ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
15-05-2024, 21:23
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  "ปราสาทพระวิหาร"บนการได้-เสีย 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
"ปราสาทพระวิหาร"บนการได้-เสีย  (อ่าน 1983 ครั้ง)
55555
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,263



« เมื่อ: 08-07-2008, 08:51 »

8 กรกฎาคม 2551    กองบรรณาธิการ



วันนี้-ที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๕๑ ประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยวันที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๐๕ ที่ "ไทยแพ้เขมรซ้ำซาก" ด้วยสิทธิเหนือปราสาทพระวิหารอีกครั้งหรือไม่


ตื่นเช้าวันนี้ทุกท่านก็คงทราบผลกันไปแล้ว สำหรับผม  เมื่อฟังแนวโน้มที่ประชุมคณะกรรมการมรดกโลกจาก "นายปองพล  อดิเรกสาร" แต่เย็นวาน ก็อดนึกย้อนประวัติศาสตร์ชาติไทยไม่ได้ว่า..ไทยแพ้ทีไร  ก็เพราะ "คนไทย" กันเองนั่นแหละ!

ก็ไม่แน่นะครับ  มติสุดท้าย  คณะกรรมการมรดกโลกอาจให้เลื่อนการจดทะเบียน "ปราสาทพระวิหาร" เป็นมรดกโลกแต่ฝ่ายเดียวของกัมพูชาออกไปก่อนก็ได้

คนมีความหวัง คือคนที่ยังไม่ตายครับ!

แต่ก็เป็นหวังลมๆ แล้งๆ ไปอย่างนั้นแหละ แรกๆ ก็นึกว่านายปองพล อดิเรกสาร ในฐานะประธานคณะกรรมการมรดโลกของไทย จะไปกู้สถานการณ์อะไรได้บ้าง แต่เอาเข้าจริง

เพลงเดียวตกม้าตาย!

กลายเป็นว่า ที่กัมพูชาได้จดทะเบียนเฉพาะปราสาทพระวิหารนั้น เป็นเพราะความดี-ความชอบของกระทรวงการต่างประเทศไทย  ที่ไหวทันแต่ปีก่อนโน้น  สามารถดึงพื้นที่ทับซ้อนพ้นการ "กินรวบ" ของกัมพูชาไปได้

พิจารณาเอาจากที่นายปองพลให้สัมภาษณ์ข้ามประเทศ เป็นมรณานุสติ ดูเอาเองก็แล้วกัน มันแปร่งๆ เลี่ยนๆ ชอบกล ผมลอกๆ จากมติชนบางช่วงมาให้อ่านกัน "เดิมคิดว่าเราน่าจะมีโอกาส  แต่เราไม่ทราบเบื้องลึกจนได้มาฟังจากผู้แทนในคณะกรรมการมรดกโลกจึงได้ทราบ   ไปๆ มาๆ เราได้อิโคมอส (สภาการโบราณสถานระหว่างประเทศ) ที่รับฟังและเข้าใจเรา กัมพูชายังได้พาคณะผู้แทนไปชมปราสาทพระวิหารหมดแล้ว นอกจากนี้ยังมีบริษัทจากสหรัฐ ฝรั่งเศส และอินเดีย เข้าไปช่วยศึกษาข้อมูลด้วย"

"ผมเป็นคนกลาง  ไม่มีส่วนได้-ส่วนเสีย  แต่ต้องชื่นชมทีมงานของกระทรวงการต่างประเทศที่ติดตามเรื่องนี้จนพบว่า  กัมพูชาได้เสนอแผนที่ทับซ้อนไปด้วยในการประชุมที่ไครส์เชิร์ช  ซึ่งพอพบเราก็ได้ไปทักท้วง   และคณะซึ่งนำโดยนายมนัสพาสต์  ชูโต  ก็สามารถหยุดแผนที่นั้นได้  ไม่เช่นนั้น ปีที่แล้วกัมพูชาก็คงจะได้ขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกไปแล้ว  พอมาถึงปีนี้  นายนพดลก็เจรจาต่อจนสามารถแก้ไขแผนที่ทำให้ลดเหลือเฉพาะตัวปราสาทเท่านั้น  เห็นได้ว่าเราก็ช่วยกันมาตลอด จนผมมารับงานนี้ก็เดินงานต่อไป..."

ครับ..นึกว่าจะไปล็อบบี้คณะกรรมการตัดสิน   ๒๑  ประเทศ  ทำไป-ทำมา คล้ายกะว่านายนพดล "ล็อบบี้" นายปองพล เสร็จเรียบร้อยไปแล้ว!?

ก็พูดเล่นน่ะครับ อย่าไปซีเรียสให้เสียความรู้สึกกันให้มากนัก เพราะแค่นี้เรา-ในฐานะคนไทยด้วยกันก็ "เสีย" จนไม่รู้ว่ายังมีอะไรเหลือให้เสียได้อีก  เห็นทีคงต้องเรี่ยไรทั้งประเทศอีกซักคนละบาทแล้วละมั้ง?

เอาไปซื้อทองทำเหรียญเชิดชูเกียรติ "นายสมัคร-นายนพดล" คนละเหรียญ ในฐานะที่รักษาแผ่นดินไทย  ไม่ยอมเสียให้ใครแม้แต่ตารางนิ้วเดียวได้อย่างน่าชื่นชม ตามนัยที่นายปองพลบอก

แต่เราอย่าไปว่าอะไรทหารเขาเลยครับ  ทั้งที่ควรจะพูดในสิ่งที่ไม่ควรวางเฉยบ้างก็เถอะ เรื่องนี้  พูดบนสมมุติฐานกลางๆ  คือเขมรจะได้จดทะเบียนปราสาทพระวิหารหรือไม่ก็ตาม

เราควรเอา "ความไม่เอาไหน" ที่เห็นได้จากเหตุการณ์ครั้งนี้  มาเป็นกระจกส่องสำรวจตัวเอง!

คนไทยทุกวันนี้  อยู่ด้วยกิน "บุญแผ่นดินเก่า" ที่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงทำมาหาเก็บไว้ให้ตราบทุกวันนี้ ซึ่งตรงนี้จะพูดให้เห็นก็ต้องพูดว่า

พวกเราเหมือนลูกที่ "พ่อ-แม่ รวย" ทิ้งมรดกไว้ให้มหาศาล

ฉะนั้น  คนไทยทุกวันนี้  ไม่รู้จักความลำบากในการก่อร่างสร้างชาติ เพราะบรรพบุรุษสร้างไว้ให้แล้ว  เมื่อไม่เคยรู้ด้วยตัวเองว่าสิ่งที่ได้อยู่-ได้กินวันนี้ มันหนักหนาสาหัสขนาดไหนกว่าจะได้มา

ก็เลยอยู่กันแบบทิ้งๆ  ขว้างๆ ไม่รู้จักคุณค่า เสียอะไรไปบ้างก็ไม่สะดุ้งสะเทือนอะไร เพราะสมบัติพ่อ-แม่ที่ทิ้งไว้ให้ยังเหลืออีกเยอะ!


ตรงข้ามกับกัมพูชา ด้วยชีวิตร่วมสมัย-ร่วมเหตุการณ์ ตั้งแต่คนเป็นคณะรัฐบาลไปถึงประชาชน สมบัติล้ำค่าฝังตัว-ฝังใจเขาคือ "คุณค่าของความเป็นชาติ" ที่ได้กลับคืนมา ซึ่งกว่าจะได้มา

กี่สิบล้านชีวิต กี่ร้อยล้านหยดเลือด และน้ำตา ซึ่งนั่นคือสิ่งที่เขาต้องนำไปแลกเอาสิ่งนี้คือ "เอกราช" แห่งความเป็นกัมพูชากลับคืนมา

เขารู้ค่า เขารู้คุณ ในความเป็นชาติ ในความเป็นแผ่นดิน ฉะนั้น เขมร-ที่เรามักดูถูกว่าด้อยพัฒนากว่าเรา  แต่ประเทศที่ยกตนว่าพัฒนากว่าเขา กลับทำอย่างเขาไม่ได้ซักขี้กระผีก

เขมรรู้กติกาโลก กติกาสากล เขมรรู้จักสังคมเวทีโลก และรู้จักใช้จุดด้อยตัวเองเป็นแต้มต่อในการเข้าถึงจุดหมาย  ทั้งรัฐบาล ทหาร ประชาชน เขาเดินไปในเส้นทางที่มี "เป้าหมายข้างหน้า" ชัดเจนด้วยกัน

เดินไปบน "การเมืองเวทีโลก" อย่างโชกโชน และมีประสบการณ์!

ก็ดูซี..ดูตัวอย่างที่นายปองพล ยกปมเด่นเขมรขึ้นมาเหยียบหน้า นั่นคือคำตอบในสิ่งที่ผมพูดไป

เขมรชนะคดีในศาลโลก  ได้ปราสาทพระวิหารไปแล้วเมื่อปี ๒๕๐๕ เป็น ๔๖ ปีที่ไทยไม่เคยเอาธุระ ไม่เคยเอาใจใส่เพื่อใช้สิทธิ์ที่แย้งไว้ในศาลโลก เพื่อทวงปราสาทพระวิหารคืนตามกระบวนการกฎหมาย

แต่เป็น  ๔๖ ปีที่ถึงเขมรชนะแล้ว เขาก็ไม่หยุดภารกิจชาติไว้แค่นั้น ตั้งหัวข้อรุกคืบต่อ "จดทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก" เป็นเป้าหมาย และใช่ว่าเขาเพิ่งเดินงานมาวัน-สองวัน

แต่เขาตั้งเป็นวาระแห่งชาติ  แล้วเดินงานมาเป็นปีๆ ต่อเนื่อง เดินสายล็อบบี้ตัวแทน ๒๑ ประเทศ เชื้อเชิญผู้ชำนาญด้านโบราณสถานนั่งเรือบินไปดูถึงปราสาทพระวิหาร เชิญประเทศผู้ทรงอิทธิพล เช่น สหรัฐ ฝรั่งเศส จีน อินเดีย มาช่วยให้คำปรึกษาและจัดทำข้อมูลให้

ผมอยากจะถามรัฐบาลไทย  และกองทัพไทยว่า  ในฐานะที่ภูมิใจนักหนาว่าเหนือกว่าเขา เก่งกว่าเขา ดีกว่าเขา แต่ได้ทำอะไรด้วยจิตสำนึกที่เหนือกว่าเขาในเรื่องเหล่านี้ให้เกิดผลดีกับประเทศชาติได้อย่างเขาบ้าง?

กัมพูชา  ไม่มีเครื่องไม้-เครื่องมือ และความพร้อมหลายๆ อย่าง เหมือนกับที่ไทยมีพร้อมเกือบทุกอย่าง

แต่ไทยไม่มีอย่างที่กัมพูชามีอย่างเดียวคือ  ใจ***นกระรือรือ ด้วยรู้ค่า-รู้คุณ แล้วสร้างมูลค่าเพิ่มให้แผ่นดิน!

พวกนายทุน พวกนักการเมืองไทย นึกว่าเขมรโง่ ที่ยอมให้ไปตั้งบ่อนกาสิโนในฝั่งเขมร แต่ใครโง่กว่าใครก็ไม่รู้ เพราะวันๆ มีแต่ไอ้พวกหน้าฉลาดเป็นคนฝั่งไทย ชักแถวกันเอาเงินเข้าไปถมแผ่นดินให้กัมพูชา

ถ้าเขมรโง่กว่าไทยน่ะหรือ ทรัพยากรใต้มหาสมุทร ทั้งก๊าซ ทั้งน้ำมัน ในเขตไหล่ทวีปที่ทับซ้อน  เขมรต้องยอมตกลงกับไทยขุดเอาก๊าซ  เอาน้ำมันขึ้นมาใช้ได้ตั้งนานแล้ว?

แต่นี่..ไม่รู้ใครโง่กว่าใคร   เขมรใช้ทรัพยากรดิบมากมายในประเทศเป็นเหยื่อล่อพวก "กลุ่มทุนโลภ"  ทั้งพวกหัวแดง-หัวดำ  ใช้เป็นเครื่องมือให้ช่วยโน่น-ช่วยนี่ พวกทุนฝรั่ง ทุนไทย ก็เอาใจ หวังจะได้สัมปทานโน่น-นี่

ช่วย "เป็นปาก-เป็นเสียง" ให้กัมพูชาในเวทีโลกมาตลอด!


นี่คือความชาญฉลาด และความเก่งของนักการเมืองกัมพูชา จะไม่ฉลาดอย่างไร  ขนาดนายพลเมืองไทย   ระดับอดีตนายกฯ  ก็มี ทำคุยว่า "..แหม..มันจะจัดงานฉลอง..ทั้งที ยังต้องมาขอให้เราตัดเครื่องแบบให้..."

"เลือกตั้งก็ต้องไปวางแผนให้ วางระบบหาเสียง ซื้อคะแนนให้" เมื่อถามว่า "แล้วต้องจ่ายเงินให้เขาด้วยหรือปล่า?" ก็ทำหัวเราะชอบใจ  ทำนองว่าก็รู้ๆ กันอยู่ สรุปก็คือ ต้องการชี้ให้เห็นใน "กัมพูชา อยู่ในกำมือข้า" อะไรประมาณนั้น!

แต่ที่แท้ ถูกเขมร "หลอกกิน-หลอกใช้" แล้วยังมีหน้ามาคุยว่าเหนือชั้น นี่คือวิชั่นของนายพล  ของนักการเมืองบางคนในประเทศไทย  ที่เพียงได้เศษๆ เลยๆ ในการส่งสมุนเข้าไปร่วมทำมาค้าขาย แล้วเอามาคุยอวดใหญ่โตเวลาไวน์เข้าปาก

อย่าแปลกใจไปเลยที่นายปองพลบอกว่า  มหาอำนาจอย่าง  ฝรั่งเศส สหรัฐ อยู่ฝ่ายกัมพูชา สำหรับฝรั่งเศสไม่ต้องพูดถึง แต่อย่างสหรัฐอาจมีคนแปลกใจว่าทำไมถือหางเขมร?

ไม่ต้องแปลกใจหรอก ด้วยทรัพยากรพลังงาน และด้วยการเล็งผลเลิศทางธุรกิจในอนาคตที่กัมพูชา "กลุ่มทุนโลก" อย่างคาร์ลไลส์กรุ๊ป  ที่มีจอร์จ  บุช อดีตประธานาธิบดีสหรัฐเป็นประธาน  เข้ามาป้วนเปี้ยนโดยมีกลุ่มทุนไทยที่คุ้นหน้า-คุ้นตาร่วมด้วยอยู่หลายปีแล้ว!

ไม่เพียงเฉพาะกัมพูชา  แต่ด้วย "ยุทธศาสตร์ครองภูมิภาค" ขององค์กรจัดระเบียบโลกอันมีคาร์ลไลส์เป็นแขน-ขา ซึ่งยึดครององค์กร และบริษัทใหญ่ๆ ของโลกไว้เกือบทั้งหมดขณะนี้

ในอาเซียน ในอนุภาคกลุ่มลุ่มแม่น้ำโขง นี่ก็เป็นเป้าหมายที่ "กลุ่มทุนโลก" วางเป้ายึดครองทางเศรษฐกิจ โดยมีฐานบัญชาการของกลุ่มทุนในภูมิภาคนี้อยู่ที่ซาอุดีอาระเบีย และสิงคโปร์

ไทยจะเสียหน้า  เสียฟอร์ม  เสียสิทธิ์ เสียดินแดนในพื้นที่ทับซ้อนบริเวณปราสาทพระวิหารครั้งนี้หรือไม่ก็ตาม  แต่ถ้าการเสียนั้น  ทำให้ไทยเรา โดยเฉพาะรัฐบาล-ทหาร "ได้สติ-ได้จิตสำนึก" ในภารกิจ-หน้าที่  ที่ตัวเองพึงมี-พึงทำเพื่อชาติขึ้นมาบ้างละก็  มันก็คุ้ม ผมบอกแล้ว เส้นทางประเทศไทยกำลังเดินสู่จุดเปลี่ยนพร้อมกับโลกศตวรรษใหม่  นายกฯ อย่างนายสมัคร  และรัฐมนตรีอย่างนายนพดล จะเป็นอนารยะการเมืองยุคสุดท้ายเพื่อใช้..สวดส่ง.


เปลวสีเงิน




http://www.thaipost.net/index.asp?bk=thaipost&iDate=8/Jul/2551&news_id=160709&cat_id=200
บันทึกการเข้า
อยากประหยัดให้ติดแก๊ส
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,406



« ตอบ #1 เมื่อ: 08-07-2008, 08:57 »

จบไปแล้ว เขมรขึ้นทะเบียนเรียบร้อยโดยไม่ต้องมีเอี่ยวอะไรจากไทย ไม่ต้องใช้เอกสารรับรองอะไรจากไทยทั้งนั้น
หรือยังมีคนตะแบงเถียงว่าอันที่ศาลเบรค เขมรก็ใช้ได้ แบบนี้พวกมาปลุกระดมคลั่งชาติไร้สาระจะรับผิดชอบอย่างไร
ที่อยู่ดีๆ ก็ไปสร้างปัญหากับเขมรซะงั้น ทั้งที่เราไม่มีปัญญาย้ายประเทศไปที่อื่น ต่อให้ไปรบก็ไม่ชนะเขมรหรอก

นายนพดลซะอีกที่ช่วยผลักดันล็อบบี้ให้เขมรไม่ใช้แผนที่อันเดิม ใช้อันใหม่ยื่นโดยไม่ต้องใช้เอกสารอื่นใดของไทยอีก
ก็เห็นแล้วว่าเกณฑ์การรับจดทะเบียนมันซับซ้อน ดันทะลึ่งตีความส่งเดชล่วงหน้ากันเองว่า ถ้าไทยไม่รับรอง เขมรขึ้น
ทะเบียนไม่ได้บ้างหละ หรือไม่ก็ขึ้นทะเบียนแต่ปราสาทไม่ได้มันผิดหลักเกณฑ์แล้วเป็นไง อยากรู้จะมีใครรับผิดชอบ
ข้อมูลบ้องตื้นมั้งมั้ยเนี่ย
บันทึกการเข้า
อยากประหยัดให้ติดแก๊ส
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,406



« ตอบ #2 เมื่อ: 08-07-2008, 09:06 »


http://whc.unesco.org/archive/2007/whc07-31com-24e.pdf



หลักฐานว่ารัฐบาลสุรยุทธ์สนับสนุนเขมรให้ขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกโดยไทยรับรองแข็งขัน
พอมีเรื่องก็ใส่กระโปรงโบ้ยกันอุตลุต ในรายงานของยูเนสโกก็บันทึกไว้เห็นๆ ว่ามีแต่เขมรที่ยื่น แล้วดัน
บอกว่าไทยสนับสนุนให้ยื่นร่วม อันที่จริงยื่นเดี่ยวก็ผ่านนิ่มๆ อยู่แล้ว เขมรมันจะมายื่นร่วมทำภาระอะไร
รัฐบาลก่อนคงไม่โง่ก็รู้อยู่เลยผลักดันไม่ให้ใช้แผนที่เขมรเหมือนกับนพดลมากกว่า เพราะรู้อยู่แล้วว่าไป
ห้ามอะไรเขมรไม่ได้
บันทึกการเข้า
อยากประหยัดให้ติดแก๊ส
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,406



« ตอบ #3 เมื่อ: 08-07-2008, 09:10 »

ปราสาทเขาพระวิหาร อาจเป็นระเบิดเวลา
โดย ธงชัย วินิจจะกูล

1. ธรรมชาติของเส้นเขตแดนแบบสมัยใหม่ระหว่างประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้านเปรียบเสมือนระเบิดเวลา

เส้นเขตแดนทุกแห่งในทุกวันนี้สืบทอดมรดกมาจากการเมืองแบบก่อนสมัยใหม่ซึ่งไม่สนใจการ
แบ่งพรมแดนด้วยเส้นชัดเจนต่อเนื่องไปตลอดแนว แถมยังอยู่ได้ด้วยสภาวะที่อำนาจอธิปไตยเหนือดินแดนซ้อนทับกำกวมเกินกว่าครึ่งของแนวพ
รมแดนทั้งหมดของสยาม

เขตแดนสมัยก่อนส่วนมากแค่กำหนดแนวจากจุดหนึ่งถึงอีกจุดหนึ่ง ไม่จำเป็นต้องต่อกันตลอดพรมแดน บ้างเป็นแค่หลักหมาย หลายแห่งคลุมเครือ หัวเมืองชายแดนมักอ่อนน้อมต่อเจ้าหลายฝ่ายพร้อมๆ กัน ตลอดแนวพรมแดนสมัยใหม่จึงมีบริเวณที่ไม่ชัดเจนทะเลาะกันได้ไม่รู้จบอยู่เต็มไปหมด

นี่ยังไม่นับอีกปัจจัยคือ สภาพพื้นที่ ลำน้ำ ดอนทราย ชายฝั่ง แม้แต่แนวปันน้ำสามารถเปลี่ยนแปลงได้ภายหลังตกลงเขตแดนไปแล้วในครั้งก่อนๆ

2. เขตแดนแบบชัดเจนและอธิปไตยเหนือดินแดนแบบไม่กำกวม เป็นความปรารถนาของโลกสมัยใหม่ เกิดขึ้นในภูมิภาคนี้แค่ประมาณ 100-130 ปีมานี้เอง

การถกเถียงเรื่องเขตแดน อ้างว่าดินแดนเป็นของตนโดยไม่ตระหนักถึงประวัติศาสตร์ข้อนี้จึงเป็นปัญหายากจะแก้ให้
ตกตามใจฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เพราะทุกฝ่ายสามารถหาเหตุผลครึ่งๆ กลางๆ มาเข้าข้างตนเองได้ทั้งนั้น หากลามปามต่อไปก็ต้องตัดสินด้วยการใช้กำลัง ตายไปเป็นร้อยเป็นพันก็คงแก้ไม่ตกอยู่ดี

ในเมื่อเขตแดนสมัยใหม่เป็นระเบิดเวลาของความขัดแย้งรุนแรงเช่นนี้ รัฐสมัยใหม่ที่ต้องการอยู่ร่วมกันอย่างสันติจึงใช้โต๊ะเจรจา สนธิสัญญา แผนที่

หากทะเลาะกันมากก็อาศัยคำพิพากษาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศเป็นข้อยุติความขัดแย้ง
เพื่อให้รัฐสมัยใหม่อยู่ร่วมกันได้

3. เขตแดนบริเวณเขาพระวิหาร อาศัยคำตัดสินของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศเมื่อปี 2505 เป็นข้อยุติ เพราะมิฉะนั้นอีกหนทางที่จะตัดสินได้ชั่วคราวคือ กำลังทหาร และชีวิตอีกไม่รู้เท่าไรต้องสูญเสียเพื่อชัยชนะเพียงชั่วคราว

ปัจจัยทางภูมิศาสตร์ประวัติศาสตร์ใดๆ ก็ไม่มีทางเป็นคำตอบสิ้นสุดสมบูรณ์ในกรณีนี้ (ความเข้าใจที่ว่า สันปันน้ำเป็นมาตรการแบ่งเขตแดนที่ดีที่สุดเสมอเป็นความเข้าใจผิดๆ ตื้นเขินและไม่รับผิดชอบ ตลอดแนวพรมแดนของประเทศไทย เขตแดนหลายแห่งไม่ได้แบ่งด้วยแนวสันปันน้ำ และหากเอาสันปันน้ำเป็นเกณฑ์ทั่วไป ประเทศไทยคงต้องเสียดินแดนอีกหลายแห่ง ซึ่งทุกวันนี้เป็นของไทยด้วยเกณฑ์อื่น นับรวมกันอาจมากกว่าดินแดนเขาพระวิหารมากนัก - เอาอย่างนั้นไหมล่ะ?)

กรณีปราสาทเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกนั้น หากเป็นแค่ความถูกผิดทางปฏิบัติก็ยังน่าจะหาทางออกได้ คือ ระหว่างแผนที่ - แผนผังกระบวนการขออนุมัติ ลงนาม ทำสัญญาร่วม การแก้ปัญหาพื้นที่ทับซ้อน ฯลฯ แต่ขณะนี้ได้เลยเถิดเกินกว่าความถูกผิดในทางปฏิบัติเหล่านี้ไปมากแล้ว

คือ เกิดการฉวยใช้กรณีนี้เพื่อปลุกระดมโมหะของคนไทยว่าปราสาทเป็นของไทย และประเทศไทยควรเอาปราสาทคืนมาเป็นของไทย

ผู้นำพรรคการเมืองพูดเช่นนี้ชัดๆ ผู้นำพันธมิตรหลายคนพูดเช่นนี้ชัดๆหลายครั้ง ผู้มีชื่อเสียงหลายคนในสังคมไทยออกมาพูดเช่นนี้ชัดๆ ปลุกความเชื่อผิดๆ และอันตราย ปลุกชาตินิยมเพ้อเจ้ออย่างไม่รับผิดชอบ

เราควรเคารพข้อยุติที่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศวางไว้ เพราะกล่าวอย่างถึงที่สุด ประเทศไทยไม่มีข้ออ้างใดๆ ที่ดีไปกว่ากัมพูชาในเรื่องนี้ ถึงจะรื้อฟื้นขึ้นมาก็คงไม่ชนะ เว้นเสียแต่จะส่งทหารไปตายเพื่อชัยชนะชั่วคราว

4. ความคิดความเชื่อเรื่อง "การเสียดินแดน" แพร่หลายในหมู่นักชาตินิยมขาดสติทั้งหลายในภูมิภาคนี้ (และอีกหลายแห่งในโลก)

นักชาตินิยมลาวเคยพูดว่า ลาวเสียฝั่งขวาน้ำโขง (คือภาคอีสานของไทยปัจจุบัน) ให้แก่สยาม นักชาตินิยมเขมรยังโฆษณาอยู่จนทุกวันนี้ว่า กัมพูชาเสียดินแดนให้ไทยและเวียดนามไปมากมาย สงครามระหว่างกัมพูชา-เวียดนามยุคเขมรแดงก็เพื่อเอาดินแดนเขมรบริเวณที่ราบลุ่มปากน้ำโขงคืนมานั่นเอง

นักชาตินิยมกัมพูชายังคงผลิตแผนที่การเสียดินแดนของกัมพูชาเผยแพร่แก่ชาวเขมรให้คิดเ
จ็บแค้นว่าไทยและเวียดนามเอาดินแดนของเขาไป

นักชาตินิยมไทยผลิตแผนที่ไทยเสียดินแดนเช่นกัน ทั้งแผนที่และประวัติศาสตร์การเสียดินแดนยังเป็นเรื่องสำคัญในหลักสูตรอบรมสั่งสอนคน
ไทยตลอดมาหลายชั่วคน อยู่ในสมองของคนไทยทั้งประเทศจนไม่เคยสงสัยเลยสักนิดว่า การเสียดินแดนเป็นแค่การตีความประวัติศาสตร์เข้าข้างตัวเองของนักชาตินิยมไทย

การเสียดินแดน ยังเป็นประวัติศาสตร์ที่เชื่อกันอย่างหัวปักหัวปำในอีกหลายประเทศ รวมทั้งจีน เวียดนาม ปากีสถาน ฯลฯ เสียดินแดนกันทั้งนั้น เพราะประวัติศาสตร์ฝ่ายตัวเองเขียนไว้อย่างนั้น

เพราะความคิดเรื่องการเสียดินแดนเป็นเครื่องมือทางอุดมการณ์อันทรงพลังเพื่อปลุกเร้า
ค้ำจุนลัทธิชาตินิยม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อเป็นเครื่องมือสำหรับการต่อสู้ทางการเมืองภายในประเทศ คราใดที่การปลุกระดมเรื่องการเสียดินแดนนำไปสู่การสู้รบแย่งชิงดินแดนจริงๆ ความหายนะสูงมากทุกครั้ง

แต่แทบไม่มีสักกรณีเดียวที่นักชาตินิยมผู้จุดกระแสการเสียดินแดนจะไปออกรบในแนวหน้าเ
พื่อเอาดินแดนคืนมา

5. ลัทธิชาตินิยมของไทย อยู่บนฐานความเชื่อสำคัญๆ จำนวนหนึ่งที่มีพลังก่อให้เกิดโทสะและโมหะได้ง่ายมาก ทั้งๆ ที่อาจจะไม่เป็นความจริงทางประวัติศาสตร์ หรือเป็นประวัติศาสตร์แบบทึกทักเข้าข้างตัวเอง

แต่คนไทยก็เชื่อกันอย่างหัวปักหัวปำ

ความเชื่อเรื่องการเสียดินแดนเป็นหนึ่งในเรื่องพรรค์นั้น ความเชื่อนี้เป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความทรงจำผิดๆ ของประวัติศาสตร์ไทยทั้งหมด แต่ความเชื่อเรื่องนี้เป็นปัจจัยที่จำเป็นมาก เพื่อค้ำจุนลัทธิชาตินิยมของไทย

ถ้าไม่มีความเชื่อเรื่องเสียดินแดน ลัทธิชาตินิยมไทยอาจพังครืน จึงจำเป็นต้องกรอกหัวประชากรด้วยความทรงจำผิดๆ ทำบ่อยๆ มากๆ จนประชากรเชื่อว่าเป็นเรื่องจริงอย่างไม่ต้องสงสัยไร้ข้อโต้แย้ง

6. "ไฟ" ของลัทธิชาตินิยมยังคงอันตรายดังที่เป็นมาตลอด

ยังคงเป็นอาวุธที่น่ากลัวในการเมืองไทยในปัจจุบัน ไม่ต่างจากที่เป็นมาตลอด

พันธมิตรและสื่อมวลชนที่มีแต่ความรักชาติแต่ขาดสติปัญญา กำลังทำสิ่งเดียวกันกับที่พวกเขาเคยประณามชาวเขมรเมื่อคราวนักชาตินิยมเขมรปลุกกระแส
ต่อต้านประเทศไทยเมื่อปี 2548

ชาตินิยมก็เหมือนกับไฟ เราไม่ควรเล่นกับมันเพราะอันตราย หากสุมกันเข้าไปจนควบคุมไม่ได้ กว่าจะรู้ตัวก็มักจะสายเสียแล้ว

(บางคนช่วยสุมไฟชาตินิยมจนคุโชน กล่าวว่าคนไทยยังชาตินิยมไม่พอ ประวัติศาสตร์ไทยยังชาตินิยมไม่พอ แล้วตบท้ายว่า "แต่ต้องสันตินะ สันตินะ" นับเป็นการปัดความรับผิดชอบล่วงหน้าอย่างน่าสมเพชในกรณีที่ไฟชาตินิยมลุกลามปามเกินค
วบคุมได้)

"ไฟ" ชาตินิยม เป็นบ่อเกิดของโทสะ โมหะ ตามคำสอนของพุทธศาสนา เป็นไฟของอวิชชาชนิดร้ายแรงที่สุดอย่างหนึ่ง

7. อย่าเล่นกับไฟอย่างไร้ความรับผิดชอบ หากไม่กล้านำหน้าออกไปรบ ก็อย่าสุมไฟ

หากพวกชาตินิยมไร้สติ ต้องการเอาเขตแดนที่มีปัญหาทั้งหลายมาเป็นของไทย มีเขตแดนอีกนับร้อยแห่งให้เลือกที่จะส่งทหารไปตาย แต่ลงท้ายรับรองได้เลยว่าไม่มีทางยุติข้อขัดแย้งได้ด้วยกำลังทหาร

ยังจำกรณีพิพาทไทย-ลาว เมื่อต้นปี 2531 เพื่อยึดเนิน 1428 ได้หรือไม่? เนินเขาที่แทบไม่มีผู้คนอาศัยอยู่และเป็นที่รู้จักด้วยตัวเลขบนแผนที่ทหารเป็นเหตุให
้ไทยสูญเสียทหารไปหลายร้อยคน

ยังจำกันได้หรือไม่?

กรณีนั้นกลายเป็นเรื่องเล่าขานต่อมาในประเด็นเรื่องความสามารถของผู้นำทหารของไทยและ
ผลประโยชน์ป่าไม้ที่เป็นชนวนให้สองฝ่ายแย่งชิงกัน รากเหง้าของปัญหาเขตแดนกลับไม่มีคนพูดถึง

รากเหง้าของปัญหาเขตแดนกรณีนั้นมาจากสนธิสัญญาไทย-ฝรั่งเศส 1907 ที่พยายามขีดเส้นบนพื้นที่ที่ไม่เคยมีเส้นเขตแดนชัดเจนมาก่อน ประชาชนแถวนั้นก็ปะปนผูกพันกันจนแยกไม่ได้ว่าตรงไหนไทยตรงไหนลาว แถมยังทำสนธิสัญญาก่อนการสำรวจพื้นที่ภูมิประเทศอย่างละเอียด ชื่อลำน้ำสันเขาตามสนธิสัญญากับชื่อท้องถิ่นจึงลักลั่นกันแต่ต้น

ต่อมาในกรณีพิพาทนั้น ลาวกับไทยอ้างแผนที่คนละฉบับ จากการสำรวจที่กระทำต่างกัน 60-70 ปี (เรื่องตลกคือฝ่ายไทยอ้างแผนที่ฝรั่งเศสประกอบสนธิสัญญา 1907 ที่คนไทยไม่ยอมรับและเกลียดนักหนา ส่วนฝ่ายลาวอ้างแผนที่อเมริกันซึ่งทำขึ้นช่วงสงครามถล่มเวียดนาม ลาว และกัมพูชา) ระหว่างนั้น ลำน้ำเล็กๆ ที่เป็นเส้นแบ่งเขตแดนก็เปลี่ยนไปทั้งชื่อท้องถิ่นและแนวลำน้ำ กล่าวคือ แนวลำน้ำเดิมแห้งขอดไป แต่เกิดแนวลำน้ำใหม่ชื่อใหม่ที่ไม่เคยมีอยู่ในแผนที่ฉบับเก่า ชื่อลำน้ำสายเดิมที่เป็นเส้นเขตแดนตามแผนที่เก่าจึงเลอะเลือนไปจากความทรงจำของท้องถ
ิ่น แนวลำน้ำที่เปลี่ยนไปย่อมหมายความว่าสันปันน้ำเปลี่ยนไปด้วย หากถือตามแผนที่คนละฉบับที่ทำกันคนละเวลา เนินที่เคยนับว่าอยู่ในแนวเขตแดนของประเทศหนึ่งก็กลับย้ายไปอยู่ในแนวเขตแดนของอีกปร
ะเทศหนึ่งแทน

แม้แต่ชื่อของลำน้ำตามที่ปรากฏในหนังสือพิมพ์ของไทยก็ยังผิดๆ ตลอดระยะกรณีพิพาท เพราะอักษรโรมันในแผนที่เก่าถูกทับด้วยเส้น contour lines ครั้นอ่านอย่างมักง่ายเอาสะดวก ไม่มีการตรวจสอบ จึงกลายเป็นชื่อใหม่ที่อาจก่อให้เกิดการทะเลาะกันใหม่ได้ในอนาคต

ทหารของสองประเทศตายไปเป็นพันคน เพื่ออะไร?

ตอบ
1.เพื่อสนองโลภะความกระหายผลประโยชน์ที่ทหารผู้เสียชีวิตไม่มีส่วนได้ด้วยสักนิด

2.เพื่อสนองชาตินิยมที่พอกพูนด้วยโทสะและโมหะจนไร้สติ ไม่ไตร่ตรองปัญหาจากประวัติศาสตร์ ไม่รู้จักธรรมชาติของพื้นที่และไม่สนใจหาความรู้ท้องถิ่น

3.เพื่อหวังเปลี่ยนชาตินิยมเบาปัญญาที่ไม่มีปัญญาพอที่จะเอาชนะแม้กระทั่งเส้น contour lines บนแผนที่ ให้กลายเป็นชัยชนะอันน่าภาคภูมิใจของชาติ

โศกนาฏกรรมอันเนื่องมาจากชาตินิยมเบาปัญญาในเรื่องเขตแดนเคยเกิดมาแล้ว จะให้เกิดอีกร้อยครั้งก็ได้ ไร้สาระยิ่งกว่ากรณีเนิน 1428 ก็ได้

แต่จะให้เกิดอีกแม้แต่ครั้งเดียวเพื่อสนองความเบาปัญญาของนักชาตินิยมทำไมกัน?

8. การใช้ปราสาทเขาพระวิหารเพื่อปลุกชาตินิยมอาจนำไปสู่โศกนาฏกรรมที่เลวร้ายกว่าคราวก่อนๆ
http://www.matichon.co.th/matichon/maticho...;sectionid=0130
บันทึกการเข้า
mebeam
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 634


Fear can hold you prisoner. Hope can set you Free.


« ตอบ #4 เมื่อ: 08-07-2008, 09:12 »

เป็นอย่างที่นายนพดล บอกจริงๆ ถ้าแผนที่เก่าคาอยู่
 ยูเนสโก ก็มีสิทธิ์อนุมัติ  เพราะเค้าคิดว่า มรดกโลก
อยู่เหนือข้อพิพาท ทางการเมือง  และกรรมการก็เสร็จเขมรไปเรียบร้อยแล้ว
ระหว่างที่เรา มะงุมมะงาหราอยู่ ช่วงปฏิวัติ
 
บันทึกการเข้า
p
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,264


« ตอบ #5 เมื่อ: 08-07-2008, 09:13 »

ในที่สุดก็ปรากฏผลชัดเจนออกมาแล้วครับว่า
นพดล ปัทมะขายชาติ
นพดล ปัทมะขายชาติ
นพดล ปัทมะขายชาติ


 


บันทึกการเข้า

ถ้ามัวคิดแต่จะโกงและเอาเปรียบคนอื่น จะสอนลูกหลานให้เป็นคนดีได้อย่างไร
55555
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,263



« ตอบ #6 เมื่อ: 08-07-2008, 09:50 »

เป็นอย่างที่นายนพดล บอกจริงๆ ถ้าแผนที่เก่าคาอยู่
 ยูเนสโก ก็มีสิทธิ์อนุมัติ  เพราะเค้าคิดว่า มรดกโลก
อยู่เหนือข้อพิพาท ทางการเมือง  และกรรมการก็เสร็จเขมรไปเรียบร้อยแล้ว
ระหว่างที่เรา มะงุมมะงาหราอยู่ ช่วงปฏิวัติ
 


อ้างถึง
พล.อ.วัธนชัย ฉายเหมือนวงศ์ อดีตที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง สมัยรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า สมัยนั้นมีการ สนับสนุนกัมพูชาเพื่อขึ้นทะเบียนปราสาทเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกจริง แต่เป็นการยินยอมที่จะขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกร่วมกันเท่านั้น เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องเหมาะสมหากมีการขึ้นทะเบียนร่วมกัน แต่ภายหลังประเทศกัมพูชาได้ไปเสนอขอขึ้นทะเบียนแต่เพียงฝ่ายเดียว ซึ่งรัฐบาลสมัยนั้นได้ทำเรื่องประท้วงและคัดค้านการกระทำของกัมพูชา ทำให้ทางยูเนสโกให้ทั้งไทยและกัมพูชามาตกลงกัน จนล่าสุดนายนพดลได้ไปเซ็นลงนามร่วมกับกัมพูชาในที่สุด

"นายนพดลทำผิดหลายข้อ ถือว่าไม่รอบคอบ รีบร้อนที่จะเซ็นเพื่อผลประโยชน์ ความจริงควรจะพูดกันมากกว่านี้ ตกลงในรายละเอียดให้แน่ชัดจึงจะเซ็นร่วมกันได้ คิดว่านายนพดลรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เข้าใจผิดคิดว่าเป็นการเซ็นเพื่อสนับสนุนการขึ้นทะเบียนมรดกโลกเท่านั้น ไม่ได้เป็นการยินยอมให้ขึ้นทะเบียนแต่เพียงฝ่ายเดียว แต่การเซ็นสัญญาร่วมกันระหว่างประเทศครั้งนี้ ถือเป็นสนธิสัญญา ซึ่งต้องผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา แต่นายนพดลไปร่วมลงนามก่อนที่รัฐสภาจะรับทราบ จึงเข้าข่ายผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 190" อดีตที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีกล่าว และว่า ความจริงเป็นสิทธิของไทยที่จะไม่ยอมให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารแต่เพียงฝ่ายเดียว เพราะตามหลักกฎเกณฑ์ในการขึ้นทะเบียนโบราณวัตถุเป็นมรดกโลกจะต้องได้รับความเห็นร่วมกันของทั้ง 2 ประเทศ และขึ้นอยู่กับข้อตกลงของทั้ง 2 ประเทศ แต่เมื่อนายนพดลเซ็นลงนามร่วมไปแล้วคงแก้ไม่ได้ และขณะนี้ถือว่าทางกัมพูชาได้เปรียบ ไทยต้องรีบนำคำสั่งของศาลปกครองไปชี้แจงยูเนสโก



อันนี้เอามาให้คุณ mebeam อ่าน

อ้างถึง
@ "นิตย์"โต้หนุนพระวิหาร"มีเงื่อนไข"

นายนิตย์ พิบูลสงคราม อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม ตอบโต้นายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศว่า การลงนามในมติคณะกรรมการการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ อนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองมรดกโลกทางวัฒนธรรมและธรรมชาติ คณะกรรมการมรดกโลกสมัยประชุมที่ 31 เมืองไครส์เชิร์ช ประเทศนิวซีแลนด์ ระหว่างวันที่ 23 มิถุนายน-2 กรกฎาคม 2550 สมัยรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ เป็นการสนับสนุนแบบมีเงื่อนไข ว่าไทยเห็นด้วยว่าปราสาทพระวิหารมีความจำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือในหลายด้าน ทั้งเรื่องการเงินและเรื่องเทคนิค แต่การดำเนินการต่างๆ เหล่านั้นจำเป็นต้องมีความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างไทยและกัมพูชา นอกจากนี้ ยังเห็นว่าสิ่งที่จำเป็นคือการที่ทั้งสองประเทศต้องร่วมกันจัดทำแผนการบริหารพื้นที่ซึ่งมีความเหมาะสมด้วย "หากกัมพูชาไม่ดำเนินการเราก็มีสิทธิที่จะบอกว่าเราไม่เห็นด้วย" นายนิตย์กล่าว

ทั้งนี้ การให้สัมภาษณ์ของนายนิตย์ครั้งนี้เกิดขึ้นภายหลังนายนพดลระบุ ระหว่างวันที่ 23 มิถุนายน-2 กรกฎาคม 2550 มีการประชุมคณะกรรมการการศึกษาวิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ อนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองมรดกโลกทางวัฒนธรรมและธรรมชาติ คณะกรรมการมรดกโลกสมัยประชุมที่ 31 เมืองไครส์เชิร์ช ประเทศนิวซีแลนด์ มีการลงนามในมติคณะกรรมการในสมัยรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ว่า "รัฐภาคีกัมพูชา และรัฐภาคีไทยเห็นพ้องอย่างเต็มที่ว่า ปราสาทพระวิหารอันศักดิ์สิทธิ์ มีคุณค่าสากลที่โดดเด่นและจะต้องได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยเร็วที่สุด ดังนั้น ไทยและกัมพูชาตกลงกันว่ากัมพูชาจะเสนอขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกอย่างเป็นทางการในสมัยประชุมที่ 32 ของคณะกรรรมการมรดกโลกในปี 2551 โดยการสนับสนุนอย่างแข็งขันจากไทย" ดังนั้น จึงไม่แน่ใจว่า การเดินทางไปแคนาดาระหว่างนี้ จะขอเลื่อนการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกในเรื่องนี้ออกไป และไม่ให้แถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา ลงวันที่ 18 มิถุนายน 2551 ตามคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวของศาลปกครองได้หรือไม่



ไปจำขี้ปากปองพล มา.....ปองพลพูดเอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น....

ไม่ใช่ ขิงแก่ มัวแต่มัวแต่ มะงุมมางาหรา.....

แต่ ทำในสิ่งที่ควรทำ...ไม่ใช่ทำในสิ่งที่เบาปัญญา แบบที่นพพลทำ....


 
บันทึกการเข้า
นค
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 86


« ตอบ #7 เมื่อ: 08-07-2008, 10:19 »

หากอ่านข้อมูลเรื่องเขาพระวิหารให้ลึกซึ้ง  และอย่างคนที่มีปัญญา  พุทธิปัญญา  ไม่ใช่ความคิดอย่างตะวันตกแล้ว
คนไทยรักชาติกลุ่มหนึ่ง เข้าใจการเปลี่ยนแปลงของโลกดี  และพยายามอย่างมากที่จะแก้ปัญหาด้วยการให้

ไทย-กัมพูชา  ขึ้นทะเบียนมรดกโลกร่วมกัน  ซึ่งตามเงื่อนไขนั้นก็ทำได้  เป็นประโยชน์ร่วมกัน

แต่  เขมร  ต้องการขึ้นทะเบียนมรดกโลกเพียงฝ่ายเดียว  และได้
รบ  พรรคปล้นชาติ  นพดล   ปองพล  (ชื่อเหล่านี้ต้องจารึกบนหนังหมา)
และตระกูลโคตรโกง และโกงทั้งโคตร  เห็นแก่ประโยชน์ตนมากกว่าประโยชน์

อาศัยอำนาจหน้าที่  ซึ่งได้มาโดยมิชอบ  และการกระทำกินสินบาทคาดสินบน
ไปมีสิ่งที่เรียกว่า   active  support  จนทำให้ต้องเสียเขาพระวิหารไป

----------------------- คนไทยต้องการให้มีการขึ้นทะเบียนร่วมกัน  ซึ่งจะแก้ปัญหาพื้นที่ทับซ้อนได้ง่ายกว่า
การปล่อยให้เขมรขึ้นทะเบียนไปปรเทศเดียว


-------------------------------

คนไทยรักชาติกลุ่มหนึ่งต้องการให้มีการขึ้นทะเบียนมรดกโลกร่วมกัน
ไม่ใช่  ไทย  หรือ เขมร  ขอขึ้นประเทศเดียว

แต่ก็ทำไม่ได้เสียแล้ว

ปล.  ธงชัย  วินิจจะกูล  ถ้าขาดพุทธิปัญญา  ที่จะเข้าใจรากเหง้าของตัวเอง
ก็อย่าเสนอหน้าเขียนแสดงความเห็นใด ๆ เกี่ยวกับประเทศไทย
และอย่าเอารากเหง้าตะวันตกมาวิเคราะห์รากเหง้าของประเทศไทย

และถ้าคิดว่าเป็นคนเก่งนัก  เข้าใจโลกตะวันตก  เอาปัญญามาวิเคราะห์สังเคราะห์ช่วยเหลือประเทศชาติไทย
อย่างนี้จึงจะเรียกว่า  เป็นมนุษย์ 

ไม่ใช่เอารากเหง้าตะวันตก มาทำลายคนในประเทศไทย
แล้วเขียนดูถุกคนไทย  เอาชนะการเปลี่ยนแปลงโลกไม่ได้

คนไทยที่มีพุทธิปัญญา  รู้ว่า  นี่ไม่ใช่เรื่องแพ้ชนะ  แต่เป็นเรื่องผลประโยชน์ของคนกลุ่มหนึ่ง
ที่เอา  ชาติ  มาหาผลประโยชน์ให้กับพวกตน
ภาษาชาวบ้านเขาเรียกว่า พวกขายชาติ 


บันทึกการเข้า
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #8 เมื่อ: 08-07-2008, 10:36 »

กัมพูชาได้ขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก

คกก.มรดกโลกรับขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกของกัมพูชาแล้ว พร้อมกับเมืองมะละกา-ปีนัง ของมาเลเซีย และแหล่งเกษตรโบราณปาปัวนิวกินี "ปองพล"เสียงอ่อยไทยอาจได้จดทะเบียนบริเวณอุทยานรอบปราสาทและเทือกพนมดงรัก

กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์ : สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า คณะกรรมการมรดกโลกของยูเนสโกมีมติขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกของกัมพูชาแล้ว จากการประชุมที่เมืองควิเบก ประเทศแคนาดา เมื่อวันจันทร์ที่ 7 ก.ค.ที่ผ่านมา ตามเวลาประเทศไทยประมาณ 23.00 น.

การประชุมครั้งนี้มีขึ้นระหว่างวันที่ 2-10 กรกฎาคม 2551 โดยมีแหล่งโบราณที่ได้รับการเสนอชื่อขึ้นทะเบียนมรดกโลกทั้งหมด 45 แห่ง

โดยปราสาทพระวิหารได้รับการขึ้นทะเบียนพร้อมๆ กับเมืองมะละกาและปีนังของมาเลเซีย และแหล่งการเกษตรยุคโบราณในปาปัวนิวกินี

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่คณะกรรมการมรดกโลกจะมีคำตัดสิน นายปองพล อดิเรกสาร ประธานกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลกของไทย ซึ่งไปสังเกตการณ์การประชุมคณะกรรมการมรดกโลก ครั้งที่ 32 ในฐานะรัฐภาคีอนุสัญญามรดกโลก ให้สัมภาษณ์ว่า คณะกรรมการมรดกโลก 21 ประเทศ ส่วนใหญ่เห็นว่าควรขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารตามที่กัมพูชาเสนอ เพราะเข้า 1 ใน 3 หลักเกณฑ์ แต่การขึ้นทะเบียนจะไม่ทำให้ไทยเสียดินแดน เนื่องจากกัมพูชายื่นจดทะเบียนปราสาทพระวิหาร ซึ่งตามแผนที่แนบท้ายแถลงการณ์ร่วมที่ไทยและกัมพูชาตกลงกันไว้ว่า จะขึ้นทะเบียนเฉพาะตัวปราสาท ซึ่งไม่ล้ำเข้ามาในเขตไทย

นายปองพล กล่าวว่า คณะกรรมการมรดกโลกเสนอทางออกให้แก่ประเทศไทย โดยให้ไทยเสนออุทยานเขาพระวิหาร และพื้นที่ป่าสมบูรณ์เทือกเขาพนมดงรัก ซึ่งอยู่ในเขตไทย และให้สำรวจจัดทำข้อมูลแหล่งโบราณสถานในพื้นที่ดังกล่าว เพื่อขอเสนอเป็นมรดกโลกให้เร็วที่สุด

ส่วนกรณีที่ไทยส่งหนังสือการคุ้มครองชั่วคราวของศาลปกครองให้คณะกรรมการมรดกโลกพิจารณานั้น ที่ประชุมแจ้งว่ารับทราบแล้ว แต่การจะให้เลื่อนการพิจารณาปราสาทพระวิหารออกไปคงไม่ได้ เพราะได้เลื่อนมาครั้งหนึ่งแล้ว คณะกรรมการมรดกโลกได้ตัดสินว่าปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกของกัมพูชา เมื่อเวลาประมาณ 23.00 น. ของวันที่ 7 ก.ค.ที่ผ่านมา ตามเวลาประเทศไทย

ขณะที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า ความขัดแย้งกรณีปราสาทพระวิหารระหว่างไทยกับกัมพูชา อยากให้ประชาชนทั้งสองประเทศสร้างความเข้าใจ เพื่อให้สถานการณ์ในพื้นที่ดีขึ้น เพราะการใช้ความรุนแรงไม่ใช่ทางแก้ปัญหา


http://www.bangkokbiznews.com/


'ปองพล' อยู่ในประเทศไทย พูดจาขึงขัง
ไปแคนาดา ทำตาละห้อย......

เป็น'จิ้งจกเปลี่ยนสี'.........ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า


ปล. คอยต้อนรับ'วีรบุรุษ'ของนักธุรกิจการเมืองแม๊วกลับรัฐบาลนอมินี ดีกว่า.... Exclamation

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-07-2008, 10:38 โดย ปุถุชน » บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
mebeam
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 634


Fear can hold you prisoner. Hope can set you Free.


« ตอบ #9 เมื่อ: 08-07-2008, 10:43 »

     ยังไปงมเรื่องเซ็นอยู่อีก  กัมพูชาไม่ได้เอาแถลงการร่วมไปแนบยื่น
ดังนั้น คุณนพดลจะเซ็น หรือ ไม่เซ็น ก็ไม่สามารถยับยั้งการจดทะเบียนได้
ถึงแม้ คุณนพดลจะอยากขายชาติขนาดไหน เขาก็ไม่สนใจ นาทีนี้เขาไม่ง้อแถลงการร่วมแล้ว
 
      เค้าแนบ แผนที่ตามมติครม. 2505 กับ คำตัดสินศาลโลก
งานนี้ คุณนพดลก็เกี่ยวข้องเหลือกรณีเดียว ที่ ดันไปเจรจาให้เค้า
เปลี่ยนแผนที่ ให้
เหลือแต่ตัวปราสาท แทนที่จะรวมที่ทับซ้อนแบบเดิม


 ( เลิกพูดกันได้แล้ว ที่ จะขอเลื่อน ,จะขอจดร่วม ,หรือว่าถ้าไทยไม่สนับสนุนหรือคัดค้านแล้วกัมพูชาจะจดไม่ได้  
 มันไม่เคย เป็นความจริงเลย  ยอมรับกันได้แล้ว )

 
บันทึกการเข้า
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #10 เมื่อ: 08-07-2008, 11:17 »


ไปจำขี้ปากปองพล มา.....ปองพลพูดเอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น....

ไม่ใช่ ขิงแก่ มัวแต่มัวแต่ มะงุมมางาหรา.....

แต่ ทำในสิ่งที่ควรทำ...ไม่ใช่ทำในสิ่งที่เบาปัญญา แบบที่นพพลทำ....


 


การเป็นสมาชิกบ้านเลขที่ 111 แล้วมารับตำแหน่งประธานฯ มรดกโลก
แทนคนเก่าที่คัดค้านการขึ้นทะเบียนฝ่ายเดียว ก็เป็นที่น่าสังเกตอยู่แล้ว

ในที่สุดคุณปองพลก็ไม่ได้ทำอะไรเพื่อปกป้องผลประโยชน์ชาติจริงๆ
จะให้มองเป็นทางอื่นอย่างไร ถ้าไม่ใช่นัดกันเข้ามาทำงานเป็นทีม 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-07-2008, 11:20 โดย jerasak » บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
อยากประหยัดให้ติดแก๊ส
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,406



« ตอบ #11 เมื่อ: 08-07-2008, 11:18 »

    ยังไปงมเรื่องเซ็นอยู่อีก  กัมพูชาไม่ได้เอาแถลงการร่วมไปแนบยื่น
ดังนั้น คุณนพดลจะเซ็น หรือ ไม่เซ็น ก็ไม่สามารถยับยั้งการจดทะเบียนได้
ถึงแม้ คุณนพดลจะอยากขายชาติขนาดไหน เขาก็ไม่สนใจ นาทีนี้เขาไม่ง้อแถลงการร่วมแล้ว
 
      เค้าแนบ แผนที่ตามมติครม. 2505 กับ คำตัดสินศาลโลก
งานนี้ คุณนพดลก็เกี่ยวข้องเหลือกรณีเดียว ที่ ดันไปเจรจาให้เค้า
เปลี่ยนแผนที่ ให้
เหลือแต่ตัวปราสาท แทนที่จะรวมที่ทับซ้อนแบบเดิม


 ( เลิกพูดกันได้แล้ว ที่ จะขอเลื่อน ,จะขอจดร่วม ,หรือว่าถ้าไทยไม่สนับสนุนหรือคัดค้านแล้วกัมพูชาจะจดไม่ได้  
 มันไม่เคย เป็นความจริงเลย  ยอมรับกันได้แล้ว )

 

กลายเป็นคำสั่งศาลรับรองความบริสุทธิ์ให้นพดลไป เพราะว่าอะไรของไทยที่เกี่ยวข้องกับ
เรื่องนี้ไม่ได้ใช้ประโยชน์ทั้งหมดตามคำสั่งของศาลปกครอง แต่เขมรก็สามารถยื่นฝ่ายเดียว
ได้นิ่มๆ ไม่รู้ว่าใครควรจะต้องแสดงความรับผิดชอบแทนวีรบุรุษนพดลที่ช่วยให้เขมรไม่เอา
แผนที่ฉบับเขมรไปยื่น สงสัยจะมีแต่หน้าตัวเมีย
บันทึกการเข้า
อยากประหยัดให้ติดแก๊ส
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,406



« ตอบ #12 เมื่อ: 08-07-2008, 11:20 »

การเป็นสมาชิกบ้านเลขที่ 111 แล้วมารับตำแหน่งประธานฯ มรดกโลก
แทนคนเก่าที่คัดค้านการขึ้นทะเบียนฝ่ายเดียว ก็เป็นที่น่าสังเกตอยู่แล้ว

ในที่สุดคุณปองพลก็ไม่ได้ทำอะไรเพื่อปกป้องผลประโยชน์ชาติจริงๆ

ผลประโยชน์ชาติคือไปเอาเขาพระวิหารของเขมรมาเป็นของไทยเหรอ
สมัยน้าชาติเปลี่ยนสนามรบเป็นสนามการค้า แต่สมัยนี้มีพวกบ้องตื้นอยาก
เปลี่ยนสนามการค้าเป็นสนามรบ ทั้งที่ใครๆ ก็รู้ว่ารบไปก็แพ้ ค้าขายดีกว่า
บันทึกการเข้า
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #13 เมื่อ: 08-07-2008, 11:28 »

ผลประโยชน์ชาติคือไปเอาเขาพระวิหารของเขมรมาเป็นของไทยเหรอ
สมัยน้าชาติเปลี่ยนสนามรบเป็นสนามการค้า แต่สมัยนี้มีพวกบ้องตื้นอยาก
เปลี่ยนสนามการค้าเป็นสนามรบ ทั้งที่ใครๆ ก็รู้ว่ารบไปก็แพ้ ค้าขายดีกว่า

ผมคงพูดผิดไป ความจริงเขาปกป้องผลประโยชน์ของ ชาติเขมร 
บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
อยากประหยัดให้ติดแก๊ส
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,406



« ตอบ #14 เมื่อ: 08-07-2008, 11:34 »

ผมคงพูดผิดไป ความจริงเขาปกป้องผลประโยชน์ของ ชาติเขมร 

นายปองพลกล่าวต่อว่า กัมพูชาได้เปลี่ยนแปลงข้อเสนอต่อคณะกรรมการมรดกโลก โดยได้เสนอแผนที่ แนบตามมติ ครม.ปี 2505 และตามคำตัดสินของศาลโลกที่ให้สิทธิครอบครองตัวปราสาท ทั้งนี้ คณะกรรมการมรดกโลกจะเริ่มพิจารณาการขึ้นทะเบียนในวันที่ 8 ก.ค. เป็นลำดับสุดท้ายจากวาระทั้งหมด 47 เรื่อง เพื่อให้ไทยและกัมพูชามีเวลาเจรจากัน โดยจะมีตัวแทนจากคณะกรรมการมรดกโลกมาพบคู่กรณีที่อยู่คนละห้องกัน และจะนำเสนอท่าทีจากคู่กรณีไปให้อีกฝ่ายหนึ่งทราบ เพื่อที่จะให้ทั้ง 2 ฝ่ายแก้ไขตกลงกันจนเป็นที่พอใจ ดังนั้นในการตัดสินที่จะพิจารณาให้เป็นมรดกโลกในกรณีที่มีคู่กรณีจะไม่ใช่การลงคะแนนในที่ประชุมใหญ่ 

แค่เงื่อนไขอิคอมโมสก็ฉลุย

นายปองพลกล่าวว่า เราต้องยอมรับว่ามีเหตุการณ์ หนึ่งเกิดขึ้นโดยสภาการโบราณสถานระหว่างประเทศหรืออิคอมโมส (ICOMOS) ซึ่งเป็นองค์กรที่สำรวจและวิจัย พร้อมทั้งทำรายงานและทำข้อเสนอแนะ โดยพิจารณาจากหลักเกณฑ์การขอขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางด้านวัฒนธรรม ทั้งหมด 10 หลักเกณฑ์ โดยเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ 4 หลักเกณฑ์ และมรดกทางวัฒนธรรม 6 หลัก เกณฑ์ ซึ่งทางกัมพูชาขอขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก 3 หลัก เกณฑ์จาก 6 หลักเกณฑ์ คือหลักเกณฑ์ 1, 3 และ 4 ซึ่งเมื่อกัมพูชาขอเปลี่ยนแปลงการขึ้นทะเบียน โดยขอขึ้นเฉพาะตัวปราสาท ทำให้ผ่านหลักเกณฑ์ข้อ 1 ข้อเดียวคืออัจฉริยภาพทางด้านการสร้างสรรค์ เมื่อกัมพูชาได้ใช้รายงานของอิคอมโมสเป็นหลักในการเสนอขึ้นทะเบียนผ่านหลักเกณฑ์ 1 ใน 6 ก็ถือว่าผ่านหลักเกณฑ์ที่ 1 แล้ว แม้จะตกในข้อ 3 กับ 4 ก็ตาม แต่เรื่องนี้จะมีผลทางจิต วิทยา และความชอบธรรมทำให้สมาชิกของหลายประเทศวิจารณ์ กันมาก โดยเฉพาะประเทศที่เสนอขึ้นเป็นมรดกโลกแล้วไม่ผ่านการพิจารณา เช่น เกาะบาหลี ที่อินโดนีเซีย และเมืองมะละกา ที่มาเลเซีย ที่เสนอไป 4 หลักเกณฑ์ แต่ตกทั้งหมด ขณะที่กัมพูชาเสนอ 3 ตกไป 2 แต่ผ่านหลักเกณฑ์ของอิคอมโมส   

รัฐบาลปฏิวัติทำให้เสียเปรียบ 

“ที่เราเสียเปรียบกัมพูชามาตลอด เพราะว่ารัฐบาลกัมพูชานำประเด็นนี้เป็นวาระแห่งชาติและดำเนินการต่อเนื่องมาถึง 2 ปี และเป็นรัฐบาลเดียวกันจึงมีความต่อเนื่อง ในขณะที่ไทยมีการปฏิวัติเปลี่ยนรัฐบาลจึงทำให้ ขาดตอนในการดำเนินการ อีกทั้งการปฏิวัตินี้ทำให้ประเทศที่เป็นประชาธิปไตยเต็มที่อย่างสหรัฐอเมริกาไม่สนับสนุนรัฐบาลที่มาจากการปฏิวัติ จึงหันไปสนับสนุนกัมพูชาแทน และกัมพูชาก็ขอความสนับสนุนจากสหรัฐฯ โดยสหรัฐฯ ส่งทีมสำรวจศึกษาและทำรายงานไปช่วยเหลือกัมพูชาสหรัฐฯจึงเป็นตัวหลักช่วยกัมพูชาในเรื่องนี้ กรรมการมรดกโลกหลายคนที่สนับสนุนกัมพูชาเปิดเผยกับผมว่าไม่คิดว่าประเทศไทยจะฟื้นทางการเมืองได้เร็ว จึงไม่สามารถกลับท่าทีได้ทัน” นายปองพลกล่าว

แฉเล่ห์เขมรบิดข้อเท็จจริง

ต่อข้อถามว่า คิดว่าบรรยากาศก่อนเดินทางไปและหลัง จากที่ได้ไปโน้มน้าวกรรมการมรดกโลกที่ควิเบกต่างกันอย่างไร นายปองพลตอบว่า ต่างกัน เพราะตนคิดว่าน่าจะมีโอกาส แต่ไม่ทราบเบื้องลึกจนกระทั่งได้มารับฟังความเห็นจากคณะกรรมการต่างๆ ซึ่งอิคอมโมสเข้าใจและรับฟังความเห็นของไทย แต่ทางกัมพูชาได้เชิญคณะกรรมการมรดกโลกทั้งหมดไปชมปราสาทพระวิหารมาแล้ว โดยเดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์ คณะกรรมการเหล่านี้จึง ไม่ทราบว่าทางขึ้นหลักอยู่ทางฝั่งไทย อีกทั้งกัมพูชาได้ จ้างบริษัทต่างชาติ เช่น อเมริกัน อินเดีย ฝรั่งเศสให้ทำการศึกษา และมีการบิดเบือนข้อเท็จจริงบ้าง ทำให้ไทยเสียเปรียบ
http://www.thairath.co.th/news.php?section=politics&content=96257


โดยข้อเท็จจริงแล้ว ปองพล จะทำอะไรได้มั่ง เพราะมันของๆ เขมร ยื่นท้วงหรือล็อบบี้ชาติสมาชิก
มันก็ไม่มีผลอะไรซักนิด เพราะเขมรมันเก่ง อย่าหาคนเป็นเหยื่อให้โทษส่งเดชดีกว่าน่า
บันทึกการเข้า
H-edge
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 94


« ตอบ #15 เมื่อ: 08-07-2008, 11:36 »

การที่ คคก. มรดกโลก ยื่นข้อเสนอให้ไทยยื่นขอขึ้นทะเบียนมรดกโลก ในส่วนที่เป็นสระตาว บันได สถูปคู่ และผามออีแดง
รวมถึง บรรดาอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร เขาพนมดงรัก และอื่นๆ (ซึ่งไม่รู้ว่าจะยื่นไปจะได้รับพิจารณาหรือป่าว)  แลกกลับการปลอบใจเรื่อง
ขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหาร พี่น้องชาวเสรีไทยเว็บบอร์ด คิดเห็นเป็นอย่างไร


โดยส่วนตัวคิดว่า
ประเทศก็ของพวกกู แผ่นดินก็ของพวกกู วัฒนธรรมรากเหง้าก็ของพวกกู  แล้วมึง(คคก. มรดกโลก)เป็นใคร มายื่นมือบอกว่า คนนั้นมีสิทธิดูแลอันนั้น คนนี้มีสิทธิดูแลอันนี้ ถึงมันจะไม่ใช่เส้นเขตแดน แต่มันก็เป็นข้อพิพาทอันเกี่ยวเนี่ยงไปถึงเส้นเขตแดน ถ้าปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกยังไม่ได้ ฟ้าถล่มดินจะทลายทับบ้านมันหรืออย่างไร  
บันทึกการเข้า
55555
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,263



« ตอบ #16 เมื่อ: 08-07-2008, 11:39 »

     ยังไปงมเรื่องเซ็นอยู่อีก  กัมพูชาไม่ได้เอาแถลงการร่วมไปแนบยื่น
ดังนั้น คุณนพดลจะเซ็น หรือ ไม่เซ็น ก็ไม่สามารถยับยั้งการจดทะเบียนได้
ถึงแม้ คุณนพดลจะอยากขายชาติขนาดไหน เขาก็ไม่สนใจ นาทีนี้เขาไม่ง้อแถลงการร่วมแล้ว
 
      เค้าแนบ แผนที่ตามมติครม. 2505 กับ คำตัดสินศาลโลก
งานนี้ คุณนพดลก็เกี่ยวข้องเหลือกรณีเดียว ที่ ดันไปเจรจาให้เค้า
เปลี่ยนแผนที่ ให้
เหลือแต่ตัวปราสาท แทนที่จะรวมที่ทับซ้อนแบบเดิม


 ( เลิกพูดกันได้แล้ว ที่ จะขอเลื่อน ,จะขอจดร่วม ,หรือว่าถ้าไทยไม่สนับสนุนหรือคัดค้านแล้วกัมพูชาจะจดไม่ได้ 
 มันไม่เคย เป็นความจริงเลย  ยอมรับกันได้แล้ว )

 


ตกลงไม่เกี่ยว กับเรื่องรัฐประหาร ที่ ปองพลกล่าวหาแล้วใช่มั๊ยครับ.....

อ้างถึง
พล.อ.วัธนชัย ฉายเหมือนวงศ์ อดีตที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง สมัยรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า สมัยนั้นมีการ สนับสนุนกัมพูชาเพื่อขึ้นทะเบียนปราสาทเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกจริง แต่เป็นการยินยอมที่จะขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกร่วมกันเท่านั้น เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องเหมาะสมหากมีการขึ้นทะเบียนร่วมกัน แต่ภายหลังประเทศกัมพูชาได้ไปเสนอขอขึ้นทะเบียนแต่เพียงฝ่ายเดียว ซึ่งรัฐบาลสมัยนั้นได้ทำเรื่องประท้วงและคัดค้านการกระทำของกัมพูชา ทำให้ทางยูเนสโกให้ทั้งไทยและกัมพูชามาตกลงกัน จนล่าสุดนายนพดลได้ไปเซ็นลงนามร่วมกับกัมพูชาในที่สุด

"นายนพดลทำผิดหลายข้อ ถือว่าไม่รอบคอบ รีบร้อนที่จะเซ็นเพื่อผลประโยชน์ ความจริงควรจะพูดกันมากกว่านี้ ตกลงในรายละเอียดให้แน่ชัดจึงจะเซ็นร่วมกันได้ คิดว่านายนพดลรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เข้าใจผิดคิดว่าเป็นการเซ็นเพื่อสนับสนุนการขึ้นทะเบียนมรดกโลกเท่านั้น ไม่ได้เป็นการยินยอมให้ขึ้นทะเบียนแต่เพียงฝ่ายเดียว แต่การเซ็นสัญญาร่วมกันระหว่างประเทศครั้งนี้ ถือเป็นสนธิสัญญา ซึ่งต้องผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา แต่นายนพดลไปร่วมลงนามก่อนที่รัฐสภาจะรับทราบ จึงเข้าข่ายผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 190" อดีตที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีกล่าว และว่า ความจริงเป็นสิทธิของไทยที่จะไม่ยอมให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารแต่เพียงฝ่ายเดียว เพราะตามหลักกฎเกณฑ์ในการขึ้นทะเบียนโบราณวัตถุเป็นมรดกโลกจะต้องได้รับความเห็นร่วมกันของทั้ง 2 ประเทศ และขึ้นอยู่กับข้อตกลงของทั้ง 2 ประเทศ แต่เมื่อนายนพดลเซ็นลงนามร่วมไปแล้วคงแก้ไม่ได้ และขณะนี้ถือว่าทางกัมพูชาได้เปรียบ ไทยต้องรีบนำคำสั่งของศาลปกครองไปชี้แจงยูเนสโก



ผมสมเพช พวกมักง่าย มองเรื่องประโยชน์เฉพาะ ปากท้องจริง ๆ .....

ถ้าไม่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก คนไทย จะอดตายกันหรือไงครับ....

ประโยชน์ ที่ได้ ก็พวกเขมร ที่ไปหากินบนที่ทับซ้อนนั่นไง......

ถ้าไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนทำไม ต้องทำปิด ๆ บัง ๆ .....

มันมีอะไรนักเหรอ ถึงได้ เสร่อ ไปนั่งทีวี แถลงข่าวร่วมกับเค้า....

เรื่องมันตัดสินกันตั้งแต่วันที่ไปลงนาม กับ แถลงการร่วมกันแล้ว...

หัดใช้สมองคิดกันบ้าง.....
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-07-2008, 11:52 โดย 55555 » บันทึกการเข้า
55555
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,263



« ตอบ #17 เมื่อ: 08-07-2008, 11:41 »

การที่ คคก. มรดกโลก ยื่นข้อเสนอให้ไทยยื่นขอขึ้นทะเบียนมรดกโลก ในส่วนที่เป็นสระตาว บันได สถูปคู่ และผามออีแดง
รวมถึง บรรดาอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร เขาพนมดงรัก และอื่นๆ (ซึ่งไม่รู้ว่าจะยื่นไปจะได้รับพิจารณาหรือป่าว)  แลกกลับการปลอบใจเรื่อง
ขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหาร พี่น้องชาวเสรีไทยเว็บบอร์ด คิดเห็นเป็นอย่างไร


โดยส่วนตัวคิดว่า
ประเทศก็ของพวกกู แผ่นดินก็ของพวกกู วัฒนธรรมรากเหง้าก็ของพวกกู  แล้วมึง(คคก. มรดกโลก)เป็นใคร มายื่นมือบอกว่า คนนั้นมีสิทธิดูแลอันนั้น คนนี้มีสิทธิดูแลอันนี้ ถึงมันจะไม่ใช่เส้นเขตแดน แต่มันก็เป็นข้อพิพาทอันเกี่ยวเนี่ยงไปถึงเส้นเขตแดน ถ้าปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกยังไม่ได้ ฟ้าถล่มดินจะทลายทับบ้านมันหรืออย่างไร  

ไม่มีอะไรหรอกครับ....มันเป็นการเจรจาแลกเปลี่ยน.....นพดล กับ ปองพล...ไปนั่งอ้าปากหวออยู่ในที่ประชุมอย่างเดียว...


บันทึกการเข้า
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #18 เมื่อ: 08-07-2008, 11:48 »

การที่ คคก. มรดกโลก ยื่นข้อเสนอให้ไทยยื่นขอขึ้นทะเบียนมรดกโลก ในส่วนที่เป็นสระตาว บันได สถูปคู่ และผามออีแดง
รวมถึง บรรดาอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร เขาพนมดงรัก และอื่นๆ (ซึ่งไม่รู้ว่าจะยื่นไปจะได้รับพิจารณาหรือป่าว)  แลกกลับการปลอบใจเรื่อง
ขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหาร พี่น้องชาวเสรีไทยเว็บบอร์ด คิดเห็นเป็นอย่างไร


โดยส่วนตัวคิดว่า
ประเทศก็ของพวกกู แผ่นดินก็ของพวกกู วัฒนธรรมรากเหง้าก็ของพวกกู  แล้วมึง(คคก. มรดกโลก)เป็นใคร มายื่นมือบอกว่า คนนั้นมีสิทธิดูแลอันนั้น คนนี้มีสิทธิดูแลอันนี้ ถึงมันจะไม่ใช่เส้นเขตแดน แต่มันก็เป็นข้อพิพาทอันเกี่ยวเนี่ยงไปถึงเส้นเขตแดน ถ้าปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกยังไม่ได้ ฟ้าถล่มดินจะทลายทับบ้านมันหรืออย่างไร  

ผมคิดว่าเราอาจถูกเขมรยื่นคัดค้านการขอขึ้นทะเบียน เพราะน่าจะไปตกกรณี
ต้องให้ประเทศเพื่อนบ้านรับรอง เหมือนกับกรณีปราสาทพระวิหาร

โดยที่ตอนนี้ไทยไม่มีอำนาจต่อรองอะไรแล้ว เพราะไปเซ็นรับรองให้เขมร
โดยไม่มีเงื่อนไขที่เป็นผลประโยชน์ฝ่ายไทยแลกเปลี่ยนเลย

เรื่อง คคก.มรดกโลกก็คล้ายกรณีศาลโลก เป็นฝ่ายลูกพี่เก่าเขมรทั้งนั้น 
บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
แอ่นแอ๊น
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,591


"Angela Gheorghiu" My goddess


เว็บไซต์
« ตอบ #19 เมื่อ: 08-07-2008, 12:28 »

ไม่จดร่วมก็เสียอยู่แล้วค่ะ เพราะพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรของเรา (ย้ำ ของเรา) แต่กลับต้องมีคณะกรรมการร่วม 7 ประเทศมาร่วมดูแล แน่ใจเหรือว่านี่แปลว่าไม่เสียอะไร 
บันทึกการเข้า

       

"เมื่อเจตนาเบี่ยงเบนไปจากความจริง การนำเสนอข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง บางทีก็เป็นเพียงภาษาสุภาพสำหรับการพูดเท็จนั่นเอง" : วิถีแห่งปราชญ์ พิมพ์ครั้งที่ ๗ หน้า ๒๐๖
ริวเซย์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4,637


Worrior in The Blue Armor


เว็บไซต์
« ตอบ #20 เมื่อ: 08-07-2008, 12:33 »

ต่างชาติทำไมไม่เข้าข้างไทยบ้างเลย

ทั้งที่เราก็เป็นมิตรที่ดีมาตลอด

 
บันทึกการเข้า

ถ้ามีแฟนแบบนี้เอาไหมครับ^^


personal jesus
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 632



« ตอบ #21 เมื่อ: 08-07-2008, 12:36 »




เห็นด้วยว่า ไอ้ ปองพล อดิเรกสาร
มันเป็นจิ้งจกเปลี่ยนสี ไอ้บัดซบ อีกตัวหนึ่ง
ต่อกรณี ปราสาทพระวิหาร
      
บันทึกการเข้า

หน้า: [1]
    กระโดดไป: