ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
25-04-2024, 19:15
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  ทำไมการควานหา'ซาร์เศรษฐกิจ'คนใหม่จึงยากเย็นแสนเข็ญนัก 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
ทำไมการควานหา'ซาร์เศรษฐกิจ'คนใหม่จึงยากเย็นแสนเข็ญนัก  (อ่าน 1470 ครั้ง)
55555
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,263



« เมื่อ: 06-07-2008, 12:34 »

ชื่อ ดร.วีรพงษ์ "โกร่ง" รามางกูร คุณทนง พิทยะ และดร.โอฬาร ไชยประวัติ โผล่มาอีกแล้ว...ในฐานะที่เป็น "ตัวเลือก" ของพรรคร่วมรัฐบาล ที่จะมาเป็น "หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ" ของคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ หากนายกฯ สมัคร สุนทรเวช ตัดสินใจปรับรัฐบาลครั้งใหญ่ในอนาคตอันใกล้นี้

กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์ : พอได้ยินชื่อสามท่านนี้ ก็เกิดคำถามในใจของผมทุกครั้ง ว่า เมืองไทยมี "ตัวเลือก" ด้านเศรษฐกิจอยู่ไม่กี่คนเท่านี้จริงๆ หรือ

หรือเป็นเพราะนักการเมืองไทยนั้น ตอนตั้งพรรคการเมืองและหาเสียงเลือกตั้งเพื่ออาสามารับใช้ประเทศชาตินั้น ไม่เคยสามารถชักชวนคนดีคนเก่งหรือสร้างคนเก่งๆ ทางด้านเศรษฐกิจรุ่นใหม่มาเป็นทีมงานของตัวเองเลย

วิธีการของนักเลือกตั้ง ก็คือ การ "ล่าเมืองขึ้น" ให้ได้เสียก่อนแล้วค่อย "เซ้ง" คนไม่กี่คนที่คนไทยรู้จักมักคุ้นเรื่องเศรษฐกิจมาในตำแหน่งที่ต้องการความเชี่ยวชาญจริงๆ มาทำหน้าที่ เพื่อความอยู่รอดทางการเมืองของตนเอง

พรรคการเมืองที่เก่งในการชนะเลือกตั้ง แต่ไม่มีความสามารถในการหาคนที่มีคุณภาพมาทำงานเพื่อประชาชนทางด้านบริหารนั้น ย่อมถือว่าเป็นเพียงแค่ก๊วนหาเสียงเลือกตั้งเท่านั้นเอง ไม่อาจจะเรียกตัวเอง ว่า เป็นผู้ทำงานเพื่อประเทศชาติได้

ถ้าหากพรรคร่วมรัฐบาลจำเป็นต้องหา "คนนอก" ที่เป็นชื่อเก่าๆ ไม่กี่คนที่เป็นหน้าเดิมๆ มาเป็นรัฐมนตรีกระทรวงที่ต้องอาศัยความสามารถจริงๆ ก็ย่อมหมายความว่าไร้ความสามารถที่จะปกครองบ้านเมืองได้

ดังนั้น คำมั่นสัญญาในช่วงหาเสียงว่าจะสร้างชาติสร้างบ้านเมือง และทำงานเพื่อปากท้องของประชาชน ก็เป็นเพียงกลเม็ดการหาเสียงเท่านั้น ไม่ได้เป็นนโยบายพรรคการเมืองที่เอามาทำให้เกิดได้จริงในทางปฏิบัติได้เลย

นักเลือกตั้งก็ยึดเอากระทรวงเกรดเอเป็นที่ "ทำมาหากิน" ให้ได้มาเป็นของตนเอง และพอเป็นงานสำคัญต่อเศรษฐกิจจริงๆ กลับต้องหันไปหาคนนอกมารับหน้าที่แทนตน

ดร.โกร่ง คุณทนง หรือดร.โอฬาร จะเก่งกล้าสามารถหรือไม่พอที่จะมารับหน้าที่เป็น "ซาร์เศรษฐกิจ" ได้หรือไม่ในภาวะที่ประเทศชาติต้องเผชิญกับปัญหาเศรษฐกิจหนักหน่วงและการเมืองหวั่นไหวอย่างนี้ เป็นเรื่องที่ต้องพิสูจน์ หากหนึ่งในสองหรือทั้งสองคนพร้อมจะรับตำแหน่ง

แต่หากข่าวนี้เป็นจริง ก็เท่ากับว่า "ทีมเศรษฐกิจ" ของพรรครัฐบาลปัจจุบันล้มเหลว และไม่อาจจะทำตามคำสัญญาหรือความคาดหวังของประชาชนได้แล้ว

ถือเป็นความล้มเหลวของพรรคการเมืองที่อ้างว่าเป็นที่นิยมชมชอบของประชาชน เพราะได้เสียงข้างมากในสภา...แต่เอาเข้าจริงๆ ก็ไม่มีคนในสังกัดที่สามารถทำหน้าที่ที่ถือว่าสำคัญที่สุดของการอาสามาปกครองบ้านเมือง

ไม่ว่าจะเก่งเพียงใด ดร.โกร่ง คุณทนง หรือดร.โอฬาร หรืออีกหลายคนที่ชื่อคุ้นๆ ในฐานะ "ซาร์เศรษฐกิจยาสามัญประจำบ้าน" ก็ไม่อาจจะทำหน้าที่เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล ที่มีภาพเป็น "นอมินี" และไร้ประสิทธิภาพในการบริหารกระทรวงอื่นๆ ที่ยังมีรัฐมนตรี "ขี้เหร่" เพราะต้องแบ่งสันปันโควตาตำแหน่งรัฐมนตรีในระหว่างกลุ่มการเมืองต่างๆ มากกว่าการคัดสรรตามความสามารถอย่างแท้จริง หากเริ่มมองหา "ซาร์เศรษฐกิจ" จากข้างนอก แปลว่า รองนายกฯ เศรษฐกิจสองคนวันนี้ คือ คุณหมอสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี และ คุณมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ไม่อาจจะทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย หรือที่ได้ตั้งความหวังไว้อย่างนั้นหรือ

ใครที่จะรับมาเป็น "ซาร์เศรษฐกิจ" คนใหม่ ต้องถามให้เกิดความแน่ใจก่อน ว่า รายงานต่อนายกฯ ที่ชื่อสมัคร สุนทรเวช หรืออดีตนายกฯ ที่ชื่อทักษิณ ชินวัตร

แค่คำถามแรกนี้ ก็ทำให้คนเก่งคนดีหลายคนต้องไม่ยอมรับโทรศัพท์จากคนสำคัญๆ ในรัฐบาลนี้แล้ว


กาแฟดำ


http://www.bangkokbiznews.com/2008/07/04/news_272920.php

ไม่ใช่ เพราะ ประเทศไทย ไม่มีคนเก่ง ๆ ดี ๆ มาบริหารเศรษฐกิจหรอก..
แต่เพราะว่า คนที่ เก่ง ๆ ดี ๆ เค้ารังเกียจ ไม่อยากร่วมกับรัฐบาลปวกเปียก
การทำงานเพื่อให้สมประโยชน์กับนักการเมืองชั่ว ๆ ที่ เอาแต่ได้
มันย่อมบริหารจัดการยาก แล้ว ทำให้บ้านเมืองล่มจม เสื่อมเสียเชื่อเสียงของตัวเอง....

ส่วน ดร.โกร่ง กํบ ดร.โอฬาร ถ้า เอายังมาอีก ก็ถือเป็นความซวยของบ้านเมืองนี้..
ดร. โอฬาร ก็ยังมีข่าว แว่ว ๆ ว่าจะ เข้าไปนั่งในแบ็งค์ชาติ หลังจาก ที่ เตะผู้ว่าแบงค์ชาติคนปัจจุบัน..
ทีนี้ ท่านเอ๋ย....มันเน่าทั้งระบบเศรษฐกิจ เลยเชียว....

ตอนนี้ มันจะยิ่งเป็นเป็ดง่อยหนักขึ้นไปอีก  เพราะ คนที่จะสั่ง ปรับ ครม. ก็ไม่เหลือสติปัญญา
พอจะมาคิดหาคนแล้ว....สมอง ต้อง ไปโฟกัส อยู่ที่คดีความที่ตนเองต้องเข้าไปพัวพัน....
ส่วน คนที่ เข้าไปนั่งเป็นหุ่นเชิด วัน ๆ ก็ กุเรื่อง ไป บ่นไป  ทะเลาะกับ สือ รอเวลาไปเรื่อย ๆ...
น่าสงสาร จริงหนอ...ประเทศไทย


 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-07-2008, 12:41 โดย 55555 » บันทึกการเข้า
พรรณชมพู
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,073


« ตอบ #1 เมื่อ: 06-07-2008, 13:14 »

คนเก่งทางเศรษฐกิจของประเทศไทย มีจำนวนมากค่ะ ที่จบการศึกษาทางเศรษฐศาสตร์จากต่าประเทศในสถาบันที่มีชื่อเสียง ก็มีไม่น้อย

แต่คนเก่งแล้วมือสะอาดนั้น อันนี้หายากค่ะ โดยเฉพาะเก่งแล้วมือสะอาดอีกทั้งเสียสละให้บ้านเมือง ในจำนวนคน 63 ล้านคน หาได้สักคนหนึ่งก็ยากเย็นแสนเข็ญ

ตัวอย่างคนหนึ่งที่กล่าวได้ว่า เก่ง ดี มือสะอาด เสียสละ ก็คือ ปู่สมหมาย ขุนคลังที่พาประเทศของเราฝ่าวิกฤติการเงินในยุครัฐบาลป๋าเปรม พาประเทศมั่งคั่ง จนมาบูมในช่วงยุครัฐบาลชาติชาย และในที่สุด คนเก่งและไม่ดีก็มาตีฟองสบู่จนเราเข้าสู่หายนะ

หายากจริงๆค่ะ คนแก่งแล้วดี แต่คนอย่างนั้นก็จะไม่เข้าร่วมรัฐบาลโจรโดยเด็ดขาด ให้สมัครทักษฺณหาให้ตาย ก็ไม่พบแล้วค่ะ 
บันทึกการเข้า
usa
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 102


« ตอบ #2 เมื่อ: 06-07-2008, 13:27 »

ก่อนฟองสบู่แตก เราก็เห็นกันทั้งนั้นว่า ประธาณกรรมการธนาคารต่าง ๆ ก็เป็น ดอกเตอร์กันทั้งนั้น  เราก็คิดว่าพวกเหล่านั้นเก่ง ถึง เก่งมาก 

แต่พอฟองสบู่แตก มีสถาบันการเงินหลายแห่งล้มลง ประธานกรรมการของสถาบันที่ล้มนั้นก็ คือ ดอกเตอร์ทั้งหลายที่เราเคยคิดว่าเก่ง

แล้วทำไมสถาบันเหล่านั้นยังล้มลงได้  หรือว่า เขาเหล่านั้นไม่เก่งจริง

เราลองคิดย้อนไปสมัยนั้นดูซิครับว่า  ช่องว่างระหว่างดอกเบี้ยเงินฝาก กับ ดอกเบี้ยเงินกู้  ต่างกันประมาณ 10 ถึง 12 เปอร์เซ้นต์ ก็ทำให้เราคิดได้ว่า

ไม่จำเป็นต้องเป็น ดอกเตอร์ ก็สามารถบริหารสถาบันการเงินเหล่านั้นได้ ใช่ไหม  แล้วเรายังเชื่ออีกหรือว่า คนที่เป็น ดอกเตอร์ ต้องเป็นคนเก่ง

เสมอไป  (ยุคนั้น ธนาคาร คิดเป็นแต่หาเงินฝากอย่างเดียว เพราะช่องว่างของ ดอกเบี้ยนั้นแหละ จนกระทั่งมีเงื่อนไขว่า ถ้าใครจะฝากเด็กเข้าทำงาน

ในธนาคารต้องมีเงินฝากเป็นจำนวนเท่าใด  พวกเราก็ยังจำกันได้อยู่)
บันทึกการเข้า
พรรณชมพู
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,073


« ตอบ #3 เมื่อ: 06-07-2008, 13:45 »

ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน

คนเรียนเก่งไม่จำเป็นต้องทำงานเก่ง  จบดอกเตอร์ก็เจ๊งมาเยอะแล้ว และจบปอสี่เป็นมหาเศรษฐีก็มีไม่น้อย

บางทีเขาว่า เก่งไม่เท่าเฮง

และในวันนี้ก็มีอีกคำ รวยก็ซวยได้   
บันทึกการเข้า
ริวเซย์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4,637


Worrior in The Blue Armor


เว็บไซต์
« ตอบ #4 เมื่อ: 06-07-2008, 20:55 »

ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน

คนเรียนเก่งไม่จำเป็นต้องทำงานเก่ง  จบดอกเตอร์ก็เจ๊งมาเยอะแล้ว และจบปอสี่เป็นมหาเศรษฐีก็มีไม่น้อย

บางทีเขาว่า เก่งไม่เท่าเฮง

และในวันนี้ก็มีอีกคำ รวยก็ซวยได้   

อย่างเช่นไอ้เหลิมเป็นต้น ใช่ไหมครับ

 
บันทึกการเข้า

ถ้ามีแฟนแบบนี้เอาไหมครับ^^


หน้า: [1]
    กระโดดไป: