่อของเมืองหลวงกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. (ดี.ซี.มาจาก District of Columbus )

ใครบางคนเคยกล่าวไว้ว่า “จุดหมายคือเป้านิ่ง นักเดินทาง คือ ผู้เคลื่อนไหว เมื่อจุดหมายอยู่ที่เดิมตลอด หากเราเดินเพียงวันละก้าว ไม่เร็วก็ช้า ต้องบรรลุจุดหมาย” คำกล่าวนี้ นับว่า ใช้ได้กับกรณีของโคลัมบัส
.........
เชื่อหรือไม่ว่า โลกของเราก้าวหน้ามาถึงทุกวันนี้ก็เพราะอาศัย “คนบ้า” เสียเป็นส่วนใหญ่ ผลแห่งการบ้าคิดนอกกรอบของเจ้าชายสิทธัตถะ ทำให้โลกเกิดศาสนาใหม่ ทำให้อารยธรรมของมนุษย์เปลี่ยนโฉมหน้าไปอย่างสิ้นเชิง
ผลแห่งการบ้าของคนอย่างโคลัมบัส ทำให้เกิดประเทศใหม่อย่างสหรัฐอเมริกา
ผลแห่งการบ้าของอั้งลี่ ทำให้คนเอเชียก้าวขึ้นสู่ยุคทองของโลกภาพยนตร์ในตะวันตก
คนบ้าๆ นี่แหละที่เปลี่ยนแปลงโลก คนนิ่งๆ คนเชื่องๆ คนเงียบๆ คนหงอๆ คนประเภท “เห็นด้วยนะ แต่ไม่แสดงออกหรอก” ยากมากที่จะก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในทางสร้างสรรค์

สังคมไทยกำลังต้องการคนบ้าอย่างเร่งด่วน เราต้องการนักการเมืองบ้าๆ ที่กล้าลุกขึ้นมาประกาศว่า จะเล่นการเมืองโดยไม่โกง เราต้องการทหารบ้าๆ ที่กล้าประกาศว่า จะไม่ย้อนกลับไปปฏิวัติ เราต้องการตำรวจบ้าๆ ที่กล้าประกาศว่า จะไม่รับส่วย เราต้องการพระบ้าๆ ที่กล้าประกาศว่า จะไม่พาคนโง่ลงกว่าเดิม เราต้องการคนไทย ที่กล้าลุกขึ้นมาประกาศว่า บ้านเมืองก็ของเรา และเราทุกคนต้องมีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์การเมืองใหม่ และเราต้องการคนไทยบ้าๆ ที่กล้าประกาศว่า นักการเมืองที่ฉ้อราษฎร์บังหลวง ไม่ควรมี ที่อยู่ ที่ยืน บนผืนแผ่นดินไทยอันเป็นที่รักยิ่งของเรา
หากเราไม่ลุกขึ้นมาบ้า เราก็คงจะต้องเป็นยายแก่ตาแก่ขี้บ่นกันไปอย่างนี้ชั่วนาตาปีทั้งประเทศ แล้วก็ปล่อยให้คนด้อยคุณภาพทั้งหลาย บริหารจัดการประเทศกันไปอย่างไร้ทิศทาง และมองไม่เห็นอนาคต


http://www.posttoday.com/newsdet.php?sec=magazine&id=248517


ท่าน ว.ก็สนับสนุนพันธมิตรนะ  
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-07-2008, 02:19 โดย นักปฏิวัติ » บันทึกการเข้า

"สุดยอดกลยุทธ์ คือชนะโดยไม่ต้องรบ" ซุนวู

"ผู้นำชั้นเลิศนั้น เพียงแต่เป็นที่รับรู้ว่ามีตัวตนอยู่
ชั้นรองลงมา เป็นที่รักและสรรเสริญ
ชั้นรองกว่านั้น เป็นที่เกรงกลัวและเกลียดชัง" เหล่าจื๊อ เต้าเต๋อจิง
หน้า: [1]
    กระโดดไป: