ไอ้เหล่ซ่า-ไม่ซ่าจริงซะแล้ว
ดิ้นพราด ๆ กลับลำ กลืนน้ำลาย พลิกลิ้นระรัว (กลัวตกเก้าอี้)
รีบเรียก ผู้อำนวยการยูเนสโก ประจำประเทศไทย เข้าพบ
ขอร้อง (บังคับ?) ให้เปลี่ยนคำชี้แจง เรื่องเขาพระวิหาร
แบบ พลิกหน้ามือเป็นหลังมือ
ตามข่าว"การเมือง "บีบ" ?-ยูเนสโก-กลับลำ" http://www.oknation.net/blog/darknews/2008/07/03/entry-1 ก่อน...จะประชุมเพื่อเคาะเป็นครั้งสุดท้ายว่า กัมพูชาจะได้ขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก แต่เพียงผู้เดียวหรือไม่ที่เมืองควิเบก ประเทศแคนาดา ในวันที่ 5 ก.ค.นี้
ความเคลื่อนไหวทวงสิทธิของฝ่ายไทย ก็ดูจะถูกปลุกให้เร่าร้อน รุนแรงและเข้มข้นขึ้นเป็นลำดับ
หลังจากที่ ยูเนสโกกรุงเทพ ร่อนจดหมายถึง 350 ชาวไทย นำโดยวุฒิสมาชิก( ส.ว. ) ที่ได้ยื่นเรื่องขอชะลอการจดทะเบียนออกไปเพื่อให้ไทยมีเวลา หายใจ-หายคอ ทำเรื่องขอแจมเป็นเจ้าของมรดกโลกด้วยอีกคน
แต่ทางยูเนสโก บอกว่า ฉันไม่สนใจหรอกว่า ประเทศของคุณจะคัดค้านกันมากมายเพียงใด
เพราะ "รัฐมนตรีต่างประเทศ "ของคุณ ได้ไปลงนามกับรัฐบาลเขมรเรียบร้อยแล้วตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา
และ "ฉัน" ก็จะยึดเรื่องนี้เป็นหลัก และทาง "ฉัน" ก็ได้เอาหลักฐานนี้ยัดใส่แฟ้ม ใส่พานให้คณะกรรมการมรดกโลกตัดสินใจเรียบร้อยแล้ว
ซึ่งข้อชี้แจงยูเนสโกดังกล่าว แสดงนัยยะว่า คนไทยหมดหนทางที่จะทวงคืนสิทธิในการขอ "จดทะเบียนร่วม "แล้ว เพราะรัฐบาลไทยได้ตัดสินใจแทนไปแล้วตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค.
นั่นทำให้ นพดล ตกเป็นเป้าสำคัญทันที
และเป็นการตอกย้ำความ พิรุธ ความเร่งรีบ ทำทุกสิ่งทุกอย่าง เพื่อที่จะประเคนเขาพระวิหารให้เขมรมาตั้งแต่ต้น
ตามมาด้วยคำถามที่ประดังเข้ามาจากทุกทิศทางว่า รมว.ต่างประเทศ ใช้อำนาจอะไรไปลงนามในเรื่องที่ผลผูกมัดกับประเทศไทย โดยที่ยังไม่ผ่านที่ประชุมคณะรัฐมนตรีหรือรัฐสภาได้อย่างไร
เป็นการใช้อำนาจโดยมิชอบหรือไม่ ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ มีสิทธิถูกถอดจากตำแหน่งและถูกดำเนินคดีอาญาแผ่นดินหรือไม่
ซึ่ง"ข้อหา"เหล่านี้ ล้วนส่งผลต่อชะตากรรมของเขา บนเก้าอี้รัฐมนตรีแทบทั้งสิ้น
เพราะหากมันเป็นไปตามจดหมายที่ยูเนสโก ชี้ นพดล จะต้องถูกเอาคอขึ้นไปพาดบนเขียงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
และนั่นเป็นที่มาของอาการดิ้นพล่านเพื่อ ยื้อ สถานการณ์ต่อสู้พลิกเกม
เพราะทันที ที่ข่าวนี้ถูกเปิดเผยสู่สาธารณชน
นพดล ได้เรียก เชลดอน เชฟเฟอร์ ผ.อ.ยูเนสโก กรุงเทพ เข้าพบทันที
จากนั้น เชฟเฟอร์ ก็ออกมาให้ข่าวว่า ที่ยูเนสโกอ้างข้อตกลงเมื่อ 22 พ.ค.นั้น "ผิดพลาด"
ที่จริงแล้ว ยูเนสโกยึดถือคำแถลงการณ์ร่วมไทย-เขมร ในวันที่ 18 มิ.ย.2551ซึ่งผ่านมติ ครม.มาแล้วต่างหาก
"การล็อคคอ" ผ.อ.ยูเนสโก กรุงเทพ แบบกระทันหัน จนเป็นที่มาของการเปลี่ยนจุดยืนเพียงข้ามคืนนั้น
เกิดขึ้นท่ามกลางกระแสข่าวหนาหูว่า มีการใช้อำนาจรัฐไทยบีบองค์กรแห่งนี้หรือไม่ ?
ซึ่งหากฟังจากฟาก ส.ว.กลุ่มที่เคลื่อนไหวเรื่องนี้ วิเคราะห์ไว้อย่างน่าสนใจยิ่งว่า การออกจดหมายขององค์กรระดับนี้ โดยมีชื่อคนระดับ"ผู้อำนวยการ" ลงนาม ไม่น่าจะมีความผิดพลาดใหญ่โตขนาดนี้
แต่คงเป็นเพราะยูเนสโกไม่ต้องการจะมีเรื่องกับรัฐบาลไทย จึงต้องยอมปรับเปลี่ยนบางถ้อยคำเพื่อไม่ให้มีปัญหา
เรื่องนี้ วิมลพรรณ ปิตธวัชชัย ที่ปรึกษาสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ที่ร่วมเรียกร้องให้ยูเนสโกชะลอการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก วิเคราะห์ว่า น่าสงสัยว่างานนี้ยูเนสโกทำจดหมายผิดพลาดจริงหรือมีแรงบีบทางการเมือง ทำให้ยูเนสโกต้องออกมารับผิดแทน
เพราะทันทีที่จดหมายยูเนสโกออกมาปรากฎเป็นข่าว "นพดล" ก็ร้อนตัวออกมาแถลงข่าวว่า อาจจะมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน จึงเรียก ผ.อ.ยูเนสโก กรุงเทพ มาพบ แล้ว ผ.อ.ยูเนสโก ก็ออกมาบอกว่า มันคลาดเคลื่อนจริงๆ กระบวนการเหล่านี้หมายความว่าอย่างไร
ถ้าคนระดับ ผ.อ.ยูเนสโก กรุงเทพ ซึ่งดำรงตำแหน่ง ผ.อ.ยูเนสโกภาคพื้นเอเชีย ทำสะเพร่าขนาดนี้ ก็ควรลาออกจากตำแหน่ง คุณออกจดหมายผิดพลาดถึงวุฒิสมาชิกประเทศไทย ทำให้เกิดความสับสนให้คนในสังคมไทย คุณจะอยู่ในตำแหน่งได้อย่างไร
เนื่องจากยิ่งใกล้วันตัดสินมรดกโลกเท่าไหร่ กรณี ปราสาทพระวิหาร ก็มีแต่จะลุกลามบานปลาย ความไม่ไว้วางใจรัฐบาลลามไปถึงความเคลือบแคลงในท่าทีของยูเนสโก และเลยเถิดไปถึงกลุ่มประเทศมหาอำนาจทั้งหลายที่ให้การสนับสนุนยูเนสโกอยู่เบื้องหลัง
เป็นข้อครหาเกี่ยวกับผลประโยชน์ก้อนโตของบรรษัทข้ามชาติ ทั้งธุรกิจท่องเที่ยว พลังงาน เมกะโปรเจ็ค ที่จ้องจะเข้าไปจัดสรรกันในดินแดนที่เป็นมรดกโลก
และถูกถามกันหนาหูมากขึ้นว่า ปัจจัยเหล่านี้จะมีอิทธิพลต่อการขึ้นทะเบียนมรดกโลกเที่ยวนี้หรือไม่
แต่เค้กก้อนโต ที่รอสับแบ่งกันในอนาคต ยังไม่น่าหวั่นใจเท่าชะตากรรมของ นพดล
เพราะหากที่ประชุมควิเบก ทุบโต๊ะเปรี้ยงให้เขมร ได้ขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกฝ่ายเดียวสำเร็จ
ถึงเวลานั้นอย่าคิดไปไกลว่านพดล จะมีที่อยู่ที่ยืนในการเมืองไทยหรือไม่
" เอาแค่พาตัวกลับเข้าประเทศอย่างปลอดภัยให้ได้ ..ก็บุญโขแล้ว "
มันก็ไม่ได้ต่างอะไรกับ จักรพวย เล้ยยยย
พอจวนตัว จะเป็นจะตาย ก็ตะแบงแก้ตัว ไปน้ำขุ่น ๆ
หวังจะให้ตัวเองรอด
แต่ให้ดูตัวอย่าง จาก จักรพวย ว่าก็ไม่รอดเหมือนกัน
จะเอาอย่างนั้นเร้อออออ
นึกว่าจะแน่สักแค่ไหน
ที่แท้ก็ ขี้ขลาดตาขาว รักตัวกลัวตกเก้าอี้
บักโชติศักดิ์ นักไม่เคารพเพลง
ยังเจ๋งกว่าซะอีก