ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
25-04-2024, 20:54
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  .ขออนุญาติวิเคราะห์สรุปประเด็นการเมืองร้อนๆ สั๊กนิด( คิดเหมือนคิดต่างว่ามาได้นะ 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
.ขออนุญาติวิเคราะห์สรุปประเด็นการเมืองร้อนๆ สั๊กนิด( คิดเหมือนคิดต่างว่ามาได้นะ  (อ่าน 1860 ครั้ง)
รวงข้าวล้อลม
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,103



เว็บไซต์
« เมื่อ: 08-07-2008, 11:55 »

.....สวัสดีค่ะ เพื่อนชาวไร้พรมแดนทุกท่าน ขอออกตัวก่อนสั๊กนิดนะคะว่า... เจ้าของกระทู้คือ ประชาชนคนไทย เป็นชาวบ้านธรรมดาคนหนึ่ง มิได้เป็นสื่อสารมวลชนมาจากที่ใดเลย ตั้งใจที่จะเขียนกระทู้นี้ ... ทุกคนสามารถเป็นนักข่าวได้ ...ก็อดที่จะวิพากษ์ วิเคราะห์ข่าว ตามประสาประชาชนคนธรรมดาไม่ได้ เมื่อมีโอกาส เวลาเอื้อให้ มีพื้นที่ที่จะสื่อสารถึงกัน แม้เราจะไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงกัน แต่อักษรสามารถผ่านตากันได้ ใช่มั๊ยคะ... เอาหัวใจใส่ในอักษร เราก็สามารถนำมาแลกมาแชร์กันได้ การเมืองเป็นเรื่องที่ไม่เครียด ไม่ปวดหัวหรอกค่ะ ถ้าเราไม่เลือกข้าง ไม่ยึดติดพวกใครพวกมัน และในทางตรงกันข้าม เป็นเรื่องที่น่าสนุก น่าคุย น่าแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เสียอีก... เป็นที่น่าเสียดายอย่างยิ่ง ค่ะ เมื่อหลายปีมาแล้ว ได้มีโอกาสสื่อความคิดกันอย่างนี้ที่ บอร์ดราชดำเนิน ของเวบ พันธ์ทิพ ได้โต้ได้แลกได้แชร์กันอย่างสนุกสนาน แต่มาวันนี้ บอร์ดเปลี่ยนไป คงไม่ต้องพูดถึงนะคะ.....

...
...เราลองมาวิเคราะห์การเมือง กันด้วย ใช้หลัก ..เหตุและผล ใช้หลักภาษาทางพระว่า อิทัปปัจจยตา เมื่อมีสิ่งนี้ จึงทำให้สิ่งนี้เกิด เมื่อมีการกระทำสิ่งนี้ ก็จะมีผลสิ่งนี้ ตามมา ความเป็นเหตุและผล ทุกคน ต้องเรียกว่า ทุกคนหนีเหตุและผลไม่ได้หรอกค่ะ ขอยกมาเป็นประเด็นๆว่า อย่างนี้นะคะ ช่วยพิจารณาด้วยนะคะว่า ใช่หรือไม่ใช่...



