ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
24-04-2024, 03:04
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  คุณปู่ลูก “ขุนชัย” คนเฝ้าปราสาทพระวิหารเศร้า! ยุคขายชาติตกเป็นมรดกโลก “กัมพูชา” 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
คุณปู่ลูก “ขุนชัย” คนเฝ้าปราสาทพระวิหารเศร้า! ยุคขายชาติตกเป็นมรดกโลก “กัมพูชา”  (อ่าน 1233 ครั้ง)
มารุจัง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,761


@^____^@


« เมื่อ: 08-07-2008, 16:54 »

ศรีสะเกษ- คุณปู่ “วินัย” วัย 74 ปี ลูกชาย “ขุนชัย” ปลัดขวาผู้ได้รับมอบหมายเฝ้า “ปราสาทพระวิหาร” เศร้า!

ยูเนสโกมีมติขึ้นทะเบียนยกเป็นมรดกโลกของกัมพูชาแต่เพียงฝ่ายเดียว ย้ำแม้เป็นมรดกโลกรัฐบาลไทยต้องผลักดันชาวกัมพูชาออกไปจากเขตแดนไทยที่เชิงเขาพระวิหารให้จงได้ พร้อมเปิดอกช้ำอย่างแสนสาหัสกับความสูญเสียอันยิ่งใหญ่ของชาติไทยจากคำพิพากษาศาลโลก 15 มิ.ย. 2505 สู่ปี 2551 ยุครัฐบาลหุ่นเชิด “ขายชาติ” ครองเมือง
       
       วันนี้ (8 ก.ค.) นายวินัย ไชยยะเดชะ อายุ 74 ปี บ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ลูกชายของ “ขุนชัย ชโนปกิตต์” ปลัดขวาอำเภอน้ำอ้อม จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งเป็นตำแหน่งข้าราชการชั้นผู้ใหญ่สมัยก่อน และเป็น “ปลัดขวา” ผู้ได้รับมอบหมายให้ไปเฝ้าดูแลปราสาทพระวิหารในช่วงปี 2484-2500 เปิดเผยว่า การที่มีข่าวองค์การยูเนสโกมีมติเห็นชอบให้ขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกตามขอประเทศกัมพูชาแต่เพียงฝ่ายเดียวนั้น หากเป็นความจริงตนรู้สึกเสียใจมาก
       
       ทั้งนี้ เนื่องจากตนและประชาชนชาว อ.กันทรลักษ์ รวมทั้งชาวศรีสะเกษทุกคนมีความผูกพันกับปราสาทพระวิหารแห่งนี้มาช้านาน ตั้งแต่ยังเป็นเด็กตนขึ้นไปวิ่งเล่นอยู่บนปราสาทพระวิหารแทบทุกวัน ฝ่ายกัมพูชาไม่เคยแสดงตัวเป็นเจ้าของ และไม่ได้เข้ามายึดครองในเขตปราสาทพระวิหารแต่อย่างใด มีเพียงนักท่องเที่ยวชาวไทยเท่านั้นที่เข้าไปเที่ยวชมปราสาทพระวิหาร โดยจะต้องนั่งเกวียนเดินทางเข้าไป ซึ่งใช้เวลานานหลายวันทีเดียวกว่าจะเข้าไปถึงเชิงเขาพระวิหารและขึ้นไปยังตัวปราสาทพระวิหาร
       
       นายวินัย กล่าวต่อว่า หากไทยต้องสูญเสียปราสาทพระวิหารให้เป็นมรดกโลกของกัมพูชา แต่เพียงฝ่ายเดียว นับว่าเป็นความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่มากของไทย กับการต้องมาพ่ายแพ้แก่ประเทศเล็กๆ อย่างกัมพูชาอีกครั้งหนึ่งในยุคสมัยนี้ หลังจากที่ไทยแพ้คดีในศาลโลกมาแล้วในวันที่ 15 มิถุนายน ปี 2505 ทั้งที่ปัจจุบันประเทศเราเต็มไปด้วยผู้คนที่มีความรู้ความสามารถ ขณะที่กัมพูชาวันนี้ยังคงเป็นประเทศ ที่ต้องพึ่งพาอาศัยความช่วยเหลือจากไทยอยู่ในหลายเรื่องแทบทุกด้าน
       
       “อย่างไรก็ตาม มาถึงวันนี้แม้ว่าปราสาทพระวิหารจะเป็นมรดกโลกของกัมพูชาแต่เพียงฝ่ายเดียวก็ตาม ก็ขอให้รัฐบาลไทยได้ดำเนินการผลักดันชาวกัมพูชาที่เข้ามาตั้งชุมชน ร้านค้าอาศัยอยู่ที่เชิงเขาพระวิหารซึ่งเป็นเขตแดนไทยให้ออกไปจากแผ่นดินไทยโดยเร็วที่สุด เพราะหากปล่อยให้ชาวกัมพูชาอยู่บริเวณนี้ต่อไป แผ่นดินไทยบริเวณเชิงเขาพระวิหารก็จะตกเป็นของกัมพูชาอีกอย่างแน่นอน และคนไทยก็จะพบกับความเจ็บช้ำอย่างไม่มีวันจบสิ้น” นายวินัย กล่าว
       
       เปิดอกช้ำคุณปู่ลูกปลัดขวา “ขุนชัย”
       คนเฝ้ามรดกไทย “ปราสาทพระวิหาร”
       
       นายวินัย ไชยยะเดชะ วัย 74 ปี ลูกชาย ขุนชัย ชโนปกิตต์ ปลัดขวา อ.น้ำอ้อม จ.ศรีสะเกษ ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ผู้ได้รับมอบหมายให้เฝ้าดูแลปราสาทเขาพระวิหาร ห้วงปี 2484-2500 บอกเล่ากับผู้สื่อข่าวอีกว่า สมัยก่อนนั้นเขาพระวิหารรกร้างเต็มไปด้วยสิงสาราสัตว์ และมีป่ารกทึบจำนวนมาก ซึ่งบนปราสาทพระวิหารยังไม่มีผู้ใดขึ้นไปแสดงตัวเป็นเจ้าของ มีเพียงกำลังทหารของไทยที่เฝ้ารักษาการณ์อยู่บริเวณเขาพระวิหารเท่านั้น
       
       นอกจากนี้ เพื่อเป็นการแสดงอธิปไตยไทยบนปราสาทพระวิหาร ได้มีการก่อสร้างฐานตั้งเสาธงชาติไทยอยู่ที่บริเวณ “เป้ยตาดี” ซึ่งเป็นจุดสูงที่สุดของประสาทพระวิหาร โดยธงชาติไทยได้โบกสะบัดอยู่บนเป้ยตาดีมานานหลายปี
       
       ต่อมาประมาณปี 2488 ได้มีชาวไทยที่ทราบข่าวพากันนั่งเกวียนลุยป่าขึ้นไปเที่ยวชมความสวยงามของปราสาทพระวิหารกันอย่างไม่ขาดสาย โดยทางราชการได้ส่ง “ขุนชัย” ซึ่งเป็นพ่อของตนให้ไปเฝ้ารักษาปราสาทพระวิหาร และต่อมาพ่อได้เกษียณอายุราชการ จึงได้มอบหมายให้ “ขุนศรี” ซึ่งเป็นกำนันบ้านผือ เป็นผู้เฝ้าดูแลปราสาทเขาพระวิหาร ต่อไป
       
       โดยมีที่พักอยู่ที่ถ้ำใต้ทางขึ้นปราสาทพระวิหาร ซึ่งเมื่อนักท่องเที่ยวเดินขึ้นไปชมปราสาทพระวิหารก็จะพากันแวะพักที่ “ถ้ำขุนศรี” ซึ่งเป็นสถานที่กว้างขวาง สามารถหลบแดดหลบฝนได้เป็นอย่างดี
       
       คุณปู่วินัย เล่าต่อว่า ขณะนั้นตนขึ้นไปวิ่งเล่นบนปราสาทเขาพระวิหารเป็นประจำแทบทุกวัน จนกระทั่งต่อมาปี 2502 สมเด็จสีหนุ กัมพูชา ได้ยื่นฟ้องต่อศาลโลก เพื่อขอมีอธิปไตยเหนือปราสาทพระวิหาร ซึ่งตามความเป็นจริงแล้วบริเวณปราสาทพระวิหารไม่เคยมีฝ่ายเขมรเข้ามาครอบครองดูแลแต่อย่างใด มีเพียงคนไทยเท่านั้นที่เข้าไปช่วยกันแผ้วถางดูแล
       
       อย่างเช่น นายสนอง ห้วยจันทร์ ประธานประชาคมอำเภอกันทรลักษ์ ในขณะนี้ เมื่อสมัยยังหนุ่มแน่นได้นำเจ้าหน้าที่จากกรมศิลปากร เข้าไปตรวจสอบดูแลปราสาทเขาพระวิหารด้วย ทำให้ชาวไทยทุกคนมีความรู้สึกตรงกันว่า ปราสาทพระวิหารคือดินแดนและมรดกของไทย มาโดยตลอด แต่เนื่องจากขณะนั้นการต่อสู้ระหว่างลัทธิคอมมิวนิสต์กับโลกเสรีกำลังรุนแรง และพวก “ฝรั่ง” กลัวว่า เขมรจะถูกฝ่ายคอมมิวนิสต์ครอบงำ จึงได้รวมหัวกันหนุนเขมรให้มีสิทธิ์เหนือปราสาทพระวิหาร จนกระทั่งศาลโลกได้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2505 ให้เขมรมีอธิปไตยเหนือปราสาทเขาพระวิหาร
       
       “ทำให้พวกเราชาวไทยขณะนั้นมีความรู้สึกเศร้าเสียใจเป็นอย่างมาก เพราะเห็นว่าประเทศไทยไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการพิพากษาของศาลโลก”
       
       อย่างไรก็ตาม แม้ว่าศาลโลกจะตัดสินให้ซากประสาทพระวิหารเป็นของกัมพูชา แต่ความรู้สึกของเราชาวไทยทั้งชาติก็ยังคงมีความรู้สึกว่า ปราสาทพระวิหารยังคงเป็นของคนไทยตลอดมา
       
       “การที่กัมพูชาขอขึ้นทะเบียนปราสาทเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก ประเทศไทยควรมีส่วนร่วมในเรื่องนี้อย่างเต็มที่ แต่รัฐบาลไทยกลับไม่ทำเช่นนั้น ทำให้พวกเราชาวศรีสะเกษและชาวไทยทั่วประเทศต้องมาเจ็บช้ำอย่างแสนสาหัสอีกครั้งในวันนี้ กับความสูญเสียเป็นครั้งที่ 2 และคงไม่มีวันทวงคืนได้อีกแล้ว” คุณปู่วินัยกล่าวในตอนท้ายด้วยน้ำเสียงอันสั่นเครือ และสุดที่จะกลั้นน้ำตาไว้ได้
บันทึกการเข้า


ประชาธิปไตย มิได้จบอยู่แค่การเลือกตั้ง
ปล.รูปจากเวบ ผจก.
มารุจัง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,761


@^____^@


« ตอบ #1 เมื่อ: 08-07-2008, 16:55 »

นายวินัย ไชยยะเดชะ วัย 74 ปี ลูกชาย “ขุนชัย ชโนปกิตต์” ผู้ได้รับมอบหมายเฝ้าประสาทพระวิหาร ช่วงปี 2484 -2500



ฐานที่ตั้งเสาธงชาติไทย เคยโบกสะพัดอยู่บริเวณเปยตาดี จุดสูงสุดปราสาทพระวิหาร





มีรูปอีกหน่อยที่ http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9510000080186 ค่ะ
บันทึกการเข้า


ประชาธิปไตย มิได้จบอยู่แค่การเลือกตั้ง
ปล.รูปจากเวบ ผจก.
นิรนาม
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 554



« ตอบ #2 เมื่อ: 08-07-2008, 17:08 »

เคยโพสต์ไว้ที่ "บันทึกด้วยน้ำตา ๑๘ มิถุนายนฯ"

หลังจากที่ศาลโลกมีคำพิพากษาเมื่อ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๐๕ "ซากปราสาทพระวิหาร"ตกเป็นของกัมพูชา


"ขุนชัย ชโนปกิตต์" ตำแหน่งปลัดขวา อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ (ขณะนั้นเรียกอำเภอน้ำอ้อม) ได้รับคำสั่งจากผู้หลักผู้ใหญ่ใน กทม. ให้นำราษฎรในพื้นที่ไปทำการปักปันแนวเขตบนเขาพระวิหาร โดยใช้หลักไม้แก่นที่หาได้มาทำเป็นเสาและใช้ลวดหนามขึงกั้นตลอดแนว ทั้งนี้ทำแนวรั้วกั้นเฉพาะด้านขวามือของปราสาทพระวิหาร หรือด้านทิศตก(หันหน้าขึ้นเขา)ห่างจากตัวปราสาทหลังที่ ๑ ถึง ๔ ประมาณ ๒๐ เมตร

แนวรั้วที่เป็นเส้นกั้นเขตแดนด้านหน้าปราสาทอยู่บริเวณเชิงลานนาคราช คือ บนบันไดขั้นที่ ๑๖๓ รวมพื้นที่ประมาณ ๑๕๐ ไร่

ดังนั้นนับจากบันไดขั้นที่ ๑๖๒ ลงมาจนถึงเชิงเขาจึงเป็นของไทยทั้งหมด ประตูนี้มีตั้งแต่ปี ๒๕๐๕ เป็นต้นมาจนถึงปี ๒๕๔๒ เมื่อมีการเปิดเขาพระวิหารเป็นแหล่งท่องเที่ยวร่วมระหว่างไทย - กัมพูชา ฝ่ายกัมพูชาได้รื้อถอนรั้วออกแล้วนำลงมาไว้ที่เชิงเขาใกล้กับบันไดทางขั้นที่ ๑ แล้วก็นำเอาราษฎรชาวกัมพูชาที่เดิมเคยอยู่บริเวณปราสาทหลังที่ ๒ ลงมาสร้างชุมชนในบริเวณใกล้เคียงกันด้วย


-------------

เรื่องการปักปันแนวเขตปราสาทพระวิหารหลังคำพิพากษาของศาลโลก ปัจจุบันคนที่ไปช่วยทำและยังมีชีวิตอยู่ คือ นายวินัย หรือเก๋ ไชยะเดชะ อายุ ๗๖ ปี อดีตสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วน จ.ศรีสะเกษ ลูกชายขุนชัยฯ หลายวันก่อนเห็น NBT ไปสัมภาษณ์ ระหว่างที่ลุงเก๋กำลังจะชี้จุดที่ตั้งของประตูเก่า แม่ก็เล่นตัดภาพข่าวทิ้งไปดื้อ ๆ
บันทึกการเข้า

"คืนที่ดำทะมึนมืดสนิท ยังรอแสงอาทิตย์ส่องสว่าง มีที่ไหนถูกปิดทุกทิศทาง เพียงม่านควันหมอกบางมันพรางตา"ถ้อยวลีของ..ประเสริฐ  จันดำ
ถ้อยวลี - จาก; "บันทึกจากกองร้อย ทหารปลดแอก" โดย..เสกสรรค์ ประเสริฐกุล
      นักรบจรยุทธอย่างพวกเราไม่รู้ว่าบ้านของตัวเองอยู่ที่ไหน รู้แต่ว่าเรามีปิตุภูมิเป็นของพวกเรา ทุกหนทุกแห่งที่เราล้มตัวลงนอนที่นั่นก็คือบ้าน
“บ้านของเราก็คือประเทศชาติ พ่อแม่ของเราก็คือประชาชน และเราจะไปทุกหนทุกแห่งเพื่อจัดการกับเจ้าคนที่มันเหยียบย่ำบ้านกับพ่อแม่ของเรา”
มารุจัง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,761


@^____^@


« ตอบ #3 เมื่อ: 08-07-2008, 17:13 »

ขืนปล่อยให้แกไปชี้จุด
วันนี้ก็ไม่สำเร็จสิคะ
พวกนี้ก็ช่วยกันปกปิด ช่วยกันขายชาติ
บันทึกการเข้า


ประชาธิปไตย มิได้จบอยู่แค่การเลือกตั้ง
ปล.รูปจากเวบ ผจก.
นิรนาม
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 554



« ตอบ #4 เมื่อ: 08-07-2008, 17:31 »

ขืนปล่อยให้แกไปชี้จุด
วันนี้ก็ไม่สำเร็จสิคะ
พวกนี้ก็ช่วยกันปกปิด ช่วยกันขายชาติ


เออ..ใช่จริง ๆ ด้วยซิ เพราะถ้าวันนั้น "ลุงเก๋" ไปชี้จุดบอก "ตรงนี้แหละประตูทางขึ้นที่ลุงกับคุณพ่อและเพื่อนบ้านมาทำไว้ตอนปี ๒๕๐๕" แล้ว NBT เอาไปออกอากาศ มีหวังนายนพดลไข้รับประทาน หงายหลังตกเก้าอี้ ตั้งแต่ตอนนั้นไปแล้ว
บันทึกการเข้า

"คืนที่ดำทะมึนมืดสนิท ยังรอแสงอาทิตย์ส่องสว่าง มีที่ไหนถูกปิดทุกทิศทาง เพียงม่านควันหมอกบางมันพรางตา"ถ้อยวลีของ..ประเสริฐ  จันดำ
ถ้อยวลี - จาก; "บันทึกจากกองร้อย ทหารปลดแอก" โดย..เสกสรรค์ ประเสริฐกุล
      นักรบจรยุทธอย่างพวกเราไม่รู้ว่าบ้านของตัวเองอยู่ที่ไหน รู้แต่ว่าเรามีปิตุภูมิเป็นของพวกเรา ทุกหนทุกแห่งที่เราล้มตัวลงนอนที่นั่นก็คือบ้าน
“บ้านของเราก็คือประเทศชาติ พ่อแม่ของเราก็คือประชาชน และเราจะไปทุกหนทุกแห่งเพื่อจัดการกับเจ้าคนที่มันเหยียบย่ำบ้านกับพ่อแม่ของเรา”
almondflavor
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 320



« ตอบ #5 เมื่อ: 08-07-2008, 17:51 »

...อ่าน แล้ว เศร้า จัง...

เวร กรรม อะไร ของ แผ่นดินนี้ หนอ...   
บันทึกการเข้า
ริวเซย์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4,637


Worrior in The Blue Armor


เว็บไซต์
« ตอบ #6 เมื่อ: 08-07-2008, 20:08 »

ตอนนี้ได้แต่เสียใจที่สกัดไอ้พวกขายชาติไม่สำเร็จ

จากนี้ไปเป็นการชำระบัญชีแค้น

ใครที่ว่างไปรับไอ้เหล่ที่สุวรรณภูมิขอเชิญเลยนะครับ

ไปรับให้สาสมกับที่มันขายชาติหน่อย
บันทึกการเข้า

ถ้ามีแฟนแบบนี้เอาไหมครับ^^


KILL...ER
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 330



« ตอบ #7 เมื่อ: 08-07-2008, 20:14 »

รีบทำข้อมูลเสนอ กก.มรดกโลกกันจ้าละหวั่น เดี๋ยวตกรถไฟ !!!!
บันทึกการเข้า

จงภาคภูมิใจในความเป็นไพร่กระฎุมพี
หน้า: [1]
    กระโดดไป: