การเมืองใหม่..ในความ
เห็นต่าง..หยิบมาวางจากแมเนเจอร์
http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9510000078442ความเห็นที่82
เห็นด้วย เรี่องระบบการเมืองใหม่
ให้คำจำกัดความว่า
1.ระบบเก่า คือ การเลือกตั้งแบบเก่า คือ ระบบการเลือกตั้งที่ใช้ในปัจจุบัน
2.ระบบใหม่ คือ ระบบที่กำลังเสนอ วิธีการจัดการเลือกตั้งแบบเลือกผู้นำใหม่ในอุดมการณ์ของประชาชน
เป็นเส้าทางใหม่ของประชาชนใช้วิธีการที่เลือกตั้ง
เหตุผล มีดังนี้
--ระบบเก่าได้ใช้มานาน ได้สร้างทายาทความชั่วร้าย สร้างส่วนประกอบไม่ดีต่อทางสังคม ทำลายระบบบุคลากรที่ดีทุกระดับลงไปเรื่อย
และทำลายความดีงามของมวลมนุษยชาติที่ควรดำรงสืบทอดไปในอนาคตของการดำรงเผ่าพันธ์ ใช้เวลาที่ประชาชนมอบให้ไปในการทำงาน
เพื่อเป้าหมายตนเอง มากกว่านำไปใช้เพื่อประโยชน์ให้กับสังคมส่วนรวม จึงทำให้สูญเสียเวลา และทรัพยากรด้านต่างๆ จำนวนมาก
เหตุที่เกิดขึ้นจึงไม่ได้เป็นที่ระบบ แต่เป็นเพราะระบบยังไม่ดีพอที่จะยับยั้งกลุ่มบุคคลเหล่านี้ นับวันก็มากขึ้นเรื่อย เพราะบุคคลบางคนก็
ต้องยอมจำนนกับเขา ถึงแม้ว่าระบบจะปรับตัว เพื่อต่อต้านและทำลาย โดยสร้างองค์กรตรวจสอบ หลายชนิดขึ้นมา ก็หารอดพ้นเป็นเครื่องมือ
และกลับไปส่งเสริมให้กลุ่มความชั่วได้แข็งแรงขึ้น ดังนั้น การลงทุนเดินหน้าในระบบเก่านี้ จึงไม่สมควร เพราะมีต้นทุนสูง ใช้องค์กรและ
บุคลากรมากเกิน สิ้นเปลืองเวลา และทรัพยากร อีกทั้งเชื่องช้าในการทำงาน ไม่สามารถตอบสนองในการหยุดยั้ง หรือทำลาย ผู้นำที่อ้างตัวเองว่า
ถูกต้องได้ทันท่วงที และเป็นมูลเหตุทำให้ประชาชนขาดความเชื่อถือ ระบบเลือกตั้งแบบเก่านี้ ยังทำให้เราหลอกตัวเองว่าดี เราไม่เคยแน่ใจ
เลยว่าบุคคลที่นำมาเสนอให้เราเลือก โดยเฉพาะพรรคการเมือง เราได้มอบความไว้วางใจให้เขา มีหน้าที่เลือก คัด และนำเสนอสิ่งที่ดีให้กับเรา
ก็ไม่ได้นำเสนอสิ่งที่เป็นความจริง หลอกให้เราเลือกพรรค แต่คนที่ประกอบอยู่ในพรรคละเป็นใครมาจากใหน ไม่มีอุดมการณ์ และไม่มีความจริงใจ
เมื่อเรามอบอำนาจให้ก็ใหญ่ค้ำฟ้า ไม่นำพากลับบอกว่า ข้าได้มาจากการเลือกตั้ง ทั้งที่ทำความผิกมากมาย พรรคก็ยังคงสนับสนุน
น่าเจ็บใจกล้าหลอกลวงประชาชน ถ้าเราจะมาสร้างระบบตรวจสอบอีก ผมว่าไปกันใหญ่แล้ว
จึงเป็นเหตุที่ต้องเปลี่ยนระบบการเลือกตั้งจะดีกว่าจะดีกว่า-ระบบใหม่ เป็นความคิดของประชาชนคนหนึ่ง ที่ขอเสนอร่วมนำเเสนอด้วย ฝากรวมกับกลุ่มพันธ์มิตร เพราะเคยคิดตั้งนานแล้วว่า
น่าจะทำได้ดีกว่าระบบเก่า มากและแน่นอน ประชาชนได้รับเต็มๆ
*** ก่อนเสนอระบบใหม่นี้ขอให้ผู้อ่านทำจิตใจให้ว่างเสียก่อน ไม่มีพวก ไม่คิดว่าตัวเองดีกว่าคนอื่น มีจิตใจดี มีเพื่อนทุกระดับ ตั้งดนดี คนมี
จนถึงคนขาดโอกาส ทุกสภาพสังคม จงจำไว่ว่า มนุษย์มีข้อยกเว้นและเห็นแก่ตัวที่สุด ของบรรดาสรรพสิ่งที่มีชีวิตในโลกและยังดำรงต่อ
ไปอีกนาน ดังนั้น เราต้องอยู่บนโลกใบนี้ร่วมกันจนตาย ต้องไม่ทำร้ายกัน ทุกทาง ควรเห็นใจกัน แน่นอนไม่เกินร้อยปี หนีไม่พ้น เอาอะไรไป
ไม่ได้สักอย่าง เหลือแต่ความทรงจำ ที่ถ่ายทอดกันไป และอีกไม่นานก็ลืมหรือสิ้นไปเป็นรอยอดีตแห่งกาลเวลา***โดยระบบใหม่ ที่นำเสนอนี้
โดยย่อและรวบรัดว่า ในปัจจุบันประชาชนชาวไทยเข้าใจการรวมเป็นกลุ่มๆ และมีความเข้าใจในการใช้หน้าที่และอำนาจ วัตถุประสงค์ เป้าหมาย
และยังเข้าใจในรัฐธรรมนูญ
ข้อเสนอระบบใหม่
1.การเลือกตั้งแบบใหม่ ต้องรับจดทะเบียนกลุ่มอาชีพ ทุกระดับ ประกอบไปด้วยชื่อกลุ่มอาชีพ ที่จัดตั้งมา เหมือนพรรคการเมือง แบบกลุ่มอาชีพ
เก่าก็มี เช่น พรรคเกษตร, พรรคชาวนา และอื่น ต้องมีตัวกลางจัดตั้งดูแลข้อคุณสมบัติของกลุ่มอาชีพ
2.กำหนด ว่า 1 พรรคจะได้ 1 ที่นั้ง เป็นตัวแทนของกลุ่ม ที่เลือกมา
3.พรรคหรือกลุ่มอาชีพจะมีจำนวนเท่าไรก็ได้ ขึ้นอยู่กับข้อกำหนดการเป็นกลุ่มอาชีพ แต่จะต้องทำการเลือกล่าวหน้า โดยมีการประชุมสามัญ
เพื่อเลือกพรรคกลุ่มอาชีพ ที่จะส่งตัวแทนไปบริหารบ้านเมือง 480 ที่นั้ง ทุก 2 ปี จะจับ ออก 50% เและเลือกก่อนจับออก 50% เมื่อเลือกแล้ว ก็รอวันจับออก
ในวันสุดท้ายของพรรคที่ได้รับเลือก(ครั้งแรก) ต่อไปอีก 2 ปีที่เหลือ วนอย่างนี้เรื่อยๆ
4.ทุกพรรค ต้องทำตามระเบียบในการคัดเลือก ผู้เข้าดำรงตำแหน่ง เป็นตามระเบียบและกฏหมายเลือกตั้ง
5.บุคคลที่ไม่ได้สังกัดอาชืพ เข้ากลุ่มไม่ได้แจ้ง 1 ได้ 1 ที่นั้ง รวมอยู่ในข้อ 3
6.พรรคหรือกลุ่มอาชืพ ที่ไม่ได้รับการเลือก จะได้รับ 10 ที่นั้ง รวมอยู่ในข้อ 3
7.พรรคหรือกลุ่มอาชืพ จะไม่ทำการรวมเป็นกลุ่มการเมือง เพื่อต่อรองอำนวจ มีบทลงโทษ
8.การเลือกนายก เลือกโดยตรงจากประชาชน ทุก 4 ปี เลือกใหม่ ก่อน 6 เดือน เข้าสู่ตำแหน่งก่อน 2 เดือน ทำงานร่วมกับนายกปัจจุบัน
9.นายกเลือก เป็นผู้ฟอร์มทีมเป็นรัฐบาล มีการเลือกตำแหน่งโดยตัวแทนที่ถูกเลือกเข้าไป
10.การเลือก นายกและตัวแทนกลุ่มอาชีพ ต้องทำการเลือกให้เสร็จก่อน 6 เดือน และเข้ารับตำแหน่งทดลองและเรียนรู้ 2 เดือน
11.กลุ่มอาชีพที่ได้รับเลือก และส่งตัวแทนเข้าไปบริหารบ้านเมือง อาจถูกถอน ตามการลงมติของกลุ่มอาชีพของตน เมื่อบุคคลที่ส่งไป
ไม่มีผลงานและทำผิดกฏหมาย และบทบัญญัติของกลุ่มอาชีพข้อดี
1.ไม่มีฝ่ายค้านเพราะทุกตัวแทน สามารถลงเสียงได้อิสระ อีกทั้งถูกควบคุมคุณภาพโคยกลุ่มอย่างเคร่งคัด
2.ผู้ได ที่คิดจะรวบอำนาจก็ทำอยาก จะซื้อก็ยาก เพราะกลุ่มอาชืพมีมาก
3.การทำงานจะเป็นไปโยอิสระ สร้างสรร ใช้เวลาอย่างคุ้มค่า เพื่อประชาชน
4.ทุกหน้าที่ต้องระมัดระวังในการทำงานเสมอ ว่าทำอะไร ทำเพื่อใคร ทำทำไม ต้องตอบประชาชนได้
5.เป็นการลดต้นทุนของรัฐ แลระบบการจัดการที่เป็นเหตุผล โปร่งใส ตรวจสอบได้ กกต.ก็ทำงานได้ดีขึ้นไม่หรือมีน้อยมลภาวะมารบกวน
6.จะมีผู้มีอิธิพลใหม่ แต่รับรองไม่ใหญ่จนเป็นปัญหา ระบบจะทำการลด และขจัด ด้วยความรวดเร็ว ของแต่ละส่วน
7.ผลประโยขน์ก็จะเกิดแก่ประชาชน ด้วยทุกตัวแทนร่วมกันสร้างสรร ไม่นานประชาชนก็จะอยู่ดีกิน เพราะว่าประชาชนจะเข้า
ร่วมกำหนดความเป็นไป ที่ตนต้องการและถูกรวบรวมจากกลุ่มอาชืพซึ่งมีหน้าที่ต้องเสนอรัฐตามวาระ กำหนดนโยบายได้โดยตรง
8.มีระบบร่วมการประชุมกลุ่มทุกระดับ เพื่อสร้างความเข้าใจ ทำงานร่วมกัน กำหนดเป้าหมายและกำหนดยุทธศาสตร์ร่วมกันเป็นระยะที่กำหนด
9.ใช้เวลาที่ประชาชนมอบให้อย่างคุ้มค่า ไม่ต้องไปคิดทุจริต
10. รัฐจะตอบแทนให้ผู้ทำงาน ผู้ปฎิบัติดี ผู้ที่แสดงผลงานดีและส่งผลต่อประเทศชาติในอนาคต ด้วยคณะกรรมการที่เป็นตัวแทนจากกลุ่มอาชีพ
11.การเคินขบวนก็ลดลง เพราะปัญหาที่เกิดจะถูกแก้อย่างรวดเร็ว เมื่อมีการเรียกร้องโดยตรงยังกลุ่มอาชืพและหน่วยงาน และมีข้อกำหนดควบคุม
12.เป็นการเปิดช่องทางใหม่ให้ประชาชน มีโอกาสในชีวิต ได้มีทางออก ภาวะต่างๆ ก็ลดลง
ข้อเสีย
1.ต้องเริ่มการเปลี่ยนแปลง ซึ่งจะต้องใช้เวลา และต้องการความรวดเร็ว
2.ระบบเก่าได้ขยายตัว และลงลึก ต้องใช้เวลา และมีบุคคลที่เอาตัวรอด มีมลทินและอยู่ในอำนาจ เป็นปัญหา ต้องคัดออก ถ้ามีข้อมูลที่เป็นธรรม
3.ต้องการระบบยุติธรรม ที่ทำงาน เพื่อช่วยลดทอนอำนาจที่ไม่ถูกต้อง อย่างจริงจังและรวดเร็ว
4.บางระบบไม่ ต้องสร้างขึ้น จะสร้วงอย่างไร
5.ยังมีอุปสรรคอีกมาก ต้องมีประชาชนช่วยจึงจะสำเร็จ
6.จะมีผู้ไม่พอใจ หรือผู้เสียผลประโยขน์ขัดขวาง และสร้างความสับสนรักเธอประเทศไทย
id194300@yahoo.com