... ประเด็นที่หนึ่ง เรื่องปราสาทพระวิหาร ( เรียกอย่างนี้น่าจะถูกนะ) ถ้าฝ่ายรัฐบาลไม่วู่วาม ไม่รีบไปสนับสนุนยืนยันกับเขา และการตัดสินใจ เรื่องนี้เป็นเรื่องของแผ่นดินเรื่องระดับประเทศ ต้องฟังความคิดเห็นระดับกว้าง ภาคประชาชนรับรู้ ร่วมด้วยช่วยกัน โดยคำนึงผลประโยชน์ของประชาชนชาวไทยเป็นประเด็นหลัก ผลออกมาเป็นอย่างไร คงไม่มีใครว่าอะไรหรอกค่ะ เพราะความคิดเห็นเป็นประชาธิปไตย ( ประโยชน์ของประชาชนในประเทศเป็นใหญ่) แต่เมื่อ ไม่ได้เป็นไปตามหลักของความถูกต้องที่ควรจะเป็น และผนวกกับการอภิปรายที่ผ่านมา หัวหน้าฝ่ายค้าน ยังนำหลักฐานมาอภิปรายได้อย่างชัดเจน โดยรัฐมนตรีต่างประเทศ ( คุณนพดล) ไม่สามารถหักล้างข้อมูลด้วยเหตุและผลได้ และ ผลเมื่อคืนที่ออกมามาตรา 190 จะเป็นตัวชี้กรรมชี้เจตนาของตัวบุคคล  กรรมเป็นเรื่องของการสื่อเจตนา เมื่อมีเหตุที่มาที่ไปเป็นอย่างนี้ และผลออกมาเป็นอย่างนี้ ก็คงหลีกหนีอะไรไปได้ นั่งรอรับผลของการกระทำที่ทำไปแล้วอย่างเดียว พูดได้คำเดียวว่าตถตา



...ประเด็นที่สอง เรื่องอดีตประธานรัฐสภา ยุทธ ตู้เย็น ( ฉายาที่เจ้าตัวก็ยอมรับคงไม่ผิดอะไรนะ) วันนี้จะโดนใบแดงหรือไม่ คงไม่ต้องลุ้นเช่นกัน เมื่อหลักฐานพร้อม ศาลก็คงตัดสินไปตามมูลเหตุ ตามหลักฐาน ตามข้อเท็จจริง หลักฐานมูลเหตุ และข้อเท็จจริง ไม่มีใครแกล้ง ไม่มีใครใส่สีตีไข่เข้าไปได้หรอก คำว่า ข้อเท็จจริง คำว่า หลักฐาน มิใช่เป็นเรื่องของการสร้าง แต่มันเป็นเรื่องของการที่เกิดขึ้นจริง ตามกฏเกณฑ์ของธรรมชาติ ของเรื่องราวนั้นๆ และศาลก็ยึดหลักธรรมาภิบาล ดำก็คือดำ ขาวก็คือขาว ผิดก็คือผิด ถูกก็คือถูก และไม่สามารถเลี่ยงบาลีไปได้หรอกค่ะ ว่า ใครแกล้ง ใครสร้างหลักฐานเท็จ ใครไม่ยุติธรรม ความเที่ยงธรรม ความยุติธรรม ไม่สามารถเข้าข้างคนผิดได้หรอกค่ะ แม้แต่สื่อก็เช่นกัน ไม่สามารถเสี้ยม ไม่สามารถผลักภาคประชาชนที่รับชมสื่อให้เอียงได้หรอกค่ะ ทุกอย่างดำเนินไปตามหลัก อิทัปปัจจยตา ศีลธรรมเป็นเรื่องที่ไม่มียกมือขึ้นมาคัดค้านได้หรอก ค่ะ เพราะเป็นเรื่องของ ธรรม ธรรมคือ ธรรมชาติ มันเป็นกฎเกณฑ์ที่ไม่มีใครเถียงได้ค่ะ



...จากประเด็นที่หนึ่ง และประเด็นที่สอง ลองหลับตานึกดูนะคะว่า เมื่อ อิทัปปัจจยตา ดำเนินไปตามครรลองแห่งธรรม ประเด็นที่สามที่ตามมาคือเรื่อง ยุบพรรค ต้องเกิดขึ้นแน่นอนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และไม่ใช่เป็นเรื่องของการเลือกข้างเช่นกัน แต่มันเป็นเรื่องของเหตุของผลดังกล่าว ถ้าคนไทยที่มีหัวใจเป็นธรรม ตาสว่าง คิดเป็น วิเคราะห์เป็น ก็พอจะมองออกว่า ทุกอย่าง เป็นไปตามกรรม ตามเจตนาของคน และยิ่งถ้าคนๆนั้นเป็นผู้นำระดับประเทศ ผลกรรมที่เกิดขึ้น ก็จะเกิดในวงกว้าง ใหญ่โตระดับประเทศทีเดียว

...ทีนี้มาถึงตัวเรา เรื่องของตัวบุคคล ถ้าถามว่า .. กรรมนั้นเรามิได้เป็นคนก่อ เราจะต้องรับผลแห่งกรรมนั้นด้วยหรือ? นี่เป็นประเด็นที่เราจะต้องนำมาขบคิดต่อไป


... ณ วินาทีนี้ เราต่างหาก ที่ต้องตระหนักให้มาก ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด คิดเอง วิเคราะห์เองโดยใช้หลักเหตุและผล ยืนให้นิ่ง อย่าแกว่ง อย่าหลงประเด็น และไม่จำเป็นต้องเป็นพวกใคร เข้าข้างใคร แยกเป็นเรื่องๆ เป็นประเด็น ยึดความถูกต้อง ความเที่ยงธรรม ยึดประโยชน์ของประชาชนส่วนใหญ่เป็นที่ตั้ง เราก็สามารถพูดคุยได้ทั้งนั้น




... ถ้าฝนจะตกก็ต้องปล่อยให้มันตก ฟ้าจะร้องฟ้าจะผ่า ก็ต้องปล่อยให้มันร้องให้มันผ่า เราไม่สามารถ ห้ามฟ้าห้ามดินได้หรอกค่ะ และท้ายที่สุด ก็ไม่สามารถห้ามคำตัดสินที่เที่ยงธรรมของกระบวนการยุติธรรมได้หรอกค่ะ ...




.. มีสิทธ์แค่ยืนดู .....ยืนนิ่งๆ.. ยืนดู.. ผลของการกระทำ ที่ละครแต่ละตัว เล่นไป เท่านั้นเอง ว่ามั๊ย...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-07-2008, 21:17 โดย รวงข้าวล้อลม » บันทึกการเข้า

&..หลายๆทำไม ..คุณตอบได้ไหม ?
http://www.oknation.net/blog/roungkaw/2008/05/27/entry-4
ริวเซย์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4,637


Worrior in The Blue Armor


เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: 08-07-2008, 13:00 »

ปล่อยให้เป็นตถตาไม่ได้ครับ

เรื่องนี้ต้องดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ทั้งไอ้เหล่ นายกรัฐมนตรี และรัฐบาลยกคณะ

ต่อไปมันจะขายอะไรอีกก็ไม่รู้ ไม่เป็นที่น่าไว้วางใจอย่างยิ่ง

ต้องกำจัดออกไปให้พ้นจากอำนาจโดยเร็วที่สุด

 
บันทึกการเข้า

ถ้ามีแฟนแบบนี้เอาไหมครับ^^


watson
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 393


« ตอบ #2 เมื่อ: 08-07-2008, 13:06 »

ก็เพราะว่าเราแค่ "ยืนดู .....ยืนนิ่งๆ.. ยืนดู.. ผลของการกระทำ ที่ละครแต่ละตัว เล่นไป" ทุกวันนี้ประเทศชาติมันถึงได้ chipหาย แบบนี้ แล้วเราจะทนยืนดูต่อไปเฉย ๆ อีกหรือครับ
 
บันทึกการเข้า
พรรณชมพู
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,073


« ตอบ #3 เมื่อ: 08-07-2008, 15:39 »

ประเด็นเรื่องปราสาทพระวิหาร เป็นกรณีขัดแย้งระหว่างประเทศ การต่อสู้นั้นทั้งสองประเทศย่อมต้องทำไปเต็มกำลัง สุดความสามารถ และแน่นอนที่อาจจะมีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดชนะ ยากที่จะเสมอกัน

แต่การที่รัฐบาลสมัครภายใต้การบงการของเจ้าของพรรคตัวจริง ดำเนินการในเรื่องนี้อย่างมีเงื่อนงำ และแสดงจุดยืนที่ชัดเจนว่าไม่ต่อสู้เพื่อประเทศชาติ กลับไปเข้าข้างกัมพูชาจนออกนอกหน้า เปรียบเสมือนมวยล้ม ย่อมได้รับการก่นด่าจากผู้ชม ไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้

เราจะเสียปราสาทพระวิหารหรือไม่ เป็นประเด็นหนึ่ง แต่การไปต่อสู้แบบยอมล้มมวย เป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ และคำว่าขายชาติก็ไม่มากเกินไปสำหรับบุคคลกลุ่มนั้น เป็นเหตุเป็นผลโดยแท้

ประเด็นเรื่องนายยงยุทธก็เช่นกัน เป็นการต่อสู้สองฝ่ายระหว่างผู้กล่าวหาและผู้ถูกกล่าวหา ย่อมจะต้องสู้กันเต็มกำลัง สู้กันด้วยเหตุและผล แต่มีประเด็นให้น่าคิดว่าเรื่องนี้เหมือนกรณีปราสาทพระวิหารอย่างยิ่ง เพราะฝ่าย กกต.ซึ่งเป็นฝ่ายบ้านเมืองเช่นเดียวกับรัฐบาลไทย กลับมีพฤติกรรมการต่อสู้แบบล้มมวย จะเห็นได้จากการสร้างหลักฐานเท็จเกี่ยวกับพยานในคดี และเมื่อถูกเปิดโปงจับได้ ก็มีการสอบสวนอย่างไม่เต็มใจ อาจจะส่งผลให้คดีพลิกได้

ในกรณีปราสาทพระวิหาร ผู้รับผิดชอบหนีคำว่าขายชาติไม่พ้น กรณียงยุทธ์ผูรับผิดชอบที่ทำหลักฐานเท็จก็หนคำว่าขายตัวไม่ได้เช่นกัน

ในบณธที่ตอบกระทูนี้ กรณีแรกจบสิ้นไปแล้วว่าไทยเราแพ้เพราะมีการขายชาติ และอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้ เราจะได้เห็นกันว่าการขายตัวจะทำให้คนไทยแพ้ครั้งที่สองหรือไม่ 
บันทึกการเข้า
1ktip
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,457



« ตอบ #4 เมื่อ: 08-07-2008, 16:02 »

หมดเวลายืนนิ่งๆ ไปนานแล้วครับครู

กงล้อของกฏแห่งกรรมจะเดินหน้าได้ ก็ต้องมีมือที่ช่วยกันผลัก มีขาที่ช่วยกันเดิน

ทุกภาคส่วนของสังคมต้องทำหน้าที่ของตนอย่างเต็มที่ ไม่เว้นแม้แต่ประชาชนธรรมดา
บันทึกการเข้า
รวงข้าวล้อลม
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,103



เว็บไซต์
« ตอบ #5 เมื่อ: 08-07-2008, 20:29 »

ในกรณีปราสาทพระวิหาร ผู้รับผิดชอบหนีคำว่าขายชาติไม่พ้น กรณียงยุทธ์ผูรับผิดชอบที่ทำหลักฐานเท็จก็หนคำว่าขายตัวไม่ได้เช่นกัน

ในบณธที่ตอบกระทูนี้ กรณีแรกจบสิ้นไปแล้วว่าไทยเราแพ้เพราะมีการขายชาติ และอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้ เราจะได้เห็นกันว่าการขายตัวจะทำให้คนไทยแพ้ครั้งที่สองหรือไม่ 

...........................................................................................................................................................


...      ตอนนี้ผลออกมาแล้วค่ะ  คุณพรรณชมพู...  คงต้องติดตามตอนต่อไป  เมื่อกี้เข้าไปในโอเค

ได้ข่าวว่า  ถามหา  พรรคใหม่แล้ว  พรรคเพื่อไทย

ด่วน....???ถอนสิทธิเลือกตั้ง"ยงยุทธ" พลังประชาชนระทึก ตั้ง "เพื่อไทย"รองรับ

http://www.oknation.net/blog/naiman/2008/07/08/entry-1
บันทึกการเข้า

&..หลายๆทำไม ..คุณตอบได้ไหม ?
http://www.oknation.net/blog/roungkaw/2008/05/27/entry-4
รวงข้าวล้อลม
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,103



เว็บไซต์
« ตอบ #6 เมื่อ: 08-07-2008, 20:49 »

ก็เพราะว่าเราแค่ "ยืนดู .....ยืนนิ่งๆ.. ยืนดู.. ผลของการกระทำ ที่ละครแต่ละตัว เล่นไป" ทุกวันนี้ประเทศชาติมันถึงได้ chipหาย แบบนี้ แล้วเราจะทนยืนดูต่อไปเฉย ๆ อีกหรือครับ
 

ยืนดู   ยืนนิ่ง  ....  คำนี้เป็นคำที่ลึกนะคะ  ที่แน่ๆ  คือไม่ได้แปลว่า  วางเฉยค่ะ    ยังไง  ก็ขอขอบคุณนะคะที่ให้เกียรติเข้ามาแสดงความคิดเห็น

ในกระทู้  ได้มีโอกาสอธิบายคำว่า  ยืนนิ่ง  ยืนดู  คนเราบางที  การตะโกนโหวกเหวก  อย่างเช่นพันธมิตรททททำ  ก็มิใช่ว่า

จะส่งผลในทางบวกเสียทุกเรื่องไปนะคะ  บางครั้ง  การพูดเบาๆ  นุ่มๆลึกๆ  คมๆ  เฉียบๆ  ก็บาดคนได้ลึกไม่น้อยทีเดียว

อยากให้แปลความหมาย  ของคำว่า  ยืนดู  ยืนนิ่ง  ให้มากกกว่า  คำว่ายืนค่ะ
บันทึกการเข้า

&..หลายๆทำไม ..คุณตอบได้ไหม ?
http://www.oknation.net/blog/roungkaw/2008/05/27/entry-4
KILL...ER
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 330



« ตอบ #7 เมื่อ: 08-07-2008, 21:09 »

ประเด็นที่หนึ่ง... มันเป็นประเด็นทางการเมือง ที่เขาต้องการจุดกระแส ให้เกิดกลียุค เพื่อโค่นล้มรัฐบาลก็เท่านั้นแหละ ไม่มีอะไรหรอก ดูเค้าส่งผัวอีฉุยฉาย มายืนแกว่งหำบนเวทีพันธมิตรได้ นี่ก็ถือว่าเปิดหน้าชน เต็มๆแล้ว ...แค่นี้มองเกมส์ไม่ออกเหรอไงจ้ะ  แต่ไม่รู้ว่า มันจะจุดกระแสติด จนลามปามไปสู่จลาจลหรือเปล่า อันนี้ไม่ทราบ ก็แล้วแต่บุญแต่กรรมก็แล้วกัน 

ประเด็นที่สอง... มันไม่เกี่ยวอะไรกับ ม.190 ไปอ่านรธน.มาใหม่
บันทึกการเข้า

จงภาคภูมิใจในความเป็นไพร่กระฎุมพี
พรรณชมพู
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,073


« ตอบ #8 เมื่อ: 08-07-2008, 21:11 »

ประเด็นที่หนึ่ง... มันเป็นประเด็นทางการเมือง ที่เขาต้องการจุดกระแส ให้เกิดกลียุค เพื่อโค่นล้มรัฐบาลก็เท่านั้นแหละ ไม่มีอะไรหรอก ดูเค้าส่งผัวอีฉุยฉาย มายืนแกว่งหำบนเวทีพันธมิตรได้ นี่ก็ถือว่าเปิดหน้าชน เต็มๆแล้ว ...แค่นี้มองเกมส์ไม่ออกเหรอไงจ้ะ  แต่ไม่รู้ว่า มันจะจุดกระแสติด จนลามปามไปสู่จลาจลหรือเปล่า อันนี้ไม่ทราบ ก็แล้วแต่บุญแต่กรรมก็แล้วกัน 

ประเด็นที่สอง... มันไม่เกี่ยวอะไรกับ ม.190 ไปอ่านรธน.มาใหม่

โธ่ ป่านนี้แล้วยังแถไปได้   
บันทึกการเข้า
รวงข้าวล้อลม
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,103



เว็บไซต์
« ตอบ #9 เมื่อ: 08-07-2008, 21:13 »

ปล่อยให้เป็นตถตาไม่ได้ครับ

เรื่องนี้ต้องดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ทั้งไอ้เหล่ นายกรัฐมนตรี และรัฐบาลยกคณะ

ต่อไปมันจะขายอะไรอีกก็ไม่รู้ ไม่เป็นที่น่าไว้วางใจอย่างยิ่ง

ต้องกำจัดออกไปให้พ้นจากอำนาจโดยเร็วที่สุด

 


  ขออนุญาต  เพิ่มเติมคำว่า  ตถตา  อีกสั๊กนิด  นะคะ  ตถตา

มิได้แปลว่า  วางเฉย  ไปเสียทีเดียวหรอกค่ะน้อง  ตถตา  เป็นเรือ่งของการ

ชี้ให้เห็นว่า  ผลที่เกิดขึ้นมาจากเหตุ  เท่านั้นเองค่ะ  ส่วนการรณรงค์

ให้ระบบการทุจริต  คอรัปชั่น  สูญสลายไปจากสังคมไทย  เรื่องนี้เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งค่ะ


แต่การที่จะให้คนทุจริตออกไป  วิธีการมีมากมายค่ะ  แข็งไปก็ดูกร้าว  อ่อนไป  เขาก็ไม่ไป

ผลสุดท้าย  ก็จะได้คำตอบเองค่ะ  ว่า  ความพอดีที่จะให้เค้าไป  คืออะไร ?
บันทึกการเข้า

&..หลายๆทำไม ..คุณตอบได้ไหม ?
http://www.oknation.net/blog/roungkaw/2008/05/27/entry-4
KILL...ER
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 330



« ตอบ #10 เมื่อ: 08-07-2008, 21:18 »

  น้องพรางชมพู่ อย่ามึนงง เมื่อวัน ว. เวลา น. มาถึง ก็อย่าสติแตกร้องกรี๊ดดด ไปล่ะ 

จขกท. เค้าตั้งประเด็นมา ก็ตอบเค้าซะหน่อย 

ปล. รูปประกอบกระทู้ ไปหามาจากไหนกันละนั่น... ดูแล้วให้ความรู้สึก "หนังไทย" มากๆๆ 
บันทึกการเข้า

จงภาคภูมิใจในความเป็นไพร่กระฎุมพี
รวงข้าวล้อลม
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,103



เว็บไซต์
« ตอบ #11 เมื่อ: 08-07-2008, 21:20 »

ประเด็นที่สอง... มันไม่เกี่ยวอะไรกับ ม.190 ไปอ่านรธน.มาใหม่

..............................................................................

     แหม  คุณคิลเลอร์  ตาดีจริงๆ

ตั้งแต่คุยกันมาในกระทู้  เพิ่งเห็นกระทู้นี้หล่ะ  ที่  คุณคิลเลอร์  ติงน่าฟัง  โทษทีจ๊ะ

ใส่มาตราผิดประเด็น  อยู่ในประเด็นที่หนึ่งจ๊ะ  โทษที
บันทึกการเข้า

&..หลายๆทำไม ..คุณตอบได้ไหม ?
http://www.oknation.net/blog/roungkaw/2008/05/27/entry-4
cameronDZ
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,827


my memory


« ตอบ #12 เมื่อ: 08-07-2008, 21:35 »

จขกท.รู้เรื่องศาสนาพุทธดีแค่ไหนเนี่ย

หลักธรรมะ-ธรรมชาติ ของศาสนาพุทธ
ไม่ได้หมายถึงว่า มันเป็นเรื่องของธรรมชาติ ปล่อยไปตามธรรมชาติเน้อ

และศาสนาพุทธ ก็ไม่ได้สนับสนุนให้คิดแบบ "อนุรักษ์นิยม"
ซ้ำยังต้องการความกล้าหาญ ที่จะกล้า "ทำ" และกล้า "ไม่ทำ" กับความดี/ความชั่ว อย่างชัดเจน

ผมว่าอย่างน้อย ๆ จขกท.ไปอ่าน "อิทัปปัจจยตา" และ "ปฏิจจสมุปบาท" ฉบับที่ท่านพุทธทาสอธิบายความมาให้ละเอียดก่อนดีกว่า
ค่อยมาโยง "พุทธ" กับ "โลก" เข้าด้วยกัน ให้ดู
บันทึกการเข้า

ข้าพเจ้าอยู่ที่นี่มาหลายปี ยังไม่เคยได้รับคำขอโทษ ขอขมา
จากใครแม้แต่สักคนเดียวเลย
...เช่นกัน คำขอบคุณ ก็ยังไม่เคยมีสักคำ...
แต่ข้าพเจ้าคิดว่า ในใจพวกเขาคงคิดคำเหล่านี้อยู่บ้างหรอก
...แค่คิด ไม่ต้องบอกออกมา ข้าพเจ้าก็พอใจแล้ว...
รวงข้าวล้อลม
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,103



เว็บไซต์
« ตอบ #13 เมื่อ: 08-07-2008, 21:45 »

จขกท.รู้เรื่องศาสนาพุทธดีแค่ไหนเนี่ย

หลักธรรมะ-ธรรมชาติ ของศาสนาพุทธ
ไม่ได้หมายถึงว่า มันเป็นเรื่องของธรรมชาติ ปล่อยไปตามธรรมชาติเน้อ

และศาสนาพุทธ ก็ไม่ได้สนับสนุนให้คิดแบบ "อนุรักษ์นิยม"
ซ้ำยังต้องการความกล้าหาญ ที่จะกล้า "ทำ" และกล้า "ไม่ทำ" กับความดี/ความชั่ว อย่างชัดเจน

ผมว่าอย่างน้อย ๆ จขกท.ไปอ่าน "อิทัปปัจจยตา" และ "ปฏิจจสมุปบาท" ฉบับที่ท่านพุทธทาสอธิบายความมาให้ละเอียดก่อนดีกว่า
ค่อยมาโยง "พุทธ" กับ "โลก" เข้าด้วยกัน ให้ดู

    ก่อนจะมาติงเจ้าของกระทู้    คุณเข้าใจคำว่า  ธรรม  ธรรมชาติ  ดีแล้วหรือยัง  ลองทบทวนใหม่อีกสักครั้งดีไหมคะ
บันทึกการเข้า

&..หลายๆทำไม ..คุณตอบได้ไหม ?
http://www.oknation.net/blog/roungkaw/2008/05/27/entry-4
รวงข้าวล้อลม
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,103



เว็บไซต์
« ตอบ #14 เมื่อ: 08-07-2008, 21:57 »

ความหมายของศีลธรรม
          “ความหมายทางภาษา... คำว่า สี-ละ หรือศีลนี้ ตัวหนังสือแท้ ๆ ก็แปลว่า ปรกติ, อะไรที่คงอยู่ตามปรกติ ก็เรียกว่า สี-ละ หรือ ทำอยู่เป็นปรกติ ไม่ผิดแปลกออกไป ; นี้ก็เรียกว่า สี-ละ ถ้าผิดปรกติก็เรียกว่าไม่ใช่ สี-ละ. ที่เอามาใช้เป็นชื่อของการปฏิบัติที่เรียกว่า “ศีล” นี้ ก็คือ การทำให้ปรกตินั่นเอง. การฆ่ากันไม่ใช่ปรกติ ; ต่อเมื่อไม่ฆ่ากันจึงเรียกว่าปรกติ...ทีนี้ ก็มาถึงความหมายของคำว่า “ธรรม” คำว่า ธรรม นี้มีความหมายหลายอย่าง : ความหมายทั่วไป ก็หมายความว่า “ทรงตัวอยู่”. คำว่า ธรรม นี้ แปลว่า ทรงตัวอยู่ ; ฉะนั้น “ศีลธรรม” ก็แปลว่า “การทรงตัวอยู่อย่างปรกติ” มันก็เท่านั้นเอง. ทางภาษาจึงได้เห็นภาพพจน์ขึ้นมาว่า มีความปรกติทางปรากฏการณ์ ที่แสดงให้เห็นทั้งทางรูปธรรม และนามธรรมของทุก ๆ สิ่ง...

          ความหมายทางอาการตามธรรมชาติ ก็เอาปรากฏการณ์ของธรรมชาติแท้เป็นหลัก. เมื่อพูดถึง ธรรมชาติ ในที่นี้ก็เล็งถึงธรรมชาติตามธรรมดา ที่แวดล้อมอยู่ทั่ว ๆ ไปนี้ ของสิ่งที่ไม่มีชีวิตด้วย, และของ สิ่งที่มีชีวิตด้วย. ถ้าเป็นไปตามธรรมชาติแล้วจะปรกติ ; เพราะมัน มีกฎของธรรมชาติอยู่อย่างหนึ่ง คือ ถ้าไม่ถึงสภาพปรกติ หรือที่ควรจะอยู่ตามปรกติแล้ว มันจะไม่หยุด มันจะต้องถูกผลักไสไปกลิ้งไป จนกว่าจะไปอยู่ในสภาพที่เรียกว่าปรกติที่สุด ที่มันจะอยู่ได้ แม้สิ่งที่ไม่มีชีวิต... ศีลธรรม คือ สิ่งที่ทรงตัว อยู่โดยปรกติ ที่เป็นตามธรรมชาติ

          ความหมายตามบทบัญญัติทางศาสนา... ตัวการบัญญัตินั้นจะบัญญัติกันในรูปวัฒนธรรม ศีลธรรม ระเบียบประเพณี หรืออะไรก็ตาม, มันก็เป็นเรื่องของการบัญญัติ ; ซึ่งมีหลายระดับ หลายยุค หลายสมัย ศีลธรรมจึงเปลี่ยนรูป เปลี่ยนแบบ หรือเปลี่ยนระดับ. แต่อย่าลืมว่า ศีลธรรมมุ่งหมาย ความสงบ ; เหตุที่ทำให้ต้องบัญญัติก็เพราะว่ามันไม่สงบ เกิดการกระทบกระทั่งวุ่นวายกันขึ้นมานี้ทำให้ ต้องบัญญัติ, การบัญญัติก็เพื่อทำให้เกิดความสงบ...ศีลธรรมตามความหมายของการบัญญัติทางศาสนา ...ล้วนแต่มุ่งหมายความสงบทุกระดับของความหมาย.”๖


http://www.uthaisak.net/buddhadasedu.htm

บันทึกการเข้า

&..หลายๆทำไม ..คุณตอบได้ไหม ?
http://www.oknation.net/blog/roungkaw/2008/05/27/entry-4
หน้า: [1]
    กระโดดไป: