เมื่อวานนี้..
นายกสภาทนายความ นายเดชอุดม ไกรฤทธิ์ นำทีมแถลงข่าวในนามสภาทนายความ ยืนยัน..แถลงการณ์ร่วมที่นายนพดลเซ็นร่วมกับผู้แทนกัมพูชา เป็นสนธิสัญญาผูกพันระหว่างสองประเทศไปแล้ว ชี้ผิดบทบัญญัติรธน.มาตรา 190 ชัดเจน พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาล (ครม.ทั้งคณะ) และนายนพดลรับผิดชอบยุ่งล่ะสิ..ทีเนี้ยะ
เพราะแถลงการณ์ของสภาทนายความนี่ไม่ใช่ความคิดเห็นส่วนตัวของนักกฎหมายธรรมดาๆ นะครับ แต่เป็นตัวแทนของทนายทั้งประเทศ
ไม่ใช่พวกฝ่ายค้านที่จ้องปลุกระดม ไม่ใช่นักวิชาการที่รู้น้อยกว่านายสมัคร และไม่ใช่พวกที่จ้องจะล้มรัฐบาลนี้เพราะมีธงปักเอาไว้อย่างนั้น
คำแถลงการณ์ของสภาทนายในครั้งนี้จงใจออกมาก่อนที่จะทราบผลการประชุมเรื่องปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกที่ควิเบก ประเทศแคนาดา ซึ่งผลคงจะออกมาในวันพรุ่งนี้แล้ว
และคำแถลงการณ์ครั้งนี้ก็ส่งผลต่อคำพิพากษาของศาลรธน.ในประเด็นที่สว.สรรหายื่นเอาไว้ก่อนหน้าว่า กรณีไปเซ็นเอกสารในแถลงการณ์ร่วมนั้นขัดกับมาตรา 190 หรือไม่ด้วย
ศาลรธน.จะตัดสินเป็นอื่นได้หรือครับ? ในเมื่อนักกฎหมายเกือบทั้งประเทศเห็นเช่นนั้น ถ้าตัดสินออกมาอีกอย่าง สภาทนายความก็กลายเป็นสภาโจ๊ก เละน่ะสิครับเพราะเชื่อถือไม่ได้ ตีความกฎหมายไม่แตก
อนาถใจแท้ๆ ..สมัครเป็นนักกฎหมายเก่าแก่.. นพดลเป็นนักเรียนทุนที่จบกฎหมายเป็นทนายความอาชีพ(พาร์ทไทม์) และ เฉลิม เป็นนักกฎหมายดุษฎีบัณฑิตที่รู้ไปหมด
ยกเว้นไม่รู้ไอ้ปื๊ดไปหลบอยู่ที่ไหน ต่างพาเหรดกันออกมารับประกันก่อนหน้านี้ว่า การที่นพดลเซ็นไปนั้นไม่เกิดความเสียหายใดๆ ต่ออธิปไตยและแผ่นดินของไทย ที่เป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โตเพราะฝ่ายค้านปลุกระดมมวลชน พันธมิตรแก๊งข้างถนนจ้องล้ม และนสพ.ปั่นกระแส
(ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง แล้วครม.สั่งถอนมติของตัวเองทำไม?
)
ตอนนี้เหลือทางลงให้รัฐบาล คือ ..จำเป็นต้องปรับครม.โดยเร็ว โดยต้องปรับตัวนายกรัฐมนตรีด้วย เพราะบริหารงานผิดพลาดอย่างร้ายแรงทำให้ประเทศชาติเสียหาย กลายเป็นขี้ปากให้ชาวโลกติฉินนินทาให้ได้อาย
แต่นายกปรับนายกออกไป ก็หมายความว่า..
รัฐบาลก็ต้องไปทั้งคณะนั่นเองและจำเป็นต้องไปก่อนที่ศาลรธน.จะมีคำตัดสินด้วย!!!
(เพราะอะไรหรือ..ก็เพราะหากศาลมีคำพิพากษาว่าขัดรธน. ฝ่ายค้านและสว.สามารถเข้าชื่อยื่นถอดถอนครม.ทั้งคณะน่ะสิ)